ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 570 ตอบรับ
ห้องหนังสือของซ่งจิ่งหรานตั้งอยู่มุมทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเรือนชั้นนอกของตระกูล ซ่ง พอเปิดหน้าต่างออก ตรงมุมกําแพงมีหินทะเลสาบไท่หูอยู่สองชิ้น ท่ามกลางกอไผ่สีเขียว หนาแน่นนั้นปลูกต้นทับทิมต้นหนึ่งเอาไว้
เวลานี้เป็นเดือนห้าพอดี ไผ่เขียวจึงเขียวชอุ่ม ดอกทับทิมกําลังเบ่งบานเต็มที่ผ่องอําไพดุจ ไฟ นําพาให้เกิดวิวทิวทัศน์ของฤดูใบไม้ผลิที่งดงามยิ่ง
ทว่าในใจของเฉิงฉือกลับสับสนวุ่นวายคล้ายกับอาหารห้ารสถูกเทกระจาดพลิกควํ่าก็ไม่ ปาน
แต่ครั้นกลายเป็นอาจารย์สอนหนังสือให้หวงไท่ซุนแล้ว โชคชะตาในอนาคตของเขา จําต้องผูกติดกับหวงไท่ซุนเป็นแน่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมี ‘คําทํานาย’ ของโจวเสาจิ่นอีกที่ว่าหวงไท่ ซุนจะสิ้นพระชนม์ก่อนวัยอันควร
เขาเงียบไปครู่ใหญ่อย่างช่วยไม่ได้ กล่าวว่า “เรื่องนี้เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้วหรือ”
ซ่งจิ่งหรานไม่เข้าใจ กล่าวว่า “จื่อชวน เจ้าวิตกกังวลอะไรอยู่กันแน่ ถ้าหากเป็นพี่ใหญ่ ของเจ้า เจ้าไม่จําเป็นต้องกังวลเลย พี่น้องที่ไม่เหมือนกันในราชสํานักมีจํานวนมาก ข้าเชื่อว่าขุน นางใหญ่เฉิงก็มิใช่คนจิตใจคับแคบประเภทนั้น แต่ถ้าคนที่เจ้ากังวลคือเจ้าใหญ่ของพวกข้า นั่นยิ่ง ไม่ต้องกังวลเลย ถึงแม้เขาจะอายุน้อยกว่าเจ้าเพียงไม่กี่ปี แต่การกระทําและฝีมือกลับห่างชั้นกับ เจ้ามากนัก หากมิใช่สิบปี ย่อมไม่อาจรับผิดชอบเพียงลําพังได้ และอย่างมากที่สุดข้ายังมีเวลา รุ่งโรจน์อีกสิบห้าปี ถึงเวลานั้นเจ้าใหญ่ของพวกเรายังต้องให้เจ้าช่วยชี้แนะและนําทางด้วย…” ยัง มีอีกหนึ่งประโยคที่เขาไม่ได้พูด
5279
เฉิงจิงและเขาอายุไม่ต่างกันมาก แต่เฉิงสวี่กลับไปรับราชการต่างเมือง ต่อให้มีเฉิงจิงช่วย วิ่งเต้นให้เขาอยู่ที่เมืองหลวง แต่หากมิใช่สิบห้าสิบหกปีย่อมไม่ได้กลับเมืองหลวง จวบจนเฉิงสวี่ก ลับเมืองหลวง เฉิงจิงก็น่าจะเกษียณแล้ว และเฉิงสวี่อยู่ต่างเมืองนาน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะปรับตัว เข้ากับราชสํานักในจิงเฉิงได้ในทันทีทันใด อยากมีที่ยืนในราชสํานัก เกรงว่าอาจจะเร็วไม่เท่าซ่งมู่ ด้วยซํ้า แต่ด้วยอายุของเฉิงฉือแล้ว อย่างน้อยที่สุดก็ยังรับราชการได้อีกยี่สิบปี หากสุขภาพของ เขายังใช้งานได้ ต่อให้เป็นสามสิบปีก็เป็นอะไรที่เป็นไปได้
เฉิงจิงจะยกเส้นสายของตัวเองให้ผู้ใด ให้เฉิงสวี่? เฉิงสวี่จะรับเอาไว้ได้หรือ ให้เฉิงฉือ?
