ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 580 มาเมืองหลวง
เนื่องจากโจวเสาจิ่นตั้งครรภ์ วันนั้นที่เฉิงเก้ามาถึงเป็นวันที่เฉิงฉือไปสอนหนังสือที่ตําหนัก บูรพาพอดี เฉิงฉือกระทั่งลางานไม่ได้ หลังจากโจวชูจิ่นทราบเรื่องแล้วก็บอกให้มอบหมายเรื่องนี้ แก่นาง นางจะให้เลี่ยวเส้าถังไปรับเฉิงเก้า
เซี่ยซื่อก็แนะนําให้เฉิงรั่งไปรับคนพร้อมกับเลี่ยวเส้าถังอย่างเงียบๆ ว่า “…ไม่ว่าอย่างไร พวกเจ้าก็เป็นญาติพี่น้องกัน เขาอยู่ที่จินหลิง เจ้าอยู่ที่จิงเฉิง เขาเป็นแขกจากแดนไกล อย่างไรเจ้า ก็ต้องเป็นเจ้าบ้านให้ดี ท่านลุงใหญ่เป็นผู้อาวุโส ไม่เหมาะสมที่จะไปรับ อีกทั้งพี่ชายใหญ่สวี่รับ ราชการอยู่ อวิ้นเกอก็ยังเล็ก จวนหลักจึงมีแต่เจ้าที่ช่วยวิ่งเต้นเป็นธุระให้ได้ หากว่าเจ้ากลัวจะทํา ได้ไม่ดี มิใช่ว่ายังมีพี่เขยตระกูลเลี่ยวอยู่ด้วยหรอกหรือ ตอนนี้เขาเป็นบัณฑิตซู่จี๋ เป็นคนมียศ ตําแหน่งแล้ว มีเขาพาเจ้าไป เจ้าจะกลัวอะไร นอกจากนี้ยังเรียนรู้การเข้าสังคมจากเขาได้บ้าง วัน หลังหากในบ้านมีเรื่องเช่นนี้อีก เจ้าก็ไปเองได้แล้ว”
แต่ไหนแต่ไรเฉิงรั่งถูกมองเป็นเด็กน้อยอยู่เสมอ เรื่องต่างๆ ภายในบ้านจึงไม่ถึงคราวของ เขาออกหน้า
เขาได้ยินแล้วก็ลังเลถามว่า “ท่านแม่กับท่านอาฉือต่างไม่ได้ว่าอะไร นี่…นี่จะทําได้หรือ”
เซี่ยซื่อตอบยิ้มๆ ว่า “เช่นนั้นพวกเราไปถามท่านแม่ดีหรือไม่”
นางรู้ว่าสามีของตนค่อนข้างเป็นผู้น้อยในบรรดาญาติพี่น้องตระกูลเฉิง ทว่าแต่ละคนต่าง มีตําแหน่งที่อยู่และจุดเด่นของตนเอง บางทีเฉิงรั่งอาจไม่ได้เป็นจิ้นซื่อ แต่เขาเป็นคนดีมีคุณธรรม คนหนึ่งได้ ช่วยคนในบ้านดูแลการงานต่างๆ ได้ ก็ดีกว่าวันๆ ไม่ทําอันใด มักใหญ่ใฝ่สูงแต่มือไม่ถึง
เฉิงรั่งคิดว่าถ้อยคําของภรรยามีเหตุผลมาก จึงไปหาชิวซื่อ
5368
ชิวซื่อได้ยินแล้วก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง นอกจากจะสนับสนุนให้เขาไปรับคนพร้อมกับเลี่ยว เส้าถังแล้ว ยังหยิบตั๋วเงินห้าสิบเหลี่ยงและเร่งทําอาภรณ์ฤดูใบไม้ผลิตัวหนึ่งให้เฉิงรั่งอีกด้วย ให้ เฉิงรั่งสวมเสื้อผ้าใหม่ไปในวันนั้น
มารดาเห็นด้วยกับความคิดของเขา เฉิงรั่งก็ดีใจเหลือหลาย เมื่อกลับมาก็เอาตั๋วเงินห้า สิบเหลี่ยงกับอาภรณ์ฤดูใบไม้ผลิให้เซี่ยซื่อดู
เซี่ยซื่อรินชาจอกหนึ่งให้เฉิงรั่งด้วยตนเอง กล่าวว่าต้องขอบคุณเขาที่ทํางานเหน็ดเหนื่อย
เฉิงรั่งก้มหน้าลงอย่างขัดเขินพลางกล่าวว่า “นี่ล้วนเป็นความคิดของเจ้า เกี่ยวอะไรกับข้า ด้วยเล่า”
ต่อให้เป็นความคิดของนางก็ต้องให้เฉิงรั่งรับฟังถึงจะถูก
