ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 577 สงสัย
แต่ถ้าหากเพราะเหตุนี้แล้วทําให้ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย เกรงว่าฮูหยินหยวนย่อมไม่มีทาง ชอบใจ
ป้ารับใช้ผู้นั้นไม่อาจกล่าวอะไรมาก กล่าวอย่างเป็นนัยว่า “บุตรสะใภ้ยืนขึ้นมาได้ คนเป็น แม่สามีย่อมยินดี แต่ถ้าหากบุตรชายยืนอยู่ฝั่งเดียวกับบุตรสะใภ้…”
ที่แท้เรื่องส่งคนกลับมานั้นคุณชายใหญ่สวี่อนุญาตแล้วนี่เอง
ฝานหลิวซื่อพยักหน้า พอจะเข้าใจความหมายของป้ารับใช้ผู้นั้นแล้ว
อย่างไรก็ตามนี่ล้วนเป็นเรื่องของซอยซิ่งหลิน และพวกนางก็ล้วนแล้วแต่เป็นบ่าว ลอบ กระซิบกระซาบคุยกันสองประโยคเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ถ้าแอบเอามาวิพากษ์วิจารณ์นั่นไม่ ถูกต้องแล้ว
ทั้งสองไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก พูดคุยเรื่องวันปีใหม่แล้วต่างคนต่างกลับไปรายงานหน้าที่ของ ตน
โจวเสาจิ่นมิได้เก็บเรื่องที่ซอยซิ่งหลินส่งของขวัญปีมาให้ช้ามาใส่ใจ และก็ไม่รู้ว่าที่ซอยซิ่ง หลินเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง ทางด้านซอยซิ่งหลินนั้นฮูหยินหยวนนอนอยู่บนเตียงมาเกือบหนึ่งเดือน แล้ว ท่าทางอิดโรยไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ตามท่านหมอมาดูอาการแล้ว กล่าวเพียงว่าเป็นเพราะจิตใจ ได้รับความกระทบกระเทือน พักผ่อนอย่างสงบก็ได้แล้ว นางอยากใช้โอกาสนี้ให้หมิ่นเจียกลับมา เฝ้าไข้ หวนคิดได้ว่าเฉิงสวี่และหมิ่นเจียยังไม่มีลูก เรื่องทายาทนี้เป็นเรื่องใหญ่ อย่างไรก็ต้อง อดทนให้นางคลอดบุตรชายคนโตให้ได้ถึงจะใช้การได้ แต่เข้าใจก็ส่วนเข้าใจ รู้ก็ส่วนรู้ ความกรุ่น โกรธนี้ยากจะกลืนลงไปได้จริงๆ
5342
หยวนซื่อครุ่นคิดว่าอย่างไรก็ต้องหาวิธีรู้ให้ได้ว่าเฉิงสวี่อยู่ที่เหมียนจู๋เป็นอย่างไรบ้างถึงจะ ดี
เฉิงจิงเลิกงานแล้วกลับมาหานางเพื่อหารือเรื่องรับฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับมาฉลองปีใหม่ “… เรือนของท่านแม่จัดเตรียมไปถึงไหนแล้ว คราวก่อนตอนเฉลิมฉลองวันไหว้พระจันทร์ที่ประตูเฉาห ยางนั้น ข้าเห็นทางด้านโน้นมีอาหารรายการใหม่ๆ จํานวนมาก ที่บ้านมีบ่าวทําเป็นหรือไม่ ถ้าหาก ไม่มี ก็ให้คนไปคัดลอกรายการอาหารที่ท่านแม่กินบ่อยๆ มาส่วนหนึ่ง ตั้งใจบอกภรรยาของเจ้าสี่ สักหน่อย ให้นางส่งคนครัวมารับใช้สักสองสามคน ยังมีอวิ้นเกอเอ๋อร์อีก ท่านแม่เห็นเขาเป็นดั่ง