ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 579 ไม่สนใจ
สิ่งที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัววางใจลงไม่ได้เป็นที่สุดก็คือบุตรชายที่ได้มาตอนอายุมากอย่างเฉิงฉือ ผู้นี้แล้ว เพื่อวงศ์ตระกูลจึงไปเป็นพ่อค้าเดินทางอยู่ไปมาอยู่ในเจียงหู แค่คิดก็ทําให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัว รู้สึกเจ็บจนพูดอะไรไม่ออกไปครึ่งค่อนวันแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องมีอารมณ์ไปดูทิวทัศน์หรือ เสวนากับญาติพี่น้องในบ้านเหล่านั้นเลย
แต่ตอนนี้ดีแล้ว
บุตรชายไม่เพียงได้เข้ารับราชการ ได้แต่งงานกับภรรยาที่ตนพึงใจ ยังมีบุตรชายแล้วด้วย …และวันนี้ก็กําลังจะมีบุตรเพิ่มเข้ามาในบ้านอีกคนแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มจนตาหยีโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว สั่งการให้เจินจูไปเปิดห้องเก็บของ ซํ้าๆ ว่า “รังนกนี้ไม่อาจให้ขาดได้ โสมคน หูกวางและถั่งเช่าก็ต้องเตรียมเอาไว้สักหน่อย เสื้อผ้าที่อ วิ้นเกอเอ๋อร์เคยใช้ตอนเด็กก็ต้องเอาออกมาซักใหม่ให้สะอาดอีกครั้งแล้วเก็บไว้ในหีบ ทางด้าน ของชูจิ่นและนายท่านที่บ้านเดิมของฮูหยินก็ต้องส่งคนไปบอกสักคํา…ยังมีชิวซื่อทางด้านโน้น ก็ ต้องให้คนไปแจ้งข่าวดีสักครั้ง นายท่านผู้เฒ่ารองทางด้านโน้นด้วย…ถามเสาจิ่นสักหน่อยว่า อยากกินอะไร ช่วงนี้ก็ทําตามที่นางอยากกิน ให้นางไม่ต้องมาปรนนิบัติข้า ส่วนอวิ้นเกอเอ๋อร์ก็ส่ง มาอยู่กับข้า เขามักจะโผเข้าหาอย่างไม่รู้จักหนักเบา หากพุ่งชนมารดาของเขาคงไม่ดีแน่…” กล่าว เช่นนี้แล้ว มีแต่เรื่องรัดตัวเต็มไปหมด
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวอดลูบหน้าผากไม่ได้ กล่าวกับหลี่ว์มามาว่า “เรื่องในบ้านส่งมาให้ข้าก็แล้ว กัน! ให้เสาจิ่นได้เลี้ยงลูกในครรภ์อย่างสบายใจ”
หลี่ว์มามาขานรับคําอย่างยิ้มแย้มว่า “เจ้าค่ะ” กล่าวหยอกเย้าฮูหยินผู้เฒ่ากัวว่า “หากว่า ครรภ์นี้ฮูหยินคลอดออกมาเป็นบุตรชายอีกผู้หนึ่งล่ะก็ ท่านก็จะได้สมปรารถนาอย่างสมบูรณ์ แล้ว”
5359
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวรู้สึกว่าสิ่งที่หลี่ว์มามากล่าวมาไม่น่าฟังนัก กล่าวอย่างไม่ชอบใจว่า “อะไร ที่เรียกว่าสมปรารถนาอย่างสมบูรณ์กัน ตระกูลเฉิงของพวกเรานั้นบุตรหลานน้อยไปสักหน่อย แน่นอนว่ายิ่งมีมากยิ่งดี!” กล่าวอีกว่า “คําโบราณกล่าวได้ดี ดอกไม้บานก่อน เก็บเกี่ยวผลทีหลัง หากครรภ์นี้เป็นบุตรสาวผู้หนึ่งก็ดีเหมือนกัน ครรภ์หน้าค่อยมีบุตรชายอีกผู้หนึ่ง…มีทั้งชายและ หญิง นั่นถึงจะดี”
