ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 582 เลือนหาย
โจวเสาจิ่นอดไว้อาลัยให้เฉิงเจิ้งในใจอย่างเงียบๆ หลายลมหายใจ ช่วงนี้เฉิงฉืองานยุ่งมาก
ตั้งแต่หวงไท่ซุนทรงถามเขาเกี่ยวกับเรื่องขององค์ชายสี่ นอกเหนือจากบทเรียนแล้วก็ มักจะทรงรั้งเขาสนทนา บางครั้งก็ตรัสถามว่าเมืองหูโจวอยู่ที่ใด ไกลจากเจียซิ่งเท่าใด บางทีก็ทรง ถามว่าซีอันมีประชากรเท่าใด ทุกปีมีผลผลิตธัญญาพืชเท่าใด ธัญพืชที่หูก่วงหรือที่ซีอันมากกว่า กัน บางครั้งก็ทรงถามว่าหยวนเหวยชางสอบได้เป็นจิ้นซื่อในปีใด ในบ้านมีผู้ใดบ้าง ตระกูลหยวน นอกจากจะเกี่ยวดองกับตระกูลหลี่และตระกูลหวงแล้ว ยังเกี่ยวดองกับตระกูลที่ทรงอํานาจใดอีก
มีครั้งหนึ่งถึงกับตรัสถามเขาอย่างเย้าหยอกว่า ได้ยินว่าผู้ที่เจ้าแต่งงานด้วยเป็น หลานสาวของเจ้า ก่อนแต่งงานเจ้าไม่เคยเห็นหลานสาวของตนมาก่อนจริงๆ หรือ
ตอนนั้นเขาตอบอย่างสุขุมเยือกเย็นยิ่งว่า แน่นอนว่ากระหม่อมเคยเห็นมาก่อนพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นตอนที่มารดาพูดถึงเรื่องแต่งงานนี้กระหม่อมจึงตอบรับทันที
หวงไท่ซุนสดับฟังแล้วทรงสนพระทัยยิ่งนัก อยากจะตรัสอะไรต่อ ทว่าขันทีใหญ่ที่ ปรนนิบัติข้างพระวรกายพระองค์กระแอมเบาๆ ทีหนึ่ง หวงไท่ซุนจึงทรงหยุดตรัสถึงหัวข้อนี้อย่าง กระดากอายเล็กน้อย
ความจริงเขามิได้สนใจที่คนอื่นซักถามเขาเช่นนี้เลย ผู้ใดบ้างไม่ถูกคนอื่นวิจารณ์ลับหลัง ในปีนั้นเขากล้าแยกตระกูลก็ครุ่นคิดมาแล้วว่าจะถูกคนวิพากษ์ไปต่างๆ นานา
5386
นอกจากนี้หวงไท่ซุนยังมีพระชนมายุเพียงสิบเอ็ดพรรษา การที่ทรงสนพระทัยใคร่รู้เรื่อง เหล่านี้ก็เป็นเรื่องปรกติ
สิ่งที่เขาทําได้ก็คืออย่าให้แม่นางน้อยของเขาแบกรับคําครหาใดๆ
แต่ก็บางทีอาจจะเป็นท่าทีของเขาที่สงบนิ่งเกินไป หวงไท่ซุนในทางกลับกันก็ยิ่งทรงโปรด ปรานเสด็จหาเขาเพื่อเสวนา บางครั้งแม้ไม่เกี่ยวข้องกับบทเรียนก็จะเสด็จหาเขาตรัสถามเรื่องนู้น เรื่องนี้ นี่ก็เป็นการยึดเวลาของเขาโดยไม่รู้ตัว ทําให้เขามักจะออกเช้ากลับคํ่าเป็นประจํา
วันนี้ในเมื่อสองสามีภรรยามีเวลาว่างสนทนากัน เขาไม่อยากให้เรื่องหยุมหยิมในบ้าน เหล่านี้มาเสียเวลาพวกเขา
“หลายวันก่อนเจ้าบอกว่าฝึกเรียนวาดภาพกับอวิ้นเกอเอ๋อร์ เรียนเป็นอย่างไรบ้าง” เขานั่ง บนเตียงเตา แล้วรินนํ้าชาจอกหนึ่งให้โจวเสาจิ่นพลางกล่าวว่า “ประเดี๋ยวข้าจะไปดูภาพวาดของ เจ้า”