แก้วตาดวงใจก็ไม่ปาน ท่านแม่ต้องกลับมาอยู่ที่นี่หนึ่งเดือนกว่า ในบ้านก็ไม่มีเด็กเล็กคนอื่น เกรง ว่าคงรู้สึกเงียบเหงาแย่ เจ้าไปถามภรรยาของเจ้าสี่สักหน่อย ดูว่ารับอวิ้นเกอเอ๋อร์มาอยู่ด้วยสัก ระยะหนึ่งได้หรือไม่ ท่านแม่จะต้องดีใจอย่างแน่นอน พูดถึงเรื่องนี้ เจ้าควรจะเรียนรู้จากชิวซื่อบ้าง ถึงจะถูก เจ้าดูนาง นอกจากช่วยท่านอารองดูแลอาเป่ ากับอาเหรินแล้ว ยามว่างก็พารั่งเกอเอ๋อร์ สองสามีภรรยาไปเยี่ยมเยียนท่านแม่ ท่านแม่อายุมากแล้ว จึงชอบให้ที่บ้านครื้นเครงมีความสุข เจ้าเป็นสะใภ้คนโต เป็นภรรยาเอกของตระกูลเฉิง ควรจะทําได้ดีกว่าพวกเขาถึงจะถูก…” และอีก มากมาย ล้วนเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทั้งสิ้น ทว่าทุกเรื่องกลับบอกกล่าวอย่างละเอียดและจริงจัง
หยวนซื่อรู้สึกเจ็บที่หน้าอก
ตอนนั้นนางเลี้ยงลูกพร้อมกับดูแลฮูหยินผู้เฒ่ากัวเพียงลําพังอยู่ที่จินหลิง เหตุใดเขาถึงไม่ ใส่ใจความยากลําบากของตน ยามเห็นหน้าก็พูดเพียงไม่กี่ประโยคว่า ‘ลําบากเจ้าแล้ว’ เท่านั้น อย่างอื่นไม่เคยมีแม้แต่ประโยคเดียว ตอนนี้ยังเอานางไปเปรียบเทียบกับชิวซื่อ บอกว่านางสู้ชิวซื่อ ไม่ได้อีก…
หยวนซื่อหายใจไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูยิ่ง กล่าวอย่างไม่เกรงใจ ว่า “กตัญ�ูต่อแม่สามีเป็นเรื่องที่ข้าสมควรทํา แต่ให้รับอวิ้นเกอเอ๋อร์มาดูแลด้วยอีกคน ท่านทํา
5343
เกินไปแล้วหรือไม่ ก็อย่างที่ท่านกล่าวมา อวิ้นเกอเอ๋อร์เป็นแก้วตาดวงใจของท่านแม่ นี่หากว่ามา ที่นี่แล้วไปหกล้มที่ไหนหรือชนอะไรเข้า ข้าจะอธิบายกับท่านแม่และน้องสะใภ้สี่ว่าอย่างไร นี่มิใช่ ว่าท่านกําลังหาเรื่องอยู่หรอกหรือ”
เฉิงจิงไม่พอใจ ด้วยอายุของเขา มีหลานชายอายุเท่าอวิ้นเกอเอ๋อร์ได้แล้วด้วยซํ้าไป ในใจของเขาแล้ว ก็รักใคร่อวิ้นเกอเอ๋อร์หลานลุงผู้นี้ไม่ต่างไปจากหลานปู่เลย
หยวนซื่อเคยเลี้ยงลูกมาสามคน คนไหนบ้างที่มิได้เติบโตมาอย่างดี แม้แต่ตอนเป็น อีสุกอีใส บนร่างกายก็ไม่มีรอยแผลเป็นหลงเหลืออยู่เลย ตอนนี้เฉิงเจิงสองพี่น้องออกเรือนไปแล้ว เฉิงสวี่สองสามีภรรยาก็ไปประจําการแล้ว แต่ละวันนอกจากอาหารสามมื้อแล้วในบ้านก็ไม่มีเรื่อง อะไรให้ต้องยุ่งวุ่นวายอีก แค่เด็กน้อยที่ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ดีคนเดียวจะดูแลให้ดีไม่ได้ได้ อย่างไร เห็นๆ อยู่ว่าเป็นเพราะนางไม่อยากดูแลอวิ้นเกอเอ๋อร์! เห็นได้ชัดว่าไม่ชอบบุตรของพี่น้องของเขา!
