ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 575 ระแวดระวัง
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วรู้สึกไม่ชอบใจเล็กน้อย
คราก่อนที่บ้านมีงานยินดี ตําหนักองค์ชายสี่ก็ให้คนมาแสดงความยินดี ถึงแม้เฉิงฉือจะ รับของขวัญไว้ งานเลี้ยงต่างๆ ของตําหนักองค์ชายสี่ก็ไปร่วมครื้นเครงด้วยบ้าง ทว่าก็ไม่เคยอยู่ กินเลี้ยงที่ตําหนักมาก่อน แค่โผล่หน้าไปครั้งหนึ่งแล้วก็กลับ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงไปเยี่ยมเยียนองค์ ชายสี่เป็นการส่วนตัวเลย ไม่กี่ปีนี้ยิ่งแล้วใหญ่อ้างว่าต้องทํางานที่กรมการตรวจตราจึงไม่ได้ไปที่ ตําหนักองค์ชายสี่เลย ทําเพียงให้พ่อบ้านเป็นตัวแทนไปกล่าวแสดงความยินดีเท่านั้น
ท่าทีของเฉิงฉือชัดเจนมากแล้ว ทว่าตําหนักองค์ชายสี่ทําราวกับไม่รู้ก็ไม่ปาน เวลา ตระกูลเฉิงมีเรื่องต้องกล่าวแสดงความยินดี ยิ่งอยู่ของขวัญแต่ละปีก็ยิ่งสูงค่ามากขึ้นเรื่อยๆ
นางถามสาวใช้เด็กผู้นั้นว่า “รู้หรือไม่ว่าส่งของขวัญอะไรมาบ้าง”
สาวใช้เด็กส่ายศีรษะ กล่าวอย่างรู้สึกได้รับเกียรติว่า “แม้นไม่รู้ว่าส่งอะไรมาบ้าง แต่ได้ยิน พวกท่านลุงที่เฝ้าเวรยามอยู่ที่หน้าประตูใหญ่กล่าวกันว่า หัวหน้าประจําตําหนักขององค์ชายสี่มา ส่งด้วยตัวเองเจ้าค่ะ…ท่านลองคิดดู มีกี่ตระกูลที่มีเกียรติเช่นนี้บ้าง”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่เห็นด้วย
นับตั้งแต่ซ่งจิ่งหรานกลับไปไว้ทุกข์ที่บ้านเกิดเป็นต้นมา คนที่เดิมทีเคยห้อมล้อมซ่งจิ่ง หรานก็ไปห้อมล้อมอยู่ข้างกายจางฮุ่ยแทน เฉิงฉือยังคงเป็นเหมือนเก่าก่อน ไม่อาจพูดว่าสนิท สนมกับจางฮุ่ยมากมาย ทว่าก็ไม่ได้เหินห่าง นอกจากนี้ก่อนไปซ่งจิ่งหรานก็ฝากฝังให้เฉิงฉือไป สอนวิชาเลขหวงไท่ซุนแทน คนภายนอกเห็นแล้วอดคาดเดาไปต่างๆ นานาไม่ได้ บอกว่าลูกศิษย์ที่ ซ่งจิ่งหรานโปรดปรานมากที่สุดคือเฉิงฉือ เพียงแต่ว่าเฉิงฉืออายุน้อยเกินไป ประสบการณ์ยังตื้น เขิน ไม่อาจรับผิดชอบเพียงผู้เดียวได้ จึงต้องมอบเส้นสายในมือให้จางฮุ่ยไปอย่างไร้ทางเลือก
5324
แม้แต่ตัวจางฮุ่ยเองได้ยินคําเล่าลือเช่นนี้แล้วยังรู้สึกหวาดหวั่นในใจเล็กน้อย นอกจากนี้เมื่อหลาย วันก่อนเกิดปัญหาใหญ่เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีที่เจียงหนาน องค์ฮ่องเต้ยังทรงตรัสถามถึงซ่งจิ่ง หรานหลายครั้งหลายคราว่ายังต้องไว้ทุกข์อีกนานเท่าไร ยังเคยเผยพระประสงค์อยากให้เขา ‘เลื่อนการไว้ทุกข์ออกไปก่อน’ ออกมาอย่างลับๆ ด้วย นี่ทําให้เฉิงฉือพลันกลายเป็นมีอํานาจเนื้อ หอมขึ้นมา
โชคดีที่ถึงแม้เฉิงฉืออายุยังไม่มาก ทว่าประสบการณ์กลับไม่น้อย ไม่ว่าภายนอกจะพูด อย่างไร ก็ผ่าเผยไม่ไหวติง ข่าวลือนี้ถึงได้ลดน้อยลงไปมาก