โจวเสาจิ่นหน้าแดงเถือก พึมพําตอบว่า “ไม่ได้ ข้ายังฝึกวาดได้ไม่ดี ประเดี๋ยวข้าฝึกจนเก่ง แล้วค่อยวาดให้ท่านดูนะเจ้าคะ”
อวิ้นเกอเอ๋อร์อายุยังไม่ถึงสองขวบ อีกทั้งนางยังมีพื้นฐานวาดแบบลายดอกไม้อยู่ ฮูหยิน ผู้เฒ่ากัวจึงถือโอกาสบอกให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ฝึกเรียนวาดภาพ ยามที่นางว่างก็จะอยู่ข้างๆ เรียนวาด รูปไปด้วย ว่ากันตามหลักแล้ว อย่างไรนางก็ควรวาดได้ดีกว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์มิใช่หรือ ใครจะรู้ว่าอ วิ้นเกอเอ๋อร์หยิบพู่กันตวัดเล็กน้อย จากนั้นก็วาดเพิ่มอีกสองสามเส้นก็เป็นลูกไก่ตัวหนึ่งแล้ว ทุก คนต่างชมว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์วาดลูกไก่ได้น่าสนใจกว่านางมาก
ต่อหน้าคนนอกนางได้แต่เอ่ยชมยิ้มๆ ว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์เฉลียวฉลาด ทว่าต่อหน้าเฉิงฉือ นางอดรู้สึกหดหู่ไม่ได้เล็กน้อย กล่าวว่า “ท่านแม่บอกว่าข้ามิได้สังเกตลูกไก่ให้ดีว่ามีลักษณะเช่น
5387
ไร ดังนั้นจึงวาดได้ไม่น่าสนใจเท่าอวิ้นเกอเอ๋อร์… แต่อวิ้นเกอเอ๋อร์เคยเห็นว่าลูกไก่มีหน้าตาเช่นไร ด้วยหรือเจ้าคะ”
เรื่องนี้เฉิงฉือก็ได้ยิน ดังนั้นเขาจึงอยากเห็นภาพวาดของโจวเสาจิ่นว่ามีปัญหาตรงที่ใด กันแน่
พอได้ยินดังนั้นเขาก็หัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ กล่าวว่า “เกรงว่าคงจะเป็นลูกไก่ในสวน เหนียวอวี่หลินกระมัง”
โจวเสาจิ่นพลันเข้าใจในทันที
ปีที่แล้วเฉิงรั่งมอบไก่ฟ้าสีทองสองตัวให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ซึ่งเลี้ยงไว้ในเรือนของเขา ทุกวันอ วิ้นเกอเอ๋อร์จะวิ่งไล่ไก่ทั้งสองตัว เสวี่ยฉิวก็มาร่วมวงด้วย ช่วยไล่ไก่สองตัวนั้นให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ ตอนแรกไก่ทั้งสองตัวอยากจะหันมาจิกอวิ้นเกอเอ๋อร์ หลังจากเสวี่ยฉิวมาร่วมก็ทําให้หวาดกลัวจน ตัวสั่น กระโดดขึ้นต้นพุดตานไม่ยอมลงมาเลยทีเดียว
นางไม่มีทางเลือก ได้แต่เก็บกวาดมุมปลีกวิเวกมุมหนึ่งด้านตะวันออกเฉียงเหนือของสวน ตั้งชื่อว่าสวนเหนียวอวี่หลินสําหรับเลี้ยงไก่สองตัวนี้ ต่อมาทุกวันอวิ้นเกอเอ๋อร์คิดแต่จะวิ่งตามจี๋อิ๋ง ไปทั่วทุกที่ ไม่ว่างไปก่อกวนไก่ฟ้าสีทองสองตัวนั้น โจวเสาจิ่นจึงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
