ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 569 พายุฝน
ก็เพราะคิดเผื่อนาง คิดเผื่อบุตรชาย เฉิงฉือถึงได้เหมือนกระต่ายเจ้าเล่ห์ขุดหลุมหลบภัย สามหลุมขอให้พ่อบ้านใหญ่ฉินปรับปรุงบ้านหลังเก่าอีกครั้ง
โจวเสาจิ่นพึมพําอยู่ในใจ ทว่าไม่อาจพูดอะไรกับจี๋อิ๋งได้ สีหน้าเจือความกระดากหลาย ส่วนนั่นเมื่อตกไปอยู่ในสายตาของจี๋อิ๋งกลับกลายเป็นไร้ทางเลือกแทน
จี๋อิ๋งชื่นชอบโจวเสาจิ่นมาโดยตลอด แน่นอนว่าย่อมไม่อยากให้นางลําบากใจ จึงรู้สึก เสียใจเล็กน้อยกับความปากไวของตัวเอง นางรีบเก็บความไม่พอใจที่มีต่อเฉิงฉือไว้ในใจ พูดคุย เรื่องที่นางเข้าเมืองหลวงกับนางแทน “อย่างไรก็ตามต่อไปหากมีเรื่องอะไรเจ้าต้องจําไว้ว่าต้อง บอกข้า ฉินจื่อผิงใกล้จะได้ย้ายมาเป็นผู้ตรวจการของศาลซุ่นเทียนแล้ว พวกผู้ใหญ่ซื้อบ้านหลัง เล็กขนาดสองทางเข้าให้พวกข้าที่ประตูซีจื๋อหลังหนึ่ง ธุระของข้าก็ใกล้จะเสร็จแล้ว ต่อไป ข้าเองก็ คงทําได้เพียงเลี้ยงลูกทํางานเย็บปักอยู่แต่ในบ้านแล้ว หากเจ้าไม่ไปเยี่ยมข้า เกรงว่าข้าคงไม่มีคน ให้คุยด้วยแม้แต่คนเดียว…เจ้าต้องไปเล่นกับข้าบ่อยๆ ถึงจะดี”
ประตูเฉาหยางทางด้านนี้มีฮูหยินผู้เฒ่ากัวอยู่ด้วย นายบ่าวมีระยะห่าง อีกทั้งตระกูลฉิน ยังรับใช้ตระกูลเฉิงมายาวนานหลายปี พวกเขาที่เป็นคนรุ่นเด็กเหล่านี้เมื่อได้พบฮูหยินผู้เฒ่ากัว แล้วหากไม่ไปทําความเคารพสักครั้งก็ไม่มีเหตุผลอันสมควร แต่ให้ไปเคารพนบนอบเช่นนี้ทุกครั้ง จี๋อิ๋งก็รู้สึกอึดอัด
โจวเสาจิ่นเข้าใจความคิดของนางดี เม้มปากกลั้นยิ้ม พลางรับปากด้วยความยินดี
เนื่องจากที่โถงรับรองและที่ลานทิงเซียงยังมีแขกอยู่ โจวเสาจิ่นคุยกับนางไปสองสาม ประโยค ก็ต้องลุกขึ้นไปรับรองแขก
5270
“ข้าจะรั้งอยู่ดูแลอวิ้นเกอเอ๋อร์ให้เจ้าเอง” จี๋อิ๋งไม่รู้จักคนเหล่านั้น อีกทั้งรู้สึกรักและเอ็นดูอ วิ้นเกอเอ๋อร์ ไม่ยอมจากไป
โจวเสาจิ่นกล่าว “ประเดี๋ยวเขาตื่นแล้ว ยังต้องอุ้มไปให้พวกฮูหยินผู้เฒ่าและราชบัณฑิต หลวงอู๋ดูสักหน่อยอีกอยู่ดี”
“เช่นนั้นก็ให้เขา ‘หลับ’ ยาวอีกสักหน่อย” จี๋อิ๋งกล่าวอย่างไม่เห็นด้วยว่า “ข้างนอกมีแต่ เสียงกลองเสียงฆ้อง เจ้าไม่กลัวอวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกเราจะตกใจหรือ”
“ที่ผ่านมาเขาไม่เคยกลัวของพวกนี้” โจวเสาจิ่นเล่าเรื่องเมื่อหลายวันก่อนตอนที่เขา ออกไปข้างนอกในวันสรงนํ้าพระพุทธเจ้า ระหว่างทางผ่านวัดแห่งหนึ่งกําลังทําพิธีกรรมกันอยู่ ผู้คนมากมายมหาศาล เขาโน้มกายต้องการไปดูความครึกครื้น ไม่ให้ดูยังโมโหอีกด้วย
“เช่นนั้นก็ยิ่งสมควรให้ข้าดูแลแล้ว” จี๋อิ๋งก็แค่ชอบอวิ้นเกอเอ๋อร์ “วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิด ของเขา เด็กเล็กไม่รู้ความ หากเขาร้องโวยวายขึ้นมาคงเสียมารยาทแย่!”
คําพูดเช่นนี้ก็ถึงกับพูดออกมาแล้ว
โจวเสาจิ่นได้แต่หัวเราะ
มองข้ารับใช้เจ็ดถึงแปดคนที่คอยปรนนิบัติรับใช้อวิ้นเกอเอ๋อร์นั่นแล้ว จึงตอบตกลง “เช่นนั้นพวกเราตกลงกันตามนี้ ถ้าหากเขาร้องโวยวายขึ้นมาเจ้าก็รีบให้คนไปตามหาข้า เด็กคนนี้ บางครั้งก็ดื้อรั้นเล็กน้อย”
“รู้แล้วๆ” จี๋อิ๋งรีบไล่ให้นางไป ท่าทางกลัวว่านางจะถอนคําพูด รู้สึกว่าด้วยความสามารถ ของนางแล้ว จะหลอกล่อเด็กคนหนึ่งไม่ได้เชียวหรือ
โจวเสาจิ่นส่ายศีรษะยิ้มๆ พลางไปที่ลานทิงเซียง บอกเพียงว่าวันนี้อวิ้นเกอเอ๋อร์ตื่นเช้า มากเกินไป ตอนนี้จึงยังหลับอยู่ ทําอย่างไรก็ไม่ตื่น
5271
ฮูหยินผู้เฒ่าเหล่านั้นกลัวแต่ว่าจะรบกวนอวิ้นเกอเอ๋อร์ พากันบอกให้นางไม่ต้อง ป้วนเปี้ยนอยู่ที่นี่แล้ว ให้รีบกลับไปดูแลอวิ้นเกอเอ๋อร์
ตอนนี้โจวเสาจิ่นเองก็รู้จักพูดแล้ว กล่าวยิ้มๆ ว่า “อวิ้นเกอเอ๋อร์หลับไปแล้ว ข้าก็เลยได้มา อยู่เป็นเพื่อนพวกท่านที่นี่เจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวและคนอื่นๆ หัวเราะฮ่า ฮูหยินเผิงเฉิงยิ่งแล้วใหญ่หันมาโบกมือให้นางไม่ หยุด กล่าวว่า “เจ้าไปทําธุระของเจ้าเถอะ แม่สามีของเจ้าทางด้านนี้ไม่ต้องให้เจ้ามาเป็นห่วง หรอก พวกเราคนแก่จะได้พูดคุยเรื่องส่วนตัวกันด้วยพอดี”
ฮูหยินผู้เฒ่าท่านอื่นๆ เองก็ให้นาง “ไปจัดการธุระของตัวเองก็พอ”
โจวเสาจิ่นจัดวางนํ้าชาและของว่างที่ลานทิงเซียงเสร็จแล้วถึงได้ไปที่ศาลาริมนํ้า
คณะงิ้วที่เชิญมาในวันนี้คือคณะ ‘หย่งชังเฮ่า’ ที่เข้าวังไปแสดงงิ้วให้ไทเฮาและฮองเฮา เมื่อหลายวันก่อน ฮูหยินเผิงเฉิงเป็นคนแนะนํามา ได้ยินว่าคนที่แสดงเป็นนางเอกงิ้วเป็นนักแสดง อันดับหนึ่งของจิงเฉิง ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือฝีมือการแสดงล้วนแล้วแต่งดงามเป็นอย่าง ยิ่ง เรื่องที่เลือกมาคือ ‘ชมสวนหลังตื่นจากฝัน’ บรรดาฮูหยินและสะใภ้ทั้งหลายนั่งฟังจนเคลิ้ม จึง ไม่มีใครสังเกตว่าโจวเสาจิ่นไม่อยู่
โจวเสาจิ่นอดโล่งอกไม่ได้ นึกถึงเรื่องที่ฮูหยินเผิงเฉิงถามนางอย่างระมัดระวังเล็กน้อยว่า ตระกูลเฉิงจะก่อตั้งสํานักศึกษาเมื่อใดเรื่องนั้นขึ้นมา นางรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย คิดว่ารอให้ เสร็จจากงานแต่งของเฉิงเซ่าแล้ว เรื่องนี้อย่างไรก็ต้องเร่งให้เฉิงฉือออกหน้าไปหารือกับเฉิงเซ่าว่า ควรจะทําอย่างไรแล้ว
5272