หลี่ว์มามารีบกล่าวแก้ยิ้มๆ ว่า “ยังคงเป็นฮูหยินผู้เฒ่าที่เฉียบแหลม ข้าติดตามท่านมา ตลอดชีวิต เรียนรู้จากท่านมาตลอดชีวิต ก็ยังเรียนรู้ได้ไม่ถึงหนึ่งในสามส่วนของท่าน”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะ มิได้เอาคําพูดของนางมาใส่ใจ ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์แล้วไปดูโจว เสาจิ่น
แม่สามีลูกสะใภ้สองคนพูดคุยกันอย่างมีความสุข ชิวซื่อที่ได้รับข่าวแล้วก็เร่งพาเซี่ยซื่อ บุตรสะใภ้มาด้วย ทุกคนมารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่ง ฉางซื่อพาอาเป่ ากับอาเหรินมาหา ยังนําของ บํารุงมาด้วยเล็กน้อย คว้าอวิ้นเกอเอ๋อร์ที่วิ่งเข้ามาโดยมีเสวี่ยฉิวตามติดอยู่ด้านหลังมากอดเอาไว้ แน่น ยิ้มตาหยีพลางกล่าวขึ้นว่า “เจ้ากําลังจะได้เป็นพี่ชายแล้ว ต่อไปก็จะมีคนมาเล่นกับเจ้าแล้ว”
อวิ้นเกอเอ๋อร์พูดจารู้เรื่องและชัดเจนแล้ว เขาเบิกดวงตาโตพลางกล่าวกับฉางซื่อว่า “แต่ ข้ามีเยี่ยนเกอแล้ว!”
ในหมู่ลูกพี่ลูกน้องชายนี้ มีเพียงเยี่ยนเกอที่อายุน้อยกว่าเขา และเป็นน้องชาย ผู้อื่นหาก มิใช่พี่ชายก็มีศักดิ์เป็นหลานชาย ถึงแม้จะเป็นหลานชายก็ยังอายุมากกว่าเขา
ฉางซื่อกล่าวยิ้มๆ ว่า “จะมีน้องชายอีกคนหนึ่ง เจ้าดีใจหรือไม่”
ทุกครั้งที่อวิ้นเกอเอ๋อร์ไปเยี่ยมท่านป้าที่บ้านหากเยี่ยนเกอไม่นอนหลับก็กําลังดื่มนมอยู่ ไม่สนุกเลยแม้แต่นิดเดียว
5360
น้องชายอย่างเยี่ยนเกอ…เขาไม่ค่อยชอบนัก
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ กล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวและโจวเสาจิ่นว่า “เช่นนั้นให้เขาเล่น กับเยี่ยนเกอได้หรือไม่ ข้าอยากเล่นกับพี่ชายกวน อาเป่ า อาเหรินแล้วก็รุ่ยเกอเอ๋อร์ ข้าไม่อยาก เล่นกับน้องชาย”
ทุกคนในห้องพากันหัวเราะเสียงดังลั่น
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวยิ้มๆ ว่า “ถ้าหากเป็นน้องสาวผู้หนึ่งเกรงว่าทุกคนคงต้องแย่งกันเล่น กับนางแล้ว”
โจวเสาจิ่นมีใจชื่นชอบบุตรสาว ทว่าอยากคลอดบุตรชายสักคน บนโลกใบนี้ บุตรชายมี ชีวิตที่ดีกว่าบุตรสาวมากนัก
ชิวซื่อกล่าวยิ้มๆ ว่า “อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นบุตรชายหรือเป็นบุตรสาวล้วนดีทั้งนั้น บ้านของพวกเรามีเด็กๆ น้อยไปสักหน่อย”
ฉางซื่อพยักหน้าไม่หยุด
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวมีความสุขยิ่งนัก รั้งให้พวกนางอยู่รับประทานอาหารด้วย