โจวเสาจิ่นเขินอายเล็กน้อย
ทว่าเฉิงฉือกลับสนใจยิ่ง เอ่ยขึ้นว่า “ไป พวกเราไปดูกันเถอะ”
โจวเสาจิ่นไปสวนเหนียวอวี่หลินเป็นเพื่อนเฉิงฉือ
เทียบกับตอนที่เพิ่งเริ่มเลี้ยงไก่ฟ้าสีทองเพียงสองตัว ตอนนี้สวนเหนียวอวี่หลินเปลี่ยนไป จากเดิมอย่างสิ้นเชิง นอกจากจะมีนกธรรมดา อาทิ นกแก้ว นกขมิ้น นกพิราบและนกขุนทองแล้ว ยังเลี้ยงนกกระเรียนมงกุฎแดงสองตัวและนกยูงสองตัวอีกด้วย
5388
โจวเสาจิ่นเห็นแล้วประหลาดใจเหลือแสน
นางก็เห็นลูกไก่กลุ่มหนึ่งขุดดินใต้ต้นดอกซานฉาพุ่มนั้นเช่นกัน
เสี่ยวเชวี่ยที่มีหน้าที่ดูแลสวนเหนียวอวี่หลินบัดนี้โตขึ้นเป็นเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งผ่ายผอมผู้ หนึ่งแล้ว
เขาหน้าเผือดสีกล่าวกับโจวเสาจิ่นและเฉิงฉือว่า “ทั้งหมดล้วนเป็นนกที่ฮูหยินสามตระกูล ฉินส่งมาให้ มาพร้อมกับของคุณชายใหญ่อวิ้น… ฮูหยินผู้เฒ่าก็ทราบ… ข้าเลยคิดว่าฮูหยินก็ทราบ ด้วยขอรับ…”
ฮูหยินสามตระกูลฉินคือจี๋อิ๋ง
โจวเสาจิ่นลูบหน้าผาก
ตั้งแต่ตั้งครรภ์ นางก็กินแล้วนอน นอนแล้วกิน…
โจวเสาจิ่นเอ่ยถามว่า “นกเหล่านี้ส่งมาให้ตั้งแต่เมื่อใด”
เสี่ยวเชวี่ยตอบว่า “หลังต้นฤดูใบไม้ผลิก็ส่งมาให้เรื่อยๆ ขอรับ”
นางถามอีกว่า “นกในสวนเหนียวอวี่หลินทั้งหมดไม่ต้องให้อาหารหรือ หากต้องให้ เอา อาหารมาจากที่ใด”
สาเหตุที่นางไม่รู้ถึงความเปลี่ยนแปลงของสวนเหนียวอวี่หลินนั้น เป็นไปได้ว่าเพราะไม่ เห็นชื่อสวนเหนียวอวี่หลินในรายจ่ายของเรือน
เสี่ยวเชวี่ยกล่าวอย่างภูมิใจว่า “ฮูหยินสามตระกูลฉินเอาอาหารจําพวกข้าวโพดมาด้วย ในป่ าก็มีผลไม้ป่าสําหรับนกน้อย สวนเหนียวอวี่หลินจึงไม่มีรายจ่ายอะไรขอรับ” พูดจบก็ชําเลือง มองโจวเสาจิ่นอย่างหวั่นเกรง กลัวว่าโจวเสาจิ่นจะรื้อสวนเหนียวอวี่หลินทิ้ง
5389
โจวเสาจิ่นไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ปรายตามองพวกหญิงรับใช้ที่ห้อมล้อมนางทีหนึ่ง พลางกล่าวว่า “คุณชายใหญ่อวิ้นยังเด็กอยู่ ต่อไปหากเจ้าพบเจอเรื่องเช่นนี้อีกต้องอย่าลืมมาบอก ข้า”
ทุกคนต่างหันไปมองเฉิงฉือ
เฉิงฉือสีหน้าสงบนิ่ง
พวกหญิงรับใช้รีบยอบกายขานรับ
สีหน้าของโจวเสาจิ่นผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เฉิงฉือกับโจวเสาจิ่นหารือกันว่า “หรือไม่ก็เลี้ยงนกกระเรียนมงกุฎแดงสองตัวนั้นในเรือน เจ้าดีหรือไม่ ยามเจ้าว่างก็วาดมันได้!”
