ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 576 ปลุกงู
เฉิงฉือยิ้มอย่างดูแคลนรังเกียจ กล่าวขึ้นว่า “เพราะฉะนั้นข้าถึงได้คร้านจะเปลืองสมอง กับเรื่องพวกนี้”
ให้พวกเขาไปกัดกันเอาเองก็แล้วกัน
โจวเสาจิ่นนึกถึงเรื่องที่องค์ชายสี่กระทํากับตระกูลเฉิงในชาติก่อนขึ้นมา กล่าวว่า “ถ้า หากมีคนค้นพบว่าเรื่องนี้มีความเกี่ยวพันกับองค์ชายสี่ก็คงจะดี!”
เฉิงฉือยิ้ม หอมแก้มของนางเบาๆ “ข้าค้นพบ ผู้อื่นก็ย่อมค้นพบได้เช่นกัน ใต้โลกหล้านี้ไม่ มีผู้ใดเป็นคนโง่เขลา เพียงรอดูว่าจะค้นพบเวลาใด และคนที่ค้นพบจะเปิดเผยเรื่องนี้ออกมาเมื่อไร เท่านั้น ก็เหมือนกับนางแสดงที่องค์ชายสามอุปถัมภ์เลี้ยงดูเอาไว้ผู้นั้น มิใช่ว่าก็รอให้ตั้งครรภ์ครบ สิบเดือนจนคลอดเด็กออกมาก่อนถึงเปิดเผยออกมาหรอกหรือ”
โจวเสาจิ่นพยักหน้า กล่าวว่า “เกรงว่านางแสดงผู้นั้นคงมีชีวิตอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ไม่รู้ว่า สุดท้ายเด็กคนนั้นจะมีชะตาอย่างไรบ้าง”
จะมีชะตาอย่างไรได้?
หลังจากเปลี่ยนรัชสมัยแล้วองค์หญิงที่มีชีวิตอยู่ในตําหนักเย็นยังถูกคนเลี้ยงเสมือนหมู ในเล้าก็ไม่ปาน นับประสาอะไรกับเด็กเช่นนี้ผู้หนึ่ง
ส่วนตัวเขา ที่กระพือเปลวไฟให้ทั่วทุกที่มิใช่เพราะอยากให้องค์ชายสี่รู้สึกกระวนกระวาย ใจจนเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาให้เร็วขึ้นหรอกหรือ
ดูแล้วตอนนี้องค์ชายสามกําลังเสียเปรียบ ความจริงแล้วนับตั้งแต่ที่องค์รัชทายาทและ องค์ชายอีกหลายพระองค์จากไปเป็นต้นมา ท่านอารองบอกเขาว่า องค์ฮ่องเต้ก็รู้สึกรางๆ เช่นกัน ว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้องนัก เพียงแต่ว่าจับอะไรไม่ได้เท่านั้น ทว่าก็ทรงปฏิบัติกับองค์ชายสองสาม
5333
พระองค์และหวงไท่จื่ออย่างเข้มงวดมากยิ่งขึ้น และเขาก็ใช้กลอุบายเล็กน้อย เชื่อว่าถึงแม้คนของ ฮ่องเต้จะสืบหาคนยั่วยุอยู่เบื้องหลังไม่ได้ แต่คําถามน่าสงสัยทั้งหมดก็ชี้เป้าไปที่องค์ชายสี่ได้แล้ว เพียงต้องหย่อนเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยนี้ลงไป องค์ชายสี่กับราชบัลลังก์ในท้องพระ โรงทองจินหลวนนั้นก็จะไร้วาสนาต่อกันไปชั่วนิรันดร์แล้ว นอกเสียจากว่าเขาจะก่อกบฏ! คิดถึงตรงนี้ เฉิงฉืออดลูบคางของตัวเองไม่ได้ ก่อกบฏหรือ จากที่เขาได้ยินมานั้น องค์ฮ่องเต้มิใช่คนเลอะเลือนขนาดนั้น!
