ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 574 กระตุ้น
องค์ชายสามที่ชาติก่อนถูกลดสถานะลงไปเป็นจวิ้นอ๋องเนื่องจากเข้าไปพัวพันกับเรื่อง ตําแหน่งรัชทายาทนั้น ชาตินี้ไม่รู้ว่าเพราะอะไรตอนที่องค์ฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งหวงไท่ซุนก็เก็บตัว เงียบ และยังรักษาตําแหน่งของเขาเอาไว้ได้ กลายเป็นองค์ชายที่พระชนมายุมากที่สุดของฮ่องเต้
ไม่รู้ว่าเขากับลูกศิษย์ในสํานักร่วมกันเรียบเรียงหนังสือ ‘กสิกรรมการปลูกหม่อนในสิบยุค สมัย’ เล่มหนึ่งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร กล่าวถึงเรื่องการปลูกหม่อนเป็นหลัก บันทึกความเปลี่ยนแปลง ของเครื่องไม้เครื่องมือเพาะปลูกแต่ละชนิดตั้งแต่สมัยโบราณกาลจนถึงปัจจุบัน ในหนังสือยัง อธิบายถึงวิธีปลูกหม่อนเพื่อเลี้ยงไหมและการสกัดเอานํ้ามันอีกด้วย
วันที่ยี่สิบสี่เดือนแปด วันคล้ายวันประสูติของไทเฮาเหนียงเหนียง องค์ชายสามถวาย หนังสือเล่มนี้ให้ฮ่องเต้
นี่ถือเป็นหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับกสิกรรมการเกษตรเล่มแรกของรัชสมัยนี้
องค์ฮ่องเต้ทรงยินดีเป็นอย่างยิ่ง พระราชทานเงินแท่งให้องค์ชายสามห้าร้อยแท่ง ให้องค์ ชายสามเข้าออกตําหนักเฉียนชิง และเผยแพร่หนังสือเล่มนี้ไปทั่วทั้งแผ่นดิน
ชั่วชณะนั้นองค์ชายสามก็เป็นที่สนใจขึ้นมา มีขุนนางชนชั้นสูงไปแสดงความยินดีกับเขา มากมายนับไม่ถ้วน
เขากลับปิดประตูแน่น บอกว่าเพราะเห็นองค์ฮ่องเต้ทรงเหน็ดเหนื่อยจากเรื่องภัยแล้งของ ทางเหนือและภัยนํ้าท่วมของทางใต้เมื่อปีที่แล้ว อยากช่วยแบ่งเบาภาระของฝ่ าบาท ไม่ควรค่า ได้รับการสรรเสริญจากทุกคนเช่นนี้
ทั่วทั้งแผ่นดินทั้งในและนอกราชสํานักจึงมีคําสอนขององค์ชายสามแพร่กระจายออกมา
แม้แต่คนที่ไม่ได้ออกไปไหนอย่างโจวเสาจิ่นก็ยังได้ยินข่าวด้วยเช่นกัน
5315
นางเอ่ยกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวอย่างสงสัยว่า “เกินไปหรือไม่เจ้าคะ ต่อให้เป็นเพราะเห็นใจ สงสารฝ่ าบาทที่ทรงเหน็ดเหนื่อยจากราชกิจมากมาย ก็ปิดประตูไม่ต้องออกมาก็ได้แล้ว กลับ กล่าวอะไร ‘ไม่ควรค่าได้รับการสรรเสริญจากทุกคน’ ออกมา ช่างน่าแปลกประหลาดนัก!”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะฮ่า พลางกล่าว “เสาจิ่น ตอนนี้เจ้ามีลักษณะของคนเป็นนายหญิง ของบ้านขุนนางบ้างแล้ว ในราชสํานักนั้น ไม่มีเรื่องอะไรเป็นข่าวโคมลอย ตอนที่แพร่ออกมาจน เป็นที่รู้กันทั่วแม้กระทั่งสตรีและเด็กแล้วนั้น แสดงว่าเรื่องนี้มักจะไม่ธรรมดาแล้ว เจ้าคอยดูต่อไป เถอะ ยังมีงิ้วให้ดูอีก”
โจวเสาจิ่นหน้าร้อนผ่าว
ไม่กี่วันต่อมา จิงเฉิงมีข่าวแพร่ออกมาว่าองค์ชายแปดประชวรเป็นโรคอีสุกอีใส องค์ชาย สามถือศีลละเว้นเนื้อสัตว์ของมึนเมาบูชาพระแม่โรคฝีดาษแด่องค์ชายแปด