เซี่ยซื่อคลี่ยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “หากสามีไม่เห็นด้วยกับคําของภรรยาจะยอมไปถามท่าน แม่ได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ เห็นได้ว่าสามีเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน”
เฉิงรั่งได้ยินแล้วก็เบิกบานใจยิ่ง หัวเราะขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
เมื่อถึงวันไปรับเฉิงเก้าก็ตื่นแต่เช้า ล้างหน้าแต่งตัวอย่างพิถีพิถันแล้วจึงไปที่ประตูเฉาห ยาง จากนั้นก็ไปพบเลี่ยวเส้าถังที่ซอยอวี๋ซู่พร้อมกับฉินจื่อจี๋ แล้วไปรับเฉิงเก้าที่ประตูเฉาหยาง
เฉิงเก้าเห็นเฉิงรั่งก็ประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ในภาพจําของเขา เฉิงรั่งมักจะหลบอยู่ข้างหลังผู้อื่น ใบหน้าเลือนรางไม่ชัดเจน
เขาอดไม่ได้กล่าวขอบคุณเฉิงรั่งครั้งหนึ่งดีๆ
เฉิงรั่งรู้สึกขัดเขินยิ่ง ดวงหน้าแดงกํ่า แต่จะดีจะร้ายก็ได้เอ่ยถ้อยคําที่ควรจะพูดแล้ว ทุก คนมุ่งไปที่ประตูเฉาหยางด้วยกัน
5369
โจวเสาจิ่นรอเฉิงเก้าที่ประตูชั้นใน
เมื่อเห็นเฉิงเก้ายังคงมีดวงหน้าหล่อเหลาและมีชีวิตชีวาเช่นเดิม นํ้าตาในกระบอกตาของ นางก็รื้นขึ้นมาทันที
ชาติก่อนตอนนางเห็นเฉิงเก้าที่จิงเฉิง แม้ว่าเฉิงเก้าได้เป็นบัณฑิตซู่จี๋แล้ว ทว่าท่าทางกลับ เคร่งขรึมและเก็บกด
นางก้าวมาทําความเคารพเฉิงเก้าโดยมีจี๋เสียงช่วยประคอง
ระหว่างที่เฉิงเก้าเดินทางมาก็ทราบข่าวที่โจวเสาจิ่นตั้งครรภ์แล้ว ตอนนี้เห็นดวงหน้าของ นางแดงปลั่ง แววตาเปล่งประกาย ไม่มีความอ่อนเพลียอิดโรยของสตรีมีครรภ์เลยสักนิด ก็รู้ว่าเฉิง ฉือดูแลเอาใจใส่นางเป็นอย่างดี หลังจากยิ้มร่าขณะแสดงความยินดีกับโจวเสาจิ่นแล้ว เขาก็อด หยอกเย้าโจวเสาจิ่นไม่ได้ว่า “ดูทีแล้วยังคงเป็นดินนํ้าของจวนหลักที่หล่อเลี้ยงผู้คน แต่ก่อนตอนที่ เจ้าอยู่ที่เรือนหว่านเซียง ก็ดูเหมือนมะเขือต้องนํ้าค้างแข็งก็ไม่ปาน จากนั้นไปอยู่ที่เรือนหานปี้ซาน เพียงประเดี๋ยวเดียวก็มีชีวิตชีวาขึ้นแล้ว ยามที่พี่สะใภ้ของเจ้าตั้งครรภ์หยวนหยวน ทุกวันท่าทาง อ่อนระโหยโรยแรง ตอนนี้ข้าเห็นเจ้าเป็นอย่างนี้ กลับดูคล้ายว่าทุบตีเสือจนตายได้เลยทีเดียว”
โจวเสาจิ่นหน้าแดงเรื่อ นึกถึงชาติที่แล้วเฉิงเก้ากับเหอเฟิงผิงแต่งงานกันเจ็ดแปดปีแล้วจึง มีหยวนหยวน ตอนนี้นอกจากจะให้กําเนิดบุตรสาวเร็วขึ้นแล้ว ก็ยังคงตั้งนามว่าหยวนหยวนชื่อนี้ อีกด้วย นางเอ่ยถามอย่างสงสัยเล็กน้อยว่า “เหตุใดพี่ชายเก้าถึงตั้งชื่อเล่นให้ลูกว่าหยวนหยวนชื่อ นี้เจ้าคะ”
