ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 568 สนิทแนบแน่น
จี๋อิ๋งรู้สึกหดหู่ กระทืบเท้าเบิกตามองอวิ้นเกอเอ๋อร์ “เจ้าเป็นเด็กเป็นเล็ก เหตุใดหน้าตา
เหมือนแม่ของเจ้าแต่นิสัยเหมือนพ่อของเจ้าเล่า”
โจวเสาจิ่นได้ยินแล้วตกใจใหญ่โต รีบกล่าว “อวิ้นเกอเอ๋อร์เหมือนข้าหรือ เหมือนข้าตรงที่
ใดกัน”
จี๋อิ๋งกล่าว “เจ้าดูดวงตาจมูกนี้ ไม่เหมือนตรงไหน”
โจวเสาจิ่นร้อนใจขึ้นมา กล่าวว่า “ข้าหน้าตาดูอ่อนน้อมว่าง่าย เขาเป็นเด็กผู้ชาย จะให้
เหมือนข้าได้อย่างไร ควรจะดูเฉลียวฉลาดเหมือนพ่อของเขาเช่นนั้นถึงจะถูก”
จี๋อิ๋งเบิกดวงตาโพลง กล่าวว่า “เหมือนเจ้าไม่ดีหรือ เจ้างดงามกว่าเฉิงจื่อชวนมาก ลูก
หน้าตางดงามเพียงนี้ ย่อมเหมือนเจ้าอยู่แล้ว! เฉิงจื่อชวนก็แค่วาสนาดี ได้แต่งงานกับเจ้า หาก
เป็นผู้อื่น ไม่มีทางเลี้ยงลูกได้งดงามขนาดนี้แน่นอน…”
นี่มันคําพูดอะไรกัน
โจวเสาจิ่นอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ไว้ยังอยากจะถามอีก อวิ้นเกอเอ๋อร์กลับร้องเรียก “พ่อ” ขึ้นมา
ทุกคนมองไปรอบๆ ไม่มีแม้แต่เงาของเฉิงฉือ
จี๋อิ๋งยิ้มพลางแสร้งทําท่าจะไปบีบจมูกของอวิ้นเกอเอ๋อร์ กล่าวขึ้นว่า “เจ้ายังจะข่มขู่ข้าอีก
หรือ!”
โจวเสาจิ่นหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ กล่าวว่า “เขายังพูดไม่ชัดด้วยซํ้า จะรู้ได้อย่างไรว่า
เจ้ากลัวนายท่านสี่ และจะรู้จักข่มขู่เจ้าได้อย่างไร”5262
จี๋อิ๋งกล่าวอย่างดื้อดึงว่า “ผู้ใดว่าข้ากลัวเฉิงจื่อชวน ข้าเพียงไม่อยากมีปัญหาอะไรกับเขา
แล้วพานไปสร้างความลําบากให้ฉินจื่อผิงก็เท่านั้น”
“จริงหรือ” โจวเสาจิ่นยิ้มตาหยีขณะถามจี๋อิ๋ง
นางเป็นห่วงมาโดยตลอดว่าจี๋อิ๋งกับฉินจื่อผิงจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ แต่ดูจากตอนนี้แล้ว จี๋อิ๋ง
ดูงดงามเปล่งประกาย การพูดจาหรือการกระทําล้วนไม่ต่างจากตอนก่อนแต่งงาน แสดงให้เห็นว่า
มีชีวิตอย่างสะดวกสบายและมีความสุขยิ่ง
จี๋อิ๋งอึกอักไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
อวิ้นเกอเอ๋อร์กลับกล่าวขึ้นว่า “จื่อชวน พ่อ!”
“ไอ้โหยว!” โจวเสาจิ่นได้ยินแล้วดีใจจนไม่รู้จะดีใจอย่างไรแล้ว “อวิ้นเกอเอ๋อร์ เจ้ารู้จักชื่อ
แทนตัวของบิดาเจ้าด้วยหรือ” นางนึกถึงที่อวิ้นเกอเอ๋อร์ร้องเรียกคําว่า “พ่อ” มาสองครั้งนั่นแล้ว
อดไม่ได้หอมแก้มเล็กๆ ของอวิ้นเกอเอ๋อร์ไปสองฟอด กล่าวกับจี๋อิ๋งยิ้มๆ ว่า “อวิ้นเกอเอ๋อร์ของ
พวกเราคงไม่ได้ขู่ให้เจ้ากลัวหรอกกระมัง”
จี๋อิ๋งหัวเราะออกมา ลูบศีรษะของอวิ้นเกอเอ๋อร์อย่างเอ็นดู กล่าวว่า “เจ้าเด็กน้อย เหตุใด
ถึงได้เฉลียวฉลาดเพียงนี้ ป้ามีของดีให้เจ้า” ขณะที่กล่าว ก็หยิบนกหวีดรูปนกทําจากดินเผาชิ้น
หนึ่งออกมาจากกระเป๋ าเสื้อยื่นส่งให้โจวเสาจิ่น “เจ้าทํางานเย็บปักได้ดี สานตาข่ายให้เขาสัก
อันหนึ่งห้อยเอาไว้ที่คอเล่นเถิด”
ไม่เหมือนกับของในรายการของขวัญ นี่เป็นนํ้าใจของจี๋อิ๋ง
โจวเสาจิ่นให้ชุนหว่านไปหาตาข่ายมาชิ้นหนึ่ง บอกให้อวิ้นเกอเอ๋อร์กล่าวขอบคุณจี๋อิ๋ง
อวิ้นเกอเอ๋อร์เรียกจี๋อิ๋งด้วยสําเนียงของเด็กน้อยว่า “ท่านป้า” เรียกจนจี๋อิ๋งรู้สึกจักจี้ที่หัวใจ
ไปหมด กล่าวกับโจวเสาจิ่นว่า “ข้าอุ้มเขาครู่หนึ่งได้หรือไม่”5263
เฉิงฉืออายุเกือบจะสามสิบปีถึงได้ลูกคนนี้มา ไม่รู้ว่าจะเลี้ยงดูอย่างประคบประหงม
เพียงใด ต่อให้จี๋อิ๋งเป็นคนสบายๆ เพียงใดก็ไม่กล้าปฏิบัติกับอวิ้นเกอเอ๋อร์ตามอําเภอใจ
นอกจากนี้ไม่แน่ว่าเด็กน้อยคนนี้อาจจะเป็นหัวหน้าพรรคเจ็ดดาราในอนาคตก็เป็นได้
“ย่อมได้อยู่แล้ว!” โจวเสาจิ่นกลับไม่ได้คิดอะไรมาก
บุตรบ้านใดที่มิได้เติบโตมาอย่างล้มบ้างโดนตีบ้างเล่า
นางส่งลูกให้จี๋อิ๋ง เอ่ยถามอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “อวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกข้าหน้าตาเหมือนข้า
มากจริงๆ หรือ”
จี๋อิ๋งมองอวิ้นเกอเอ๋อร์ที่ปล่อยให้ตนอุ้มอย่างเชื่อฟัง แล้วก็มองโจวเสาจิ่น กล่าวขึ้นว่า
“พวกเจ้าล้วนมีหน้าตางดงามยิ่ง…”
ก็หมายความว่า จี๋อิ๋งเพียงรู้สึกว่าพวกเขาล้วนมีหน้าตางดงาม แต่มิได้หมายความว่าอวิ้น
เกอเอ๋อร์หน้าตาเหมือนตน!