สีหน้าของเฉิงจิงค่อยๆ เยียบเย็นลงมา นึกถึงระยะนี้ที่นางไม่สบายอย่างไรเหตุผลมา หลายครั้ง ก็ยิ่งรู้สึกเบื่อหน่าย กล่าวขึ้นว่า “เช่นนั้นก็ได้! ช่วงนี้เจ้าไม่สบาย ก็ไม่อาจให้เจ้ามาดูแล เรื่องพวกนี้อีก เจ้าพักฟื้นไปก่อน ข้าจะไปนั่งเล่นกับเจ้าสี่ ไปเยี่ยมท่านแม่สักหน่อย”
หยวนซื่อรีบตะโกนเรียกสาวใช้เด็กเข้ามาปรนนิบัติเฉิงจิงเปลี่ยนเสื้อผ้า
เฉิงจิงปฏิเสธ กล่าวว่า “เวลาไม่เช้าแล้ว พรุ่งนี้ข้ายังต้องไปประชุมเช้า ค่อยเปลี่ยนที่บ้าน เจ้าสี่สักชุดก็พอ” จากนั้นครุ่นคิดครู่หนึ่ง กล่าวอีกว่า “ข้าจะอยู่รับมื้อเย็นที่โน่นด้วย”
5344
หยวนซื่อขมวดคิ้ว รู้สึกว่าท่าทางของเฉิงจิงทําให้นางไม่สบายใจเล็กน้อย อยากกล่าว อะไรสักเล็กน้อย เฉิงจิงก็สลัดข้ารับใช้ในห้องทิ้งออกจากประตูไปแล้ว
นางจําต้องเก็บความคิดนั้นไว้ในใจ ตั้งใจจะรอให้เฉิงจิงกลับมาแล้วค่อยคุยกับเขาอย่าง ละเอียดอีกครั้ง
เฉิงจิงเร่งคนหามเกี้ยวไปตลอดทางจนถึงประตูเฉาหยาง เฉิงฉือเพิ่งเลิกงาน แต่ว่าเขากลับมาจากไปสอนวิชาเลขให้หวงไท่ซุนในช่วงบ่าย โจวเสาจิ่นปรนนิบัติเขาเปลี่ยนอาภรณ์
ทั้งสองคนกระซิบคุยกันอยู่ในห้องขนาบข้าง “…วันนี้หวงไท่ซุนตรัสถามข้าว่าสนิทสนม กับองค์ชายสี่หรือไม่ ข้าบอกเล่าการคบหาของทั้งสองบ้านให้หวงไท่ซุนฟัง หวงไท่ซุนไม่ได้ตรัส อะไร ข้าพิจารณาแล้ว อาจมีคําพูดอะไรแพร่ไปถึงพระกรรณของหวงไท่ซุนแล้ว”
โจวเสาจิ่นฟังแล้วเป็นกังวลใจยิ่งนัก กล่าวว่า “หวงไท่ซุนจะทรงคิดว่าท่านเป็นคนของ องค์ชายสี่หรือไม่เจ้าคะ”
“น่าจะไม่” เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ “หวงไท่ซุนประทับอยู่ที่วังบูรพา อีกทั้งพระชนมายุยังน้อย ปกติไม่อาจออกจากวังได้ จู่ๆ เขามาตรัสถามถึงองค์ชายสี่ได้อย่างไรนั้น คนที่อยู่เบื้องหลังคอยส่ง ข่าวให้หวงไท่ซุนผู้นั้นจะต้องช่วยหวงไท่ซุนสืบเรื่องที่เขาต้องการทราบอย่างแน่นอน การที่หวงไท่ ซุนเลือกมาสอบถามเรื่องขององค์ชายสี่ที่ข้าก่อน ย่อมต้องมีเหตุผลเป็นแน่ แต่อย่างไรก็ตาม คนที่ คบหากับองค์ชายสี่เหมือนกับพวกเรานี้ก็มีไม่น้อยเลย ถ้าหากหวงไท่ซุนทรงทราบการกระทํา ทั้งหมดขององค์ชายสี่ จะต้องระแวดระวังตัวกับองค์ชายสี่ขึ้นมาอย่างแน่นอน จะได้ดูปฏิกิริยา ของหวงไท่ซุนด้วยพอดี”
5345
ถ้าหากเป็นคนที่ควรค่าจะเดิมพันด้วยคนหนึ่ง เช่นนั้นก็เดิมพันสักครั้งก็แล้วกัน แต่ถ้าไม่ ก็กอดอกดูอยู่ข้างๆ ก็พอ
