ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 571 เตรียมการ
หลี่ว์มามาไหนเลยจะกล้ารับคํา รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปที่เรื่องของอวิ้นเกอเอ๋อร์ที่ฮู หยินผู้เฒ่ากัวโปรดปรานที่สุดแทน “ได้ยินสาวใช้ที่มารายงานบอกว่า จี๋อิ๋งผู้นั้นมีทักษะการว่าย นํ้าดียิ่ง กระโดดลงไปในนํ้าแล้วประหนึ่งปลาก็ไม่ปาน คุณชายใหญ่อวิ้นลงนํ้าไปทั้งชุดเอี๊ยมสีแดง เหลือบเงิน แขนขาเล็กๆ นั่นคล้ายกับรากบัว ไม่รู้ว่าน่ารักน่าชังเพียงใด…ท่านอยากไปดูสักหน่อย หรือไม่เจ้าคะ”
“ไป! เหตุใดจะไม่ไปเล่า!” เดิมทีฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่อยากไป ได้ยินแล้วกลับนั่งไม่ติดที่ เล็กน้อย จับมือของเฉินเซียงเอาไว้เดินไปที่ศาลาริมนํ้า
พวกป้ารับใช้ดันเรือมาอยู่ตรงบริเวณที่ต้นตั๊กแตนเก่าแก่แผ่กิ่งก้านมาถึง โจวเสาจิ่นกําลัง นั่งหลบแดดอยู่ใต้ต้นไม้
จี๋อิ๋งและอวิ้นเกอเอ๋อร์กําลังเล่นอยู่ในนํ้ากันอย่างเบิกบานยิ่ง เสียงหัวเราะคิกคักราวกับ ระฆังเงิน แผ่กังวานไปไกล
ฮูหยินผู้ฒ่ากัวมองแล้วอดต่อว่ายิ้มๆ ไม่ได้ว่า “มีสตรีเช่นเจ้าด้วยหรือ ระวังอวิ้นเกอเอ๋อร์ ของพวกข้าจะตากแดดจนดํา จะให้เจ้าชดใช้!”
โจวเสาจิ่นเม้มปากกลั้นยิ้ม เชิญฮูหยินผู้เฒ่ากัวมานั่งที่เรือ “…ไม่เพียงเย็นสบาย ยังทําให้ รู้สึกดีมากด้วยเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา ได้ยินแล้วก็ไม่โต้แย้ง จับไหล่ของคนเรือแล้ว ขึ้นเรือไป นั่งลงตรงข้ามกับโจวเสาจิ่น อดไม่ได้ยื่นมือไปแกว่งไกวอยู่ในนํ้าทะเลสาบสีเขียวมรกต ทอดถอนหายใจกล่าวว่า “นํ้านี้ช่างเย็นสดชื่นจริงๆ”
5288
“ถูกต้องที่สุดเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ถือโอกาสบอกเรื่องที่พวกเขาคิดจะย้ายมาอยู่ ที่เรือนริมนํ้าให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวฟัง “หลายวันก่อนนายท่านสี่กล่าวว่าเรือนหลักทางด้านโน้นร้อน เกินไป อยากย้ายมาอยู่ที่เรือนริมนํ้าทางด้านนี้ ท่านแม่ ท่านก็ย้ายมาอยู่กับพวกข้าด้วยดีหรือไม่ เรือนริมนํ้าหลังใหญ่โตขนาดนี้ คนมากก็จะได้ครึกครื้นเจ้าค่ะ”
“ข้าอายุมากแล้ว ลานทิงเซียงก็ดีมากแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเอ่ยปฏิเสธข้อเสนอของนาง ยิ้มๆ “เรือนริมนํ้าทางด้านนี้ลมเย็นเกินไป พวกเจ้าอยากเปลี่ยนสถานที่สักที่ก็เปลี่ยนเถิด แต่อย่า ลากข้าเข้าไปด้วยเลย ข้าร่างกายแก่ชราแล้ว ย้ายไปย้ายมากับพวกเจ้าไม่ไหวแล้ว!” เป็นถ้อยคําที่กล่าวจนโจวเสาจิ่นหน้าแดงปลั่งไปหมด ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับปรบมือพลางกล่าวขึ้นว่า “เสาจิ่น เจ้าดูอวิ้นเกอเอ๋อร์พวกเรา” จี๋อิ๋งกําลังจับท้องเล็กๆ ของเขาไว้ปล่อยให้เขาตีแขนขาแหวกว่ายอยู่ในนํ้า แขนขาทั้งสี่ข้างของอวิ้นเกอเอ๋อร์แหวกว่ายอย่างรวดเร็ว ค่อยๆ มุ่งหน้ามาทางพวกนาง โจวเสาจิ่นว่ายนํ้าไม่เป็น ไม่รู้ว่าว่ายนํ้าเช่นนี้ได้ด้วย รู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก จี๋อิ๋งตะโกนอยู่ไกลๆ ว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า เสาจิ่น” พาอวิ้นเกอเอ๋อร์แหวกว่ายเข้ามา อวิ้นเกอเอ๋อร์คว้าขอบเรือไว้พลางร้องเรียก “ท่านย่า ท่านแม่” หมุนกายกลับไปต้องการ จะว่ายนํ้าต่อ ด้วยท่าทางกลัวว่าโจวเสาจิ่นหรือไม่ก็ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจะอุ้มเขาขึ้นเรือ ทุกคนหัวเราะฮ่าเสียงดัง ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจับมือเล็กของอวิ้นเกอเอ๋อร์เอาไว้ กล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าวางใจเถิด ย่าและ แม่ของเจ้าล้วนไม่ห้ามเจ้า เจ้าไปเล่นเถิดไป”
5289
ไม่รู้ว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์ฟังเข้าใจหรือไม่ เบี่ยงกายเอาแต่มุ่งหน้าจะไปตรงกลางนํ้าอย่างรีบ ร้อน
จี๋อิ๋งไม่มีทางเลือก ยิ้มพลางพาอวิ้นเกอเอ๋อร์ไปยังบริเวณข้างๆ เจดีย์ขาวของทะเลสาบ กระทั่งอาทิตย์ตกดิน อากาศเย็นแล้ว ทั้งสองคนถึงได้ขึ้นมาบนฝั่งโดยการช่วยเหลือของข้ารับใช้ อาบนํ้าผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ดื่มชาร้อนแล้ว เฉิงฉือก็กลับมา
โจวเสาจิ่นรีบออกไปต้อนรับ เห็นฉินจื่อผิงกลับมาพร้อมกับเฉิงฉือด้วย
เขาทําความเคารพโจวเสาจิ่นอย่างนอบน้อม กล่าวอย่างขออภัยว่า “จี๋อิ๋งนิสัยดื้อรั้น หาก มีตรงไหนที่ไม่เหมาะสม ขอฮูหยินโปรดอภัยให้ด้วย”
โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้ามารับจี๋อิ๋งหรือ”
ฉินจื่อผิงพยักหน้าอย่างขัดเขิน
โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “ข้ากับจี๋อิ๋งเล่นด้วยกันมาตั้งแต่ตอนอยู่ซอยจิ่วหรูแล้ว นางมา เยี่ยมข้าที่บ้านได้ ไม่ต้องพูดถึงข้า แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าและอวิ้นเกอเอ๋อร์ล้วนชื่นชอบเป็นอย่างยิ่ง กันทั้งสิ้น เจ้าไม่อาจทําอย่างคนโบราณครํ่าครึเหล่านั้น คิดว่านางแต่งงานแล้วก็ต้องอยู่แต่ในบ้าน ตัดเย็บเสื้อผ้าปักดอกไม้ไม่ให้ออกไปไหน!”
“มิได้ๆ” ฉินจื่อผิงรีบกล่าว
โจวเสาจิ่นจึงกล่าวรับคําของเขาว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อไปหากนางอยากมาหาข้าที่นี่ เจ้าก็ไม่อาจกล่าวคําว่า ‘ไม่’ แล้ว บ่ายวันนี้จี๋อิ๋งสอนอวิ้นเกอเอ๋อร์ว่ายนํ้า แม้แต่ฮูหยินผู้เฒ่าที่เห็น แล้วยังชมว่าจี๋อิ๋งว่ายนํ้าเก่ง เป็นสตรีมีความสามารถเทียบเท่าบุรุษ!”