กว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์จะ ‘ตื่น’ ก็ยามเซินสือ 3051ของช่วงบ่ายแล้ว จี๋อิ๋งอุ้มเขามาหาโจวเสาจิ่นที่ ศาลาริมนํ้า ทุกคนหยอกเย้าเด็กน้อยครู่หนึ่ง งานเลี้ยงช่วงเย็นก็เริ่มขึ้น อวิ้นเกอเอ๋อร์ยื่นแขน ออกมาพลางร้องเรียก “ท่านป้า” ต้องการให้จี๋อิ๋งอุ้ม
โจวเสาจิ่นแปลกใจเล็กน้อย
ปกติไม่ว่าผู้ใดอวิ้นเกอเอ๋อร์ก็แย้มยิ้มให้หมดทุกคน แต่เมื่อถึงเวลาจุดโคมไฟยามเย็นต้อง กลับเรือนแล้วนั้น นอกจากโจวเสาจิ่น เฉิงฉือและฮูหยินผู้เฒ่ากัวแล้ว แม้แต่แม่นมของตัวเองก็ไม่ ต้องการ
จี๋อิ๋งอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ไปอย่างดีอกดีใจ
โจวเสาจิ่นถามข้ารับใช้ข้างกายอวิ้นเกอเอ๋อร์อย่างแปลกใจว่า “นี่เกิดอะไรขึ้นหรือ”
แม่นมของอวิ้นเกอเอ๋อร์กล่าวอย่างหวาดกลัวเล็กน้อยว่า “ตอนบ่ายฮูหยินสามฉินอุ้ม คุณชายใหญ่อวิ้นไปดูรังนกนางแอ่นที่โถงหน้า ยังขุดไส้เดือนตรงสวนดอกไม้ด้านหลังมาให้อวิ้น เกอเอ๋อร์ป้อนลูกนกด้วยเจ้าค่ะ…”
โจวเสาจิ่นได้แต่เหงื่อตก
นางรู้อยู่แล้วว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์ไม่มีทางชื่นชอบจี๋อิ๋งโดยไร้สาเหตุอย่างแน่นอน
แต่อวิ้นเกอเอ๋อร์เป็นเด็กผู้ชาย ซนบ้างก็น่าจะไม่เป็นอะไรหรอกกระมัง
กลับเป็นโจวชูจิ่น พอเห็นอวิ้นเกอเอ๋อร์เล่นกับจี๋อิ๋งที่เพิ่งได้พบหน้ากันอย่างสนุกสนาน แล้ว ก็มาสอบถามอย่างแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
1 เซินสือ 15-17 นาฬิกา
5273
โจวเสาจิ่นไม่อาจเล่าเรื่องที่จี๋อิ๋งทําให้พี่สาวฟัง จึงกล่าวคลุมเครือพอเป็นพิธีไปสองสาม ประโยค จากนั้นถามโจวชูจิ่นถึงเรื่องกลับเจิ้นเจียงขึ้นมา “…ข้าเตรียมของไว้เล็กน้อย ถึงเวลาท่าน ช่วยข้านําไปให้พวกท่านยายที่จินหลิงด้วยนะเจ้าคะ”
เดินทางจากจินหลิงมาจิงเฉิงครั้งหนึ่งนั้นไม่ง่ายเลย พิธีครบรอบขวบปีของอวิ้นเกอเอ๋อร์ ครานี้ โจวเสาจิ่นจึงเพียงเขียนจดหมายไปให้ฉบับหนึ่งเท่านั้น มิได้เชิญพวกเขามา ทว่าพวกเขา กลับให้คนนําของขวัญมาส่งให้
โจวชูจิ่นพยักหน้า ดึงโจวเสาจิ่นไปคุยกันข้างๆ “ข้าได้ยินพี่เขยของเจ้าพูดว่า เฉิงสือ และเฉิงเจิ้งล้วนมาร่วมงานด้วย กล่าวแนะนําตัวเองต่อหน้าผู้อื่นว่าเป็นคนของตระกูลเฉิง…พวก เขานี่มันอย่างไรกัน”