อย่างไรเสียไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม เฉิงฉือตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ให้องค์ชายสี่ สืบทอดบัลลังก์
โจวเสาจิ่นกําชับเขาสองสามประโยคว่าให้ระวัง เฉิงจิงก็มาถึง
สองพี่น้องไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากัวพร้อมกัน
อวิ้นเกอเอ๋อร์วิ่งได้แล้ว เขาได้ยินคนรายงานเสร็จไม่รอให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเอ่ยปากก็วิ่งตึงๆ ออกมาแล้ว เลิกผ้าม่านขึ้นส่งยิ้มให้เฉิงจิงและเฉิงฉือพลางกล่าว “รีบเข้ามา รีบเข้ามา ข้างนอก หนาว”
ตอนพวกลูกๆ เป็นเด็กเฉิงจิงกําลังงานยุ่งพอดี ลูกๆ ของเฉิงเซียวสองพี่น้องเป็นหลานตา มีเพียงช่วงเทศกาลเท่านั้นถึงได้พบหน้ากัน เฉิงสวี่ก็ยังไม่มีลูก เขาไม่มีประสบการณ์อยู่กับเด็ก เล็กมาก่อน เห็นเช่นนั้นแล้วก็โพล่งหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ โน้มตัวลงไปอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ มาไว้ในอ้อมกอด กล่าวยิ้มๆ ว่า “อวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกเราช่างกตัญ�ูยิ่งนัก!”
อวิ้นเกอเอ๋อร์ชอบฟังผู้อื่นกล่าวชมเขา ยิ้มเผยฟันขาวซี่เล็กๆ ออกมาซี่หนึ่ง
เฉิงฉือกลับขมวดคิ้วมุ่น
บุตรชายเริ่มเรียนรู้จักเลียนแบบการพูดการเดินการกระทําเรื่องต่างๆ จากผู้อื่นแล้ว คน ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่ากัวล้วนเป็นคนที่คอยปรนนิบัติรับใช้นางทั้งสิ้น อวิ้นเกอเอ๋อร์ก็เลยเลิกผ้าม่าน ขึ้นให้ผู้อื่นเลียนแบบข้ารับใช้เหล่านั้น
5346
เดิมทีตั้งใจว่ารอให้บุตรชายอายุสามขวบแล้วค่อยย้ายออกไป คิดไม่ถึงว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์ จะเฉลียวฉลาดกว่าที่เขาคาดเอาไว้มาก ดูทีแล้วคงต้องเอาบุตรชายมาอยู่ข้างกายเร็วกว่ากําหนด แล้ว
เฉิงฉือกักเก็บความประหลาดใจเอาไว้พลางเดินเข้าไปยิ้มๆ หลังจากทําความเคารพฮู หยินผู้เฒ่ากัวแล้วก็พากันนั่งลงห้อมล้อมฮูหยินผู้เฒ่ากัว
อวิ้นเกอเอ๋อร์ได้รับคําชมแล้วพาให้รู้สึกดีใจ ตอนที่สาวใช้นํานํ้าชาของว่างขึ้นโต๊ะนั้นเขาก็ อยากจะเป็นคนส่งนํ้าชาให้เฉิงจิงให้ได้