เฉิงฉือที่ได้รับข่าวก็กลับมาแล้ว
สีหน้าของเขากลับดูสงบยิ่ง คล้ายกับว่ารู้มาตั้งนานแล้วก็ไม่ปาน ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ เสร็จ ไปคุยกับมารดาและพวกชิวซื่อที่ลานทิงเซียงครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไปเตรียมบทเรียนให้หวงไท่ ซุนสําหรับการเรียนครั้งถัดไปที่ห้องหนังสือของเรือนชั้นนอก
โจวเสาจิ่นรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
5361
ตอนกลางคืนเฉิงฉือก็ให้สาวใช้มาบอกให้นางนอนไปก่อน บอกว่านางกําลังตั้งครรภ์ไม่ ควรนอนดึก เขาจะกลับมาดึกสักหน่อย
โจวเสาจิ่นนอนหลับไปเพียงลําพัง
ถูกปลุกให้ตื่นกลางดึก ได้กลิ่นลมหายใจของเฉิงฉือ และรู้สึกเย็นที่มือ
นางรีบลืมตาขึ้นมา พบว่าบนข้อมือสวมกําไลไว้หนึ่งเส้น
กําไลโดยทั่วไปล้วนเป็นแบบกลม ทว่ากําไลเส้นนี้กลับแบน มองแวบแรกคล้ายกับกําไล แขน ทําจากหยกเหอเถียนสีขาว แกะสลักเป็นลวดลายสวัสดิกะเชื่อมต่อกัน สีขาวตลอดทั้งชิ้น เรืองรองประหนึ่งหิมะ
แค่มองโจวเสาจิ่นก็ชื่นชอบเป็นอย่างมากแล้ว
นางมองเฉิงฉืออย่างไม่เข้าใจ
เฉิงฉือยิ้มพลางหอมแก้มนาง ทว่ากระซิบถามแทนที่จะตอบว่า “เมื่อครู่ไม่พอใจหรือ”
โจวเสาจิ่นหน้าแดง
บุรุษไปทํางาน นางจะไม่พอใจได้อย่างไร
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เฉิงฉือไปห้องหนังสืออย่างเรียบเฉยเช่นนี้…นางหวังให้เฉิงฉือปฏิบัติ กับนางอย่างใกล้ชิดมากกว่านี้
เฉิงฉือหัวเราะเบาๆ กอดโจวเสาจิ่นไว้อ้อมอก แนบหน้าของนางเอาไว้อย่างรักใคร่ กระซิบกล่าวว่า “เด็กโง่! ห้ามคิดอะไรเหลวไหล ข้ามีธุระนิดหน่อย”
โจวเสาจิ่นพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ความไม่พอใจเล็กน้อยนั่นมลายหายไปแล้ว
5362
เฉิงฉือถอนหายใจเบาๆ อยู่ในใจครั้งหนึ่ง
พวกเขาแต่งงานกันมานานขนาดนี้แล้ว อีกทั้งนางยังเอาอกเอาใจลูกยิ่งกว่าอะไร เขาคิด ว่านางจะวางความสนใจทั้งหมดไว้ที่ลูกแล้วเสียอีก คิดไม่ถึงว่าในสายตาของนางเขายังคงมาเป็น ลําดับหนึ่ง
เฉิงฉือรู้สึกราวกับว่าตนแช่อยู่ในขวดนํ้าผึ้งก็ไม่ปาน
โชคดีเล็กน้อยที่ระหว่างทางกลับมาจากที่ว่าการนั้นเกิดมีใจอยากไปที่ร้านเครื่องเงินสัก ครั้ง ซื้อเครื่องประดับมาให้สาวน้อยของเขาสักชิ้นหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเกรงว่าหัวใจของสาวน้อยของ เขาดวงนี้คงปวดแปลบเป็นแน่แล้ว
เฉิงฉือจึงลูบหน้าท้องที่ยังคงแบนราบของนางเบาๆ กระซิบกล่าวว่า “บ่ายวันนี้องค์ชาย สามทรงต่อยองค์ชายสี่ไปครั้งหนึ่งที่ห้องทรงพระอักษร”