โจวเสาจิ่นโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
จี๋อิ๋งกล่าว “ข้าว่าเจ้ามีลูกสาวอีกสักคนดีกว่า ข้าชอบเด็กผู้หญิง”
โจวเสาจิ่นได้ยินแล้วหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ กล่าวขึ้นว่า “เจ้าก็มีเองสักคนหนึ่งสิ! มิใช่
ว่าเจ้าหน้าตาไม่งดงามเสียหน่อย”
จี๋อิ๋งยิ้มอย่างกรุ่นโกรธ
โจวเสาจิ่นกลับใจเต้นตึกๆ ไปครู่หนึ่ง
หรือว่าระหว่างนางกับฉินจื่อผิงจะไปกันได้ไม่ค่อยดี?5264
แต่ไม่รอให้นางได้เอ่ยปาก จี๋อิ๋งก็กล่าวขึ้นก่อนว่า “จริงด้วย ข้าลืมเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งไป
เสียสนิท” ขณะที่นางกล่าว ก็หันไปนอกห้องพลางตะโกนเรียก “ต้ายา เอ้อร์ยา”
เด็กสาวอายุสิบสี่สิบห้าปีสองคนเดินเข้ามา
รูปร่างสูงปานกลาง ค่อนข้างแข็งแรงกํายํา ผิวสีนํ้าผึ้ง หน้าตาคมเข้ม คนด้านซ้ายสวม
เสื้อกั๊กปี๋เจี่ยผ้าไหมหังโจวสีแดงสด คนด้านขวาสวมเสื้อกั๊กปี๋เจี่ยผ้าไหมหังโจวสีเขียวนกแก้ว
หน้าตาคล้ายกันเจ็ดถึงแปดส่วน ย่อเขาทําความเคารพโจวเสาจิ่นอย่างซื่อๆ และเรียบร้อย
โจวเสาจิ่นชี้เด็กสาวทั้งสองคนอย่างแปลกใจ “นี่คือ…”
“เฉิงจื่อชวนให้ข้าหาสาวใช้ให้เจ้า” จี๋อิ๋งกล่าวอย่างไม่ค่อยมีอารมณ์ว่า “ปีที่แม่นํ้าหย่งติ้ง
เกิดนํ้าหลากครั้งใหญ่ปีนั้นพ่อสามีของข้าพากลับมาด้วย น่าจะเป็นพี่น้องกัน รับมาเป็นบุตรสาว
บุญธรรม ติดตามฝึกยุทธ์กับพ่อสามีของข้ามาตั้งแต่เล็ก ต่อมาก็ติดตามเรียนกฎระเบียบกับข้าอีก
สองปี ฝีมือไม่เลวนัก ถึงแม้ตัวคนจะนับไม่ได้ว่าเฉลียวฉลาดมากทว่ามีดีตรงที่จงรักภักดีและ
พึ่งพาได้ ไม่ปากพล่อยขี้นินทาให้เกิดปัญหา…เจ้าเองก็รู้ดี ไม่ให้สตรีในเรือนหลังพูดนั้นยากเย็น
เพียงใด ไม่ง่ายเลยกว่าข้าจะเลือกพวกนางสองพี่น้องออกมาจากตระกูลฉินและตระกูลจี้ได้”
กล่าวจบ ก็เอ่ยกับเด็กสองคนนั้นว่า “นี่คือฮูหยินเฉิง ต่อไปพวกเจ้าก็ติดตามนาง รับใช้อยู่ในเรือน
ของนาง เรื่องที่ข้าเคยบอกพวกเจ้าก็ต้องจดจําเอาไว้ให้ดี อย่าให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นเป็นอัน
ขาด”
ทั้งสองคนทําความเคารพโจวเสาจิ่นอีกครั้งอย่างพร้อมเพรียงกัน
จี๋อิ๋งกล่าว “หากมิใช่เพราะเด็กสองคนนี้ถูกทิ้งให้เรียนว่ายนํ้าอยู่กับกลุ่มจินซาแล้วข้าต้อง
เดินทางอ้อมไปรับตัวเด็กสองคนนี้จนล่าช้าล่ะก็ ข้าก็คงมาถึงจิงเฉิงตั้งนานแล้ว! ยังดีที่เร่งมาทัน
พิธีหยิบของเสี่ยงทายของอวิ้นเกอเอ๋อร์…” ขณะที่กล่าวนั้นชุนหว่านก็เดินเข้ามา ถือนกหวีดดิน5265
เผารูปนกที่สวมตาข่ายเรียบร้อยแล้วเข้ามาด้วย จี๋อิ๋งรับมาเป่าครั้งหนึ่ง จากนั้นล้างในนํ้าชาแล้ว
ยื่นส่งให้อวิ้นเกอเอ๋อร์
ตอนที่อวิ้นเกอเอ๋อร์ได้ยินเสียงดังนั้นดวงตาเป็นประกายขึ้นมา เห็นจี๋อิ๋งส่งนกหวีดรูปนก
ให้เขา เขาก็รีบเป่าเลียนแบบไปครั้งหนึ่งในทันที
นกหวีดส่งเสียงดังปี๊ดๆ สองครั้ง
เขาพลันดีอกดีใจขึ้นมา หันไปหัวเราะให้โจวเสาจิ่น ออกแรงเป่านกหวีดเบาๆ
ทั้งห้องเต็มไปด้วยเสียงหวีดร้องของนกหวีด
โจวเสาจิ่นอดไม่ได้กล่าวกับจี๋อิ๋งว่า “ทีนี้แย่แน่ๆ แล้ว เจ้าหาของน่าเล่นมาให้เขา ทีนี้พวก
เราอย่าคิดจะได้อยู่อย่างเงียบสงบเลย”
จี๋อิ๋งหัวเราะร่า กล่าวว่า “อย่างไรเสียก็มิใช่ข้าที่ไม่ได้อยู่อย่างเงียบสงบ ยิ่งอวิ้นเกอเอ๋อร์
เป่าอย่างมีความสุขมากเท่าไร ใครบางคนก็จะยิ่งทนไม่ได้ ข้าก็จะยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น ใครใช้
ให้เขาจัดการข้าตอนนั้นเล่า”
โจวเสาจิ่นหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
อวิ้นเกอเอ๋อร์กลับเบี่ยงกายหาไปทั่วทุกที่ “ชา อยากได้ชา!”