5290
ฉินจื่อผิงตกใจไปครั้งใหญ่ เมื่อเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นโจวเสาจิ่นหรือเฉิงฉือล้วนมีสีหน้าสงบ ถึงได้วางใจลงมาได้ ช่วยพูดให้จี๋อิ๋งอย่างถ่อมตัวว่า “นางก็เพียงเล่นสนุกเก่งเท่านั้น บอกว่าสอน คุณชายใหญ่อวิ้นนั้นไม่กล้ารับไว้จริงๆ…”
เฉิงฉือกลัวมาตลอดว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวจะตามใจอวิ้นเกอเอ๋อร์มากเกินไป โจวเสาจิ่นก็เชื่อ ฟังผู้ใหญ่ทุกเรื่อง เวลานี้ได้ยินว่าจี๋อิ๋งกําลังสอนอวิ้นเกอเอ๋อร์ว่ายนํ้า รู้สึกว่าหากอวิ้นเกอเอ๋อร์ได้ ใกล้ชิดสนิทสนมกับจี๋อิ๋ง ได้ปีนต้นไม้ ได้กระโดดลงนํ้า ก็มิใช่ว่าไม่ดี
“เช่นนั้นก็ตกลงกันตามนี้ก็แล้วกัน” เขากล่าวสรุปให้ “ต่อไปหากจี๋อิ๋งไม่มีธุระอะไร ก็มา ที่นี่ให้มากสักหน่อย นอกจากอยู่พูดคุยเป็นเพื่อนฮูหยินแล้ว ยังได้เล่นสนุกเป็นเพื่อนอวิ้นเกอเอ๋อร์ ด้วย เจ้าเองก็จะได้ทํางานของเจ้าได้อย่างสบายใจ”
ผู้ตรวจการของศาลซุ่นเทียนนั้นมิใช่ว่าจะเป็นกันง่ายดายขนาดนั้น ไม่ระวังครั้งหนึ่งอาจ ทําให้พวกขุนนางระดับสูงหรือพวกชนชั้นสูงขุ่นเคืองได้ หากมิใช่เพราะถ้อยคําของโจวเสาจิ่นที่ว่า ‘ตระกูลเฉิงจะถูกตรวจค้นและกําจัดทั้งตระกูล’ นั่นแล้ว เฉิงฉือย่อมไม่ให้ฉินจื่อผิงเป็นผู้ตรวจการ และไม่ให้ฉินจื่ออันไปที่ค่ายหุบเขาตะวันตกอย่างแน่นอน
เฉิงฉือกล่าวกับโจวเสาจิ่นว่า “ประเดี๋ยวจื่อผิงสองสามีภรรยาจะอยู่รับมื้อเย็นด้วย” จากนั้นกล่าวกับฉินจื่อผิงว่า “เจ้าตามข้ามา!”
ฉินจื่อผิงทําความเคารพโจวเสาจิ่น แล้วตามเฉิงฉือไปที่ห้องหนังสือ
เฉิงฉือถามฉินจื่อผิงว่า “คราก่อนที่ฉินจื่ออันบอกว่าอนุเด็กของรองเจ้าเมืองที่ค่ายหุบเขา ตะวันตกเป็นญาติห่างๆ ผู้หนึ่งของตระกูลพระชายาองค์ชายสี่นั้น เจ้าสืบได้ความว่าอย่างไรบ้าง”
5291
ฉินจื่อผิงลดเสียงลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ กล่าวเสียงเบาว่า “ตรวจสอบแน่ชัดแล้วขอรับ มิใช่ญาติห่างๆ แต่อย่างใด เป็นม้าผอม 3061ที่ซื้อกลับมาจากข้างนอกผู้หนึ่ง จากนั้นอาที่เป็นญาติ ห่างๆ ของพระชายาองค์ชายสี่ผู้หนึ่งรับเป็นบุตรสาวบุญธรรม แล้วมอบเป็นอนุเด็กให้รองเจ้าเมือง …เนื่องจากมิใช่ญาติจริงๆ ปกติแล้วทั้งสองครอบครัวจึงมิได้ไปมาหาสู่กัน มีเพียงตอนวันคล้ายวัน เกิดของอาที่เป็นญาติห่างๆ ของพระชายาองค์ชายสี่ผู้นั้นถึงจะกลับไปสักครั้งหนึ่งเท่านั้น…ได้ยิน ว่ารองเจ้าเมืองผู้นั้นปฏิบัติต่ออนุเด็กคนนี้อย่างธรรมดาสามัญยิ่ง แต่อนุเด็กผู้นี้กลับได้รับความ โปรดปรานจากมารดาเจ้านายเป็นอย่างมาก นอกจากนี้นับตั้งแต่ที่อนุเด็กผู้นี้เข้าบ้านมา ชีวิต ความเป็นอยู่ของครอบครัวรองเจ้าเมืองก็ดีขึ้นมาก หลายวันก่อนบุตรสาวของรองเจ้าเมืองผู้นั้น หมั้นหมาย สินเจ้าสาวมีถึงสี่ห้าพันเหลี่ยง…”
