ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 564 ถ้าหาก
ฉางซื่อออกเรือน เชิญนางมาช่วยงาน ฮูหยินเผิงเฉิงที่กําลังเต็มตื้นไปด้วยความยินดี ไหน
เลยจะสังเกตเห็นสีหน้าของหยวนซื่อ หมุนกายมาเห็นหยวนซื่อ กล่าวทักทายนางเสียงดังด้วย
รอยยิ้มว่า “ไอโหยว! ฮูหยินหยวนมาแล้ว! มิใช่บอกว่าเจ้าป่วยอยู่หรือ ดีขึ้นหรือยัง ช่วงนี้ข้ายุ่งอยู่
กับการช่วยตระกูลฉางเรื่องออกเรือนของฉางกูกู จึงไม่มีเวลาว่างไปเยี่ยมเจ้า เดิมคิดว่ารออีกสอง
สามวันให้เสร็จเรื่องยุ่งๆ แล้วค่อยว่ากัน ไม่คิดว่าจะได้พบเจ้าที่นี่ ดูสีหน้าเจ้าไม่เลวนัก สุขภาพ
น่าจะดีขึ้นมากแล้วกระมัง”
เมื่อก่อนเฉิงเซ่าอาศัยอยู่ที่ซอยซิ่งหลินกับพวกหยวนซื่อมาโดยตลอด ต่อมาเฉิงเซ่ามี
หลานชายแล้วถึงได้ย้ายออกมา เวลานั้นหยวนซื่อมาช่วยจัดบ้านด้วย
เวลานี้ลานบ้านที่ใช้เป็นเรือนหอมิใช่ลานหลักของซอยซวงอวี๋ แต่เป็นลานบ้านด้านข้างที่
อยู่ทิศตะวันออกของเรือนหลัก
เรือนหลักไม่เล็กไม่ใหญ่ขนาดสามห้อง ทิศตะวันออกเป็นเรือนปีกขนาดสามห้อง
ด้านหลังเป็นห้องสํารองสองห้อง ด้านหลังของเรือนปีกตะวันออกปลูกต้นตั๊กแตนเก่าแก่ไว้แถว
หนึ่ง กําแพงทางทิศตะวันตกเป็นภูเขาจําลองก่อขึ้นมาจากหินทะเลสาบไท่หูสองชิ้น ปลูกต้น
กล้วยเอาไว้หนึ่งกอ ต้นไผ่เขียวหนึ่งกอ ข้างๆ ชุดโต๊ะเก้าอี้หินใต้ซุ้มองุ่นตรงกลางลานเป็นอ่างเลี้ยง
ปลาขนาดใหญ่หนึ่งอ่าง วาดลายดอกกล้วยไม้ไว้สองสามต้น เสาบ้านและช่องหน้าต่างล้วนลง
นํ้ามันเคลือบสีใหม่ แปะกระดาษสีขาวใหม่เอี่ยม เรือนทั้งหลังดูมีชีวิตชีวา สดชื่นน่าอยู่ยิ่งนัก
หยวนซื่อมองแล้วรู้สึกขุ่นเคืองใจอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกว่าบุรุษใต้โลกหล้านี้โดยมากล้วน
ไม่มั่นคงในรัก คิดถึงปีนั้น ความจริงแล้วอาสะใภ้รองผู้นั้นกับเฉิงเซ่าก็นับว่าเป็นคู่ที่รักใคร่กลม
เกลียวกัน แต่เพียงไม่กี่ปี เฉิงเซ่ากลับจะแต่งภรรยาใหม่แล้ว ยังปรับปรุงบ้านใหม่ เป็นเจ้าบ่าวคน
ใหม่อย่างยินดีมีความสุขอีกด้วย5227
นางอดไม่ได้ถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่งอย่างผิดหวัง ถามฮูหยินเผิงเฉิงว่า “ท่านมาอยู่
ที่นี่ได้อย่างไรเจ้าคะ”
ตามหลักแล้ว ฮูหยินเผิงเฉิงที่เป็นภรรยาหม้ายผู้หนึ่ง อย่างไรก็ไม่ควรมาอยู่ที่เรือนหอ นี่มิ
เท่ากับต้องการทําลายวาสนาของเฉิงเซ่าหรอกหรือ
ฮูหยินเผิงเฉิงหัวเราะร่า กล่าวว่า “ข้ามาดูสักหน่อยเท่านั้น ไม่ได้เข้าไปในเรือนๆ”