ชุนหว่านเข้าใจว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์กระหายนํ้า รีบรินนํ้าชาอุ่นๆ ยื่นไปที่ริมฝีปากของอวิ้นเกอ
เอ๋อร์
อวิ้นเกอเอ๋อร์กลับผลักนํ้าชาออก ยัดนกหวีดเข้าไปในจอกชา จากนั้นเลียนแบบท่าทาง
ของจี๋อิ๋งหยิบนกหวีดออกมา ออกแรงสะบัดเบาๆ5266
“เด็กคนนี้เหตุใดถึงได้น่ารักน่าชังขนาดนี้” จี๋อิ๋งมองแล้วอยากจะอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์กลับไป
ด้วยเหลือเกิน กล่าวขอร้องโจวเสาจิ่นว่า “ต่อไปให้ข้ามาสอนอวิ้นเกอเอ๋อร์ก็แล้วกัน เจ้าดูคนอย่าง
ไหวซานก็รู้แล้ว ลึกลับแปลกประหลาด วิชายุทธ์ที่พวกเขาเชี่ยวชาญโหดร้ายยิ่งนัก ขยับมือทีมีแต่
ไปแล้วไม่หวนกลับ มิใช่เจ้าตายก็ข้าสิ้นชีพ ซางมามาก็มาจากพวกนอกรีต ไม่เหมาะสมกับโถงอัน
งามสง่า ทว่าวิชายุทธ์ของสกุลจี้ของพวกข้านั้นผ่าเผยทรงเกียรติ ก่อกําเนิดขึ้นมาจากคัมภีร์
เปลี่ยนเส้นเอ็น เชี่ยวชาญการฝึกลมหายใจและกระบวนท่าเป็นที่สุด แม้แต่การสังหารคน ก็มี
กระบวนท่าที่สง่างาม ไม่มีความโหดร้ายเลยแม้แต่น้อย ต่อไปอวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกเราจะต้องได้
เป็นคุณชายที่สูงส่ง จะให้ร่วมทางกับคนที่ทําการแสดงประทังชีวิตบนยุทธภพเหล่านั้นได้อย่างไร
…”
โจวเสาจิ่นได้ยินแล้วเหงื่อซึมเต็มหน้าผาก กล่าวว่า “ต่อไปอวิ้นเกอเอ๋อร์จะเป็นอย่างไร
นั้น นายท่านสี่บอกแล้วว่าต้องดูที่พรสวรรค์และความชอบของเขา ขอเพียงเขาชอบและ
สอดคล้องกับพรสวรรค์ของเขา นายท่านสี่กล่าวว่าไม่ว่าจะทําอะไรก็ล้วนตามใจเขา ส่วนเรื่อง
เรียนวิชายุทธ์อะไรนั้น ต้องรอให้เขาโตอีกสักหน่อยค่อยว่ากันอีกที…”
“นี่ก็จริง” เป็นครั้งแรกที่จี๋อิ๋งไม่โต้แย้งเฉิงฉือ ครุ่นคิดพลางกล่าว “ชีวิตคนเรานี้หากใช้ชีวิต
ตามที่ใจปรารถนาได้ นั่นถึงจะเป็นชีวิตที่มีความสุข”
“ถูกต้องๆ” โจวเสาจิ่นกลัวว่านางจะเปลี่ยนความคิด ต้องการสอนวิชายุทธ์ให้อวิ้นเกอ
เอ๋อร์ให้ได้ขึ้นมาอีก จึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เอ่ยขึ้นว่า “ต้ายาและเอ้อร์ยาคือชื่อของพวกนาง
หรือ พวกเจ้ามาที่นี่นายท่านสี่ทราบเรื่องหรือไม่ ฉินจื่อผิงเล่า เหตุใดถึงไม่เห็นเขา งานเลี้ยงใกล้
จะเริ่มแล้ว ข้าพาเจ้าไปนั่งที่ดีหรือไม่”
“ไม่ต้องหรอก” จี๋อิ๋งรู้ว่าคนที่มางานวันนี้ล้วนแล้วแต่เป็นบรรดาฮูหยินของขุนนางทั้งสิ้น
หากต่างคนต่างถามไถ่กันขึ้นมา นางที่เป็นเพียงภรรยาของผู้ตรวจการคนหนึ่ง จําต้องดูสีหน้าของ5267
ผู้อื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งนางก็ไม่อาจเอาพฤติกรรมของยุทธภพมาใช้ด้วย คิดถึงเรื่องพวก
นี้แล้ว นางรู้สึกยินดีเล็กน้อยที่ฉินจื่อผิงไปเป็นผู้ตรวจการ อยู่ในยุทธภพมีสถานะไม่ธรรมดา
ตําแหน่งบุตรเขยของตระกูลจี้ก็ทําให้คนมากมายต้องเคารพให้เกียรติพวกเขา “ข้ารับมื้อกลาง
วันที่ห้องของเจ้าดีกว่า จะได้พูดคุยกับซางมามาด้วยพอดี ข้าไม่ได้เจอพวกเจ้ามาสองปีแล้ว”
เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน!