เฉิงเก้าตอบยิ้มๆ ว่า “ตอนที่พี่สะใภ้ใหญ่ของเจ้าเป็นเด็กชอบกินขนมจุบจิบ รูปร่างขาว จํ้ามํ่า มีชื่อเล่นว่า ‘อาหยวน’ ตอนนั้นพวกข้าก็ล้อเล่นกันว่า หากให้กําเนิดบุตรสาวก็จะตั้งชื่อนี้ ไม่ คาดคิดว่าจะคลอดบุตรสาวคนหนึ่งออกมาจริงๆ”
5370
เห็นได้ว่าเรื่องบางเรื่องแม้เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาก็ยังคงหวนคืนสู่รอยเดิมอยู่ดี
โจวเสาจิ่นคลี่ยิ้มพลางกล่าวขอบคุณเลี่ยวเส้าถัง แล้วไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากัวเป็นเพื่อน เฉิงเก้า
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวถามไถ่ถึงฮูหยินผู้เฒ่ากวน
เมื่อทราบว่าจวนสี่ทุกอย่างราบรื่น อีกทั้งกูที่สิบเจ็ดตระกูลกู้ก็ตั้งครรภ์อีกครั้ง ฮูหยินผู้ เฒ่ากัวก็หัวเราะเริงร่าขึ้นมา กําชับเฉิงเก้าว่า “ให้ทําเสมือนที่นี่เป็นบ้านของตน” “ขาดอะไรก็ให้ เสาจิ่นเตรียมให้เจ้า” สองสามประโยค จากนั้นจึงเรียกอวิ้นเกอเอ๋อร์เข้ามาทําความเคารพเฉิงเก้า
เฉิงเก้าเห็นอวิ้นเกอเอ๋อร์เป็นครั้งแรก น่ารักน่าเอ็นดูเหลือแสน ชี้ดวงตาของอวิ้นเกอเอ๋อร์ ขณะกล่าวกับโจวเสาจิ่นว่า “เหมือนตอนเจ้าเป็นเด็กจริงๆ”
“จริงหรือเจ้าคะ” หลายคนต่างบอกว่าดวงตาของอวิ้นเกอเอ๋อร์งดงามยิ่ง
เฉิงเก้าพยักหน้าพลางกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “หยวนหยวนของพวกข้าเป็นแม่หนูอ้วน ท้วนคนหนึ่ง อุ้มในอ้อมแขนก็หนัก ส่วนฟางฟางกลับซุกซนแก่นแก้วจนรื้อกระเบื้องบนหลังคา ยัง เป็นอวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกเจ้าที่ดี สุภาพเรียบร้อย ว่านอนสอนง่าย”
โจวเสาจิ่นกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวต่างหัวเราะไม่หยุด โจวเสาจิ่นยิ่งแล้วใหญ่อยากเห็นฟาง ฟางของกูที่สิบเจ็ดตระกูลกู้สักครั้งหนึ่งว่ามีหน้าตาเช่นไร
เฉิงเก้าเห็นสีหน้าของพวกนางสองแม่สามีและบุตรสะใภ้ไม่ค่อยถูกต้องนัก จึงเอ่ยถาม อย่างฉงนว่า “ทําไมหรือ อวิ้นเกอเอ๋อร์ก็ซุกซนด้วยหรือ”
โจวเสาจิ่นไม่เคยคิดว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์ซุกซนแต่อย่างใด ตอบยิ้มๆ ว่า “เขาเป็นเด็กผู้ชาย ค่อนข้างอยู่ไม่นิ่ง แต่ก็ไม่ได้ซนมากนักเจ้าค่ะ”
5371
ทุกคนหัวเราะขณะพูดคุยเรื่องเด็กๆ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเฉิงเก้าก็ลุกขึ้นขอตัวไป
โจวเสาจิ่นส่งเขาถึงประตู
เลี่ยวเส้าถังกับเฉิงรั่งส่งเฉิงเก้าที่เรือนรับรองแขก