ถึงแม้ว่าฉางซื่อจะมิได้ยอมรับนางเป็นแม่บุญธรรม แต่น้องชายของฉางซื่อกลับยอมรับ
นางเป็นแม่บุญธรรมแล้ว นางเองจึงนับได้ว่าเป็นญาติของฉางซื่อแล้ว ผู้เปี่ยมไปด้วยพรทุก
ประการที่ตระกูลฉางเชิญมาคือหลานสาวจากบ้านเดิมของนาง พวกเขามาดูเรือนหอ นางจึงถือ
โอกาสตามมาด้วย
หยวนซื่อแสยะยิ้มเย็นอยู่ในใจ แต่ก็ไม่เอ่ยถึงเรื่องที่ฮูหยินเผิงเฉิงเสียมารยาท กล่าวเพียง
ว่า “ไม่รู้ว่าอาสะใภ้คนใหม่จัดเตรียมสินเจ้าสาวอะไรบ้าง”
ฮูหยินเผิงเฉิงอยากจะพูดแต่ก็หยุดไป
ฉางกูกูถวายการรับใช้อยู่ในวังหลวง เบี้ยรายเดือนยังต้องเอาไว้ใช้แสดงนํ้าใจต่อผู้อื่น จะ
มีเงินในมือได้อย่างไร ตอนที่นายท่านผู้เฒ่าของตระกูลฉางมานั้นนําเงินแปดร้อยเหลี่ยงมาด้วย
ซึ่งนั่นเป็นเงินก้นถุงของครอบครัวแล้ว นางจึงนําเงินห้าพันเหลี่ยงให้ฉางซื่อใช้เป็นสินเจ้าสาว
อย่างลับๆ ผู้ใดจะรู้ว่าฉางซื่อกลับส่งคืนกลับมา รวมถึงไม่เอาเงินแปดร้อยเหลี่ยงของนายท่านผู้
เฒ่าตระกูลฉางนั่นด้วย ยังมอบเงินช่วยเหลือนายท่านผู้เฒ่าตระกูลฉางอีกสองร้อยเหลี่ยง บอก
เป็นนัยว่า ฮูหยินผู้เฒ่ากัวนําเงินส่วนตัวจํานวนห้าพันเหลี่ยงมาช่วยจัดเตรียมสินเจ้าสาวให้นาง
ให้นางได้มีหน้ามีตา5228
ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร เนื่องจากเป็นเงินส่วนตัวของฮูหยินผู้เฒ่ากัว คนเป็นบุตรชายย่อม
มีส่วนแบ่ง คนเป็นบุตรสะใภ้ก็ย่อมมีส่วนแบ่ง นางไม่เอ่ยถึงเรื่องยุ่งยากนี้จะดีกว่า
ฮูหยินเผิงเฉิงคิดถึงตรงนี้ พลันไร้ความสนใจจะโอภาปราศรัยกับหยวนซื่อแล้ว กล่าวขึ้น
ว่า “เจ้าไปพบแม่สามีของเจ้าหรือยัง เรือนหอหลังนี้ข้าเองก็เห็นแล้ว ประเดี๋ยวกลับไปก็มีเรื่องคุย
กับฉางซื่อแล้ว ข้าไม่อยู่เกะกะพวกนางจัดของที่นี่แล้ว ข้าจะไปนั่งกับแม่สามีของเจ้าสักประเดี๋ยว
ไปคุยเรื่องสัพเพเหระในบ้านกับแม่สามีของเจ้าสักหน่อย”
หยวนซื่อไม่คิดว่าเวลานี้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจะอยู่ที่นี่ด้วย
โจวเสาจิ่นและหมิ่นซื่อทําให้นางโมโหจนเลอะเลือนไปแล้ว
นางพึมพําอยู่ในใจ รีบกล่าวขึ้นว่า “เดิมทีข้าตั้งใจว่าจะไปคารวะแม่สามีของข้า แต่เห็น
ท่านอยู่ที่นี่ จึงมาคํานับท่านก่อน ข้าไปหาแม่สามีของข้าพร้อมกับท่านก็แล้วกันเจ้าค่ะ”
ฮูหยินเผิงเฉิงเห็นนางไม่เพ่งเล็งเรื่องที่ตนอยู่ที่ลานตะวันออกนั่นอีก ก็ผ่อนคลายขึ้นมา
อย่างยินดี จึงยิ่งไม่พูดอะไรแล้ว ทั้งสองคนไปที่ลานเล็กด้านหลังด้วยกันอย่างยิ้มแย้ม