ต่อให้เฉิงฉือไม่บอก โจวเสาจิ่นก็พอจะรับรู้ได้ถึงสถานะของตระกูลจี้ในยุทธภพจากความ
ภาคภูมิใจของจี๋อิ๋งทุกครั้งที่นางเอ่ยถึงตระกูลจี้ได้ ทุกคนต่างมีเส้นทางที่ไม่เหมือนกัน บังคับให้
นางนั่งอยู่ท่ามกลางบรรดาฮูหยินของขุนนางเหล่านั้น มีแต่จะทําให้นางอึดอัด
นางให้คนจัดแจงที่อยู่ให้ต้ายาและเอ้อร์ยา แล้วก็หารือช่วยจัดอาหารมาให้จี๋อิ๋ง จากนั้น
บอกให้จี๋อิ๋งช่วยเก็บของหวานไว้ให้นางสักถ้วยหนึ่งอย่างเป็นกันเอง ถึงได้อุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ไปหา
เฉิงฉือ ถามเฉิงฉือว่า “จี๋อิ๋งพาเด็กมาด้วยสองคน ท่านทราบเรื่องหรือไม่”
“ข้ารู้แล้ว” เฉิงฉือรับอวิ้นเกอเอ๋อร์ไป กล่าวขึ้นว่า “คิดไม่ถึงว่านางจะเร่งเดินทางมาวันนี้
ก็นับได้ว่ามีความตั้งใจแล้ว ตอนนี้มากคนมากความ ตอนเย็นกลับไปข้าค่อยคุยกับเจ้าอีกที”
โจวเสาจิ่นพยักหน้า หอมแก้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ ปล่อยให้เฉิงฉืออุ้มเขาไปสังสรรค์ด้านนอก
ส่วนนางวิ่งไปมาระหว่างลานทิงเซียงกับศาลาริมนํ้า จวบจนนักเล่าเรื่องเริ่มขับขานเรื่องเล่า งิ้ว
เริ่มทําการแสดงร้องงิ้วแล้ว เฉิงฉือถึงได้พาอวิ้นเกอเอ๋อร์มาให้โจวเสาจิ่น ให้โจวเสาจิ่นอุ้มกลับไป
ที่เรือน
ปกติแล้วเวลานี้เป็นเวลานอนกลางวันของอวิ้นเกอเอ๋อร์พอดี ระหว่างทางกลับเรือนจึงคอ
พับคออ่อนหลับอยู่บนหัวไหล่ของนาง กระทั่งกลับมาถึงห้องที่เรือนหลัก ก็มีสภาพเหมือนก้อนดิน
เหนียวก้อนหนึ่งไปแล้ว โจวเสาจิ่นเปลี่ยนชุดให้เขา เขาก็ปล่อยให้นางจัดการไปโดยไม่ขยับเขยื้อน5268
จี๋อิ๋งยืนมองอยู่ข้างๆ อย่างสนอกสนใจ
โจวเสาจิ่นกลับเหงื่อชุ่มไปทั้งร่าง รีบไปผลัดเปลี่ยนอาภรณ์และไล่ข้ารับใช้ข้างกาย
ออกไป ถึงได้นั่งลงมาพูดคุยเรื่องส่วนตัวกับจี๋อิ๋ง “เจ้าจะกลับบ้านเดิมอีกหรือไม่”
“ไม่กลับไปแล้ว” จี๋อิ๋งกล่าวยิ้มๆ “ท่านผู้เฒ่าคิดไว้เสียดิบดี ผลปรากฏว่าเมื่อกลับไปแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นการอยู่การกินล้วนไม่คุ้นชินสักอย่าง ข้าดูแล้วค่อนข้างเสียใจเล็กน้อย แต่นายท่านสี่
กลับให้ท่านผู้เฒ่าอยู่บ้านอีกสักระยะหนึ่ง ยังให้ท่านผู้เฒ่าปรับปรุงห้องใต้ดินและซอยแคบๆ แต่
เก่าก่อนเหล่านั้นขึ้นมาใหม่หนึ่งรอบ” กล่าวถึงตรงนี้ นางเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวโดยรอบ ถึงได้
กระซิบที่ข้างหูของนางว่า “นายท่านสี่คิดจะทําอะไรใช่หรือไม่ ข้าดูท่าทางนั่นแล้ว มิใช่เพียงแค่
การปรับปรุงบ้านเก่าแก่ธรรมดาๆ แต่เหมือนกระต่ายเจ้าเล่ห์ขุดหลุมหลบภัยสามหลุม เตรียมการ
ล่วงหน้าเอาไว้ก่อนก็ไม่ปาน”
โจวเสาจิ่นได้ยินแล้วใจเต้นตึกตัก กระซิบกล่าวที่ข้างหูของจี๋อิ๋งเช่นกันว่า “รายละเอียดข้า
เองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่องค์รัชทายาทสิ้นพระชนม์กะทันหัน พระราชนัดดาองค์โตกลายเป็นรัช
ทายาท ท่านอารองเป็นคนที่ฝ่าบาททรงไว้วางพระทัย และนายท่านสี่จับตาดูองค์ชายสี่อยู่…นาย
ท่านสี่คงจะซ่อมบ้านก่อนที่ฝนจะตก กลัวว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นในเมืองหลวง”
จี๋อิ๋งได้ยินแล้วขมวดคิ้วมุ่น กล่าวขึ้นว่า “นี่เขาไม่อยากมีชีวิตแล้วหรืออย่างไร ไปยุ่งกับ
เรื่องพวกนี้ทําไม เขามิใช่คนตัวคนเดียวแล้ว! เหตุใดถึงไม่คิดเผื่อเจ้ากับอวิ้นเกอเอ๋อร์บ้าง”5269
ตอนที่ 569 พายุฝน
ก็เพราะคิดเผื่อนาง คิดเผื่อบุตรชาย เฉิงฉือถึงได้เหมือนกระต่ายเจ้าเล่ห์ขุดหลุมหลบภัย
สามหลุมขอให้พ่อบ้านใหญ่ฉินปรับปรุงบ้านหลังเก่าอีกครั้ง
โจวเสาจิ่นพึมพําอยู่ในใจ ทว่าไม่อาจพูดอะไรกับจี๋อิ๋งได้ สีหน้าเจือความกระดากหลาย