วันนี้ถึงกับให้หัวหน้าประจําตําหนักขององค์ชายสี่มาส่งของขวัญ…เดิมทีแล้วนี่ต้องเป็น ครอบครัวที่อุทิศเพื่อสังคมหรือไม่ก็ครอบครัวของราชบัณฑิตหลวงในสํานักราชเลขาธิการถึงได้ ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้
องค์ชายสี่พยายามเอาอกเอาใจทุกทางเช่นนี้ แค่มองก็รู้ว่ามาด้วยเจตนาร้ายแอบแฝงดั่ง พังพอนมาเยี่ยมแม่ไก่
ยิ่งไปกว่านั้นวันนี้เป็นงานเลี้ยงของครอบครัว ไม่ได้เชิญคนนอกมาร่วมด้วย
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวแสดงสีหน้าเหน็ดเหนื่อยออกมา กล่าวขึ้นว่า “เจ้าไปบอกป้ารับใช้ผู้นั้น ครั้งหนึ่ง วันนี้ข้ารู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย จึงไม่พบนางแล้ว แล้วก็ให้เจินจูตกเงินรางวัลให้นางสิบเห ลี่ยง ให้นางกลับไปรายงานหน้าที่เสีย”
ฉางซื่อรู้สึกว่าเช่นนี้ไม่ค่อยเหมาะสมนัก
แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้ติดต่อคลุกคลีกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ เรื่อง บางอย่างก็ไม่รู้ว่าควรพูดหรือไม่ควรพูดดี สีหน้าจึงเผยความลังเลออกมาให้เห็นเล็กน้อย
5325
ถึงแม้อายุของนางจะล่วงเลยวัยสี่สิบปีมาแล้ว แต่ก็เป็นสะใภ้ที่เพิ่งแต่งเข้ามาใหม่ เดิมทีฮู หยินผู้เฒ่ากัวไม่อยากพูดเรื่องพวกนี้กับนาง แต่เมื่อเห็นท่าทางของนาง นึกถึงว่านางเคยเป็นนาง กํานัลอยู่ในตําหนักเฉียนชิงมายี่สิบกว่าปี ครุ่นคิดพิจารณาครู่หนึ่ง จึงเล่าความขุ่นเคืองใจของ ตัวเองให้นางฟัง
ฉางซื่อประหลาดใจเป็นอย่างมาก ทว่าก็รู้สึกซาบซึ้งใจด้วยหลายส่วน
เรื่องเช่นนี้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็ยังปรึกษานาง เห็นได้ชัดว่ามิได้เห็นนางเป็นคนนอก
นางครุ่นคิดพิจารณาครู่หนึ่งถึงกล่าวขึ้นอย่างตรึกตรองรอบคอบว่า “เมื่อก่อนตอนที่ข้า ถวายการรับใช้อยู่ที่ตําหนักเฉียนชิงนั้น ฮองเฮาพระองค์แรกสิ้นพระชนม์แล้ว แต่องค์ชายสี่ทรงมา เยี่ยมเยียนฝ่าบาทเสมอ บางครั้งก็เสด็จมาเพียงลําพัง บางครั้งก็เสด็จมาพร้อมกับองค์รัชทายาท และทุกครั้งที่เสด็จมา ล้วนเอ่ยถึงฮองเฮาพระองค์แรกอยู่ตลอด…เขาผูกสัมพันธ์กับขันทีใหญ่ทุก ตําหนัก วันคล้ายวันเกิด วันปีใหม่ ไม่เคยลืมส่งของขวัญไปให้สักครั้ง ต่อมาออกจากวังหลวงไป อยู่ตําหนักของตัวเองก็ยังไม่ลืม…คนในวังหลวงล้วนพูดกันว่า องค์ชายสี่เป็นคนจิตใจดี…แต่ที่ พํานักของเขากลับมีกฎระเบียบที่เข้มงวด ตอนนั้นข้าปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ตําหนักเฉียนชิงกับนาง กํานัลผู้หนึ่งที่ย้ายมาจากตําหนักฉือหนิงของไทเฮา นางเป็นบุตรสาวบุญธรรมของนางข้าหลวง ใหญ่ประจําตําหนักฉือหนิงในเวลานั้น ตอนนั้นมีอายุเพียงสิบห้าสิบหกปีเท่านั้น ยามว่างเว้นจาก การอยู่ปฏิบัติหน้าที่ชอบไปเยี่ยมเยียนผู้อื่นยิ่งนัก อีกทั้งยังปากหวาน ขันทีและนางกําลังน้อยใหญ่ ในวังหลวงล้วนชื่นชอบนางกันทั้งสิ้น ต่อให้เป็นเช่นนี้ นางก็ไม่เคยได้รู้จักกับคนที่ถวายการรับใช้ อยู่ข้างวรกายองค์ชายสี่เลย…ข้ามักรู้สึกว่า องค์ชายสี่ผู้นี้ เกรงว่าจะไม่เหมือนกับภาพลักษณ์ที่ แสดงให้ผู้อื่นเห็น…”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวฟังแล้วในหัวสมองมีเสียงดังหึ่งๆ เสียงหนึ่ง