ชาติก่อนโจวเสาจิ่นไม่ค่อยรู้จักองค์ชายพระองค์นี้นัก
กระทั่งนางเข้าไปอยู่บ้านสวนที่ต้าซิ่งพักฟื้นกําลังวังชาและเริ่มฟังข้ารับใช้เหล่านั้นซุบซิบ กันนั้น องค์ชายสามก็ถูกลดสถานะไปเป็นจวิ้นอ๋องเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นเขาก็อยู่ที่จิงเฉิงอ ย่างรู้ขอบเขตของตัวเองเรื่อยมา ไม่ได้ยินข่าวคราวอะไรอีกเลย
โจวเสาจิ่นยังคิดว่าองค์ชายสามคงแค่ถูกพวกพี่น้องยั่วยุให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่อง ตําแหน่งรัชทายาทเท่านั้น เพราะฉะนั้นชาติก่อนองค์ฮ่องเต้ถึงผ่อนปรนให้เขา และชาตินี้เขาก็คง จะเป็นอ๋องของเขาไปอย่างราบรื่นและมั่นคง แต่คิดไม่ถึงว่า เมื่อเรื่องราวเปลี่ยนแปลงแล้ว เขาจะ ใช้เล่ห์กลนี้
“หรือว่าชาติก่อนข้าจะดูคนผิดไป” กลางคืนตอนพูดคุยเรื่องส่วนตัวอยู่ในผ้าห่มผืน เดียวกับเฉิงฉือนั้น นางอิงแอบอยู่ในอ้อมกอดของเฉิงฉือ อดพึมพํากล่าวไม่ได้ว่า “เขาคงไม่
5316
กระโดดออกมาแย่งชิงตําแหน่งรัชทายาทกับหวงไท่ซุนหรอกกระมัง ฝ่ าบาทจะคิดว่าเขารีบร้อน บุกมากเกินไปหรือไม่เจ้าคะ”
เฉิงฉือลูบเส้นผมนุ่มลื่นเงางามของนางเบาๆ กระซิบกล่าวยิ้มๆ ว่า “ไม่อย่างนั้นฝ่ าบาท จะพระราชทานเงินแท่งให้เขาเพียงห้าร้อยแท่งได้อย่างไร ทั้งยังโยกย้ายเขามาที่ตําหนักเฉียนชิง ด้วย ก็คงเพราะอยากดูว่าเขาต้องการทําอะไรกันแน่กระมัง”
โจวเสาจิ่นประหลาดใจเล็กน้อย กล่าวว่า “ท่านหมายความว่า ฝ่ าบาทกําลังทดสอบเขา อยู่อย่างนั้นหรือ แต่ทําเรื่องบูชาพระแม่โรคฝีดาษอะไรนั่น ก็ออกจะเกินไปสักหน่อยกระมัง”
เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “พวกเราอย่าสนใจเรื่องนี้เลย มิใช่ยังมีหวงไท่ซุนอยู่อีกผู้หนึ่งหรอก หรือ ผลประโยชน์ของตัวเขาเองเขายังไม่ขยับเขยื้อน ผู้อื่นจะเดือดร้อนใจแทนเขาก็ไม่ได้อะไร แต่ อย่างไรก็ตาม เขาจากไปตั้งแต่ยังเยาว์ได้อย่างไร น่าเสียดายเล็กน้อย เด็กคนนี้เป็นคนเฉลียว ฉลาดมีไหวพริบยิ่ง อีกทั้งยังมีความสามารถหลากหลาย เป็นเมล็ดพันธุ์ของผู้คงแก่เรียนผู้หนึ่ง”
โจวเสาจินได้ยินแล้วรู้สึกสนใจ เอ่ยขึ้นว่า “แล้วเป็นเมล็ดพันธุ์ของคนเป็นฮ่องเต้หรือไม่ เจ้าคะ”
“ตอนนี้ยังไม่รู้” เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ “ทุกคนล้วนชื่นชอบเด็กฉลาด ฝ่ าบาทเองก็น่าจะมิใช่ ข้อยกเว้นด้วยถึงจะถูก”
โจวเสาจิ่นถอนหายใจครั้งหนึ่ง
ทั้งๆ ที่รู้ผลลัพธ์ดีกลับไม่อาจไปเปลี่ยนแปลงมันได้ นอกจากนี้ยังเกี่ยวพันกับชีวิตของคน ด้วย นางรู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย
แต่เพราะเป็นเช่นนี้นางจึงยิ่งไม่อาจกล่าวอะไรกับเฉิงฉือ
5317
พวกเขาล้วนเป็นคนธรรมดาสามัญ เฉิงฉืออยากปกป้องตระกูลเฉิงก็ลําบากมากแล้ว ยิ่ง ไม่ต้องพูดหวงไท่ซุนอีกหนึ่งพระองค์แล้ว!