กล่าวอีกนัยก็คือ องค์ชายสี่อาจจะกําลังติดสินบนรองเจ้าเมืองผู้นั้นอยู่
เฉิงฉือไม่กล่าวอะไรไปครู่ใหญ่
การสืบทอดบัลลังก์ตามปกตินั้น ขอเพียงได้ความโปรดปรานจากองค์ฮ่องเต้ก็ได้แล้ว เมื่อ วังหลวงเปลี่ยน ภายในต้องการขันทีใหญ่ที่มีความสามารถเผยความลับของอีกฝ่าย ประสานแรง ปะทะภายนอกภายในให้ไปด้วยกันได้ ส่วนภายนอกต้องการกองกําลังพิทักษ์วังหลวงรักษา กําแพงเมืองและการสนับสนุนจากกองทัพของค่ายหุบเขาตะวันตก
ถ้าหากองค์ชายสี่สืบทอดบัลลังก์ตามปกติ เหตุใดเขาต้องสานสัมพันธ์กับคนของค่ายหุบ เขาตะวันตกและขันทีใหญ่ของตําหนักเฉียนชิงด้วย?
เฉิงฉือรู้สึกอยู่รางๆ ว่าการคาดเดาก่อนหน้านี้เป็นความจริงแปดถึงเก้าในสิบส่วน
1 ม้าผอม กล่าวถึงเด็กหญิงที่ถูกซื้อมาในราคาถูก เอามาเลี้ยงดูจนแข็งแรงมีนํ้ามีนวลแล้วขายออกไปในราคาแพง
5292
ชาติก่อนองค์ชายสี่ลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ จากนั้นต้องการสําเร็จราชการแทนพระองค์ ขึ้นครองราชย์ ท่านอารองทราบเรื่องย่อมไม่มีทางเห็นด้วย เพราะฉะนั้นชาติก่อนท่านอารองจึง เสียชีวิตอยู่ในวังหลวง…ศพถูกส่งออกมา ด้วยสายตาของพี่ใหญ่แล้วต้องรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอย่าง แน่นอน…เพียงแต่ว่าเวลานั้นเขายังไม่ได้เข้าสู่สํานักราชเลขาธิการ…เป็นเพราะไม่มีอํานาจ ความสามารถออกหน้าให้ท่านอารองหรือเป็นเพราะใช้ความตายของท่านอารองต่อรองอะไรกับ องค์ชายสี่กันแน่นะ
ยังมีท่านอารองอีก เหตุใดต้องเข้าวังหลวงด้วย ถ้าหากสิ่งที่เขาคาดเดาถูกต้อง การสิ้นพระชนม์ของหวงไท่ซุนก็เป็นโศกนาฏกรรมที่คน จัดฉากขึ้นครั้งหนึ่งด้วยใช่หรือไม่ เพราะฉะนั้นฮ่องเต้ถึงได้หวาดกลัวตระกูลเฉิงเช่นนั้น? ความคิดหนึ่งที่อาจหาญยิ่งกว่าเลื่อนลอยผ่านเข้ามาในความนึกคิดของเฉิงฉือ เขารู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย นึกถึงดวงตาดําขลับทว่าเปล่งประกายแวววาว ราวกับหินอัคนีสีนิลของหวงไท่ซุนขึ้นมา แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นเด็กเฉลียวฉลาดมากผู้หนึ่ง
สนใจวิชาเลขที่เขาสอนเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างตัวเลข กับตัวเลขได้อย่างรวดเร็ว…มองอย่างไรก็ไม่เหมือนคนที่จะเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็กเลยนี่นา!