“หา!” โจวเสาจิ่นมองเฉิงฉือด้วยความตกใจ
เฉิงฉือลูบผมนางเบาๆ กระซิบกล่าวว่า “บ่ายวันนี้ฝ่ าบาททรงเรียกองค์ชายสี่มาเข้าเฝ้า ตั้งใจจะพูดคุยเรื่องการจัดเก็บภาษีของเจียงหนานในช่วงนี้ ประสงค์ให้องค์ชายสี่กับกรมการคลัง ร่วมกันหาวิธีแก้ปัญหาให้ได้สักวิธีหนึ่ง เพื่อลดภาษีให้เจียงหนาน ผลปรากฏว่าองค์ชายสี่เพิ่ง มาถึงห้องทรงพระอักษรได้ไม่นาน องค์ชายสามก็มาขอเข้าเฝ้า เดิมทีฝ่ าบาทไม่อยากให้เข้าพบ ทว่าขันทีเด็กที่ถวายการรับใช้อยู่ข้างวรกายผู้หนึ่งทําหนังสือ ‘กสิกรรมการปลูกหม่อนในสิบยุค สมัย’ ที่ฝ่าบาทจัดเก็บไปเมื่อหลายวันก่อนตกลงบนพื้นโดยไม่ตั้งใจ ฝ่าบาททอดพระเนตรหนังสือ เล่มนั้นแล้ว พลันเปลี่ยนพระทัยในทันใด ให้คนพาองค์ชายสามเข้าไป…
…หลังจากที่องค์ชายสามเข้าไปถวายบังคมฝ่ าบาทแล้ว ไม่ตรัสอะไรก็หันไปต่อยที่พระ พักตร์องค์ชายสี่หนึ่งหมัด…
5363
…คนที่ถวายการรับใช้อยู่ห้องทรงพระอักษรต่างตกใจจนเบื้อใบ้ไปชั่วขณะ…
…กระทั่งองค์ชายสามต่อยองค์ชายสี่จนล้มลงบนพื้น องค์ชายสี่ตะโกนไม่หยุดว่า นี่เจ้า เป็นอะไรไป ทุกคนถึงได้สติกลับมา ดึงองค์ชายสามออกมาจากวรกายขององค์ชายสี่…
…ฝ่าบาททรงพิโรธหนักยิ่ง…
…องค์ชายสามกลับตะโกนโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้นว่า ข้าก็แค่อยากต่อยเขา ข้าก็แค่อยาก สร้างความดีความชอบต่อหน้าพระพักตร์เสด็จพ่อสักครั้ง ต่อไปจะได้เป็นเสียนอ๋องสักคนหนึ่ง เท่านั้น เขากลับมีจิตใจชั่วร้าย คิดว่าทุกคนล้วนเป็นเหมือนเขา เห็นข้าได้รับความสนใจก็รับไม่ได้ หาวิธีเอาตัวนางแสดงที่กําลังตั้งครรภ์จากตําหนักของข้าไปซ่อน รอจนนางแสดงผู้นั้นคลอดเด็ก ออกมาก็เอาตัวคนออกมาทําให้ข้าอับอาย หากเขาเป็นคนทรงคุณธรรมจริง เหตุใดไม่นําตัวคนมา ให้เสด็จพ่อจัดการ…ทําเอาข้าราชบริพารส่วนพระองค์ที่ถวายการรับใช้อยู่ในห้องทรงพระอักษร ตกใจจนหากหูหนวกตาบอดไปเสียได้ก็คงจะดี…”
โจวเสาจิ่นอดไม่ได้จับแขนเสื้อของเฉิงฉือเอาไว้แน่น กล่าวขึ้นว่า “ละ แล้วองค์ชายสาม …”
“ฝ่ าบาทรงพิโรธมากเช่นกัน” เฉิงฉือกล่าว “ทรงต้องการให้นําตัวองค์ชายสามไปคุมขัง แต่หวงไท่ซุนเร่งเข้ามา เกลี้ยกล่อมฝ่ าบาทกว่าครึ่งค่อนวัน ทั้งยังช่วยพูดให้องค์ชายสามอีก มากมาย ฝ่ าบาทถึงได้เปลี่ยนพระทัย แต่องค์ชายสามก็สูญเสียตําแหน่งอ๋องไป ถึงแม้จะมิได้ถูก ปลดให้เป็นคนธรรมดา ทว่าถูกส่งไปให้ศาลราชวงศ์อบรมสั่งสอน ส่วนเรื่องที่ว่าต่อไปจะเป็น อย่างไรนั้น ไม่มีผู้ใดรับประกันได้”