นางนึกถึงการกระทําของเฉิงฉือตั้งแต่เข้าเมืองหลวงเป็นต้นมา
5326
หรือว่าเขากําลังเลือกข้างอยู่? เขาไม่รู้หรือว่านี่อันตรายมากเพียงใด หรือว่าจะมีเหตุการณ์อันตรายอื่นอีก? ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไหนเลยจะยังนั่งนิ่งได้อยู่ นางอยากเรียกเฉิงฉือมาสอบถาม แต่ก็พะวงฉางซื่อที่อยู่ข้างๆ
สิ่งที่ฉางซื่อเคยทํามาก่อนหน้านี้คือการปรนนิบัติรับใช้ผู้อื่น การประเมินสีหน้าและคําพูด ของคนจึงกลายเป็นสัญชาตญาณไปแล้ว หัวคิ้วของฮูหยินผู้เฒ่ากัวผูกเป็นปมเล็กน้อย นางก็คาด เดาได้แล้วหลายส่วน จึงยิ้มพลางลุกขึ้นมา กล่าวว่า “อีกครู่หนึ่งกว่างานเลี้ยงวันเกิดของพี่สะใภ้ ใหญ่จะเริ่มกระมัง ข้าอยากไปห้องทางการสักครั้งหนึ่ง ไม่รู้ว่ามีเวลาพอหรือไม่”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวรู้สึกโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง
มีน้องสะใภ้ที่ฉลาดเฉลียว เข้าใจโดยไม่ต้องพูดมากความเช่นนี้ผู้หนึ่งช่วยลดปัญหาให้ คนได้มากมายนัก!
นางยิ้มพลางสั่งให้เฉินเซียงพาฉางซื่อไปห้องทางการ รีบบอกให้คนไปตามหาเฉิงฉือที่ให้ การรับรองแขกอยู่ที่โถงรับรองมา
ไม่นานเฉิงฉือก็เร่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวบอกเล่าความกังวลของนางและเรื่องที่ฉางซื่อบอกมาให้เฉิงฉือฟังอย่าง ตรงไปตรงมา
เฉิงฉือถอนหายใจ รู้ว่ามารดาเริ่มสงสัยแล้ว แต่เรื่องที่เกี่ยวพันกับชาติก่อน เขาจะเอาหลักฐานอะไรมาโน้มน้าวมารดาได้เล่า
5327
เขาจําต้องเล่าเรื่องการสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาทให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวฟัง “…เรื่องนี้มิใช่ เรื่องที่หากพวกเราไม่เลือกข้างแล้วจะแก้ไขได้ และตระกูลเฉิงของพวกเราก็เข้าไปพัวพันด้วยไป แล้ว ถ้าหากอยากเอาตัวเองออกมา จึงได้แต่ต้องหาวิธีป้องกันเอาไว้ก่อน ต้องระมัดระวังเอาไว้สัก หน่อยแล้ว”
สาเหตุการสิ้นพระชนม์ขององค์รัชทายาทนั้น ไม่ว่าจะเป็นเฉิงฉือหรือว่าเฉิงเซ่าล้วนไม่มี ใครบอกฮูหยินผู้เฒ่ากัว
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่เชื่อ กล่าวว่า “เจ้าสี่ เจ้าบอกความจริงกับข้ามาว่าตกลงเกิดเรื่องอะไร ขึ้นกันแน่ ต่อให้เป็นเช่นนี้ เจ้าเป็นคนของหลวง หวงไท่ซุนเป็นผู้สืบทอดสายตรงที่ชอบธรรมตาม กฎหมาย เจ้าเคารพหวงไท่ซุนก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว มีอะไรให้ต้องเป็นกังวล เป็นเพราะพวกเจ้า สืบเจออะไรใช่หรือไม่”