โจวเสาจิ่นรู้สึกลําบากใจยิ่ง ยิ้มน้อยๆ พร้อมกับกล่าวอย่างขัดเขินเล็กน้อยว่า “ข้าฝึกวาด ลูกไก่กับอวิ้นเกอเอ๋อร์ก็พอแล้วเจ้าค่ะ!”
เฉิงฉือคลี่ยิ้มพลางหยิกมือของโจวเสาจิ่น ให้คนจับลูกไก่สองสามตัวไปเลี้ยงในลานบ้าน ของโจวเสาจิ่น
ทว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์เห็นแล้วกลับตะโกนขึ้นว่า “ท่านแม่ ลูกไก่จะจิกกินดอกซ่อนกลิ่นของ ท่านนะขอรับ”
“ไม่หรอก!” โจวเสาจิ่นระบายยิ้มพลางตบก้นน้อยๆ ของอวิ้นเกอเอ๋อร์ เอ่ยถามเขาว่า “วันนี้เจ้าทําอะไรมาบ้าง”
อวิ้นเกอเอ๋อร์มุ่ยปากตอบว่า “ข้าเตะลูกขนไก่กับเฉินเซียง ไม่สนุกเลยสักนิด ท่านป้าจี้ไม่ ได้มา…” เขานับนิ้วน้อยๆ ของตนเอง “หนึ่งวัน สองวัน สามวัน…ห้าวันแล้วขอรับ”
5390
โจวเสาจิ่นหัวเราะร่า ครุ่นคิดว่าควรจะส่งคนไปดูที่ประตูซีจื๋อด้านโน้นดีหรือไม่ ทว่าฉินจื่ อผิงกลับนําความมาแจ้งโจวเสาจิ่นด้วยตนเอง บอกว่าจี๋อิ๋งตั้งครรภ์สามเดือนแล้ว เนื่องจาก ร่างกายแข็งแรงดีมาโดยตลอด ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยทั้งสิ้น หากมิใช่เพราะสาวใช้ข้างกายเอ่ย เตือน เกรงว่าจี๋อิ๋งคงจะไม่รู้ตัวจนถึงบัดนี้
“ยินดีด้วยๆ!” โจวเสาจิ่นลิงโลดดีใจ รีบบอกจี๋เสียงไปเปิดห้องเก็บของเอารังนกสองกล่อง ให้ฉินจื่อผิง
ฉินจื่อผิงรู้ว่าโจวเสาจิ่นล้วนมีสิ่งของที่แม้นมีเงินก็ซื้อไม่ได้ จึงไม่เกรงใจ รับของมาแล้ว กล่าวขอบคุณโจวเสาจิ่น
โจวเสาจิ่นรีบพาฉินจื่อผิงไปพบฮูหยินผู้เฒ่ากัว
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็ปลาบปลื้มยินดีเหลือหลาย
นี่เป็นเหลนคนแรกของฉินโส่วเยว์
ไม่ว่าจะเป็นโอสถบํารุงหรือผ้าแพรพรรณล้วนตกรางวัลให้มากกว่าครึ่งคันรถและเอ่ยยํ้า กําชับฉินจื่อผิงว่าต้องดูแลจี๋อิ๋งให้ดี ทั้งยังบอกว่าสตรีมีครรภ์ส่วนใหญ่มักจะคิดมาก ให้เขาอยู่เป็น เพื่อนจี๋อิ๋งให้มากสักหน่อย ต้องอดทนใจเย็นต่อทุกอย่าง พูดจนโจวเสาจิ่่นรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเลย ทีเดียว
ฉินจื่อผิงกล่าวขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มๆ แล้วนําสิ่งของกลับไปยังประตูซีจื๋อ
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น จี๋อิ๋งมาขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่ากัว
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเห็นดวงหน้าแดงปลั่ง ท่าทางงามสง่า ไม่เหมือนสตรีมีครรภ์เลยสักนิด ก็ พยักหน้าหงึกหงักไม่หยุด เพียงรับคารวะนางครั้งหนึ่งแล้วให้หลี่ว์มามาช่วยนางนั่งลงด้านขวามือ ของตน กล่าวขึ้นว่า “กําหนดคลอดเมื่อใด ถึงตอนนั้นอย่าลืมมารายงานพวกข้าด้วย”
