ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 583 เรื่องจริงเรื่องเท็จ
เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ต้องบอกฮูหยินผู้เฒ่ากัวสักหน่อย
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถามเฉิงฉือว่า “เจ้าคิดว่าซื้อบ้านสวนเวลานี้ดีแล้ว หรือ อยากจะรออีกสักสองสามปีก่อนหรือไม่”
ในตอนแรกที่แยกบ้านกัน เฉิงฉือได้รับส่วนแบ่งเป็นเรือนที่ประตูเฉาหยางหลังนี้เท่านั้น
เฉิงฉือเข้าใจความคิดของฮูหยินผู้เฒ่ากัว ตอบยิ้มๆ ว่า “ข้าอยากจัดระเบียบข้าวของพวก อักษรภาพและวัตถุโบราณในบ้านสักครั้ง อย่างแรกเมื่ออวิ้นเกอเอ๋อร์โตขึ้นแล้ว อยากให้ดูสิ่งของ ของคนรุ่นก่อนให้มากเปิดหูเปิดตาให้กว้าง อย่างที่สองของสะสมทั่วไปบางอย่างสามารถแบ่ง ขายออกไปได้ส่วนหนึ่ง หรือใช้เป็นของขวัญระหว่างญาติสนิทมิตรสหายได้… การซื้อบ้านสวน หลังหนึ่งเอาไว้ก่อนก็เป็นที่ยอมรับได้ขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วพยักหน้าช้าๆ คลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า “ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว ก็ ทําตามอย่างที่เจ้าว่าแล้วกัน”
เฉิงฉือขานรับยิ้มๆ แล้วนัดหมายกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวในอีกสองวันจะเริ่มทําความสะอาด ห้องเก็บสมบัติในบ้าน
แน่นอนว่าโจวเสาจิ่นรู้ว่าในบ้านไม่ขาดเงิน แต่การขายของเก่าแก่นั้น… นางมักจะคิดว่า การขายสมบัติครอบครัวไม่ค่อยดีเท่าใดนัก แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวตกลงแล้ว นางก็มิอาจพูดอะไรต่อ หน้าฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ ทว่าขณะที่เดินยังไม่ถึงทางกลับ นางก็พูดเรื่องนี้กับเฉิงฉืออย่างอดไม่ได้ ขึ้นว่า “ห้องเก็บสมบัติล้วนเป็นความอุตสาหะของคนหลายรุ่น หรือไม่ก็ขายบ้านสวนใต้นามของ ข้าสักสองสามแห่ง เจ็ดถึงแปดส่วนก็รวบรวมเงินได้มากกว่าหมื่นเหลี่ยง ถึงตอนนั้นพวกเราค่อย เปลี่ยนเป็นบ้านสวนที่ใหญ่ขึ้นสักหน่อยหลังหนึ่ง” แต่ก็คิดว่าเฉิงฉือหาได้เป็นคนที่จะแตะต้องสิน
5395
เดิมของภรรยาประเภทนั้น จึงรีบกล่าวว่า “แล้วบันทึกไว้ใต้นามของข้า อย่างไรเสียต่อไปก็ต้อง มอบให้อวิ้นเกอเอ๋อร์อยู่แล้วเจ้าค่ะ”