แต่ถ้าหากชาติก่อนเขาเป็นคนอยู่เบื้องหลังวางแผนปลงพระชนม์องค์รัชทายาท หวงไท่ ซุนและองค์ชายอีกสองสามพระองค์จริงๆ เขาก็อาจจะอาศัยการก่อกบฏเพื่อบัลลังก์จริงๆ ก็ เป็นได้
หากเป็นเช่นนี้ เรื่องราวมากมายก็ได้รับการแถลงไขให้ชัดเจนแล้ว เช่นนั้นก็ให้เขารอดูว่าสิ่งที่ตัวเองคาดเดานั้นสุดท้ายแล้วถูกต้องหรือไม่!
เฉิงฉือยิ้มน้อยๆ ไม่อยากให้โจวเสาจิ่นคิดมาก เปลี่ยนหัวข้อสนทนาว่า “เกิดเรื่องขององค์ ชายสามขึ้นแล้ว บรรยากาศในเมืองหลวงตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย ตอนไปวัดหงหลัวอย่าลืมเตือนข้า ล่วงหน้าสองวัน เอาผู้คุ้มกันไปเพิ่มอีกสักสองสามคน หากเจ้าตั้งใจจะค้างที่นั่นสักคืนหนึ่ง เลิก งานแล้วข้าจะไปรับเจ้า” เขากล่าวพลางหอมแก้มนางอีกครั้งหนึ่ง
5334
หัวใจของโจวเสาจิ่นประหนึ่งมีนํ้าผึ้งหวานลํ้าอยู่ กล่าวอย่างน่ารักว่า “อาเซิงบอกว่าพวก เราค่อยไปกันวันหลังเจ้าค่ะ…อย่างไรเสียอีกไม่กี่วันก็ถึงวันที่หนึ่งเดือนสิบ ต้องกราบไหว้สักการะ บรรพบุรุษกันแล้ว ถึงเวลานั้นทุกคนค่อยมารวมตัวกันอีกครั้ง”
เฉิงฉือมองดวงตาคู่นั้นของนาง ราวกับมีนํ้าพุอยู่ในนั้นบ่อหนึ่งก็ไม่ปาน กอดนางไว้ใน อ้อมกอดอย่างอดไม่อยู่ สองสามีภรรยาแสดงความรักต่อกันอยู่ในห้องหนังสือไปหนึ่งบ่าย กระทั่ง ถึงเวลาจุดโคมไฟตอนไปรับประทานมื้อเย็นกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวนั้น ขาของโจวเสาจิ่นยังอ่อนยวบไร้ ซึ่งเรี่ยวแรง
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับดีใจเป็นอย่างยิ่ง เอาปิ่นปักผมทองคําฝังมรกตให้โจวเสาจิ่นดู กล่าว ขึ้นว่า “เมื่อครู่หมิ่นซื่อให้คนส่งมาจากอําเภอเหมียนจู๋ บอกว่าเป็นของแสดงความยินดีเนื่องในวัน คล้ายวันเกิดของข้า อาจเป็นเพราะมิได้คํานวณเวลาให้ดี ปิ่นปักผมนี้จึงมาถึงช้าเล็กน้อย ทว่า นํ้าใจมิได้ช้าแต่อย่างใด”
โจวเสาจิ่นยิ้มพลางรินชาให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัว
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหยิบจดหมายของเฉิงสวี่ออกมาให้เฉิงฉือดูด้วย พลางกล่าว “ฟังจาก นํ้าเสียงนี้ของเขาแล้ว จัดหาที่พักที่เหมียนจู๋เสร็จเรียบร้อยแล้ว เข้ากับหัวหน้าและลูกน้องได้เป็น อย่างดี วันสารทจีนช่วงกลางเดือนเจ็ดยังเข้าร่วมงานถวายธูปที่ใหญ่ที่สุดของวัดฉานที่อําเภอเห มียนจู๋ด้วย…เด็กคนนี้เติบโตอยู่ในขวดนํ้าผึ้งมาตั้งแต่เด็ก ข้ายังกังวลว่าเขาจะไม่รู้จักวิถีของผู้คน ในโลกกว้าง ตอนนี้ดูแล้ว คงเป็นข้าที่คิดมากเกินไปแล้ว”