เฉิงฉือพูดเข้าประเด็นต่อจากคําพูดของฮูหยินผู้เฒ่ากัว เล่าเรื่องที่เขาค้นพบว่าองค์ชายสี่ มีการติดต่อกับขุนนางฝ่ ายพลเรือนที่พอจะมีความสามารถทว่าตําแหน่งไม่สูงนักเหมือนเช่นตัว เขานี้ตลอดจนรองเจ้าเมืองบางส่วนและบรรดาผู้ช่วยขุนศึกเหล่านั้นที่ค่ายหุบเขาตะวันตกด้วย สงสัยว่าองค์ชายสี่จะหมายมาดในราชบัลลังก์ให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวฟัง กล่าวอีกว่า “ความจริงแล้วนี่ ก็ไม่มีอะไร ก็เหมือนที่ท่านแม่กล่าวมา ขอเพียงพวกเราเดินตามองค์ฮ่องเต้ก็ได้แล้ว ผู้ใดเป็น ฮ่องเต้ พวกเราก็เดินตามผู้นั้น แต่ตอนนี้องค์ชายสี่ส่งของขวัญมาให้ทุกๆ สามวันเช่นนี้ คนใน เมืองหลวงก็มิใช่คนโง่เขลา เวลานี้ต่อให้ข้าอยากจะล้างตัวให้สะอาดจากตําหนักองค์ชายสี่ก็คงไร้ หนทางจะล้างให้สะอาดได้แล้ว!”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวฟังแล้วหัวคิ้วผูกเป็นปมแน่น
เฉิงฉือรีบกล่าวปลอบโยนฮูหยินผู้เฒ่ากัวว่า “เรื่องนี้ท่านอารองก็ทราบเรื่องเช่นกัน ช่วงนี้ ข้ามีเรื่องอะไรล้วนปรึกษากับท่านอารองทุกอย่าง ท่านไม่ต้องห่วงขอรับ”
5328
จะไม่ให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเป็นห่วงได้อย่างไร อยากจะถามต่อ ทว่ามีสาวใช้เด็กรายงานอยู่ นอกผ้าม่านว่าฮูหยินเผิงเฉิงมาหา
นับตั้งแต่ที่เหลนชายสองสามคนของนางมาเรียนที่ประตูเฉาหยางเป็นต้นมา นางก็ยิ่ง ขยัน าหามากขึ้นไปอีก
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจําต้องจบบทสนทนา เชิญฮูหยินเผิงเฉิงเข้ามา
เฉิงฉือทําความเคารพฮูหยินเผิงเฉิง กล่าวทักทายสองสามประโยคแล้วก็ไปรับรองแขกที่ โถงรับรอง
ฉางซื่อที่ได้ยินความเคลื่อนไหวแล้วก็กลับมา
ทั้งสามคนนั่งพูดคุยกันอยู่ตรงนั้นอย่างยิ้มแย้มเบิกบาน ทว่าเฉิงฉือกลับหมุนกายไปที่ ห้องหนังสือ
เขาถามไหวซานว่า “คราก่อนเจ้าบอกข้าว่าเฉิงลู่ผูกสัมพันธ์กับหัวหน้าประจําตําหนักองค์ ชายสี่ได้แล้ว จากนั้นได้รับความโปรดปรานขององค์ชายสี่ผ่านการแนะนําของหัวหน้าประจํา ตําหนัก เร็วๆ นี้เฉิงลู่มีท่าทีอะไรใหม่หรือไม่”
ไหวซานกล่าวอย่างตรึกตรองว่า “เดือนนี้เฉิงลู่ไปตําหนักองค์ชายสี่หกครั้ง นอกจากมีครั้ง หนึ่งที่องค์ชายสี่ไม่อยู่ตําหนัก ให้หัวหน้าประจําตําหนักเป็นคนรับรองเขาแล้ว อีกห้าครั้งที่เหลือ ล้วนได้พบองค์ชายสี่ นอกจากนี้องค์ชายสี่ยังรั้งให้เขาอยู่รับมื้อเย็นด้วยขอรับ…”
“จับตาดูเขาต่อไป” เฉิงฉือกล่าวอย่างเด็ดขาด “ยามจําเป็นก็ให้ความช่วยเหลือเขาสัก ครั้ง ให้องค์ชายสี่เชื่อใจเขาเร็วขึ้นสักหน่อย ให้เขาได้เป็นผู้ช่วยขององค์ชายสี่เร็วขึ้นอีกสักหน่อย ด้วยนิสัยของเขาแล้ว จะต้องคิดหาวิธีจัดการตระกูลเฉิงอย่างแน่นอน…”
ถึงเวลาเรื่องที่ทําได้ก็มีมากขึ้นแล้ว!