เฉิงฉืออธิบายให้นางฟังอย่างใจเย็นว่า “มีสิ่งของมากมายเป็นเพราะข้าชื่นชอบจึงเก็บ สะสมไว้ อีกทั้งของบางชิ้นเป็นเพราะคนอื่นต่างเห็นว่าดีจึงเก็บไว้ ข้าวของที่พวกเราชอบจะต้อง เก็บเอาไว้อย่างแน่นอน แต่ของที่คนอื่นเห็นว่าดี หากพวกเราเก็บพวกมันไว้ในห้องเก็บของ ตลอดไป มันก็จะเป็นเพียงภาพรูปหนึ่งตลอดกาล มีเพียงการหยิบมันออกมาซื้อขายเท่านั้น สิ่งของเหล่านี้จึงจะมีค่า หาไม่แล้วเหตุใดวัตถุโบราณจึงมีราคาในยุครุ่งเรือง แต่ทองคํากลับมีค่า ในกลียุคกันเล่า สิ่งของเหล่านี้เพียงต้องหยิบออกมาซื้อขายเท่านั้นจึงจะมีค่า”
โจวเสาจิ่นเข้าใจรางๆ
เฉิงฉือให้นางไปเก็บกวาดห้องเก็บสมบัติพร้อมกับตน
โจวเสาจิ่นไปด้วยความสนอกสนใจยิ่ง แต่ถูกฮูหยินผู้เฒ่ากัวไล่ออกมา “ภาพวาดและ อักษรภาพในห้องเก็บของเหล่านี้ล้วนโรยด้วยผงกันแมลงทั้งสิ้น เสาจิ่นเป็นสตรีมีครรภ์ มาอยู่ตรง นี้ได้อย่างไร” แล้วสั่งปี้อวี้ให้พานางออกไปเดินเล่นในสวนดอกไม้ว่า “ช่วงนี้ดอกจื่อเถิง ดอก กุหลาบ ดอกอิงฮวาและดอกทับทิมล้วนผลิบานแล้ว เจ้าไปชมดอกไม้เป็นเพื่อนฮูหยินไป”
ปี้อวี้รีบไปประคองโจวเสาจิ่น โจวเสาจิ่นไม่มีทางเลือก ได้แต่ไปชมมวลบุปผาในสวนดอกไม้ เฉิงฉือส่งนางออกไปพลางกระซิบว่า “ถ้าข้าเห็นของที่ดูดีก็จะเก็บไว้ให้เจ้าแล้วกัน” โจวเสาจิ่นพยักหน้าแล้วเม้มปากกลั้นยิ้ม ไม่กี่วันต่อมา ในจิงเฉิงก็มีข่าวลือแพร่ออกมาว่าเฉิงฉือจํานําของสะสมของบรรพชนเพื่อ หาเลี้ยงชีพ
5396
พอได้ยินคําบอกเล่าของฝานหลิวซื่อแล้ว โจวเสาจิ่นก็ตกตะลึงตาค้าง ผ่านไปครู่ใหญ่จึง จะมีปฏิกิริยาตอบกลับมา กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “นี่เป็นคําพูดเหลวไหลของผู้ใด ไม่ว่าพวกข้าจะ ตกตํ่าเยี่ยงไร ก็ไม่ถึงขั้นจํานําของสะสมของบรรพบุรุษเลี้ยงชีพกระมัง” แล้วเอ่ยถามอีกว่า “นอกจากเรื่องนี้แล้ว ยังมีข่าวลือเรื่องใดอีก”
ฝานหลิวซื่อเป็นกังวลยิ่งกว่าโจวเสาจิ่น ตอบว่า “ไม่ได้ยินข่าวลือเรื่องอื่นเจ้าค่ะ อย่างไรก็ ตามการมีข่าวลือเช่นนี้แพร่ออกไปไม่ค่อยดีต่อนายท่านสี่สักเท่าใด… ฮูหยินควรหาทางแก้ข่าวสัก หน่อยถึงจะดีนะเจ้าคะ”
แต่เรื่องเช่นนี้จะอธิบายได้อย่างไรกันนะ
มิอาจไปพบเจอผู้คนแล้วอธิบายได้หรอกกระมัง
โจวเสาจิ่นนึกถึงชาติก่อนตอนที่ตนตามเลี่ยวเส้าถังเข้าวังไปถวายพระพรฮองเฮาและไท เฮา ทุกคนต่างพูดคุยเรื่องสัพเพเหระในบ้าน ข่าวซุบซิบนินทามากมายนางก็ได้ยินมาโดยเช่นนี้
หากมีสถานการณ์อย่างนี้สักสถานการณ์หนึ่งก็คงดี!