เฉิงฉือรับจดหมายมาอ่านอย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง พลางกล่าวยิ้มๆ ไปด้วยว่า “เด็กเล็กไม่ ปล่อยออกไปเดินข้างนอกบ้างผู้ใดจะรู้ว่าจะหลงทางหรือไม่ โชคดีที่ยังไม่ถือว่าสายเกินไปนัก”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพยักหน้ายิ้มๆ จิบชาไปสองสามคํา ให้คนอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ออกมา
5335
เฉิงฉือคิดว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์โตพอแล้ว หลายวันก่อนจึงให้เขาหย่านม ช่วงนี้เขาจึงไม่ค่อยเบิกบานใจนัก พอเห็นเฉิงฉือจึงหันหน้าหนีไปทางอื่น แต่ตอนเห็นโจวเสาจิ่นกลับนํ้าตาร่วงเผาะลงมา
โจวเสาจิ่นมองลูกที่ไม่ได้เห็นมาหลายวันแล้วคล้ายจะผอมลงไปมากโข รู้สึกสงสาร เหลือแสน กอดเอาไว้ในอ้อมกอดพลางกล่าว “เด็กดี” แล้วก็หอมอย่างรักใคร่ไปเนิ่นนาน อวิ้นเกอ เอ๋อร์ถึงได้รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมา มองเฉิงฉือด้วยดวงตาคลอหยาดนํ้าตาพลางกล่าวกับโจวเสาจิ่นว่า “ท่านแม่ ข้าอยากอยู่กับท่าน”
ครบหนึ่งขวบปีมาหนึ่งเดือน จู่ๆ เขาก็พูดประโยคสี่ถึงหกคําออกมาไปได้อย่างปุบปับ บางครั้งยังพูดได้เต็มประโยคอย่างไม่ชัดถ้อยชัดคําออกมาอีกด้วย
โจวเสาจิ่นหันไปมองฮูหยินผู้เฒ่ากัว
นางเคยได้ยินมามาผู้มีประสบการณ์ในบ้านบอกว่า เด็กหย่านมนั้นมีอาการแตกต่างกัน ไป บางคนสองสามวันก็ได้แล้ว บางคนสี่ถึงห้าวันก็ยังไม่สําเร็จก็มี
ช่วงนี้อวิ้นเกอเอ๋อร์พักอยู่ที่ห้องของฮูหยินผู้เฒ่ากัว จะอุ้มกลับไปด้วยได้หรือไม่นั้น ยัง ต้องถามฮูหยินผู้เฒ่ากัวก่อน
อวิ้นเกอเอ๋อร์เฉลียวฉลาดมาก ยังเด็กยังเล็กแต่แค่เพียงได้ยินคนข้างกายพูดว่าเฉิงฉือ ไม่ให้เขาดื่มนมแม่ต่อ เขาก็เชื่ออย่างสนิทใจไปแล้วว่าเฉิงฉือไม่ดี ตอนนี้เด็กคนนี้เป็นดั่งกล่อง ดวงใจของนาง นางไม่อยากให้อวิ้นเกอเอ๋อร์มีความคิดเช่นนั้นกับตนไปด้วยอีกคน จึงส่ายศีรษะ ให้โจวเสาจิ่นเบาๆ จนแทบจะมองไม่เห็น กล่าวว่า “มิใช่ว่าอาการไข้หวัดของเจ้ายังไม่ดีขึ้นหรอก หรือ รอให้เจ้าดีขึ้นแล้วค่อยพาเขากลับไป”
5336
อวิ้นเกอเอ๋อร์ได้ยินแล้วนํ้าในตายิ่งไหลรินมากขึ้น มือน้อยกลับลูบดวงหน้าของโจวเสาจิ่น พลางกล่าว “แม่กินลูกกวาด กินลูกกวาดไม่เจ็บ”