หลังจากเฉิงเก้าล้างหน้าผลัดชุดเสร็จแล้วก็มีเลี่ยวเส้าถังกับเฉิงรั่งสนทนาอยู่เป็นเพื่อน รอจนเฉิงฉือกลับมาก็จัดโต๊ะอาหารเพื่อต้อนรับเขา วันรุ่งขึ้นยังพาเขาไปพบเฉิงเซ่าด้วยตนเอง ให้ เฉิงเซ่าตรวจดูการบ้าน
เฉิงเซ่าพึงพอใจกับการบ้านของเฉิงเก้าเป็นอย่างมาก สัญญาว่าจะแนะนําเขาไปเล่า เรียนที่สํานักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ทั้งยังให้เฉิงเก้ามาถามเขาได้เสมอหากมีอะไรที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับ บทเรียนอีกด้วย
เฉิงเก้าย่อมรู้สึกซาบซึ้งใจเหลือคณา ทุกวันก็จากประตูเฉาหยางมาบ้าน บ้านไปประตู เฉาหยาง บางครั้งก็ไปเยี่ยมเฉิงเซ่า ไปเยี่ยมเลี่ยวเส้าถัง และสนทนากับเฉิงฉือ เวลาที่เหลือล้วน ตั้งใจศึกษาอ่านตํารา
เมื่อโจวเสาจิ่นเห็นแล้ว หัวใจที่แขวนอยู่นั้นก็ร่วงลงมา
วันเวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงวันที่สามเดือนสามซึ่งเป็นเทศกาลวันซ่างซื่อ 3081 และก็เป็น เทศกาลวันเด็กผู้หญิงอีกด้วย
ที่เจียงหนานมีธรรมเนียมประเพณีเก็บดอกผักจี้ไช่และต้มไข่เพื่อแก้พิษหยุดโรค
1 วันซ่างซื่อ (上巳节) ตรงกับวันที่สามเดือนสามตามปฏิทินจันทรคติของจีน เป็นหนึ่งในสี่เทศกาลบวงสรวงของจีนโบราณ ในวันนี้ ผู้คนจะอาบนํ้าชําระกายริมแม่นํ้า จัดโต๊ะไหว้เจ้า และออกมาดื่มดํากับทิวทัศน์ฤดูใบไม้ผลิ
5372
แต่ก่อนโจวเสาจิ่นไม่รู้ว่าที่จิงเฉิงก็มีดอกผักจี้ไช่อยู่ด้วย ต่อมาค้นพบว่าในบ้านมีบ่าว หญิงต้มไข่ไก่มอบให้ผู้อื่นนางถึงรู้ ดังนั้นปีนี้จึงกําชับบ่าวหญิงในบ้านให้เก็บดอกผักจี้ไช่มอบให้ ญาติมิตรแต่เนิ่นๆ ทั้งยังให้เฉิงเก้านําไปมอบให้สหายร่วมสํานักศึกษาเล็กน้อยอีกด้วย ส่วนตนก็ ต้มไข่ไก่และกลั่นสุราข้าวในวันนี้ ฉลองร่วมกับฮูหยินผู้เฒ่ากัว
ปรากฏว่าขณะที่พวกนางกําลังกินไข่ไก่อยู่นั้น ฮูหยินเผิงเฉิงป๋ อก็วิ่งมาหา
นางทักทายโจวเสาจิ่นอย่างใจลอย แล้วดึงฮูหยินผู้เฒ่ากัวไปห้องอุ่นข้างๆ กระซุบกระซิบ ว่า “ท่านได้ยินเรื่องที่องค์ชายสามทรงวิวาทกับองค์ชายสี่หรือไม่ ท่านว่าเรื่องนี้ควรทําอย่างไรดีเจ้า คะ ทุกปีองค์ชายสี่พระราชทานของมาให้พวกข้า ท่านก็รู้จักตระกูลของพวกข้าดี ตามหลักแล้ว องค์ชายสี่ก็เป็นหลานชายของพวกข้า เขาพระราชทานของขวัญมาให้พวกข้าก็เป็นเรื่องปรกติ ระหว่างพระญาติ ข้าก็มิได้เก็บมาใส่ใจ แต่บัดนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา ทุกคนต่างพากันคาดเดาว่า องค์ชายสี่ทรงจับจ้องราชบัลลังก์ วางแผนทําลายแขนขา ตําแหน่งหน้าที่ในกรมการคลังก่อนหน้า นี้ก็ไม่มีแล้ว… ด้วยลักษณะนิสัยส่วนพระองค์ขององค์ฮ่องเต้ หากเรื่องขององค์ชายสามเป็นองค์ ชายสี่ที่ทรงกระทําจริงๆ ล่ะก็ องค์ฮ่องเต้จะไม่ทรงปล่อยองค์ชายสี่ไปเป็นแน่ ถ้าหากองค์ชายสี่ เกิดโชคร้ายขึ้นมา ต่อให้พวกข้ากระโดดลงแม่นํ้าเหลืองไปก็ล้างมลทินไม่หมด”