เฉิงจิงยินดีปรีดายิ่ง ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเองก็ไม่ห้าม สาวใช้ข้างกายอวิ้นเกอเอ๋อร์จึงช่วย ประคองมือของอวิ้นเกอเอ๋อร์อย่างระมัดระวังอยู่ข้างๆ ปล่อยให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ส่งนํ้าชาให้เฉิงจิง เฉิงจิงควานหาของบนร่างตัวเอง เอาตราประทับเล็กๆ ชิ้นหนึ่งที่สวมติดตัวอยู่ตลอดส่งให้อวิ้นเกอ เอ๋อร์
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมองบุตรชายคนโตแล้วพยักหน้ายิ้มๆ อย่างเบิกบาน บอกให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ “รีบกล่าวขอบคุณลุงใหญ่ของเจ้า”
ตราประทับชิ้นนี้เป็นของที่เฉิงจิงแกะสลักด้วยตัวเองหลังจากที่เขาสอบผ่านจิ้นซื่อแล้ว ถึงแม้ฝีมือการแกะสลักจะไม่ประสาไปบ้าง แต่มีชัยตรงที่เป็นเครื่องรางความโชคดี
อวิ้นเกอเอ๋อร์ทําความเคารพและกล่าวขอบคุณเฉิงจิงด้วยเสียงกังวานใส
เฉิงจิงหัวเราะร่า อุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ไว้บนตัก ให้อวิ้นเกอเอ๋อร์เล่นตราประทับเล็กๆ ของเขา ไป หลังจากถามไถ่เรื่องทั่วไปกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวแล้ว จึงเอ่ยถึงเรื่องวันปีใหม่ขึ้นมา “…ท่านดูว่า ท่านจะไปเมื่อไรดี ข้าจะได้ลาหยุดสักวันมารับท่าน”
ใจจริงแล้วฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่อยากไป
5347
หนึ่งคืออยู่ที่นี่จนคุ้นชินแล้ว ของชิ้นเล็กมากๆ นั้นต่อให้ย้ายไปได้ก็ไม่อาจวางในตําแหน่ง เดิมได้ จึงไม่สะดวกมือนัก ข้อสองนั้นเป็นอย่างที่เฉิงจิงคาดเดาเอาไว้นั่นจริงๆ นางทนแยกจากอ วิ้นเกอเอ๋อร์ไม่ได้ แต่ถ้าหากพาอวิ้นเกอเอ๋อร์ไปด้วย ของเล่นของอวิ้นเกอเอ๋อร์ต้องขนถึงหนึ่งคัน รถ อีกทั้งเด็กน้อยก็ยังเด็กนัก หากแปลกที่แปลกคนขึ้นมาจะทําอย่างไร
สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่ากัวดูลังเลเล็กน้อย
โจวเสาจิ่นยกผลไม้ที่ปอกเสร็จแล้วเข้ามา นําขึ้นโต๊ะให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวด้วยตัวเอง
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมองแล้วตัดสินใจได้ กล่าวขึ้นว่า “ข้าว่าก็ไม่จําเป็นต้องวุ่นวายเพียงนั้น เจียซ่านสองสามีภรรยาล้วนไม่อยู่ หยวนซื่อก็ไม่สบาย ทุกวันเจ้าก็ต้องพบปะกับผู้อื่นด้วยเรื่อง งาน หากข้าย้ายไปอีกคน เกรงว่าเจ้าคงยุ่งจนไม่ไหวแน่แล้ว มิสู้พวกเจ้าตามมาฉลองปีใหม่กับข้า ที่นี่ดีกว่า ข้าค่อยไปบอกชิวซื่อ ให้พวกเขาก็มาที่นี่ด้วย ทุกคนมากินข้าวข้ามปีด้วยกันที่นี่ ภรรยา ของเจ้าจะได้ไม่ต้องลําบากด้วย หลายปีมาแล้วที่นางไม่ได้หยุดพักผ่อนเลย ปีนี้ก็ให้นางได้ พักผ่อนดีๆ สักหน่อย”