ช่วงหย่านม เขาร้องไห้โยเยหนักมาก ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหลอกล่อเขาโดยการบอกว่าโจวเสา จิ่นไม่สบาย เขาถึงได้ยอมหยุด หลายวันนี้อยากดื่มนมแม่ ก็ได้แต่ฝืนดื่มนมแพะเท่านั้น
โจวเสาจิ่นรู้สึกผิดยิ่งนัก หากมิใช่เพราะเห็นเฉิงฉืออยู่ข้างๆ ด้วย ก็คงตามใจเขาไปแล้ว เด็กบ้านอื่นนั้นดื่มนมแม่จนถึงเจ็ดแปดขวบก็มี
คิดเช่นนี้แล้วนางก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยว่าตนไม่ควรให้เขานมดื่มของตัวเองเลย
ถ้าหากเป็นแม่นม ไม่แน่ว่าเฉิงฉืออาจจะให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ดื่มนมต่อไปก็เป็นได้
ทว่าเฉิงฉือราวกับมองความคิดของนางได้ทะลุปรุโปร่งก็ไม่ปาน เงยหน้าขึ้นมามองนาง ครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “เขาเป็นเด็กผู้ชาย ไม่อาจเอาแต่ออดอ้อนอยู่ในอ้อมกอดของมารดาได้”
โจวเสาจิ่นรู้ว่าที่เฉิงฉือกล่าวมานั้นมีเหตุผล แต่ยังคงรู้สึกปวดใจ จึงใช้โอกาสตอนที่ฮูหยิน ผู้เฒ่ากัวกับเฉิงฉือพูดคุยกันนั้นเล่นวงแหวนปริศนาเป็นเพื่อนอวิ้นเกอเอ๋อร์
อวิ้นเกอเอ๋อร์เล่นวงแหวนปริศนาได้เก่งมากแล้ว โจวเสาจิ่นค่อยๆ รู้สึกเหน็ดเหนื่อยจน ตามไม่ทันเล็กน้อย อวิ้นเกอเอ๋อร์จึงหยิบด้ายแดงมาเล่นพันด้ายกับนาง
โจวเสาจิ่นถามข้ารับใช้ที่ปรนนิบัติอยู่ข้างกายอย่างประหลาดใจว่า “นี่ผู้ใดเป็นคนสอน เขาหรือ”
นางจําได้ว่าตอนที่ตัวเองอายุเจ็ดถึงแปดขวบยังเล่นพันด้ายอยู่เลย นี่อวิ้นเกอเอ๋อร์ยังไม่ ถึงสองขวบด้วยซํ้า!
5337
เฉินเซียงกล่าวยิ้มๆ ว่า “คุณชายใหญ่เห็นตอนพวกเราพี่สาวน้องสาวทั้งหลายเล่นกัน พวกเราจึงเล่นเป็นเพื่อนคุณชายใหญ่ไปสองสามครั้งเจ้าค่ะ”
ไม่แปลกที่ทุกคนต่างชมว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์นั้นฉลาด โจวเสาจิ่นยิ้มเบิกบานพลางลูบศีรษะของอวิ้นเกอเอ๋อร์ อวิ้นเกอเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมายิ้มหวานหยดย้อยให้มารดา ทว่ามือกลับคลายลง ด้ายแดง ยุ่งเหยิงจนกลายเป็นก้อนกลม เขาไปดึงด้ายแดงนั่นอย่างโมโห
โจวเสาจิ่นรีบกล่าวปลอบโยนเขา ให้เขานั่งอยู่บนตักตัวเองค่อยๆ ช่วยเขาแก้ด้ายทีละเล็ก ทีละน้อย เขาถึงได้เบิกบานขึ้นมา
เฉิงฉือมองอวิ้นเกอเอ๋อร์ครั้งหนึ่ง เมื่อกลับไปกล่าวกับโจวเสาจิ่นว่า “เจ้าไม่อาจปล่อยให้ เขาเอาแต่ใจได้”