เวลานั้นอวิ้นเกอเอ๋อร์ก็โตแล้ว กําลังถึงวัยรุ่งโรจน์พอดี นอกเสียจากว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์จะเป็นคนไม่เอาไหนคนหนึ่ง ไม่เช่นนั้นผู้ใดจะไม่เก็บเส้น สายเอาไว้ให้บุตรชายแต่เก็บไว้ให้หลานชายแทนกัน? ถึงเวลานั้น เกรงว่าราชสํานักรัชสมัยปัจจุบันอาจไม่เหลืออะไรให้เฉิงสวี่แล้ว… เขาเข้าใจแจ่มแจ้ง เฉิงจิงยิ่งเข้าใจแจ่มแจ้งยิ่งกว่า!
เวลานี้เฉิงฉือช่วยรักษาเส้นสายในราชสํานักให้เขา ใช่ว่าเฉิงฉือจะไม่ขยายอิทธิพลของ ตัวเองไปด้วย
5280
และตอนนี้เนื่องด้วยเรื่องฟ้องร้องชวีหยวนเฉิงฉือจึงมีชื่อเสียงเป็นผู้ซื่อสัตย์ยุติธรรม ยิ่งมี ชื่อเสียงด้านความสามารถอีกหนึ่งอย่าง ถึงเวลาที่เฉิงจิงเกษียณ ต่อให้ไม่อยากส่งมอบเส้น สายในมือให้เฉิงฉือเกรงว่าก็เป็นไปโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว!
นอกจากนี้เฉิงฉือเคยรักษาตําแหน่งให้ตนมาก่อน ซ่งมู่เดินไปไม่ถึงจุดสูงสุดก็แล้วไป แต่ ถ้าวันหนึ่งเดินไปถึงจุดสูงสุดได้ อยู่ต่อหน้าเฉิงฉือก็ต้องนอบน้อมให้เกียรติ ยามอวิ้นเกอเอ๋อร์รับ ราชการก็ยิ่งต้องช่วยเหลือเขาสักครั้งหนึ่ง
สําหรับเฉิงฉือแล้ว นี่มีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสียเลยแม้แต่น้อย แต่ถ้อยคําบางอย่าง ก็ทําได้แค่แตะต้องเพียงบางส่วนเท่านั้น ซ่งจิ่งหรานมองเฉิงฉือด้วยแววตาระยิบระยับ เขาเชื่อว่าเฉิงฉือเข้าใจความหมายของเขาดี
เฉิงฉือไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ชีวิตจะหาไม่แล้ว ยังจะพูดเรื่องมอบหมายตําแหน่งอะไรกันอีก แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ต่อให้เขาไม่ไปสอนวิชาเลขให้หวงไท่ซุน ก็ยังมีความสัมพันธ์ของ เฉิงเซ่ากับองค์ฮ่องเต้อีก เขาจะขีดเส้นแบ่งกับหวงไท่ซุนให้ชัดเจนได้หรือ นี่ช่างเป็นเรื่องที่คนกําหนดไม่สู้สวรรค์กําหนดจริงๆ เขาได้แต่กล่าวว่า “ข้าขอบคุณใต้เท้าซ่งที่แนะนํา ด้านวังบูรพากําหนดเวลาเรียนเอาไว้ หรือยัง ใช้เวลาเรียนยาวนานเท่าไรหรือ” นี่ก็เท่ากับตอบตกลงแล้ว เพียงแต่ว่าเหตุใดนํ้าเสียงถึงเรียบเฉยเช่นนั้นเล่า?
5281
ซ่งจิ่งหรานกล่าวขึ้นอย่างอดไม่ได้ว่า “ต่อหน้าพระพักตร์หวงไท่ซุน จะดีร้ายเจ้าก็ต้องวาง ความถือตัวลงสักหน่อย นี่เป็นเรื่องที่ผู้อื่นขอร้องก็ยังขอมาไม่ได้ เจ้าอย่าได้ไม่เห็นเป็นเรื่องสําคัญ สูญเสียงานไปเป็นเรื่องเล็ก แต่การทิ้งภาพจําดื้อรั้นหัวแข็งให้หวงไท่ซุนคงเป็นเรื่องยุ่งยากแน่ ไม่ ว่าจะกล่าวอย่างไร เขาก็เป็นรัชทายาทสืบทอดบัลลังก์ในอนาคต!”