5391
จี๋อิ๋งเป็นคนผ่อนคลายเสมอมา ตอบยิ้มๆ ว่า “ท่านหมอบอกว่ากําหนดคลอดประมาณ กลางเดือนสิบ เมื่อถึงตอนนั้นจักต้องเชิญฮูหยินผู้เฒ่าช่วยดูแลจัดการสักหน่อยนะเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกับโจวเสาจิ่นได้ยินแล้วก็ดีใจเป็นอย่างมาก
เมื่อคํานวณเวลาดูแล้ว บุตรของโจวเสาจิ่นกับของจี๋อิ๋งจะเกิดก่อนหลังติดกัน
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเอ่ยว่า “ดี” ไม่หยุด แล้วมอบบ่าวหญิงข้างกายที่มีประสบการณ์แก่จี๋อิ๋งผู้ หนึ่ง บอกให้ดูแลนางระหว่างที่ตั้งครรภ์
จี๋อิ๋งได้ยินว่าบ่าวหญิงผู้นี้เคยดูแลโจวเสาจิ่นมาก่อน จึงไม่ได้ปฏิเสธ ตอบรับยิ้มๆ
ผ่านไปไม่กี่วัน ตระกูลจี้ที่ได้รับจดหมายแจ้งไม่เพียงส่งสิ่งของกับหญิงรับใช้มาให้เท่านั้น พี่สะใภ้ของจี๋อิ๋งยังมาเยี่ยมด้วยตนเองอีกด้วย หลังจากทําความเคารพฮูหยินผู้เฒ่ากัวแล้วก็นํา ของขวัญมากมายมอบให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวและโจวเสาจิ่น
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวแย้มรอยยิ้มพลางกล่าวขอบคุณต้าไหน่ไนตระกูลจี้
ทว่าโจวเสาจิ่นกลับผิดหวังเล็กน้อย
ในจินตนาการของนาง ฮูหยินใหญ่ตระกูลจี้ควรจะเป็นสตรีที่องอาจห้าวหาญผู้หนึ่งถึงจะ ถูก ทว่าฮูหยินใหญ่ตระกูลจี้กลับหน้าตาอ่อนโยนใจดี ขาวหมดจดและอวบอ้วน ดูเหมือนนาย หญิงของบ้านในตระกูลรํ่ารวยธรรมดาผู้หนึ่ง
พอจี๋อิ๋งรู้ก็เม้มปากกลั้นยิ้ม กล่าวว่า “เจ้าคิดว่าพวกข้าล้วนมีสามเศียรหกกรหรือ! ข้าจะ บอกความจริงกับเจ้า พี่สะใภ้ของข้าผู้นี้กับตระกูลของพวกข้าเป็นครอบครัวที่มีภูมิหลังทัดเทียม กัน กระบวนท่ามือคว้าจับเล็กที่สืบทอดกันมาของตระกูลพวกนางชุดหนึ่งเหมาะสมสําหรับ เด็กผู้หญิงฝึกฝนยิ่ง ต่อให้ไม่ต้องท่องอยู่ในยุทธภพ หลังจากรํ่าเรียนกระบวนท่าชุดนี้แล้วการ
5392
จัดการสามีก็มิใช่เรื่องยากอีกต่อไป ข้ายังคิดว่าหากครรภ์นี้ของเจ้าคลอดบุตรสาวคนหนึ่ง ก็จะ ขอร้องพี่สะใภ้ของข้าสอนนางสักสองสามกระบวนท่า จะได้ไม่ถูกคนรังแกเหมือนกับเจ้า”
โจวเสาจิ่นเหงื่อตกด้วยความกระดาก รีบรินชาให้จี๋อิ๋งอย่างหวังดี
จี๋อิ๋งขําพรืดไม่หยุด จูงมือของอวิ้นเกอเอ๋อร์พลางกล่าวว่า “ไป พวกเราไปสวนเหนียวอวี่ห ลินกันเถอะ” แล้วเอ่ยอีกว่า “ข้าบอกพี่สะใภ้ของข้าแล้วว่า ให้พี่ชายใหญ่ของข้าคอยส่องดู หาทาง จับกวางเหมยฮวาสองสามตัวมาให้เจ้าเลี้ยงในสวน เช่นนั้นถึงจะเล่นสนุก!”