นางไม่เคยสับสนขนาดนี้มาก่อน
ก็เหมือนกับที่เฉิงฉือเคยกล่าวไว้ บางเรื่องได้แต่ต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น
หวงไท่ซุนอยากรักษาตําแหน่งรัชทายาทของตัวเอง อยากแคล้วคลาดจากการช่วงชิงเอา ชีวิต ก็ได้แต่ต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น
ไม่นานโจวเสาจิ่นก็โยนเรื่องนี้ทิ้งไปได้ ตั้งหน้าตั้งตาเร่งเร้าและกระตุ้นให้เฉิงฉือเริ่ม ดําเนินการเรื่องสํานักศึกษาตระกูลเฉิง
คนโดยรอบทราบเรื่องแล้วล้วนให้การสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง
กู้จิ่วเนี่ยบริจาคหนังสือให้สํานักศึกษาสองร้อยเล่ม ส่วนหยวนเปี๋ยอวิ๋นที่ได้ยินว่ากู้จิ่วเนี่ย มาจิงเฉิงจึงจบการเดินทางท่องเที่ยวก่อนกําหนดบริจาคพู่กันห้าร้อยด้ามและกระดาษสามคันรถ ให้สํานักศึกษา
เฉิงฉือหัวเราะขบขัน กล่าวกับหยวนเปี๋ยอวิ๋นว่า “หากเจ้ามีใจจริงๆ ก็มาเป็นอาจารย์ พิเศษให้ข้าเป็นครั้งคราว มาเล่าเรื่องประสบการณ์การเดินทางของเจ้าให้พวกเด็กๆ ฟัง”
กล่าวว่าเป็นสํานักศึกษาตระกูลเฉิง แต่ก็มีเพียงอาเป่าและอาเหรินเหลนชายของเฉิงเซ่า สองคน รุ่ยเกอเอ๋อร์ของครอบครัวเฉิงเซิง แล้วก็เหลนชายของครอบครัวเผิงเฉิงป๋ ออีกสามคน เท่านั้น แม้แต่กวนเกอของครอบครัวโจวชูจิ่นก็ยังไม่ได้มาเรียนเนื่องจากอายุน้อยยังไม่ถึงวัยเข้า เรียน
อยากให้สํานักศึกษาที่ก่อตั้งขึ้นมามีชื่อเสียงเหมือนสํานักศึกษาตระกูลเฉิงที่จินหลิงนั้น ยังเป็นภาระหนักอีกยาวไกล
5318
หยวนเปี๋ ยอวิ๋นยังคงมีท่าทางสบายๆ เป็นธรรมชาติเช่นเดิม ปล่อยสาบเสื้อหลวมๆ ครึ่งหนึ่งนั่งเอกเขนกเอนกายอยู่บนตั่งหลัวฮั่น หนุนหมอนใบใหญ่ยกขาขึ้นพลางกินองุ่นในจาน แก้ว กล่าวขึ้นว่า “ข้ามาสอนที่นี่ แล้วสํานักศึกษาของพวกข้าเล่าจะทําอย่างไร”
เฉิงฉือกล่าว “ข้าไม่ยักรู้ว่าเจ้าเตรียมตัวจะย้ายกลับไปอยู่ที่ถงเซียง!”