“ย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นตอบ รู้สึกผิดเล็กน้อย
เรื่องขององค์ชายสามโด่งดังกึกก้องไปจนถึงกลางเดือนสิบ มีหิมะตกลงมาห่าใหญ่ครั้ง หนึ่ง องค์ชายสามถูกลดสถานะลงเป็นจวิ้นอ๋อง ริบเบี้ยรายเดือนเป็นเวลาหนึ่งปีถือเป็นการจบคดี ไป
ตําหนักองค์ชายสามรีบเปลี่ยนประตูใหญ่และโถงหลัก ทางด้านของโจวเสาจิ่นเมื่อเสร็จ จากเรื่องกราบไหว้บรรพบุรุษแล้วก็เริ่มเตรียมการสําหรับเฉลิมฉลองปีใหม่ สองสามปีมานี้ตระกูล เฉิงเองก็ทยอยซื้อที่ดินมาจํานวนหนึ่ง เพียงแต่ว่าเป็นของซอยซิ่งหลินและของเฉิงเว่ยเสียมาก
5338
ประตูเฉาหยางทางด้านนี้ไม่ค่อยมีที่ดิน มีเพียงร้านค้าไม่กี่ร้านเท่านั้น จองร้านทองของปีหน้า เขียนอักษรจาร จัดเก็บเงินเรียบร้อยก็เริ่มซื้อของสําหรับปีใหม่ได้แล้ว
ชิวซื่อให้เฉิงรั่งนําข้าวสาร แป้ง และเนื้อหมูสําหรับปีใหม่ที่ส่งมาจากหมู่บ้านมาให้ เล็กน้อย เฉิงรั่งยังนําไก่ฟ้ามาด้วยสองตัว “…เห็นมาจากที่หมู่บ้านตอนไปบ้านสวนเมื่อคราวก่อน พอทราบว่าที่หมู่บ้านยังเลี้ยงของเช่นนี้อยู่ด้วย จึงให้พวกเขาช่วยเลี้ยงมาให้สองสามตัว ข้าตั้งใจ เลือกตัวที่ใหญ่ที่สุดสองตัวส่งมาให้เป็นพิเศษ ยังส่งอีกสองตัวไปให้อาเป่ากับอาเหรินด้วย”
ปลายเดือนเก้า ฉางซื่อรับอาเป่ากับอาเหรินกลับไปที่ซอยซวงอวี๋แล้ว
โจวเสาจิ่นรีบให้สาวใช้อุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ออกมากล่าวขอบคุณ
เด็กน้อยทําความเคารพเฉิงรั่งอย่างเรียบร้อย เฉิงรั่งนึกขึ้นมาว่าเซี่ยซื่อกําลังตั้งครรภ์บุตร คนแรกของพวกเขาอยู่ ดวงตาแดงขึ้นมาเล็กน้อย รอให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ทําความเคารพเสร็จแล้วก็รีบ อุ้มเขามาไว้ในอ้อมแขน บอกกล่าวโจวเสาจิ่นสักคําหนึ่งแล้ว ก็พาเขาไปดูไก่ฟ้าสองตัวที่ตนนํามา ให้
โจวเสาจิ่นเตรียมของขวัญปีใหม่เหมือนกันสองชุด ชุดหนึ่งส่งไปที่ซอยซิ่งหลิน อีกชุดหนึ่ง ส่งไปที่บ้านชิวซื่อ เพียงแต่ว่าเพิ่มรังนกไปให้ชิวซื่ออีกสองห่อ บอกว่ามอบให้เซี่ยซื่อ
เซี่ยซื่อทําหมวกสําหรับฤดูหนาวมอบให้อวิ้นเกอเอ๋อร์สองใบเป็นของขวัญตอบแทน
ของขวัญปีใหม่ของซอยซิ่งหลินถึงได้ค่อยๆ ตามมา
ประจวบเหมาะกับวันนั้นโจวเจิ้นก็ให้คนนําของขวัญปีใหม่ส่งมาให้บุตรสาว บุตรเขยและ หลานชายพอดี