“อย่าว่าแต่พวกเขาเลยเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นยิ้มขื่นพลางกล่าว “แม้แต่ฮูหยินใหญ่หงของ ตระกูลหง หรือก็คือป้าสะใภ้ของเฉิงสือก็มาด้วยเหมือนกัน นายท่านสี่บอกว่า พวกเราจะได้ใช้ โอกาสนี้จัดการความสัมพันธ์ให้ชัดเจนไปด้วยเลยพอดี ญาติคือญาติ คนรู้จักคือคนรู้จัก เพราะฉะนั้นให้ทําเสมือนไม่รู้ว่าเฉิงสือและเฉิงเจิ้งก็มาด้วย ตอนออกไปยกนํ้าชาได้พบทั้งสองคน ก็ทําเพียงแสดงความประหลาดใจให้รู้ว่าทั้งสองคนมาโดยมิได้รับเชิญ ทําให้ทุกคนได้รับรู้ก็พอ ส่วนที่ว่าพวกเขาต้องการเข้าหาประตูเฉาหยางทางนี้ให้ได้นั้น นายท่านสี่เป็นผู้ใหญ่ ก็ปล่อยให้ พวกเขาขยับเข้ามาใกล้เองก็พอ แต่หากต้องการให้ช่วยพูดอะไรให้พวกเขานั้น นั่นคงเป็นไปไม่ได้ คนในจิงเฉิงล้วนเป็นคนฉลาดกันทั้งนั้น หลายๆ ครั้งเข้าก็จะเข้าใจกันได้เอง แต่ตระกูลหงนั้น ค่อนข้างยุ่งยากเล็กน้อย คําพูดคําจาล้วนเปรยเป็นนัยว่าเฉิงซวี่ของจวนรองแก่แล้วเลอะเลือน หงกั๋วเจินผู้นั้นอยู่กรมการตรวจตราก็ปฏิบัติต่อนายท่านสี่อย่างใกล้ชิดอยู่หลายส่วนในทุกด้าน ทํา ให้นายท่านสี่รู้สึกว่าตระกูลหงไม่ธรรมดา อาจจะคบค้ากับตระกูลหงอยู่ สะใภ้ใหญ่หงมาในครั้งนี้ จึงจัดให้นางและพวกฮูหยินซ่งนั่งโต๊ะเดียวกันสามคน”
5274
“เนื่องจากปู่ ของหงกั๋วเจินผู้นั้นเคยดํารงตําแหน่งเจ้ากรมการตรวจตราฝ่ ายซ้ายของ กรมการตรวจตรามาก่อน ตอนนี้นายท่านสี่เองก็อยู่กรมการตรวจตรา เงยหน้าไม่พบก้มหน้าก็ต้อง เจอกันอยู่ดี อีกทั้งตระกูลหงก็ระแวดระวัง นายท่านสี่จึงไม่อาจเหวี่ยงสีหน้าใส่คนของตระกูลหง จริงๆ” โจวชูจิ่นยังรู้สึกเป็นกังวลใจเล็กน้อย กล่าวว่า “แต่ก็ไม่อาจคบหาใกล้ชิดจนเกินไป เพื่อ หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเล่ห์เหลี่ยมอะไรขึ้นมาได้”
“นายท่านสี่ก็กล่าวเช่นนี้” โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ “เดิมทีไม่สนใจอยู่แล้ว ถึงแม้ตอนนี้สนใจ แล้ว ก็ให้คบหากันในฐานะสหายร่วมงานธรรมดาก็พอ นายท่านสี่มิใช่คนประเภทที่ถูกรังแกแล้ว จะไม่ส่งเสียงดังประเภทนั้น”
โจวชูจิ่นนึกถึงที่เลี่ยวเส้าถังกลับมาพูดกับตนว่า เฉิงฉืออยู่ที่กรมการตรวจตราถ่อมตน สันโดษไม่ค่อยพูดเท่าไร แต่กระทําอะไรกลับมีความรับผิดชอบมาก เป็นที่กล่าวขวัญถึงในทางที่ดี ยิ่ง เจ้าพนักงานตรวจตรายศขั้นสี่บนฝ่ ายซ้ายของกรมการตรวจตราผู้หนึ่งบางครั้งกลับพูดจามี ประโยชน์ยิ่งกว่าเจ้าพนักงานตรวจตราฝ่ายซ้ายขวายศขั้นสองบนของกรมการตรวจตราเสียอีก… นางจึงยิ้มและไม่พูดอะไรอีกเช่นกัน