เฉิงฉือส่ายศีรษะเบาๆ เก็บความรู้สึกดีที่มีต่อหวงไท่ซุนไว้ในใจ สั่งการฉินจื่อผิงว่า “เจ้า กับจื่ออันหาวิธีไปสืบประวัติบรรพบุรุษสามชั่วโคตรของคนกลุ่มนั้นที่ค่ายหุบเขาตะวันตกมาให้ชัด ทางด้านของกองกําลังพิทักษ์วังหลวงนั้นพวกเจ้าวางมือชั่วคราวก่อน เรื่องของกองกําลังพิทักษ์วัง หลวง ข้าจะไปถามท่านอารองเอง เขาน่าจะรู้ดีถึงจะถูก”
ฉินจื่อผิงขานรับอย่างนอบน้อม
5293
เฉิงฉือกล่าว “ยามว่างก็ให้จี๋อิ๋งมาเล่นที่บ้าน มีข่าวอะไรที่เจ้าไม่สะดวกก็ให้จี๋อิ๋งส่งข่าวมา ให้ฮูหยินได้ อีกเรื่อง ข้าให้เจ้าหาคนทางเจ้ามีข่าวคราวอะไรบ้างหรือยัง”
เขาต้องการหาเด็กอายุสิบสองสิบสามปีที่ดูเฉลียวฉลาดมีไหวพริบสักสองสามคนส่งเข้า ไปที่วังบูรพา
ให้ถวายการรับใช้อยู่ข้างวรกายหวงไท่ซุนนั้นคงเป็นไปไม่ได้ แต่ให้กวาดพื้นที่ลานชั้นนอก เลี้ยงม้าในคอกม้าและงานจิปาถะอื่นๆ นั้นพอจะจัดเข้าไปได้ แต่ละวันที่วังบูรพาเกิดเรื่องอะไรขึ้น บ้างก็จะได้รายงานเขาได้ทันท่วงที
คราก่อนเขาก็ส่งคนเข้าไปแล้วสองสามคน แต่เนื่องด้วยการสิ้นพระชนม์ขององค์รัช ทายาท เด็กสองสามคนนั้นจึงถูกส่งตัวออกจากวัง เขาจําต้องหาคนกลุ่มใหม่เข้าไปอีกครั้ง
ฉินจื่อผิงกล่าว “ไม่มีตัวเลือกที่เหมาะสมเลยขอรับ…” เขาเสนอขึ้นว่า “หาจากคนที่ ทํางานอยู่ข้างในได้หรือไม่”
“ไม่ค่อยเหมาะสมนัก” เฉิงฉือพึมพํากล่าว “ความต้องการของคนข้างในกับพวกเราไม่ เหมือนกัน หากเป็นพวกเห็นแก่เงินที่อาศัยเพียงแค่เงินทองก็ซื้อตัวได้แล้ว อาจจะไม่ทํางานให้ พวกเราอย่างเต็มที่ เรื่องเช่นนี้ยอมขาดดีกว่าวุ่นวาย ค่อยๆ ใช้เวลาไป อย่าให้เรื่องดีกลายเป็น เรื่องร้ายไปเสีย”
ฉินจื่อผิงพยักหน้า
มีบ่าวชายเด็กรายงานจากนอกผ้าม่านว่าสํารับเย็นตั้งโต๊ะเสร็จเรียบร้อยแล้ว “ฮูหยินเชิญ นายท่านและใต้เท้าฉินไปรับมื้อเย็นขอรับ”
ทั้งสองคนจบบทสนทนา ไปที่เรือนชั้นใน
เนื่องจากล้วนมิใช่คนอื่นไกล ทุกคนจึงนั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะเดียวกัน
5294
อวิ้นเกอเอ๋อร์ชอบจี๋อิ๋งเป็นอย่างมาก ตอนกินข้าวจึงคีบหมูก้อนที่ตนชอบกินมากที่สุดให้ นาง น่าเสียดายที่มือยังไม่มั่นคง หมูก้อนตกลงบนโต๊ะ เขาร้อนใจขึ้นมา ใช้มือจับขึ้นมาแล้วยัดเข้า ไปในปากของจี๋อิ๋ง