ส่วนนั่นเมื่อตกไปอยู่ในสายตาของจี๋อิ๋งกลับกลายเป็นไร้ทางเลือกแทน
จี๋อิ๋งชื่นชอบโจวเสาจิ่นมาโดยตลอด แน่นอนว่าย่อมไม่อยากให้นางลําบากใจ จึงรู้สึก
เสียใจเล็กน้อยกับความปากไวของตัวเอง นางรีบเก็บความไม่พอใจที่มีต่อเฉิงฉือไว้ในใจ พูดคุย
เรื่องที่นางเข้าเมืองหลวงกับนางแทน “อย่างไรก็ตามต่อไปหากมีเรื่องอะไรเจ้าต้องจําไว้ว่าต้อง
บอกข้า ฉินจื่อผิงใกล้จะได้ย้ายมาเป็นผู้ตรวจการของศาลซุ่นเทียนแล้ว พวกผู้ใหญ่ซื้อบ้านหลัง
เล็กขนาดสองทางเข้าให้พวกข้าที่ประตูซีจื๋อหลังหนึ่ง ธุระของข้าก็ใกล้จะเสร็จแล้ว ต่อไป ข้าเองก็
คงทําได้เพียงเลี้ยงลูกทํางานเย็บปักอยู่แต่ในบ้านแล้ว หากเจ้าไม่ไปเยี่ยมข้า เกรงว่าข้าคงไม่มีคน
ให้คุยด้วยแม้แต่คนเดียว…เจ้าต้องไปเล่นกับข้าบ่อยๆ ถึงจะดี”
ประตูเฉาหยางทางด้านนี้มีฮูหยินผู้เฒ่ากัวอยู่ด้วย นายบ่าวมีระยะห่าง อีกทั้งตระกูลฉิน
ยังรับใช้ตระกูลเฉิงมายาวนานหลายปี พวกเขาที่เป็นคนรุ่นเด็กเหล่านี้เมื่อได้พบฮูหยินผู้เฒ่ากัว
แล้วหากไม่ไปทําความเคารพสักครั้งก็ไม่มีเหตุผลอันสมควร แต่ให้ไปเคารพนบนอบเช่นนี้ทุกครั้ง
จี๋อิ๋งก็รู้สึกอึดอัด
โจวเสาจิ่นเข้าใจความคิดของนางดี เม้มปากกลั้นยิ้ม พลางรับปากด้วยความยินดี
เนื่องจากที่โถงรับรองและที่ลานทิงเซียงยังมีแขกอยู่ โจวเสาจิ่นคุยกับนางไปสองสาม
ประโยค ก็ต้องลุกขึ้นไปรับรองแขก5270
“ข้าจะรั้งอยู่ดูแลอวิ้นเกอเอ๋อร์ให้เจ้าเอง” จี๋อิ๋งไม่รู้จักคนเหล่านั้น อีกทั้งรู้สึกรักและเอ็นดูอ
วิ้นเกอเอ๋อร์ ไม่ยอมจากไป
โจวเสาจิ่นกล่าว “ประเดี๋ยวเขาตื่นแล้ว ยังต้องอุ้มไปให้พวกฮูหยินผู้เฒ่าและราชบัณฑิต
หลวงอู๋ดูสักหน่อยอีกอยู่ดี”
“เช่นนั้นก็ให้เขา ‘หลับ’ ยาวอีกสักหน่อย” จี๋อิ๋งกล่าวอย่างไม่เห็นด้วยว่า “ข้างนอกมีแต่
เสียงกลองเสียงฆ้อง เจ้าไม่กลัวอวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกเราจะตกใจหรือ”
“ที่ผ่านมาเขาไม่เคยกลัวของพวกนี้” โจวเสาจิ่นเล่าเรื่องเมื่อหลายวันก่อนตอนที่เขา
ออกไปข้างนอกในวันสรงนํ้าพระพุทธเจ้า ระหว่างทางผ่านวัดแห่งหนึ่งกําลังทําพิธีกรรมกันอยู่
ผู้คนมากมายมหาศาล เขาโน้มกายต้องการไปดูความครึกครื้น ไม่ให้ดูยังโมโหอีกด้วย
“เช่นนั้นก็ยิ่งสมควรให้ข้าดูแลแล้ว” จี๋อิ๋งก็แค่ชอบอวิ้นเกอเอ๋อร์ “วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิด
ของเขา เด็กเล็กไม่รู้ความ หากเขาร้องโวยวายขึ้นมาคงเสียมารยาทแย่!”
คําพูดเช่นนี้ก็ถึงกับพูดออกมาแล้ว
โจวเสาจิ่นได้แต่หัวเราะ
มองข้ารับใช้เจ็ดถึงแปดคนที่คอยปรนนิบัติรับใช้อวิ้นเกอเอ๋อร์นั่นแล้ว จึงตอบตกลง
“เช่นนั้นพวกเราตกลงกันตามนี้ ถ้าหากเขาร้องโวยวายขึ้นมาเจ้าก็รีบให้คนไปตามหาข้า เด็กคนนี้
บางครั้งก็ดื้อรั้นเล็กน้อย”
“รู้แล้วๆ” จี๋อิ๋งรีบไล่ให้นางไป ท่าทางกลัวว่านางจะถอนคําพูด รู้สึกว่าด้วยความสามารถ
ของนางแล้ว จะหลอกล่อเด็กคนหนึ่งไม่ได้เชียวหรือ
โจวเสาจิ่นส่ายศีรษะยิ้มๆ พลางไปที่ลานทิงเซียง บอกเพียงว่าวันนี้อวิ้นเกอเอ๋อร์ตื่นเช้า
มากเกินไป ตอนนี้จึงยังหลับอยู่ ทําอย่างไรก็ไม่ตื่น5271
ฮูหยินผู้เฒ่าเหล่านั้นกลัวแต่ว่าจะรบกวนอวิ้นเกอเอ๋อร์ พากันบอกให้นางไม่ต้อง
ป้วนเปี้ยนอยู่ที่นี่แล้ว ให้รีบกลับไปดูแลอวิ้นเกอเอ๋อร์
ตอนนี้โจวเสาจิ่นเองก็รู้จักพูดแล้ว กล่าวยิ้มๆ ว่า “อวิ้นเกอเอ๋อร์หลับไปแล้ว ข้าก็เลยได้มา
อยู่เป็นเพื่อนพวกท่านที่นี่เจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวและคนอื่นๆ หัวเราะฮ่า ฮูหยินเผิงเฉิงยิ่งแล้วใหญ่หันมาโบกมือให้นางไม่
หยุด กล่าวว่า “เจ้าไปทําธุระของเจ้าเถอะ แม่สามีของเจ้าทางด้านนี้ไม่ต้องให้เจ้ามาเป็นห่วง