“นี่จะได้อย่างไรขอรับ” เฉิงจิงนึกถึงว่าตนเป็นบุตรชายคนโต กล่าวขึ้นมาอย่างร้อนใจว่า “นี่เป็นเรื่องที่นางสมควรรับผิดชอบอยู่แล้ว…”
เฉิงฉือฟังแล้วหัวใจกระตุก
ตามหลักแล้ว ควรเป็นเฉิงจิงสองสามีภรรยามารับฮูหยินผู้เฒ่าพร้อมกัน ทว่าตอนนี้มี เพียงเฉิงจิงที่มา…
เขาแสยะยิ้มเย็นอยู่ในใจ ทว่าสีหน้าอบอุ่น กล่าวยิ้มๆ ว่า “พี่ใหญ่ ครั้งนี้ท่านก็ฟังท่านแม่ เถิด พี่สะใภ้ใหญ่ลําบากมาหลายปีแล้ว ปีนี้ก็ให้นางได้พักสักหน่อย รอปีหน้าพวกเราค่อยไปฉลอง ปีใหม่ที่โน่นก็ไม่ต่างกัน จะว่าไปแล้ว พี่สะใภ้ใหญ่เองก็อายุไม่น้อยแล้ว ถ้าหากภรรยาของเจีย
5348
ซ่านอยู่เมืองหลวง พวกเราก็ไม่ว่าอะไร ตอนนี้ในบ้านมีพี่สะใภ้ใหญ่เพียงผู้เดียว อะไรก็ต้องให้นาง คอยเป็นห่วง สามีภรรยาร่วมทุกข์กันมาจนแก่เฒ่า ท่านก็ควรจะเห็นใจนางสักหน่อย”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วกล่าวสรุปความว่า “เรื่องนี้ก็ตกลงกันตามนี้ เจ้าใหญ่เจ้าเองก็ไม่ ต้องดึงดันแล้ว ให้ฟังข้า”
เฉิงจิงนึกถึงสีหน้าเย็นชาของหยวนซื่อก่อนตนออกมาจากบ้านขึ้นมา แล้วก็มาได้ยิน มารดากล่าวเช่นนี้อีก ในใจพลันคุกรุ่นขึ้นมา
ต่อให้มารดาไม่ถูกต้องอย่างไร สุดท้ายแล้วก็เป็นผู้อาวุโส มารดาได้ยินว่านางป่ วย ยัง เห็นใจสงสารนางที่ไม่สบาย นางกลับไม่คิดเสียบ้างว่ามารดาอายุเท่าไรแล้ว ยังจะป่ วยอยู่ที่บ้าน อีก…
เขารู้สึกหนาวเหน็บในหัวใจเล็กน้อย ทําใจกล่าวขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากน้องสะใภ้ รองทางด้านโน้นไม่ว่าอะไร พวกเราก็มาฉลองปีใหม่กับเจ้าสี่ทางด้านนี้ก็แล้วกัน”
โจวเสาจิ่นเผยความยินดีออกมา
นางชอบความครึกครื้นเป็นที่สุด อีกทั้งยังเข้ากันได้ดีกับชิวซื่อ ทุกคนมาฉลองปีใหม่ที่ บ้านของนางได้ ช่างดียิ่งนัก
โจวเสาจิ่นไม่รอให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเอ่ยปากก็อดไม่ได้กล่าวขึ้นอย่างยินดีว่า “ท่านแม่ เช่นนั้นข้าจะให้คนไปบอกพี่สะใภ้รอง ถึงเวลาพวกกูไหน่ไนก็กลับมาที่นี่เหมือนกันกระมัง ข้าจะได้ ไปจองการแสดงเอาไว้แต่เนิ่นๆ ให้พวกกูไหน่ไนได้สนุกสนานกัน”
ความยินดีที่ออกมาจากใจกับการทําพอเป็นพิธีเพื่อเข้าสังคมประเภทนั้นต่างกันราวฟ้า กับเหว เฉิงจิงเองก็เป็นถึงราชบัณฑิตหลวง จะมองไม่ออกได้อย่างไร
เขาทอดถอนใจอยู่ในใจครั้งหนึ่งอย่างห้ามไม่อยู่