อากาศค่อยๆ ร้อนขึ้นแล้ว อีกสองสามวันอวิ้นเกอเอ๋อร์ก็จะครบหนึ่งขวบปีแล้ว ทันใดนั้น
ก็ปล่อยมือเดินได้สองก้าวแล้ว
ทุกคนในบ้านต่างห้อมล้อมอยู่ข้างกายเขา หลอกล่อให้เขาเดิน
เขาเองก็ชอบขยับไปมา ทุกวันขยับแขนขยับขาไปที่นั่นที่นี่ไม่หยุด เดินเหนื่อยแล้วก็คลาน
คลานเหนื่อยแล้วก็จับสิ่งของแล้วเดิน ในหนึ่งวันไม่รู้ว่าต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไปกี่ชุด
บางครั้งฝานหลิวซื่ออดต่อว่าสาวใช้ในห้องอวิ้นเกอเอ๋อร์ไม่ได้ว่า “อย่าให้คุณชายใหญ่วิ่ง
ไปทั่ว ให้คุณชายใหญ่เล่นอยู่บนผ้าที่ปูเอาไว้”5229
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วกล่าวยิ้มๆ ว่า “เนื่องจากเจ้าเคยเลี้ยงคุณหนู เด็กหญิงกับ
เด็กชายนี้ไม่อาจเลี้ยงแบบเดียวกันได้ เด็กหญิงลํ้าค่า เดินไปไหนล้วนต้องประคบประหงมดุจ
ไข่มุกประหนึ่งหยก เด็กชายนี้เกิดออกมาก็ต้องสืบทอดตระกูล หากตอนเป็นเด็กห่วงนั่นห่วงนี่
ไม่ให้เขาได้ขยับเขยื้อน โตมาจะกล้าเดินทางไปข้างนอกหรือ ปล่อยเขาคลานไปเถอะ ก็แค่ต้องซัก
เสื้อผ้าหลายครั้งและตัดเย็บชุดเพิ่มสักหน่อยเท่านั้น เสื้อผ้าเด็กนี้ทํามากแล้วก็ยังเก็บเอาไว้ให้
น้องชายของเขาสวมใส่ได้อีกมิใช่หรือ” กล่าวจบยังสั่งการข้ารับใช้ข้างกายอวิ้นเกอเอ๋อร์ว่า “เขา
อยากดึงดอกไม้พวกเจ้าก็ปล่อยให้เขาดึงไป เขาอยากเล่นกับเสวี่ยฉิวพวกเจ้าก็ปล่อยให้เขาเล่น
ไป ขอเพียงจับตาดูอยู่ข้างๆ อย่าให้หกล้มหรือถูกกัดก็พอ เด็กชายนั้นไม่อาจควบคุมตั้งแต่ศีรษะ
จรดเท้าได้”
นางเอ่ยเช่นนี้แล้ว ผู้ใดจะกล้าพูดอะไรอีก
เพียงแต่ว่าทําให้สาวใช้ในห้องของอวิ้นเกอเอ๋อร์ต้องลําบากแล้ว ทุกวันไม่รู้ว่าต้องซัก
เสื้อผ้ากี่ครั้ง
โจวเสาจิ่นเข้าใจและเห็นใจที่พวกนางต้องลําบาก นอกจากเพิ่มเงินให้ข้ารับใช้ในห้องขอ
งอวิ้นเกอเอ๋อร์เป็นการส่วนตัวเดือนละห้าร้อยเหวินแล้ว ยังส่งป้ารับใช้ร่างกํายําของตัวเองสองคน
ไปผลัดเปลี่ยนกับของอวิ้นเกอเอ๋อร์ ไปซักเสื้อผ้าให้เขาเป็นการเฉพาะอีกด้วย
ด้วยเรื่องนี้ ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยังจงใจกล่าวชมโจวเสาจิ่นต่อหน้าเฉิงฉืออีกด้วย “…พวกเจ้า
ก่อร่างสร้างครอบครัวใหม่ ต่อไปบุตรหลานล้วนกระทําตามกฎระเบียบที่พวกเจ้าวางไว้ กฎเกณฑ์
นี้จึงไม่อาจปล่อยให้ยุ่งเหยิงเละเทะเป็นอันขาด เสาจิ่นรู้จักนําเอาค่าใช้จ่ายของอวิ้นเกอเอ๋อร์ไป