หรอก พวกเราคนแก่จะได้พูดคุยเรื่องส่วนตัวกันด้วยพอดี”
ฮูหยินผู้เฒ่าท่านอื่นๆ เองก็ให้นาง “ไปจัดการธุระของตัวเองก็พอ”
โจวเสาจิ่นจัดวางนํ้าชาและของว่างที่ลานทิงเซียงเสร็จแล้วถึงได้ไปที่ศาลาริมนํ้า
คณะงิ้วที่เชิญมาในวันนี้คือคณะ ‘หย่งชังเฮ่า’ ที่เข้าวังไปแสดงงิ้วให้ไทเฮาและฮองเฮา
เมื่อหลายวันก่อน ฮูหยินเผิงเฉิงเป็นคนแนะนํามา ได้ยินว่าคนที่แสดงเป็นนางเอกงิ้วเป็นนักแสดง
อันดับหนึ่งของจิงเฉิง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือฝีมือการแสดงล้วนแล้วแต่งดงามเป็นอย่าง
ยิ่ง เรื่องที่เลือกมาคือ ‘ชมสวนหลังตื่นจากฝัน’ บรรดาฮูหยินและสะใภ้ทั้งหลายนั่งฟังจนเคลิ้ม จึง
ไม่มีใครสังเกตว่าโจวเสาจิ่นไม่อยู่
โจวเสาจิ่นอดโล่งอกไม่ได้ นึกถึงเรื่องที่ฮูหยินเผิงเฉิงถามนางอย่างระมัดระวังเล็กน้อยว่า
ตระกูลเฉิงจะก่อตั้งสํานักศึกษาเมื่อใดเรื่องนั้นขึ้นมา นางรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย คิดว่ารอให้
เสร็จจากงานแต่งของเฉิงเซ่าแล้ว เรื่องนี้อย่างไรก็ต้องเร่งให้เฉิงฉือออกหน้าไปหารือกับเฉิงเซ่าว่า
ควรจะทําอย่างไรแล้ว5272
กว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์จะ ‘ตื่น’ ก็ยามเซินสือ 3051ของช่วงบ่ายแล้ว จี๋อิ๋งอุ้มเขามาหาโจวเสาจิ่นที่
ศาลาริมนํ้า ทุกคนหยอกเย้าเด็กน้อยครู่หนึ่ง งานเลี้ยงช่วงเย็นก็เริ่มขึ้น อวิ้นเกอเอ๋อร์ยื่นแขน
ออกมาพลางร้องเรียก “ท่านป้า” ต้องการให้จี๋อิ๋งอุ้ม
โจวเสาจิ่นแปลกใจเล็กน้อย
ปกติไม่ว่าผู้ใดอวิ้นเกอเอ๋อร์ก็แย้มยิ้มให้หมดทุกคน แต่เมื่อถึงเวลาจุดโคมไฟยามเย็นต้อง
กลับเรือนแล้วนั้น นอกจากโจวเสาจิ่น เฉิงฉือและฮูหยินผู้เฒ่ากัวแล้ว แม้แต่แม่นมของตัวเองก็ไม่
ต้องการ
จี๋อิ๋งอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ไปอย่างดีอกดีใจ
โจวเสาจิ่นถามข้ารับใช้ข้างกายอวิ้นเกอเอ๋อร์อย่างแปลกใจว่า “นี่เกิดอะไรขึ้นหรือ”
แม่นมของอวิ้นเกอเอ๋อร์กล่าวอย่างหวาดกลัวเล็กน้อยว่า “ตอนบ่ายฮูหยินสามฉินอุ้ม
คุณชายใหญ่อวิ้นไปดูรังนกนางแอ่นที่โถงหน้า ยังขุดไส้เดือนตรงสวนดอกไม้ด้านหลังมาให้อวิ้น
เกอเอ๋อร์ป้อนลูกนกด้วยเจ้าค่ะ…”
โจวเสาจิ่นได้แต่เหงื่อตก
นางรู้อยู่แล้วว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์ไม่มีทางชื่นชอบจี๋อิ๋งโดยไร้สาเหตุอย่างแน่นอน
แต่อวิ้นเกอเอ๋อร์เป็นเด็กผู้ชาย ซนบ้างก็น่าจะไม่เป็นอะไรหรอกกระมัง
กลับเป็นโจวชูจิ่น พอเห็นอวิ้นเกอเอ๋อร์เล่นกับจี๋อิ๋งที่เพิ่งได้พบหน้ากันอย่างสนุกสนาน
แล้ว ก็มาสอบถามอย่างแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
1 เซินสือ 15-17 นาฬิกา5273
โจวเสาจิ่นไม่อาจเล่าเรื่องที่จี๋อิ๋งทําให้พี่สาวฟัง จึงกล่าวคลุมเครือพอเป็นพิธีไปสองสาม
ประโยค จากนั้นถามโจวชูจิ่นถึงเรื่องกลับเจิ้นเจียงขึ้นมา “…ข้าเตรียมของไว้เล็กน้อย ถึงเวลาท่าน
ช่วยข้านําไปให้พวกท่านยายที่จินหลิงด้วยนะเจ้าคะ”
เดินทางจากจินหลิงมาจิงเฉิงครั้งหนึ่งนั้นไม่ง่ายเลย พิธีครบรอบขวบปีของอวิ้นเกอเอ๋อร์
ครานี้ โจวเสาจิ่นจึงเพียงเขียนจดหมายไปให้ฉบับหนึ่งเท่านั้น มิได้เชิญพวกเขามา ทว่าพวกเขา
กลับให้คนนําของขวัญมาส่งให้
โจวชูจิ่นพยักหน้า ดึงโจวเสาจิ่นไปคุยกันข้างๆ “ข้าได้ยินพี่เขยของเจ้าพูดว่า เฉิงสือ
และเฉิงเจิ้งล้วนมาร่วมงานด้วย กล่าวแนะนําตัวเองต่อหน้าผู้อื่นว่าเป็นคนของตระกูลเฉิง…พวก
เขานี่มันอย่างไรกัน”
“อย่าว่าแต่พวกเขาเลยเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นยิ้มขื่นพลางกล่าว “แม้แต่ฮูหยินใหญ่หงของ