นั่นก็ต้องขึ้นสู่บัลลังก์ให้ได้ก่อนถึงจะทําได้ เฉิงฉือพึมพําอยู่ในใจ รับคําซ่งจิ่งหรานเสียงหนึ่งอย่างไม่ใส่ใจนัก ซ่งจิ่งหรานถอนหายใจ
เฉิงจื่อชวนนั้นอะไรก็ดีไปหมด เพียงแต่ว่าได้ตําแหน่งขุนนางมาง่ายดายเกินไป จึงไม่รู้ คุณค่า คิดถึงตอนแรก เพื่อให้ได้มีโอกาสอยู่ต่อหน้าพระพักตร์หวงไท่ซุนแล้ว ไม่รู้เขาต้องสร้าง สายสัมพันธ์ไปเนิ่นนานเพียงใด ผลปรากฏว่ายังไม่ทันได้สอนหนังสือหวงไท่ซุนแม้แต่ครั้งเดียว ทว่ากลับต้องยกให้เฉิงฉือไปอย่างง่ายดายแล้ว มองจากจุดนี้แล้ว วาสนาของเฉิงฉือช่างดีจริงๆ
เขาอธิบายให้เฉิงฉือฟังว่า “สองวันก่อนข้าจัดการเรื่องตารางเรียนกับทางวังบูรพาเอาไว้ เรียบร้อยแล้ว ช่วงบ่ายของทุกวันที่ห้าของเดือนไปสอนวิชาเลขให้หวงไท่ซุนสองชั่วยาม วันนี้คงไม่ ทันแล้ว วันที่ห้าเดือนหน้าค่อยเริ่มก็แล้วกัน! เรื่องนี้ฝ่ าบาททรงยํ้ากําชับกับทางวังบูรพาด้วย พระองค์เองเรียบร้อยแล้ว”
เฉิงฉือพยักหน้า ถามถึงสถานการณ์ของหวงไท่ซุนขึ้นมา มีบ่าวชายเด็กเข้ามารายงานว่า “ขุนนางใหญ่หยวนและขุนนางใหญ่เฉิงมาขอรับ” ซ่งจิ่งหรานมองไปที่เฉิงฉืออย่างอดไม่ได้ เฉิงฉือกล่าว “ข้าเป็นคนบอกพี่ใหญ่เอง!”
5282
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าหยวนเหวยชางก็มาด้วย
ทั้งสองคนคุยกันต่อไม่ได้แล้ว ออกไปที่โถงงานศพด้วยกัน
หลังจากจุดธูปให้นายท่านผู้เฒ่าซ่งเรียบร้อยแล้ว ซ่งจิ่งหรานเชิญหยวนเหวยชาง เฉิงจิง และคนอื่นๆ ไปนั่งที่ห้องหนังสือ
เฉิงฉือรั้งท้ายอยู่สองสามก้าว สั่งการไหวซานว่า “พวกเราต้องติดต่อกับหวงไท่ซุนแล้ว เจ้าไปสืบเรื่องของทางด้านนั้นมาให้ละเอียด”
ไหวซานขาน “ขอรับ” เสียงหนึ่ง แล้วหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
โจวเสาจิ่นร้องไห้ตามฮูหยินซ่งไปหลายยก ตอนกลับไปดวงตาบวมเล็กน้อย
เฉิงฉือให้คนต้มไข่ไก่มาช่วยประคบดวงตาให้นาง ขบขันนาง “เจ้าก็ช่างไร้เดียงสาเกินไป แล้ว เกิดแก่เจ็บตายตั้งอยู่เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ นอกจากนี้ความปรารถนาตลอดชีวิตของ นายท่านผู้เฒ่าซ่งก็ถือว่าบรรลุผลสําเร็จแล้ว จากไปอย่างสบายใจ มีอะไรให้ต้องร้องไห้ด้วย”
“ข้าเองก็ทราบเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นหน้าแดงกํ่า กล่าวว่า “แต่พอข้าเห็นฮูหยินซ่งร้องไห้ ก็ ร้องไห้ตามไปด้วยอย่างห้ามไม่อยู่”