ต่อให้ฮ่องเต้ทรงค้นพบว่าองค์ชายสี่เป็ นผู้ลงมือ แต่กฎหมายไม่ลงทัณฑ์ทุกคน โดยเฉพาะในเวลานี้ที่ราชวงศ์มีข่าวอื้อฉาวไม่หยุดไม่หย่อน ก็ยิ่งจะไม่ทรงแตะต้องตระกูลผู้มี อํานาจเหล่านี้เป็นแน่
ขอเพียงหวงไท่ซุนไม่มีปมในพระหฤทัยก็พอแล้ว
ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวมิอาจเอ่ยถ้อยคํานี้ต่อหน้าฮูหยินเผิงเฉิง จึงได้แต่กล่าวอ้อมค้อมว่า “แต่ก่อนองค์ชายพระองค์อื่นก็คงพระราชทานของขวัญแก่พวกเจ้าเช่นกันกระมัง ในเมื่อกลัวว่า
5373
องค์ฮ่องเต้จะทรงเคลือบแคลงพระทัย หรือไม่ก็เชิญหวงไท่ซุนเสด็จไปหยั่งดูท่าทีขององค์ฮ่องเต้ เจ้าคะ?”
ฮูหยินเผิงเฉิงได้ยินแล้วนัยน์ตาก็ลุกวาบ
พวกเขารู้นิสัยส่วนพระองค์ของฮ่องเต้ดี ต่อให้ทําให้ทรงพระพิโรธชั่วขณะหนึ่งก็ไม่สําคัญ อย่างไรก็ตามฮ่องเต้ทรงมีพระชนมพรรษามากแล้ว อย่างมากก็ต้องทนอีกไม่กี่ปี แต่หวงไท่ซุนเป็น รัชทายาทองค์ต่อไป ในสถาการณ์ปรกติทรงมีพระชนม์ได้หลายสิบพรรษา พวกเขาน่าจะทนไม่ ไหว!
ฮูหยินเผิงเฉิงกล่าวขอบคุณไม่หยุด รีบอําลาฮูหยินผู้เฒ่ากัวแล้วจึงเร่งกลับจวนเผิงเฉิงป๋ อ
โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “ฮูหยินเผิงเฉิงท่านนี้น่าสนใจนะเจ้าคะ”
ตามหลักแล้ว คนเช่นนี้อยู่ในวังราวกับปลาได้นํ้า เพียงแต่ฮูหยินเผิงเฉิงกลับได้รับความ โปรดปรานจากไทเฮาและฮองเฮา
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มพลางกล่าว “ความตรงไปตรงมาก็มีข้อดีของมัน ต่อไปเจ้าก็จะค่อยๆ เข้าใจเอง”
โจวเสาจิ่นไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ เรื่องที่ผ่านไปก็ผ่านพ้นไปแล้ว
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ฮูหยินเผิงเฉิงมาอีกครั้ง
นางจับมือของโจวเสาจิ่นพลางกล่าวอย่างขัดเขินว่า “ดูข้าสิ คราวก่อนก็มิได้ไถ่ถามเจ้าว่า สบายดีหรือไม่ ได้ยินว่าเจ้าตั้งครรภ์? มีของที่อยากกินอยากดื่มหรือไม่ ข้าจะไปหามาให้เจ้า อย่าง อื่นไม่กล้ารับประกัน แต่หากพูดถึงของแปลกหายากเหล่านั้น ข้าเห็นมามากนักแล้ว”
เห็นได้ว่าเมื่อวานรีบร้อนลนลานจริงๆ
5374
โจวเสาจิ่นหลุดหัวเราะเงียบๆ แต่ยังคงกล่าวขอบคุณฮูหยินเผิงเฉิงอย่างนอบน้อม เชิญ นางเข้าไปดื่มชาในห้องชั้นใน