โจวเสาจิ่นตกใจหน้าซีดเผือด รีบกล่าวห้ามเสียงอบอุ่น จี๋อิ๋งกลับไม่ยี่หระกลืนหมูก้อนลงไป ยังกล่าวกับอวิ้นเกอเอ๋อร์ยิ้มๆ ว่า “อร่อยมาก” อวิ้นเกอเอ๋อร์ดีใจยิ้มจนดวงตาโก่งโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยวเล็กๆ โจวเสาจิ่นหลุดยิ้ม ช่วยเช็ดมือให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ พลางสอนกฎระเบียบให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ เสียงเบาไปด้วย จี๋อิ๋งรีบกล่าวขึ้นว่า เขายังเด็ก เจ้าไม่ต้องเข้มงวดเพียงนี้ก็ได้! นอกจากนี้ก็เป็นความตั้งใจ ดีของเขา รอเขาโตอีกสักหน่อยเจ้าค่อยสอนเขาดีๆ ก็ยังไม่สาย” “แต่อวิ้นเกอเอ๋อร์ครบหนึ่งขวบปีแล้ว” โจวเสาจิ่นคิดว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์เดินได้กระโดดได้อีก ทั้งยังพูดได้แล้ว จึงถึงเวลาต้องวางกฎระเบียบแล้ว เฉิงฉือขมวดคิ้วพลางปรายตามองจี๋อิ๋งครั้งหนึ่ง เมื่อครู่ยังกล่าวว่านางไม่เลวนัก คิดไม่ถึงว่านางจะตามใจลูกยิ่งกว่าเสาจิ่นเสียอีก “กินไม่พูด นอนต้องเงียบ” เขากล่าวอย่างไม่ชอบใจ “กินข้าว!” ทุกคนต่างเงียบไม่พูดอะไรอีก จี๋อิ๋งเคืองโกรธยิ่งนัก กระทั่งตอนที่โจวเสาจิ่นมาส่งนางที่ประตูนางกล่าวกับโจวเสาจิ่นอ ย่างทนไม่ได้ว่า “ต่อไปเจ้าอย่าได้รั้งให้ข้าอยู่กินข้าวด้วยเลย ข้าเห็นเฉิงจื่อชวนก็รู้สึกเจ็บหน้าอก
5295
แล้ว หากเจ้าอยากให้ข้าอยู่กินข้าวด้วยจริงๆ ก็เลือกเวลาที่เขาไม่อยู่บ้านหรือไม่ก็ตอนที่ชายหญิง ต้องแยกโต๊ะกัน ข้ารู้สึกว่าวันนี้ข้ากินไม่อิ่มเลย กลับไปต้องกินอีกสักหน่อย” จี๋อิ๋งและเฉิงฉือช่างเกิดมาเป็นคู่กัดกันจริงๆ “ในครัวยังทําขนมเอาไว้ด้วยเล็กน้อย ข้าจะให้ชุนหว่านห่อมาให้เจ้าสักหน่อยก็แล้วกัน!” โจวเสาจิ่นกล่าวอย่างขออภัยว่า “ครั้งหน้าเจ้ามาเร็วสักหน่อย อยู่กินมื้อเที่ยงที่นี่” เช่นนี้จี๋อิ๋งก็จะได้กลับไปทํามื้อเย็นให้ฉินจื่อผิงเร็วสักหน่อยด้วย จี๋อิ๋งไม่เกรงใจโจวเสาจิ่น ห่อขนมแล้วขึ้นเกี้ยวไปโดยมีฉินจื่อผิงช่วยประคอง โจวเสาจิ่นอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ กลับไปเล่าให้เฉิงฉือฟัง เฉิงฉือกําลังอ่านหนังสืออยู่ ละสายตาจากม้วนหนังสือในมือ กล่าวขึ้นว่า “นี่มิใช่ว่าเป็น เรื่องปกติยิ่งหรอกหรือ” โจวเสาจิ่นซุบซิบกล่าว “ท่านลองคิดดู จี๋อิ๋งฝีมือดีขนาดนั้น ขึ้นเกี้ยวยังต้องให้คนประคอง ด้วยหรือ แต่พวกเขาสองคนผู้หนึ่งประคองอย่างเป็นธรรมชาติ อีกผู้หนึ่งก็รับการประคองอย่าง เป็นธรรมชาติ เห็นได้ชัดว่ารักใคร่กันดียิ่ง!”