โจวเสาจิ่นยิ้มขื่น กล่าวว่า “เช่นนั้นสวนเหนียวอวี่หลินจะไม่ชุลมุนวุ่นวายแล้วหรอกหรือ”
จี๋อิ๋งไม่เห็นด้วย กล่าวยิ้มๆ ว่า “สวนของพวกเจ้าใหญ่โตขนาดนี้ ควรจะเลี้ยงสัตว์เล็กให้ มากสักหน่อยถึงจะดี”
เกรงว่านี่คงจะไม่ค่อยดีกระมัง
โจวเสาจิ่นเล่าเรื่องนี้ให้เฉิงฉือฟัง
เฉิงฉือก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเหมือนกัน กล่าวว่า “หากเลี้ยงสัตว์กับนกหลายตัว ช่วงฤดูร้อนก็ จะมียุงมาก ช่วงฤดูใบไม้ผลิก็จะเจ็บป่วยได้ง่าย แต่อวิ้นเกอเอ๋อร์คลุกคลีอยู่กับสัตว์และนกเหล่านี้ ตั้งแต่เด็กก็มีข้อดีเหมือนกัน… ไม่สู้พวกเราซื้อบ้านสวนสักหลังหนึ่งที่ต้าซิ่งหรือไม่ก็หว่านผิง ใช้ สําหรับเลี้ยงสัตว์เล็กเหล่านี้…”
โจวเสาจิ่นอึ้งงันพลางเอ่ยว่า “พวกเราต้องเริ่มซื้อบ้านสวนแล้วหรือเจ้าคะ”
ตอนที่แยกบ้านกัน ทุกคนต่างรู้ว่านอกจากเรือนหลังนี้แล้ว เฉิงฉือมิได้รับเงินส่วนแบ่ง มากนัก หนําซํ้าปลูกเรือนหลังใหญ่หลังหนึ่งก็ใช้เงินมากเช่นกัน
5393
เฉิงฉือยกยิ้มพลางกล่าวว่า “เรื่องพรรคเจ็ดดาราข้าสอบถามเซียวเจิ้นไห่กับสวีมู่แล้ว พวก เขาทั้งสองต่างอยากจะรับช่วงต่อ แต่ผู้อาวุโสทั้งหลายของตระกูลเซียวกลับไม่เห็นด้วย ยอมละทิ้ง บ้านช่องแล้วเริ่มต้นใหม่ที่จงหยวน เซียวเจิ้นไห่จึงได้แต่ละทิ้งความคิดไป อีกไม่นานสวีมู่จะมา คารวะข้าเป็นอาจารย์ ค่อยๆ ดูแลจัดการพรรคเจ็ดดารา… อีกไม่กี่ปี พรรคเจ็ดดาราก็จะไม่ เกี่ยวข้องกับพวกเราแล้ว”
เช่นนี้ ลูกหลานของตระกูลเฉิงก็จะใช้ชีวิตตามปรกติได้แล้ว
โจวเสาจิ่นยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่ง พยักหน้าหงึกๆ พลางกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี พวกเราซื้อที่ นาสักผืนที่ต้าซิ่งหรือไม่ก็หว่านผิงกันเถอะเจ้าค่ะ”