“แล้วองค์ชายสี่เล่า” โจวเสาจิ่นกล่าวอย่างเป็นกังวลใจเล็กน้อย “ฝ่าบาทจะทรงคิดว่าเขา ถูกปฏิบัติอย่างอยุติธรรม จากนั้นมองเขาเปลี่ยนไปหรือไม่เจ้าคะ”
5364
“เปล่า” เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ “เจ้าไม่รู้สึกว่าเรื่องนี้ช่างน่าสนใจนักหรอกหรือ ขันทีเด็กที่ ตําหนักเฉียนชิง การกระทําอันรุนแรงขององค์ชายสาม และการขอพระเมตตาของหวงไท่ซุน…”
โจวเสาจิ่นตกใจ กล่าวขึ้นว่า “ท่านหมายความว่า…นี่เป็นเรื่องที่องค์ชายสามและหวงไท่ ซุนทรงวางแผนเอาไว้แต่เนิ่นๆ แล้วอย่างนั้นหรือเจ้าคะ”
“ข้าไม่รู้” เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ “แต่ถ้าหากเปลี่ยนเป็นข้า ถูกฝ่ าบาทลดสถานะเป็นจวิ้นอ๋อง สูญเสียคุณสมบัติการเป็นผู้สืบทอดแล้ว แทนที่จะให้คนที่ทําร้ายข้าได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข และยังอาจจะได้สืบทอดบัลลังก์ต่อ มิสู้ปะทะกันให้ปลาตายหรือไม่ก็ตาข่ายขาดกันไปข้างหนึ่ง ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยไว้ในพระทัยของฝ่ าบาท ให้เจ้าต้องใช้ชีวิตอย่างยากลําบากไป ด้วยจะดีกว่า ส่วนตัวเขา ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท ต่อให้ฝ่าบาทจะพิโรธเขา มากกว่านี้ อย่างมากก็คงปลดเขาเป็นคนสามัญธรรมดาเท่านั้น คงไม่สังหารเขาหรอกกระมัง องค์ ชายที่ถูกปลดเป็นสามัญชน ขอเพียงคนที่ปกครองอยู่เหนือกว่ามิใช่ศัตรูของตัวเอง อย่างไรต่อไป ก็มีกินมีใช้ มีอะไรให้ต้องกลัวด้วย”
โจวเสาจิ่นถอนหายใจ พลางกล่าว “ข้าตั้งใจซักเสื้อซักผ้าให้ท่านอยู่แต่ในบ้านดีกว่า เรื่อง ภายนอกช่างซับซ้อนนัก”
เฉิงฉือหัวเราะฮ่า พลางกล่าว “เสาจิ่นของข้าก็ฉลาดมากเช่นกัน เพียงแต่ไม่ชื่นชอบการ ใช้สมองขบคิดเท่านั้น”
โจวเสาจิ่นหัวเราะคิก กล่าวขึ้นว่า “ถ้าหากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหวงไท่ซุนจริงๆ เช่นนั้นเขาก็ ฉลาดเกินไปแล้ว หรือว่าจะเป็นอย่างประโยคที่กล่าวว่า ‘รักลึกลํ้าไม่ยืนยาว ปราดเปรื่องมากมัก เจ็บปวด’ ประโยคนั้นจริงๆ? ชาติก่อนเขาจากไปเร็วยิ่งนัก…” นํ้าเสียงเต็มไปด้วยความเสียดาย “ถ้าหากองค์ชายสี่ไร้วาสนาต่อบัลลังก์ หวงไท่ซุนก็สิ้นพระชนม์ เช่นนั้นผู้ใดจะขึ้นเป็นฮ่องเต้หรือ เจ้าคะ”
5365
เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “พญายมต้องการให้เจ้าตายยามสาม ผู้ใดจะรั้งเจ้าให้อยู่ถึงยามห้า ได้! นี่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ อย่างน้อยก็ช่วยตระกูลเฉิงไว้ได้”
นี่ก็ใช่!