เฉิงฉือกล่าว “เช่นนั้นช่วงนี้เจ้าก็อย่าเพิ่งไปเลย หลีกเลี่ยงเรื่องที่ว่าไปครั้งหนึ่งก็ร้องไห้ครั้ง หนึ่ง ดวงตาแทบจะลืมไม่ขึ้นแล้ว ท่านอารองทางด้านโน้นใกล้จะเข้าพิธีวิวาห์แล้ว ทางด้านโน้น เร่งด่วนกว่า”
โจวเสาจิ่นพยักหน้า ก่อนหน้านี้ร้องไห้จนคอแห้งไปเล็กน้อย ดื่มชาสองจอกติดๆ กันแล้ว ถึงได้ถามถึงเรื่องที่ซ่งจิ่งหรานบอกมา “ต้องไปสอนวิชาเลขให้หวงไท่ซุนจริงๆ หรือเจ้าคะ ข้าได้ยิน ว่าหวงไท่ซุนเฉลียวฉลาดยิ่งนัก ดาราศาสตร์ภูมิศาสตร์ ปรัชญาแนวคิดหลากหลายแขนง ล้วน รอบรู้ทั้งหมด ก่อนพระองค์สิ้นพระชนม์ ยังเคยรับผิดชอบดูแลการแก้ไขปฏิทินของสํานักดารา
5283
ศาสตร์มาก่อนด้วย ทุกคนต่างกล่าวกันว่าพระปรีชาสามารถของหวงไท่ซุนนั้นใกล้เคียงกับปีศาจ เพราะฉะนั้นถึง…ถึงได้ด่วนจากไปตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์เจ้าค่ะ” “เอ๋!” เป็นครั้งแรกที่เฉิงฉือได้ยินคํากล่าวเช่นนี้ เขาย่นคิ้วขึ้น เอ่ยถามว่า “เจ้าแน่ใจหรือไม่ ว่านั่นมิใช่คําเยินยอของคนเหล่านั้น” “น่าจะไม่ใช่นะเจ้าคะ!” โจวเสาจิ่นพึมพํากล่าว “พี่เขยเองก็เคยบอกว่าหวงไท่ซุนทรงพระ ปรีชาสามารถมาก…” นั่นก็หมายความว่า ไม่อาจมองหวงไท่ซุนเป็นเหมือนกับเด็กธรรมดาทั่วไป เฉิงฉือตัดสินใจจะออกข้อสอบสักชุดหนึ่งไปทดสอบความสามารถของเขา โจวเสาจิ่นกลับยังมีห่วงอีกเรื่องหนึ่ง “ถ้าหากพระองค์สิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ จริงๆ เล่า?” เฉิงฉือหัวเราะสดใสพลางกล่าว “หากเขามีสติปัญญามากใกล้เคียงกับปีศาจจริงๆ ก็คุ้ม ค่าที่ข้าได้สอนเขาครั้งหนึ่ง ไม่แน่ว่าอาจจะได้คุยเรื่ององค์ชายสี่กับหวงไท่ซุนด้วยพอดีก็เป็นได้” ให้พวกเขาไปกัดกันเอาเอง ให้เขาได้มีเวลาว่างส่งสวีมู่ของกลุ่มจินซาไปที่ฉงโจวด้วยพอดี หาบ้านที่นั่นให้เขาสักหลัง หนึ่ง
ยังมีเซียวเจิ้นไห่อีก ช่วงนี้เขาว่างไม่มีอะไรทํา ให้เขากลับไปที่เขาฉางไป๋ ซานสักครั้งหนึ่ง ถ้าหากตระกูลเฉิงหนีออกจากหายนะนั่นไม่ได้จริงๆ ไปอยู่ที่เขาฉางไป๋ ซานสักระยะหนึ่งก็ไม่เลว เหมือนกัน
5284
คิดถึงตรงนี้ เขารู้สึกดีใจที่โจวเสาจิ่นเป็นคนชอบความสงบ ไปอยู่ที่นั่น ขอเพียงตกแต่ง บ้านให้อบอุ่นน่าอยู่ นางย่อมอยู่ได้อย่างแน่นอน
ชั่วพริบตานั้นเฉิงฉือก็มีงานยุ่งขึ้นมา
เรื่องที่เขาสอนหนังสือหวงไท่ซุนก็แพร่ออกไปด้วย