กระทั่งพิธีครบรอบขวบปีของอวิ้นเกอเอ๋อร์เสร็จสิ้นแล้ว โจวเสาจิ่นทางด้านนี้ก็เก็บกวาด เรียบร้อยแล้ว จึงให้หม่าชื่อมาเอาของที่โจวเสาจิ่นจะฝากให้นําไปที่จินหลิงด้วย
ตอนนี้หม่าชื่อเป็นพ่อบ้านใหญ่ของซอยอวี๋ซู่แล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับตอนเข้าเมืองหลวง มาใหม่ๆ ตอนนั้นแล้วดูหนักแน่นเด็ดเดี่ยวมากขึ้น สวมชุดจื๋อตัวผ้าไหม ประดับจี้หยกมรกต แวว ตาเผยความฉลาดมีไหวพริบ คนที่ไม่รู้ตื้นลึกเห็นแล้ว อาจคิดว่าเขาเป็นหลงจู๊ใหญ่ของร้านค้าใน เมืองหลวงสักร้านหนึ่ง
โจวเสาจิ่นสอบถามเขาสองสามประโยค แล้วให้จี๋เสียงไปเรียกฝานฉีเข้ามาเพื่อไปยกของ เป็นเพื่อนหม่าชื่อ
5275
หลายปีนี้ฝานฉีเองก็ไม่เลว ตอนแรกติดตามพ่อบ้านเซี่ยง ต่อมาติดตามฉินจื่อจี๋ ถึงแม้อยู่ ที่ตระกูลเฉิงจะมิได้เป็นพ่อบ้าน แต่สินเจ้าสาวทั้งหมดของโจวเสาจิ่นล้วนมอบหมายให้เขาเป็นคน ดูแล ฝานลู่พี่ชายของเขาทําการเกษตรอยู่ที่บ้านอย่างเอาจริงเอาจัง เอาเงินที่ฝานฉีนํากลับบ้าน ไปซื้อที่ดินให้ฝานฉี รวมๆ กันแล้วน่าจะมีถึงหนึ่งร้อยหมู่แล้ว ฝานมามาสั่งเอาไว้แล้วว่า ที่ดิน เหล่านี้ในยามปกติให้ฝานลู่ช่วยทําการเพาะปลูก ผลเก็บเกี่ยวที่ได้ก็ให้เป็นของฝานลู่ แต่เมื่อ ฝานฉีแต่งงานแล้ว พี่น้องทั้งสองคนก็ต้องคํานวณบัญชีกันให้ชัดเจน ค่าเช่าที่ดินที่ฝานลู่ควรจ่าย ไม่อาจขาดแม้แต่แดงเดียว ยังขอร้องโจวเสาจิ่นว่า ถ้าหากเป็นไปได้ ให้โจวเสาจิ่นช่วยแนะนํา คู่ครองให้ทั้งฝานลู่และฝานฉี ความหมายก็คือ อยากให้บุตรชายทั้งสองคนแต่งงานกับสาวใช้ข้าง กายของโจวเสาจิ่นนั่นเอง
โจวเสาจิ่นยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่ว่าทั้งสองคนอายุยังน้อย ยังไม่ต้องรีบร้อนในเวลานี้
หลังจากส่งโจวชูจิ่นออกเดินทางไปแล้ว โจวเสาจิ่นก็เริ่มตั้งหน้าตั้งตาเตรียมตัวเข้า ร่วมงานแต่งของเฉิงเซ่า
ผู้ใดจะรู้ว่าเวลานี้ประตูเฉาหยางกลับได้รับข่าวการจากไปของนายท่านผู้เฒ่าซ่งบิดาของ ซ่งจิ่งหราน
“นี่จะทําอย่างไรดีเจ้าคะ” โจวเสาจิ่นผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรีบร้อน กล่าวกับเฉิงฉือว่า “ก่อนพิธีครบรอบขวบปีของอวิ้นเกอเอ๋อร์ตอนที่ข้าอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ไปเยี่ยมนายท่านผู้เฒ่านั้นเขา ยังดีๆ อยู่เลย เหตุใดพอบอกว่าไปก็ไปแล้วจริงๆ”