5329
ไหวซานขานรับคํา “ขอรับ” ยิ้มๆ แล้วถอยออกไป เฉิงฉือนั่งครุ่นคิดอยู่ตรงนั้นคนเดียวกว่าครู่ใหญ่ จากนั้นยิ้มพลางเดินไปที่โถงรับรอง ทุกคนนั่งลงเรียบร้อย เพียงรอให้ถึงฤกษ์งามยามดีโขกศีรษะให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเสร็จก็เริ่ม งานเลี้ยงได้แล้ว สายตาของเฉิงฉือวางอยู่บนร่างของโจวเสาจิ่นที่สวมเสื้อกั๊กปี๋เจี่ยสีกุหลาบ ยืนอยู่ข้างๆ ฮู หยินผู้เฒ่ากัวด้วยสีหน้าสงบอบอุ่นอ่อนโยนอย่างห้ามไม่อยู่ รอให้ถึงวันหยุดครั้งหน้า พาสาวน้อยของเขาไปเดินเล่นงานวัดดีกว่า ให้นางได้ออกไปเดินเล่นข้างนอกบ้าง อย่าเอาแต่ล้อมอยู่หน้าเตาและตะลอนอยู่กับลูกอยู่แต่ในบ้านเช่นนี้ เฉิงฉือตัดสินใจได้แล้ว มุมปากจึงยกยิ้มขึ้นน้อยๆ โจวเสาจิ่นเห็นแล้วดีใจเป็นอย่างมาก ช่วงนี้เฉิงฉือเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน ทุกคืนต้องใช้เวลาหนึ่งถึงสองเค่อจัดเตรียมบทเรียน ให้หวงไท่ซุน นอกจากนี้ยังต้องยุ่งกับงานที่กรมการตรวจตรา จัดงานวันเกิดให้ฮูหยินผู้เฒ่า ให้ทุก คนได้ผ่อนคลายบ้าง ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วจริงๆ
โจวเสาจิ่นเม้มปากกลั้นยิ้ม เซี่ยซื่อชวนทุกคนไปจุดธูปที่วัดหงหลัว
นางอยากไปแก้บน โจวเสาจิ่นอยากมีลูกอีกสักคนเหลือเกิน จึงตอบรับคําชวนอย่างยินดี
5330
คนที่มีบุตรชายสามคนแล้วอย่างชิวซื่อหลานสะใภ้ของฮูหยินเผิงเฉิงถึงแม้จะไม่ต้องไปขอ บุตรแล้ว แต่ได้ออกไปเที่ยวเล่นก็ดีเหมือนกัน จึงตอบรับคําชวนด้วยอย่างยิ้มแย้ม
เมื่อคํานวณขึ้นมาแล้วมีคนจะไปทั้งหมดเจ็ดถึงแปดคนด้วยกัน
ทุกคนจึงปรึกษากันว่าจะไปอย่างไร ไปเวลาใด ต้องไปค้างสักคืนแล้วค่อยกลับมาหรือไม่ …ไม่ง่ายเลยกว่าจะปรึกษาหารือกันเสร็จ ผลปรากฏว่าก่อนพวกนางจะออกเดินทางหนึ่งวันกลับ เกิดเรื่องขึ้นมาก่อน
องค์ชายสามถูกตีแผ่ออกมาอย่างกะทันหันว่าระหว่างการไว้ทุกข์ทั้งแผ่นดินให้องค์รัช ทายาทนั้นกระทําเรื่องคาวโลกีย์กับนางแสดงที่เลี้ยงไว้ในตําหนักผู้หนึ่ง ยังให้นางแสดงผู้นั้น คลอดธิดาออกมาผู้หนึ่งด้วย