หยวนซื่อริษยาเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ “ในราชสํานักนี้มีบัณฑิตซู่จี๋ซื่อไม่รู้มากมายเท่าไร คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วอาสี่ของเจ้าจะมีที่ยืนในราชสํานักด้วยความสามารถของพ่อค้าได้”
เฉิงสวี่ทําเสมือนไม่ได้ยิน
หมิ่นเจียกลับทนฟังไม่ได้ กล่าวกับหยวนซื่อยิ้มๆ ว่า “ได้ยินว่าเดิมทีแล้วอยากให้ขุนนาง ใหญ่ซ่งไป ปรากฏว่านายท่านผู้เฒ่าซ่งจากไปเสียก่อน ท่านว่า ท่านอาสี่ของพวกเราจะเป็น เหมือนกับขุนนางใหญ่ซ่ง กลายเป็นจี้เซียงที่มีชื่อเสียงได้หรือไม่เจ้าคะ”
สีหน้าของหยวนซื่อพลันเปลี่ยนสี กล่าวว่า “ใต้โลกหล้านี้ยังไม่เคยมีพี่น้องเป็นขุนนาง ใหญ่ในเวลาเดียวกันมาก่อน!”
หมิ่นเจียไม่ได้กล่าวอะไร ทว่าในใจกลับไม่เห็นด้วย
แน่นอนว่าเป็นขุนนางใหญ่พร้อมกันไม่ได้ แต่ถ้าหากคนหนึ่งก่อนคนหนึ่งหลังเล่า
เรื่องราวบนโลกใบนี้มีความแน่นอนไม่เปลี่ยนแปลงเลยตั้งแต่เมื่อใดกัน
เนื่องจากได้ทิ่มแทงหยวนซื่อให้เจ็บปวดเล็กน้อยแล้ว เป้าหมายของหมิ่นเจียก็ถือว่า บรรลุผลแล้ว จึงไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก กล่าวถึงเรื่องที่ตระกูลหมิ่นต้องการเลี้ยงส่งเฉิงสวี่ขึ้นมา “… กําหนดเป็นวันที่สี่เดือนห้า ตรงกับที่เรื่องของท่านย่ารองทางด้านโน้นก็แล้วเสร็จพอดี ฮูหยินหกอ ยากเชิญท่านแม่ไปเป็นเกียรติ ถึงเวลาไปฟังงิ้วด้วยกันเจ้าค่ะ”
5285
เบื้องบนของหมิ่นเจียยังมีย่าและย่าทวด มารดาของนางอยู่ดูแลผู้อาวุโสที่ฝูเจี้ยน มิได้ อาศัยอยู่ที่จิงเฉิง ตระกูลหมิ่นที่จิงเฉิงได้อาสะใภ้หกของหมิ่นเจียเป็นผู้ดูแลงานในบ้าน
หยวนซื่อขานตอบตกลงไปเสียงหนึ่งอย่างเหม่อลอย เดินทางไปซอยซวงอวี๋พร้อมกับ หมิ่นเจียและเฉิงสวี่
สินเจ้าสาวของฉางซื่อวางกางเอาไว้ตรงกลางลานบ้านแล้ว ถึงแม้จะมีเพียงหกสิบสี่คน หาม ทว่าส่วนใหญ่เป็นของจากในวังซึ่งเป็นของที่ไทเฮา ฮองเฮาและฮ่องเต้พระราชทานมาให้ ก็ นับว่ามีหน้ามีตายิ่ง
ตระกูลเฉิงยังคงเชิญสะใภ้สามของใต้เท้าอู๋แห่งสํานักฮั่นหลินมาเป็นผู้เปี่ยมไปด้วยพรทุก ประการ
หลังจากส่งตระกูลฉางที่มาปูเตียงเสร็จเรียบร้อยแล้ว วันแรกทุกคนรับประทานมื้อเที่ยง ด้วยกัน จากนั้นให้เฉิงฉือเป็นคนนํา ตีกลองเป่าแตรแต่งฉางซื่อเข้าบ้านมา วันที่สองทําความรู้จัก ญาติพี่น้อง วันที่สามกลับบ้านเดิม จากนั้นซอยซวงอวี๋ก็กลับมาเงียบสงบดังเดิม เฉิงสวี่และคน อื่นๆ ก็เริ่มไปเป็นแขกที่บ้านนี้บ้านนั้น จัดเตรียมรถม้าเสร็จพร้อมออกเดินทางไปจากจิงเฉิงแล้ว