“เจ้าเด็กน้อยผู้นี้!” หยวนเปี๋ยอวิ๋นหัวเราะออกมา เด็ดองุ่นออกมาลูกหนึ่งโยนใส่เฉิงฉือ “เป็นพ่อคนแล้ว ยังจะกล่าวล้อเล่นด้วยสีหน้าจริงจังเหมือนเมื่อก่อนอยู่อีก จะว่าไปแล้วข้ายังไม่ เคยเจออวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกเจ้าเลย ข้ามาแล้ว เหตุใดเจ้าไม่ให้คนอุ้มมาให้ข้าดูสักหน่อย ข้าไม่ เหมือนจิ่วเนี่ยที่ตระหนี่ถี่เหนียวเหลือเกิน ข้ามีของขวัญพบหน้ามาด้วย”
เฉิงฉือไม่ตอบเขา เอ่ยขึ้นว่า “เจ้ากลับมาครั้งนี้ยังจะไปอีกหรือไม่”
“ย่อมต้องไปอยู่แล้ว” ดวงตาของหยวนเปี๋ยอวิ๋นมีความขมขื่นสายหนึ่งวาบผ่าน กล่าวว่า “ไม่อย่างนั้นพี่ใหญ่ของข้าจะทําอย่างไร ข้าไม่อยากให้ถึงเวลาแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาทําให้ผู้คน หัวเราะเยาะได้!”
หยวนเปี๋ยอวิ๋นเป็นบุตรชายคนที่สามของบ้าน และเป็นคนที่เฉลียวฉลาดที่สุดในบรรดา บุตรชายของหยวนเหวยชาง บุตรชายคนโตของหยวนเหวยชางเป็นพี่ชายร่วมอุทรของเขา ถึงแม้ เรียนหนังสือเก่งไม่เท่าเขา ทว่าดีตรงที่ซื่อสัตย์เถรตรง ยินดีทํางานหนักพึ่งพาได้ และถ่อมตนกับ ผู้อื่น มีความสัมพันธ์กับผู้อื่นดีมาก เขาและหยวนเปี๋ยอวิ๋นนั้นเหมือนกัน สอบได้จิ้นซื่อมานาน ปัจจุบันได้เป็นเจ้าพนักงานในกรมพิธีการแล้ว หยวนเหวยชางไม่ชอบที่เขาเป็นคนซื่อสัตย์เถรตรง มากเกินไป หลายต่อหลายครั้งที่อยากให้หยวนเปี๋ยอวิ๋นรับช่วงเป็นผู้ดูแลตระกูลหยวนต่อจากเขา ทว่าหยวนเปี๋ยอวิ๋นกลับไม่อยากทําให้พี่ชายลําบากใจ ถึงได้ไม่ทําอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เอาแต่ ท่องเที่ยวอยู่ข้างนอกตลอดทั้งปี ยังมีเรื่องเลี้ยงอนุไว้ข้างนอกออกมาอีก
ทุกบ้านล้วนมีคัมภีร์อ่านยากของตัวเองกันทั้งนั้นจริงๆ
5319
เฉิงฉือกล่าว “เช่นนั้นก็ดี! เจ้ามีอะไรต้องการให้ข้าช่วยเหลือ ขอเพียงบอกข้ามาก็พอ”
“ย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว” หยวนเปี๋ยอวิ๋นกล่าวยิ้มๆ อย่างทะเล้น “ข้าไม่เกรงใจเจ้าอยู่ แล้ว”
เฉิงฉือเดินนําเขาไปที่เรือนชั้นใน “เจ้าเองก็เคยเห็นผู้นั้นของข้ามาก่อน…คือคนที่วิ่งเข้ามา ในศาลาซานจื๋อเมื่อครั้งงานวันมหาวันเกิดของท่านผู้นําตระกูลจวนรองผู้นั้น…”
“เป็นไปไม่ได้กระมัง!” หยวนเปี๋ยอวิ๋นเบิกดวงตาโพลง “หากข้าจําไม่ผิด แม่นางน้อยผู้นั้น เด็กกว่าพวกเรามากมิใช่หรือ…”
เฉิงฉือขมวดคิ้ว กล่าวขึ้นว่า “เจ้าพูดอะไรของเจ้า จริงที่เด็กกว่าเจ้ามาก แต่มิได้เด็กกว่า ข้ามากมาย…เจ้าอย่าลืมว่าเจ้าแก่กว่าข้าหลายปี…”