ตระกูลหง หรือก็คือป้าสะใภ้ของเฉิงสือก็มาด้วยเหมือนกัน นายท่านสี่บอกว่า พวกเราจะได้ใช้
โอกาสนี้จัดการความสัมพันธ์ให้ชัดเจนไปด้วยเลยพอดี ญาติคือญาติ คนรู้จักคือคนรู้จัก
เพราะฉะนั้นให้ทําเสมือนไม่รู้ว่าเฉิงสือและเฉิงเจิ้งก็มาด้วย ตอนออกไปยกนํ้าชาได้พบทั้งสองคน
ก็ทําเพียงแสดงความประหลาดใจให้รู้ว่าทั้งสองคนมาโดยมิได้รับเชิญ ทําให้ทุกคนได้รับรู้ก็พอ
ส่วนที่ว่าพวกเขาต้องการเข้าหาประตูเฉาหยางทางนี้ให้ได้นั้น นายท่านสี่เป็นผู้ใหญ่ ก็ปล่อยให้
พวกเขาขยับเข้ามาใกล้เองก็พอ แต่หากต้องการให้ช่วยพูดอะไรให้พวกเขานั้น นั่นคงเป็นไปไม่ได้
คนในจิงเฉิงล้วนเป็นคนฉลาดกันทั้งนั้น หลายๆ ครั้งเข้าก็จะเข้าใจกันได้เอง แต่ตระกูลหงนั้น
ค่อนข้างยุ่งยากเล็กน้อย คําพูดคําจาล้วนเปรยเป็นนัยว่าเฉิงซวี่ของจวนรองแก่แล้วเลอะเลือน
หงกั๋วเจินผู้นั้นอยู่กรมการตรวจตราก็ปฏิบัติต่อนายท่านสี่อย่างใกล้ชิดอยู่หลายส่วนในทุกด้าน ทํา
ให้นายท่านสี่รู้สึกว่าตระกูลหงไม่ธรรมดา อาจจะคบค้ากับตระกูลหงอยู่ สะใภ้ใหญ่หงมาในครั้งนี้
จึงจัดให้นางและพวกฮูหยินซ่งนั่งโต๊ะเดียวกันสามคน”5274
“เนื่องจากปู่ ของหงกั๋วเจินผู้นั้นเคยดํารงตําแหน่งเจ้ากรมการตรวจตราฝ่ ายซ้ายของ
กรมการตรวจตรามาก่อน ตอนนี้นายท่านสี่เองก็อยู่กรมการตรวจตรา เงยหน้าไม่พบก้มหน้าก็ต้อง
เจอกันอยู่ดี อีกทั้งตระกูลหงก็ระแวดระวัง นายท่านสี่จึงไม่อาจเหวี่ยงสีหน้าใส่คนของตระกูลหง
จริงๆ” โจวชูจิ่นยังรู้สึกเป็นกังวลใจเล็กน้อย กล่าวว่า “แต่ก็ไม่อาจคบหาใกล้ชิดจนเกินไป เพื่อ
หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเล่ห์เหลี่ยมอะไรขึ้นมาได้”
“นายท่านสี่ก็กล่าวเช่นนี้” โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ “เดิมทีไม่สนใจอยู่แล้ว ถึงแม้ตอนนี้สนใจ
แล้ว ก็ให้คบหากันในฐานะสหายร่วมงานธรรมดาก็พอ นายท่านสี่มิใช่คนประเภทที่ถูกรังแกแล้ว
จะไม่ส่งเสียงดังประเภทนั้น”
โจวชูจิ่นนึกถึงที่เลี่ยวเส้าถังกลับมาพูดกับตนว่า เฉิงฉืออยู่ที่กรมการตรวจตราถ่อมตน
สันโดษไม่ค่อยพูดเท่าไร แต่กระทําอะไรกลับมีความรับผิดชอบมาก เป็นที่กล่าวขวัญถึงในทางที่ดี
ยิ่ง เจ้าพนักงานตรวจตรายศขั้นสี่บนฝ่ ายซ้ายของกรมการตรวจตราผู้หนึ่งบางครั้งกลับพูดจามี
ประโยชน์ยิ่งกว่าเจ้าพนักงานตรวจตราฝ่ายซ้ายขวายศขั้นสองบนของกรมการตรวจตราเสียอีก…
นางจึงยิ้มและไม่พูดอะไรอีกเช่นกัน
กระทั่งพิธีครบรอบขวบปีของอวิ้นเกอเอ๋อร์เสร็จสิ้นแล้ว โจวเสาจิ่นทางด้านนี้ก็เก็บกวาด
เรียบร้อยแล้ว จึงให้หม่าชื่อมาเอาของที่โจวเสาจิ่นจะฝากให้นําไปที่จินหลิงด้วย
ตอนนี้หม่าชื่อเป็นพ่อบ้านใหญ่ของซอยอวี๋ซู่แล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับตอนเข้าเมืองหลวง
มาใหม่ๆ ตอนนั้นแล้วดูหนักแน่นเด็ดเดี่ยวมากขึ้น สวมชุดจื๋อตัวผ้าไหม ประดับจี้หยกมรกต แวว
ตาเผยความฉลาดมีไหวพริบ คนที่ไม่รู้ตื้นลึกเห็นแล้ว อาจคิดว่าเขาเป็นหลงจู๊ใหญ่ของร้านค้าใน
เมืองหลวงสักร้านหนึ่ง
โจวเสาจิ่นสอบถามเขาสองสามประโยค แล้วให้จี๋เสียงไปเรียกฝานฉีเข้ามาเพื่อไปยกของ
เป็นเพื่อนหม่าชื่อ5275
หลายปีนี้ฝานฉีเองก็ไม่เลว ตอนแรกติดตามพ่อบ้านเซี่ยง ต่อมาติดตามฉินจื่อจี๋ ถึงแม้อยู่
ที่ตระกูลเฉิงจะมิได้เป็นพ่อบ้าน แต่สินเจ้าสาวทั้งหมดของโจวเสาจิ่นล้วนมอบหมายให้เขาเป็นคน
ดูแล ฝานลู่พี่ชายของเขาทําการเกษตรอยู่ที่บ้านอย่างเอาจริงเอาจัง เอาเงินที่ฝานฉีนํากลับบ้าน
ไปซื้อที่ดินให้ฝานฉี รวมๆ กันแล้วน่าจะมีถึงหนึ่งร้อยหมู่แล้ว ฝานมามาสั่งเอาไว้แล้วว่า ที่ดิน
เหล่านี้ในยามปกติให้ฝานลู่ช่วยทําการเพาะปลูก ผลเก็บเกี่ยวที่ได้ก็ให้เป็นของฝานลู่ แต่เมื่อ