รับผิดชอบเองได้ จากจุดนี้ ถือว่ารู้จักวางตัวเป็นนายหญิงของเรือนได้แล้ว ข้าว่าอีกสองปี เสาจิ่นก็
จะจัดการดูแลบ้านหลังนี้ได้แล้ว”5230
เฉิงฉือได้ยินแล้วกล่าวยิ้มๆ ว่า “ท่านแม่ นางมีวันนี้ได้ ก็เพราะท่านสอนสั่งได้ดี ส่วนเรื่อง
ดูแลจัดการงานในบ้าน สองสามปีนี้ท่านแม่ยังคงช่วยดูแลอีกสักหน่อยจะดีกว่า พวกข้ายังคิดจะ
ให้อวิ้นเกอเอ๋อร์มีน้องชายน้องสาวเพิ่มอีกสักสองสามคนนะขอรับ!”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวอยากได้ยินถ้อยคํานี้เป็นที่สุด ได้ยินเช่นนั้นแล้วดวงหน้าประดับไปด้วย
รอยยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ กล่าวซํ้าๆ ว่า “ดียิ่งๆ! ขอเพียงพวกเจ้าขยายกิ่งก้านสาขาได้ ไม่ว่าอย่างไร
ข้าก็จะช่วยพวกเจ้าดูแลบ้านหลังนี้ให้ดี”
โจวเสาจิ่นขัดเขินจนหน้าแดงอมชมพู พูดอะไรไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียวไปครู่ใหญ่
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวนึกได้ว่าเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เกรงว่าเวลาโดยมากอวิ้นเกอเอ๋อร์คงต้องอยู่
กับนางแล้ว นึกถึงว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์เป็นบุตรชายคนโต ก็ยิ่งทุ่มเทเอาใจใส่เขามากขึ้น เฉิงเซ่าจะ
แต่งงาน นางจึงพาอวิ้นเกอเอ๋อร์มาอยู่ที่ซอยซวงอวี๋ด้วย เพื่อดูว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์จะเขินอายคน
แปลกหน้าหรือไม่ ปูผ้าบนพื้นที่โถงรับรองปล่อยให้เขากลิ้งเล่นอยู่ด้านบน
อวิ้นเกอเอ๋อร์เล่นเหนื่อยแล้วก็นอนหงายอยู่บนพลางผ้าจับเท้าเล็กๆ ของตัวเองเล่น ปาก
ยังพึมพํากล่าวอีๆ อาๆ ไม่รู้ว่ากําลังพูดอะไรอยู่บ้าง
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมองแล้วหัวเราะร่า
หยวนซื่อและฮูหยินเผิงเฉิงเลิกผ้าม่านเข้ามา
ฮูหยินเผิงเฉิงรีบร้อง “ไอ้หยา” เสียงหนึ่ง กล่าวอย่างกระตือรือร้นว่า “นี่อวิ้นเกอเอ๋อร์ของ
พวกเรามิใช่หรือ เหตุใดถึงมานอนอยู่บนพื้นคนเดียวเล่า ท่านย่าทําให้เจ้าขุ่นเคืองใช่หรือไม่ รีบลุก
ขึ้นมาๆ!” ขณะที่กล่าว ก็หมายจะไปดึงอวิ้นเกอเอ๋อร์
แม่นมของอวิ้นเกอเอ๋อร์ไม่กล้าไปขวางฮูหยินเผิงเฉิง หันไปมองฮูหยินผู้เฒ่ากัว5231
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวโบกมืออย่างไม่เห็นด้วย พลางกล่าว “เจ้าอย่าสนใจเขาเลย เขาชอบเล่น
เช่นนี้” จากนั้นกล่าวอีกว่า “เจ้ามาตั้งแต่เมื่อใด เหตุใดไม่ให้สาวใช้เด็กมารายงานสักคําหนึ่ง เขา