ทั้งสองคนถกเถียงกันไปตลอดทางจนเข้าประตูชั้นในไป พบโจวเสาจิ่นและอวิ้นเกอเอ๋อร์ แล้วไม่เอ่ยถึงอีก
ด้านฉินจื่ออันเมื่อได้รับข้อความจากฉินจื่อผิงแล้วก็ท้อแท้หมดกําลังใจยิ่งนัก
ฉินจื่อผิงกล่าวแนะนําเขาว่า “ในเมื่อที่พี่สะใภ้ไม่แต่งงานใหม่มิใช่เพราะมารยาทเพียงผิว เผิน นับตั้งแต่นี้ไปเจ้าก็ควรจะตัดใจเสีย มองนางเป็นพี่สะใภ้ของพวกเราถึงจะถูก เรื่องงานแต่งก็ ไม่ต้องเอ่ยถึงอีกแล้ว”
ฉินจื่ออันพยักหน้าอย่างสลดหดหู่ จี๋อิ๋งเลิกผ้าม่านเข้ามา ด้านหลังมีสาวใช้สองคนยกสุราและอาหารตามเข้ามาด้วย ฉินจื่อผิงกล่าว “พวกเรามารํ่าสุรากันเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว”
5320
ฉินจื่ออันร้อง “อืม” เสียงหนึ่ง ก้มหน้าลง
หลังจากเขาจากไปแล้ว จี๋อิ๋งอดพรํ่าบ่นไม่ได้ว่า “เจ้าว่านี่มันเรื่องอะไรกัน มิใช่ว่าพวกเรา ไม่ให้หนานผิงแต่งเข้ามาเสียหน่อย เขาทําหน้าขึงขังตั้งแต่ต้นจนจบให้ผู้ใดดูกัน”
“ช่างเถอะๆ” ฉินจื่อผิงกล่าวยิ้มๆ “เจ้าพูดให้น้อยลงสักสองประโยคเถิด ตอนนี้เขาไม่ สบายใจอยู่มิใช่หรือ”
เมื่อก่อนจี๋อิ๋งก็รู้สึกว่าฉินจื่ออันนั้นหยิ่งยโสจนดวงตายาวไปถึงกลางศีรษะอยู่แล้ว จึงไม่ ค่อยถูกชะตากับเขาสักเท่าไรนัก ตอนนี้เห็นเขาเศร้าโศก ยังรู้สึกเบิกบานยิ่ง กล่าวสองสาม ประโยคแล้วก็โยนเรื่องนี้ทิ้งไปเสีย เอ่ยถึงเรื่องของวันที่เก้าเดือนเก้าขึ้นมาแทน “วันคล้ายวันเกิด ของฮูหยินผู้เฒ่า ข้าฟังจากความเห็นของเสาจิ่นแล้ว อยากทําให้ฮูหยินผู้เฒ่าได้สนุกสนาน ครึกครื้น วันไหนสักวันพวกเราก็ไปเดินตลาด เลือกซื้อของขวัญวันเกิดให้ฮูหยินผู้เฒ่าสักชิ้นดี หรือไม่”
ฉินจื่อผิงตอบรับอย่างยินดี ใช้โอกาสในวันหยุดไปเดินตลาดเป็นเพื่อนจี๋อิ๋ง เลือกสร้อย ลูกประคําไม้จันทน์แดงหนึ่งเส้นและจี้สมดังปรารถนาทุกประการทําจากหยกเหอเถียนสีขาวอีก หนึ่งชิ้นให้ฮูหยินผู้เฒ่า กระทั่งถึงวันที่เก้าวันนั้น ก็ไปที่ประตูเฉาหยางอย่างรื่นเริงมีความสุข
เนื่องจากมิใช่วันมหาวันเกิดบรรจบครบรอบแต่ละสิบปี อีกทั้งฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็มิใช่คนที่ ชอบงานสังสรรค์ งานวันเกิดในวันนี้จึงเชิญแต่คนในครอบครัวเท่านั้น
ตอนที่จี๋อิ๋งไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากัวนั้น ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกําลังนั่งคุยกับฉางซื่ออยู่ ได้ยินว่า นางมาคารวะ ก็ดึงมือนางไปคุยด้วยอย่างดีใจครู่หนึ่ง แนะนํานางให้ฉางซื่อรู้จัก ยังเรียกให้เจินจู เข้ามาพานางไปหาโจวเสาจิ่นด้วย