ฝานฉีแต่งงานแล้ว พี่น้องทั้งสองคนก็ต้องคํานวณบัญชีกันให้ชัดเจน ค่าเช่าที่ดินที่ฝานลู่ควรจ่าย
ไม่อาจขาดแม้แต่แดงเดียว ยังขอร้องโจวเสาจิ่นว่า ถ้าหากเป็นไปได้ ให้โจวเสาจิ่นช่วยแนะนํา
คู่ครองให้ทั้งฝานลู่และฝานฉี ความหมายก็คือ อยากให้บุตรชายทั้งสองคนแต่งงานกับสาวใช้ข้าง
กายของโจวเสาจิ่นนั่นเอง
โจวเสาจิ่นยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่ว่าทั้งสองคนอายุยังน้อย ยังไม่ต้องรีบร้อนในเวลานี้
หลังจากส่งโจวชูจิ่นออกเดินทางไปแล้ว โจวเสาจิ่นก็เริ่มตั้งหน้าตั้งตาเตรียมตัวเข้า
ร่วมงานแต่งของเฉิงเซ่า
ผู้ใดจะรู้ว่าเวลานี้ประตูเฉาหยางกลับได้รับข่าวการจากไปของนายท่านผู้เฒ่าซ่งบิดาของ
ซ่งจิ่งหราน
“นี่จะทําอย่างไรดีเจ้าคะ” โจวเสาจิ่นผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรีบร้อน กล่าวกับเฉิงฉือว่า
“ก่อนพิธีครบรอบขวบปีของอวิ้นเกอเอ๋อร์ตอนที่ข้าอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ไปเยี่ยมนายท่านผู้เฒ่านั้นเขา
ยังดีๆ อยู่เลย เหตุใดพอบอกว่าไปก็ไปแล้วจริงๆ”
“อากาศร้อนมากเกินไป” เฉิงฉือเองก็มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก กล่าวว่า “ใส่นํ้าแข็งรู้สึกหนาว
ไม่ใส่ก็รู้สึกร้อน คนสุขภาพไม่ดียากจะรับไหว” เขากําชับโจวเสาจิ่นว่า “อวิ้นเกอเอ๋อร์ยังเด็กเกินไป
เจ้าอย่าพาเขาไป ให้เขาเล่นอยู่ที่บ้านเถิด”5276
โจวเสาจิ่นพยักหน้า นึกถึงภาพที่เห็นนายท่านผู้เฒ่าซ่งและเฉิงฉือนั่งคํานวณระดับนํ้าอยู่
บนเรือจนลืมกินลืมนอนเป็นครั้งแรกขึ้นมา นํ้าตาก็ร่วงหล่นลงมาอย่างห้ามไม่อยู่
เฉิงฉือถอนหายใจ ประคองโจวเสาจิ่นขึ้นเกี้ยว ไปที่บ้านของซ่งจิ่งหราน
ตระกูลซ่งงดเว้นสีแดงประดับสีขาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เนื่องจากความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างเฉิงฉือและนายท่านผู้เฒ่าซ่งมิใช่ธรรมดา
หลังจากที่นายท่านผู้เฒ่าซ่งจากไปแล้วไม่รอให้บรรจุศพสามวันก่อนคนตระกูลซ่งก็รีบส่งข่าวให้
เฉิงฉือแล้ว ตอนที่พวกเขาไปถึงยังไม่มีคนมาเคารพศพ ทว่าได้พบกับซ่งจิ่งหรานที่เพิ่งกลับมาจาก
วังหลวงที่หน้าประตู
เนื่องจากต้องไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิ ซ่งจิ่งหรานยังคงสวมชุดขุนนางดังเดิม ทว่าสีหน้าซีด
เผือด สภาพดูไม่ค่อยดีนัก
เขาเห็นเฉิงฉือก็หันมากวักมือเรียกเฉิงฉือ ส่งสัญญาณให้เขาเดินตามตัวเองไปด้วย พลาง
กล่าวไปด้วยว่า “เมื่อครู่ข้าไปเข้าเฝ้าฝ่ าบาทมาแล้ว ฝ่ าบาททรงต้องการให้เลื่อนการไว้ทุกข์
ออกไป แต่ข้าปฏิเสธอย่างสุภาพไปแล้ว นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปข้าก็ต้องเริ่มไว้ทุกข์แล้ว ก่อน
หน้านี้ฝ่ าบาททรงอยากให้ข้าสอนวิชาเลขให้หวงไท่ซุน ครานี้ฝ่ าบาททรงเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ข้า
จึงแนะนําเจ้าไป อีกสองวันน่าจะมีพระราชโองการลงมา…”
“สอนหนังสือหวงไท่ซุนหรือ” เฉิงฉือประหลาดใจ
ซ่งจิ่งหรานไม่ได้กล่าวคําใด พาเฉิงฉือตรงไปที่ห้องหนังสือของเรือนชั้นนอกเงียบๆ รอให้
บ่าวชายนํานํ้าชาของว่างขึ้นโต๊ะและถอยออกไป ภายในห้องไม่มีคนอื่นแล้ว เขาถึงได้กล่าวขึ้นว่า
“จื่อชวน ข้าจากไปครั้งหนึ่งก็สองปี ในราชสํานักนั้นไม่ต้องพูดถึงสองปี เพียงแค่สองวันก็มีความ
เปลี่ยนแปลงใหม่เกิดขึ้นหนึ่งอย่างแล้ว หยางโซ่วซานนั้นถูกปลดเป็นคนธรรมดาสามัญ ไม่อาจ5277
ว่าจ้างใช้สอยได้อีกต่อไป ส่วนจางฮุ่ยขึ้นๆ ลงๆ อยู่ในราชสํานักมายาวนาน กระทําอะไรชอบ
ประเมินตามสถานการณ์ วันนี้ข้ามีเพียงเจ้าที่ใช้การได้เท่านั้นแล้ว…”