“อากาศร้อนมากเกินไป” เฉิงฉือเองก็มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก กล่าวว่า “ใส่นํ้าแข็งรู้สึกหนาว ไม่ใส่ก็รู้สึกร้อน คนสุขภาพไม่ดียากจะรับไหว” เขากําชับโจวเสาจิ่นว่า “อวิ้นเกอเอ๋อร์ยังเด็กเกินไป เจ้าอย่าพาเขาไป ให้เขาเล่นอยู่ที่บ้านเถิด”
5276
โจวเสาจิ่นพยักหน้า นึกถึงภาพที่เห็นนายท่านผู้เฒ่าซ่งและเฉิงฉือนั่งคํานวณระดับนํ้าอยู่ บนเรือจนลืมกินลืมนอนเป็นครั้งแรกขึ้นมา นํ้าตาก็ร่วงหล่นลงมาอย่างห้ามไม่อยู่
เฉิงฉือถอนหายใจ ประคองโจวเสาจิ่นขึ้นเกี้ยว ไปที่บ้านของซ่งจิ่งหราน
ตระกูลซ่งงดเว้นสีแดงประดับสีขาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เนื่องจากความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างเฉิงฉือและนายท่านผู้เฒ่าซ่งมิใช่ธรรมดา หลังจากที่นายท่านผู้เฒ่าซ่งจากไปแล้วไม่รอให้บรรจุศพสามวันก่อนคนตระกูลซ่งก็รีบส่งข่าวให้ เฉิงฉือแล้ว ตอนที่พวกเขาไปถึงยังไม่มีคนมาเคารพศพ ทว่าได้พบกับซ่งจิ่งหรานที่เพิ่งกลับมาจาก วังหลวงที่หน้าประตู
เนื่องจากต้องไปเข้าเฝ้าจักรพรรดิ ซ่งจิ่งหรานยังคงสวมชุดขุนนางดังเดิม ทว่าสีหน้าซีด เผือด สภาพดูไม่ค่อยดีนัก
เขาเห็นเฉิงฉือก็หันมากวักมือเรียกเฉิงฉือ ส่งสัญญาณให้เขาเดินตามตัวเองไปด้วย พลาง กล่าวไปด้วยว่า “เมื่อครู่ข้าไปเข้าเฝ้าฝ่ าบาทมาแล้ว ฝ่ าบาททรงต้องการให้เลื่อนการไว้ทุกข์ ออกไป แต่ข้าปฏิเสธอย่างสุภาพไปแล้ว นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปข้าก็ต้องเริ่มไว้ทุกข์แล้ว ก่อน หน้านี้ฝ่ าบาททรงอยากให้ข้าสอนวิชาเลขให้หวงไท่ซุน ครานี้ฝ่ าบาททรงเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกครั้ง ข้า จึงแนะนําเจ้าไป อีกสองวันน่าจะมีพระราชโองการลงมา…”
“สอนหนังสือหวงไท่ซุนหรือ” เฉิงฉือประหลาดใจ
ซ่งจิ่งหรานไม่ได้กล่าวคําใด พาเฉิงฉือตรงไปที่ห้องหนังสือของเรือนชั้นนอกเงียบๆ รอให้ บ่าวชายนํานํ้าชาของว่างขึ้นโต๊ะและถอยออกไป ภายในห้องไม่มีคนอื่นแล้ว เขาถึงได้กล่าวขึ้นว่า “จื่อชวน ข้าจากไปครั้งหนึ่งก็สองปี ในราชสํานักนั้นไม่ต้องพูดถึงสองปี เพียงแค่สองวันก็มีความ เปลี่ยนแปลงใหม่เกิดขึ้นหนึ่งอย่างแล้ว หยางโซ่วซานนั้นถูกปลดเป็นคนธรรมดาสามัญ ไม่อาจ
5277
ว่าจ้างใช้สอยได้อีกต่อไป ส่วนจางฮุ่ยขึ้นๆ ลงๆ อยู่ในราชสํานักมายาวนาน กระทําอะไรชอบ ประเมินตามสถานการณ์ วันนี้ข้ามีเพียงเจ้าที่ใช้การได้เท่านั้นแล้ว…”