ส่วนเฉิงฉือไปที่วังบูรพา เริ่มสอนวิชาเลขให้หวงไท่ซุน
โจวเสาจิ่นหนังตากระตุกรุนแรงยิ่งนัก ทั้งกลัวว่าหวงไท่ซุนจะดูแคลนการสอนของเฉิงฉือ และกลัวว่าเฉิงฉือจะชื่นชอบคนมีความสามรถแล้วไปช่วยทวงสิทธิ์ให้หวงไท่ซุนโดยไม่คํานึงถึงผล ที่จะตามมา
จี๋อิ๋งที่นํากระจับและเม็ดบัวสดใหม่มาเยี่ยมอวิ้นเกอเอ๋อร์มองแล้วได้แต่กลอกตา กล่าว ขึ้นว่า “ถ้าหากแม้แต่เรื่องแค่นี้เฉิงจื่อชวนยังทําได้ไม่ดี เขายังจะมีประโยชน์อะไร เจ้าอยู่บ้านให้ สบายใจเถิด อย่าเอาแต่คิดโน่นคิดนี่เลย”
5286
“ข้าเองก็รู้” โจวเสาจิ่นกล่าวอย่างกระดากอาย “แต่ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด ไม่อาจวางใจลง ได้เลย”
เชื่อใจเขาเป็นเรื่องหนึ่ง ไม่เป็นกังวลก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
จี๋อิ๋งเห็นโจวเสาจิ่นฟังไม่เข้าหู ก็ไม่อยากสนใจนางแล้ว ตรงไปเล่นกับอวิ้นเกอเอ๋อร์
อวิ้นเกอเอ๋อร์ยังจําที่จี๋อิ๋งพาเขาไปดูรังนกบนต้นไม้ได้ พอเห็นนางก็ปรบมือเล็กพลางร้อง เรียก “ท่านป้า” ต้องการให้นางอุ้ม
จี๋อิ๋งดีใจเป็นอย่างยิ่ง อุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ไว้พลางกล่าว “อากาศร้อนขนาดนี้ พวกเราไปว่าย นํ้ากันดีกว่า”
ข้ารับใช้ในห้องตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบวิ่งไปบอกโจวเสาจิ่น
โจวเสาจิ่นกลับรู้สึกว่าไม่เสียหายอะไร
จี๋อิ๋งทําอะไรพึ่งพาได้มาโดยตลอด เฉิงฉือไม่มีเวลามาเล่นเป็นเพื่อนอวิ้นเกอเอ๋อร์เท่าไร นัก นางก็เป็นคนเรียบร้อยนุ่มนิ่ม ถ้าหากอวิ้นเกอเอ๋อร์เรียนรู้ทักษะอะไรของเด็กผู้ชายจากจี๋อิ๋งได้ ก็ไม่เลวนัก
นางเร่งไปที่ทะเลสาบ คัดเลือกป้ารับใช้ที่ว่ายนํ้าเป็นสองสามคนมายืนคอยช่วยเหลืออยู่ ข้างๆ เตรียมพร้อมเอาไว้ก่อน
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วหัวเราะร่า กล่าวกับหลี่ว์มามาว่า “เมื่อก่อนข้าเอาแต่กลัวว่าแม่ ของอวิ้นเกอเอ๋อร์นั้นขี้กลัวและระแวดระวังเกินไป คิดไม่ถึงว่าถึงแม้นิสัยจะอ่อนโยน ทว่าวิสัยทัศน์ กลับกว้างไกล รู้ว่าตัวเองทําไม่ได้ ก็ปล่อยให้คนข้างๆ ช่วยสอนอวิ้นเกอเอ๋อร์แทน เมื่อเปรียบเทียบ กับหยวนซื่อที่ดึงทุกอย่างไปไว้ในมือ คนรอบกายอย่าหวังจะได้สัมผัสนั่นแล้วนางดีกว่าเป็นร้อย เท่าพันเท่า”