จะได้ออกไปต้อนรับเจ้า”
ฮูหยินเผิงเฉิงไม่กล้าบอกว่าตัวเองไปแอบดูเรือนหอหลังใหม่อยู่ที่ลานบ้านมา กล่าวยิ้มๆ
ว่า “บังเอิญเจอสะใภ้ใหญ่ของเจ้าพอดี จึงเข้ามาพร้อมกัน” ระหว่างที่พูด นางก็ไปอุ้มอวิ้นเกอ
เอ๋อร์ ผู้ใดจะรู้ว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์กลับตัวหนักกว่าที่นางคิดเอาไว้ นางเกือบจะอุ้มไม่ขึ้นแล้ว รวบรวม
แรงอีกครั้ง ถึงอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ที่ดูไม่อ้วนทว่าแข็งแรงยิ่งมาไว้ในอ้อมแขนได้สําเร็จ กล่าวยิ้มๆ ว่า
“พิธีครบรอบขวบปีของอวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกเราเตรียมการไปถึงไหนแล้ว”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวยิ้มๆ ว่า “เตรียมการเรียบร้อยแล้ว เพียงรอให้แขกเหรื่อมาร่วมงาน
เท่านั้นแล้ว จะว่าไปก็เป็นอวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกเราที่วาสนาดี นายท่านผู้เฒ่าของตระกูลหยวน
ที่ถงเซียง ตระกูลหลี่ที่หลูเจียงและตระกูลอื่นๆ ได้ยินว่าน้องรองจะแต่งภรรยาอีกครั้ง เห็นว่าไม่มี
ธุระอะไร อีกทั้งอายุมากแล้ว เมื่อได้รับเทียบเชิญต่างจะมาร่วมดื่มสุรามงคลด้วย ประจวบเหมาะ
กับที่พิธีครบรอบขวบปีของอวิ้นเกอเอ๋อร์ห่างจากวันงานของน้องรองเพียงไม่กี่วัน นายท่านผู้เฒ่า
หลายท่านล้วนบอกว่าถึงเวลาจะไปดูอวิ้นเกอเอ๋อร์หยิบของเสี่ยงทายด้วย!”
“อวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกเราช่างมีวาสนาดีจริงๆ!” ฮูหยินเผิงเฉิงรู้ว่านายท่านผู้เฒ่าหลาย
ท่านนี้ล้วนเป็นปราชญ์เลื่องชื่อทั่วทั้งเหนือและใต้ ยากนักที่จะได้มารวมตัวกันเช่นนี้ นางจึงเสนอ
ความคิดเห็นให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวว่า “อย่างไรก็ต้องให้นายท่านผู้เฒ่าทั้งหลายเขียนอักษรภาพให้อ
วิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกเราสักภาพหนึ่ง ต่อไปจะได้เก็บเอาไว้เป็นสมบัติตกทอด”
สิ่งของเช่นนี้ตระกูลเฉิงไม่เคยขาดเหลือมาก่อน
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้แต่หัวเราะ
อวิ้นเกอเอ๋อร์กลับเอาแต่จะลงจากอ้อมแขนของฮูหยินเผิงเฉิง5232
ฮูหยินเผิงเฉิงจําต้องส่งอวิ้นเกอเอ๋อร์ให้แม่นมของเขา “เด็กคนนี้ ช่างหนักมือจริงๆ พวก
เจ้าอุ้มไหวได้อย่างไร”
แม่นมของอวิ้นเกอเอ๋อร์รีบกล่าว “เรี่ยวแรงข้าเยอะเจ้าค่ะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วก็หัวเราะออกมาอีกคํารบหนึ่ง เชิญฮูหยินเผิงเฉิงนั่งลง ถามถึง