เขาเอาแต่ร้องขอความเป็นธรรม บอกว่านางแสดงผู้นั้นเพิ่งตั้งครรภ์ก่อนที่องค์รัชทายาท จะสิ้นพระชนม์ไม่นาน เขาไม่มีทางกระทําเรื่องอกตัญ�ูต่อเชษฐาเช่นนั้นอย่างแน่นอน
แต่ทั้งสองเรื่องก็ห่างกันไม่มากจริงๆ ผู้ใดก็ไม่กล้ารับประกันว่าตั้งครรภ์เด็กคนนี้ตอนไหน กันแน่
องค์ฮ่องเต้ให้ความสําคัญกับความรักใคร่ปรองดองระหว่างพี่น้องเป็นที่สุด
องค์ชายสามมาขอรับการลงโทษที่ตําหนักเฉียนชิงหลายต่อหลายครั้งล้วนถูกเฉินลี่ขันที ใหญ่ของตําหนักเฉียนชิงปฏิเสธกลับไปอย่างไม่แข็งไม่อ่อน
เขาจิตใจว้าวุ่น ว่ากันว่าตัวคนซูบผอมจนเหลือแต่กระดูกแล้ว
โจวเสาจิ่นได้ยินแล้วรู้สึกหวาดหวั่น แอบถามเฉิงฉือเป็นการส่วนตัวว่า “นี่เป็นฝีมือของ องค์ชายสี่หรือเปล่า องค์ชายสามมีธิดากับนางแสดงที่เลี้ยงไว้ในบ้านผู้หนึ่งจริงๆ หรือเจ้าคะ”
5331
“ไม่รู้ว่าใช่ฝีมือของเขาหรือไม่” เฉิงฉือกล่าวด้วยสีหน้าเคร่ง “องค์ชายสามมีธิดากับนาง แสดงที่เลี้ยงไว้ในบ้านผู้หนึ่งจริงๆ แต่ก็อย่างที่เขากล่าวมา ช่วงเวลาใกล้กันมาก ไม่เพียงพอให้ พิสูจน์ได้ว่าเขากระทําเรื่องคาวโลกีย์กับนางแสดงผู้นั้นในช่วงไว้ทุกข์ทั้งแผ่นดินหรือไม่” เขากล่าว เสียงพูดค่อยๆ เบาลงเรื่อยๆ กล่าวอีกว่า “อย่างไรก็ตาม องค์ชายสี่เป็นคนเติมเชื้อไฟลงไปในนั้น จริงๆ กล่าวคือ หลังจากที่นางแสดงผู้นั้นตั้งครรภ์ องค์ชายสามกลัวว่าจะถูกคนเอาไปสร้างเรื่อง สั่งให้คนสังหารนางแสดงผู้นั้นเสีย ผู้ใดจะรู้ว่านางแสดงผู้นั้นกลับหายตัวไปอย่างกะทันหัน องค์ ชายสามตามหาเป็นเวลานานก็หาไม่เจอ อีกทั้งไม่กล้าป่าวประกาศออกไป แล้วก็ค่อยๆ วางเรื่อง นี้เอาไว้ก่อนไปเสีย ทว่าความจริงแล้วองค์ชายสี่รับตัวนางแสดงผู้นั้นไปพักฟื้นอยู่ที่อื่นเรียบร้อย แล้ว…และตอนนี้เขาก็เปิดเผยเรื่องนี้ออกมา…”
“องค์ชายสี่เองก็จิตใจโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว” โจวเสาจิ่นได้ยินแล้วพึมพํากล่าวขึ้นอย่างอด ไม่อยู่ “แม้แต่หญิงตั้งครรภ์และเด็กก็ยังต้องการหาผลประโยชน์…องค์ชายสามก็ไร้เหตุผล ไว้วางใจไม่ได้ มิใช่ว่าเขาต้องการแย่งชิงตําแหน่งรัชทายาทกับองค์ชายสี่หรอกหรือ ประมาท เลินเล่อเช่นนี้ จะเป็นราชันที่ปรีชาสามารถได้อย่างไร!”