5321
ฉางซื่อยิ้มแย้มมองจนกระทั่งจี๋อิ๋งออกประตูไป ถึงได้กล่าวยิ้มๆ ว่า “ท่านป้า ที่อวิ้นเกอ เอ๋อร์พูดถึงครั้งแล้วครั้งเล่าคงเป็นสะใภ้ผู้นี้กระมัง หน้าตาสวยสดงดงามจริงๆ ดูจากท่าทางนั่น แล้ว กระทําอะไรก็น่าจะคล่องแคล่วว่องไว”
เมื่อก่อนตอนที่จี๋อิ๋งปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายเฉิงฉือนั้นฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็ไม่ค่อยสนิทสนม นัก ต่อมานางแต่งงานเป็นหลานสะใภ้ของพ่อบ้านใหญ่ฉิน อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์อันดีกับโจว เสาจิ่นและสอนอวิ้นเกอเอ๋อร์ว่ายนํ้า ถึงได้สนิทสนมกันขึ้นมา
“ถูกต้องที่สุด” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวยิ้มๆ “มีนางมาหา ในบ้านครึกครื้นขึ้นมาก เสาจิ่นเอง ก็มีคนพูดคุยเป็นเพื่อนด้วยคนหนึ่ง”
ฉางซื่อยิ้มน้อยๆ รู้สึกว่าคนตระกูลเฉิงล้วนเป็นคนโอบอ้อมอารี ไม่เคยตัดสินคนจากพื้น เพครอบครัวเลย เฉิงเซ่าเป็นเช่นนี้ พี่สะใภ้ใหญ่ของเฉิงเซ่าผู้นี้ก็เป็นเช่นนี้
ไม่แปลกที่เฉิงเซ่าจะเคารพและให้เกียรติพี่สะใภ้ใหญ่ผู้นี้เป็นอย่างมาก
ให้นางมีเรื่องอะไรก็มาปรึกษาฮูหยินผู้เฒ่ากัว
ฉางซื่อจึงเอ่ยถึงเรื่องของอาเป่ าและอาเหรินกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวขึ้นมาว่า “…ก่อนนี้ที่บ้าน ไม่มีคนคอยดูแล ตอนนี้ข้าเริ่มจัดการดูแลเรื่องในบ้านแล้ว อีกทั้งเซี่ยซื่อก็ตั้งครรภ์ จึงไม่อาจให้ เด็กทั้งสองคนเอาแต่อยู่ที่บ้านของหลานรองได้ นายท่านกับข้าปรึกษากันแล้ว อยากรับตัวเด็กทั้ง สองคนกลับไป”
สุดท้ายแล้วก็เป็นเหลนชายของนายท่านผู้เฒ่ารอง อีกทั้งตอนนี้ชิวซื่อก็ต้องดูแลเซี่ยซื่อ ฮู หยินผู้เฒ่ากัวจึงกล่าวยิ้มๆ ว่า “ก็ดีเหมือนกัน! บุญคุณให้กําเนิดไม่เหนือไปกว่าบุญคุณให้การ เลี้ยงดู เด็กทั้งสองคนไปอยู่กับพวกเจ้า พวกเจ้าเองก็จะได้มีอะไรทํา”
“ข้าเองก็คิดเช่นนี้เจ้าค่ะ” ฉางซื่อกล่าวยิ้มๆ
5322
ตอนแรกเฉิงเซ่าไม่เห็นด้วย บอกว่าพวกเขาอายุมากแล้ว กลัวว่าจะดูแลเล็กได้ไม่ดี แต่ไม่ ลองดูจะรู้ได้อย่างไร
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจึงให้คนไปเชิญชิวซื่อมา
กลับมีสาวใช้เด็กวิ่งเข้ามารายงานว่า “มามาข้างวรกายพระชายาองค์ชายสี่ผู้หนึ่งมาเจ้า ค่ะ บอกว่าได้รับคําสั่งจากพระชายาองค์ชายสี่ เป็นตัวแทนของพระชายาองค์ชายสี่ของพวกเขา มากล่าวอวยพรท่าน”