สถานการณ์ของฉางซื่อทางด้านโน้นขึ้นมา
หยวนซื่อฟังอยู่ข้างๆ สายตากลับประหนึ่งถูกดึงดูดเอาไว้ก็ไม่ปาน ไม่ง่ายเลยกว่าจะย้าย
สายตาออกจากใบหน้าของอวิ้นเกอเอ๋อร์ได้ แต่ไม่นานก็มองไปอีกครั้งอย่างหักห้ามใจไม่อยู่
ก่อนหน้านี้นางไม่เคยตั้งใจมองวิ้นเกอเอ๋อร์ผู้นี้อย่างจริงจังสักที
ตอนนี้ค้นพบว่าเด็กน้อยหน้าตางดงามจริงๆ
เส้นผมดําเงางามเหมือนโจวเสาจิ่น องคาพยพทั้งห้ากลับหล่อเหลาเหมือนเฉิงฉือ ขาวอม
ชมพู มิได้อ้วนจํ้ามํ่าเหมือนเด็กทั่วไป ทว่ามือเท้าแข็งแรง ขยับเขยื้อนทีมีชีวิตชีวายิ่ง ดูแล้วทําให้
คนใจอ่อนยวบไปหมด
นี่ถ้าหากเป็นหลานชายของตนจะดีเพียงใดนะ!
พอความคิดวาบผ่าน หัวคิ้วของหยวนซื่อก็ผูกเข้าหากันเป็นปมแน่น
ถ้าหากหมิ่นซื่อคลอดหลานชายให้นางสักคนได้ นั่นก็จะเป็นเด็กที่มีสายเลือดของตระกูล
เฉิงและตระกูลหมิ่นสองตระกูลไหลเวียนอยู่ จะต้องเป็นผู้คงแก่เรียนผู้หนึ่ง โดดเด่นกว่าอวิ้นเกอ
เอ๋อร์เป็นแน่
น่าเสียดายที่หมิ่นซื่อผู้นี้ไร้ความสามารถ ทระนงไม่ยอมก้มศีรษะลง ไม่อย่างนั้นนางจะ
ไม่ได้อุ้มหลานชายจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร5233
จากนั้นนางนึกถึงเรื่องที่เฉิงสวี่ออกไปรับราชการต่างเมืองขึ้นมา
ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้น
ถ้าหากภายในห้าปีหมิ่นซื่อยังไม่ตั้งครรภ์ เช่นนั้นก็อย่าได้กล่าวโทษว่านางไม่เกรงใจ จะ
ให้หมิ่นซื่อจัดเตรียมคนให้เฉิงสวี่ แตกกิ่งก้านสาขาให้ตระกูลเฉิง
หยวนซื่อครุ่นคิด สุดท้ายก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย จึงร่วมวงสนทนากับฮูหยินผู้
เฒ่ากัวและฮูหยินเผิงเฉิงกล่าวถึงเรื่องพิธีหยิบของเสี่ยงทายของอวิ้นเกอเอ๋อร์ “…ต้องการยืมตรา
ประทับของลุงใหญ่ของเขา? ดีเลย! ประเดี๋ยวกลับไปข้าจะบอกลุงใหญ่ของเขา ลุงใหญ่ของเขา
ต้องดีใจอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
“ก็ไม่จําเป็นต้องใช้ตราประทับของลุงใหญ่ของเขา ใช้เครื่องรางปลาสักชิ้นแทนก็ได้” ฮู
หยินผู้เฒ่ากัวกล่าว “ก็เพียงเรื่องสนุกสนานครั้งหนึ่งเท่านั้น”
“ไม่อาจกล่าวเช่นนี้ได้” ฮูหยินเผิงเฉิงไม่เห็นด้วย กล่าวว่า “ตราประทับของลุงใหญ่ของ
เขาเป็นตราประจําตําแหน่งยศขั้นหนึ่งบนเชียว เป็นสัญลักษณ์ที่ดียิ่ง! เจ้าอย่าฟังแม่สามีของเจ้า
ฟังข้าดีกว่า ไม่มีผิดพลาดอย่างแน่นอน พรุ่งนี้เจ้านําไปที่ประตูเฉาหยางเลย”