ฮูหยินเผิงเฉิงก็ไม่เกรงใจ นั่งพูดคุยสัพเพเหระเป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่ากัว ทว่าตรงหว่างคิ้ว กลับไม่มีร่องรอยร้อนใจของเมื่อวานหลงเหลืออีกแล้ว เห็นได้ว่าคําแนะนําที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเสนอ ให้นางยังคงได้ผล
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็ไม่ถามนางเรื่องเมื่อวานว่าเป็นเช่นไรแล้วเหมือนกัน
จิงเฉิงในยามนี้ดั่งคลื่นหลอกเมฆลวง เรื่องบางเรื่องแสร้งหูหนวกเป็นใบ้ดีกว่า
ครั้นถึงเทศกาลวันสรงนํ้าองค์พระโพธิสัตว์ ในวังมีพระราชโองการกะทันหัน กล่าวว่าองค์ ชายสี่ทรงคบหาขุนนางราชสํานัก กักบริเวณองค์ชายสี่
ตระกูลที่ทรงอํานาจในจิงเฉิงหลายตระกูลที่เดิมตัดสินใจไปจุดธุปสักการะที่วัดต่าง ยกเลิกแผนการเดินทางชั่วคราว ผู้คนบนถนนจูเชวี่ยที่เดิมแออัดเนืองแน่นนั้นบางตาลงอย่างน้อย ครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ
โจวเสาจิ่นก็ตัดสินใจไม่ไปจุดธูปสักการะแล้วเช่นกัน “…ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เด็กคนนี้ไม่ เหมือนอวิ้นเกอเอ๋อร์เลย อวิ้นเกอเอ๋อร์นั้นรู้จักทําตัวดีๆ ให้ข้า รู้สึกว่าเพียงครู่เดียวก็คลอดแล้ว ทว่าเด็กคนนี้กลับทําให้ทรมานมากยิ่ง อย่าว่าแต่กลิ่นธูปเทียนเลย แม้แต่กลิ่นนํ้ามันหอมข้าดม แล้วก็รู้สึกไม่สบาย นี่ก็ครบสามเดือนแล้ว ยังกินเนื้อไม่ได้ การไปจุดธูปสักการะที่วัด นั่นคงเป็น การทรมานคนโดยตรงดีๆ นี่เอง”
“หรือว่าครรภ์นี้จะเป็นลูกสาวกันนะเจ้าคะ” เซี่ยซื่อที่เดือนหน้าก็จะคลอดแล้ว อุ้มท้องโย้ พลางหัวเราะขณะนั่งกินผลหลีบนตั่งหลัวฮั่น
5375
“อากับย่าของเจ้าต่างปรารถนาให้เป็นลูกสาว” โจวเสาจิ่นลูบท้องที่ยังไม่มีเงาแม้แต่นิด เดียวทีหนึ่ง พลางกล่าวอย่างลังเลเล็กน้อยว่า “เดิมทีข้าอยากคลอดลูกสาวคนหนึ่ง แต่ไม่อยากให้ อาของเจ้าผิดหวัง… จะซ้ายหรือขวาช่างยากลําบากจริงๆ”
“นี่จะมีอะไรยากลําบากหรือเจ้าคะ” เซี่ยซื่อเกลี้ยกล่อมโจวเสาจิ่น “ท่านอาสะใภ้อายุยัง น้อย ในภายหน้ายังมีลูกได้อีก ครั้งนี้เป็นลูกชาย ครั้งต่อไปก็คลอดลูกสาวคนหนึ่ง ครั้งนี้เป็นลูก สาว ครั้งหน้าก็คลอดลูกชายคนหนึ่งก็ได้แล้วเจ้าค่ะ”
“ไหนเลยจะง่ายดายเช่นนั้นอย่างที่เจ้าว่ากันเล่า” โจวเสาจิ่นหลุดหัวเราะ เอ่ยถามถึงเรื่อง การคลอดของเซี่ยซื่อว่าตระเตรียมอย่างไรบ้างแล้ว มีจุดใดที่นางช่วยได้หรือไม่
มีสาวใช้เด็กกระวีกระวาดเข้ามาพลางแจ้งว่า “ฮูหยิน เฉิงสือ เฉิงเจิ้งและพานจ้าวใต้เท้า ทั้งหลายมาเยี่ยมคุณชายใหญ่เก้า ตอนนี้ไปที่เรือนรับรองแขกแล้วเจ้าค่ะ”
5376