ก่อนหน้านี้นางยังสงสัยว่าการสิ้นพระชนม์ของหวงไท่ซุนจะเกี่ยวข้องกับองค์ชายสี่หรือไม่ ตอนนี้แผนการร้ายขององค์ชายสี่ถูกเปิดเผยออกมาก่อนกําหนด ความหมายจากคําพูดของเฉิง ฉือเมื่อครู่ หวงไท่ซุนเริ่มสงสัยว่าองค์ชายสี่วางแผนการร้ายแล้ว ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ถ้าหาก หวงไท่ซุนยังไม่รู้จักระแวดระวังองค์ชายสี่ เช่นนั้นต่อให้เขาได้เป็นฮ่องเต้ เกรงว่าก็นั่งอยู่ได้ไม่นาน และไม่มั่นคง แต่ถ้าตอนนี้เริ่มระแวดระวังองค์ชายสี่แล้ว แต่สุดท้ายหวงไท่ซุนยังคงสิ้นพระชนม์ ไม่ว่าจะเป็นการสิ้นพระชนม์จากโรคภัยหรือถูกคนปลงพระชนม์ก็ตาม นี่ล้วนเป็นชะตาชีวิต พวก เขาคงไม่อาจไปเปลี่ยนฟ้าปรับชะตาให้ผู้ใดได้กระมัง
โจวเสาจิ่นตัดสินใจปล่อยให้เป็นไปตามสิ่งที่ควรจะเป็น
นางไม่ไปคิดถึงสถานการณ์ในอนาคตอีก ลูบกําไลบนข้อมือยิ้มๆ พลางเปลี่ยนหัวข้อ สนทนา กล่าวขึ้นว่า “นี่ นี่ถือว่าเป็นของขวัญมอบให้ข้าหรือไม่เจ้าคะ”
“อื้ม!” เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ “พอรู้ว่าข้าจะได้เป็นพ่ออีกครั้ง ข้าก็ดีใจมาก จึงอยากซื้ออะไร มอบให้เจ้าสักชิ้นหนึ่ง ชอบหรือไม่”
โจวเสาจิ่นพยักหน้าอย่างยิ้มแย้ม
หัวใจของเฉิงฉือเองก็รู้สึกเบิกบานตามขึ้นมาด้วย ช่วยกระชับผ้าห่มให้นาง กล่าวยิ้มๆ ว่า “รีบนอนเถอะ!”
โจวเสาจิ่นซุกศีรษะเข้ากับอ้อมอกของเขา
5366
เฉิงฉือหัวเราะเบาๆ เสียงหัวใจเต้นตึกๆ ดังอยู่ข้างหูของนาง นางรู้สึกเป็นสุขขึ้นมาอย่าง อธิบายไม่ได้