ซอยซิ่งหลินนั้นส่งของมาตามปกติทั่วไป ทว่าด้านของโจวเจิ้นนั้นเก็บสะสมห่อเล็กบ้าง ใหญ่บ้างมาสองปีเต็ม แค่หนังสําหรับทําชุดฤดูหนาวให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ก็มีถึงสืบผืนแล้ว
5339
ข้ารับใช้ของทั้งสองบ้านจอดรถขนย้ายของอยู่หน้าประตูชั้นใน จะไม่ให้คนของซอยซิ่ง หลินรู้สึกหน้าแดงหูแดงได้อย่างไร
ฝานหลิวซื่อกลับเป็นคนเถรตรงผู้หนึ่ง เห็นแล้วกล่าวยิ้มๆ ว่า “นายท่านตระกูลเดิมอยู่ ไกล จึงรวบรวมสิ่งของส่งมาพร้อมกัน จึงมีมากกว่าเป็นธรรมดา” จากนั้นนําเงินรางวัลที่เพิ่งรับมา จากชุนหว่านแจกจ่ายให้ทุกคน
ป้ารับใช้ที่มาจากซอยซิ่งหลินหน้าแดงกํ่า กล่าวอธิบายกับฝานหลิวซื่อว่า “มามา บอก ท่านตามตรง ช่วงนี้ฮูหยินของพวกข้าไม่ค่อยสบาย เนื่องจากฮูหยินผู้เฒ่าพักอยู่ที่นี่ กลัวว่าจะทํา ให้ฮูหยินผู้เฒ่าตกใจ จึงไม่กล้าตามมาทักทายด้วย ของขวัญปีใหม่ของปีนี้ฮูหยินไม่มีเรี่ยวแรงดูแล นัก จึงจัดเตรียมตามรายการของขวัญของปีที่แล้ว ไม่ได้เปลี่ยนเลยแม้แต่อย่างเดียว หากมามาไม่ เชื่อ เอาไปเทียบกับรายการของขวัญของปีก่อนก็รู้แล้ว”
ฝานหลิวซื่อตกใจเป็นอย่างยิ่ง เอ่ยขึ้นว่า “เกิดอะไรขึ้น ฮูหยินหยวนไม่สบายหรือ”
ก็มิใช่ว่าไม่สบาย” ป้ารับใช้เหล่านั้นมองไปมอบๆ อย่างกระอักกระอ่วน เห็นทุกคนต่าง กําลังยุ่งอยู่ ถึงได้ดึงฝานหลิวซื่อไปข้างๆ กระซิบกล่าวเสียงเบาว่า “เพราะโมโหสะใภ้ใหญ่ของ พวกข้า”
“มิใช่ว่าสะใภ้ใหญ่ไปอยู่เหมียนจู๋แล้วหรอกหรือ” ฝานหลิวซื่อกล่าวอย่างไม่เข้าใจ
เสียงของป้ารับใช้ผู้นั้นยิ่งเบาลง กล่าวว่า “ฮูหยินให้ป้ารับใช้คนสนิทข้างกายผู้หนึ่งตาม ไปด้วย เดิมทีป้ารับใช้ผู้นั้นก็เคยปรนนิบัติรับใช้คุณชายใหญ่มาก่อน นี่เพิ่งจะไม่กี่วันเอง ก็ถูก สะใภ้ใหญ่ส่งตัวกลับมาแล้ว บอกว่ากล่าววาจาล่วงเกิน…ได้ยินป้ารับใช้ผู้นั้นเล่าว่า ตอนนี้คนข้าง กายสะใภ้ใหญ่ล้วนเป็นคนจากบ้านเดิมของสะใภ้ใหญ่ทั้งสิ้น ทุกวันนี้คุณชายถูกสะใภ้ใหญ่ ควบคุมให้ทําอะไรก็ทําสิ่งนั้นไปแล้ว…”
5340
ฝานหลิวซื่อกล่าวอย่างประหลาดใจว่า “เพราะเรื่องนี้อย่างนั้นหรือ แต่นี่มีอะไรให้ต้อง โมโหกัน แม่สามีของบ้านไหนยังไปยุ่งเรื่องภายในเรือนของบุตรสะใภ้บ้าง? บุตรชายและบุตร สะใภ้แต่งงานกันแล้ว บุตรสะใภ้ดูแลเรื่องในบ้าน ชอบใช้คนของตัวเองก็เป็นเรื่องปกติมิใช่หรือ นอกจากนี้บุตรสะใภ้ยืนขึ้นมาด้วยตัวเองได้ นี่เป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่งมิใช่หรือ”