แต่ถ้าหากนางอยากจะแก้ข่าวลือให้เฉิงฉือผ่านสถานการณ์เช่นนี้ ก็ต้องไปเข้าร่วมในแวด วงเหล่านี้ให้ได้ก่อน
ขณะที่โจวเสาจิ่นครุ่นคิดอยู่ก็อดกําหมัดไม่ได้
แต่ก่อนนางขลาดกลัวเกินไป เวลายืนท่ามกลางผู้คนมักจะรู้สึกกระวนกระวาย ตอนนี้ นางเป็นฮูหยินที่ถูกต้องตามขนบของเฉิงฉือ ทั้งมีเฉิงฉือหนุนหลังให้นาง นางมีอะไรให้ต้อง หวาดหวั่นด้วยเล่า
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว นางจึงเขียนเทียบเชิญเทียบหนึ่งให้ฮูหยินเผิงเฉิง นัดนางไปชมการ แข่งขันเรือมังกรในวันที่สิบห้าเดือนห้าด้วยกัน
5397
แม้ว่าวันที่สิบห้าเดือนห้ายังอีกยาวไกล แต่เมื่อฮูหยินเผิงเฉิงได้รับเทียบเชิญกลับดีใจเป็น อย่างมาก
ยามนี้เฉิงฉือยิ่งอยู่ยิ่งได้รับความสนพระทัยของหวงไท่ซุน เรื่องต่างๆ มากมายหวงไท่ซุน ล้วนจะเสด็จหาเขาเพื่อตรัสถาม แม้เขาไม่ถึงขั้นช่วยทูลอะไรต่อหน้าพระพักตร์หวงไท่ซุนให้ แต่ หากผูกมิตรกับเฉิงฉือได้ก็นับเป็นการเพิ่มดอกไม้บนผ้าดิ้นทองเรื่องหนึ่ง
ฮูหยินเผิงเฉิงตอบรับอย่างยินดียิ่ง
เพียงแต่โจวเสาจิ่นคาดไม่ถึงว่าข่าวลือนี้จะแพร่สะพัดเร็วขนาดนี้ แม้แต่ชิวซื่อเองก็ตกใจ
นางมาคารวะยามเช้าฮูหยินผู้เฒ่ากัว
หลังจากทําความเคารพเสร็จแล้วก็แอบไปลานบ้านของโจวเสาจิ่น ดึงโจวเสาจิ่นไปใต้ ค้างองุ่นในลานพลางกล่าวว่า “ในตอนแรกที่แยกบ้านกัน เห็นว่าสามพี่น้องได้รับส่วนแบ่งพอๆ กัน แต่เงินของน้องเล็กล้วนสูญเสียไปกับบ้านหลังนี้หมด ไม่เหลือเงินสดมากนัก ข้าวของสมัยนี้นับวัน ก็ยิ่งขายแพง หากต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายเรือนที่ใหญ่ขนาดนี้หลังหนึ่งก็ไม่ง่ายดายนัก แม้พวก ข้าก็มิได้ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมาก แต่รายจ่ายของพวกข้าน้อยและทุกปีก็มีเงินเหลือ หากเจ้า ไม่รังเกียจ ข้ายังมีเงินเก็บหนึ่งหมื่นกว่าเหลี่ยง พวกเจ้านําไปซื้อบ้านสวนเล็กๆ หลังหนึ่งก่อน ทุกปี ก็จะมีรายได้ที่แน่นอนทางหนึ่ง”
โจวเสาจิ่นซาบซึ้งใจเหลือคณา กล่าวไม่หยุดว่า “ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ”
ทว่าชิวซื่อกลับเอ่ยว่า “เจ้าไม่ต้องเกรงใจพวกข้า พี่รองเจ้าก็บอกเช่นกันว่า ท่านแม่อาศัย อยู่กับพวกเจ้า พวกเจ้าปรนนิบัติรับใช้ผู้อาวุโสก็ลําบาก หากมีเรื่องอะไรที่พวกข้าช่วยได้ก็ต้องเอ่ย ปากบอก”
5398
“ไม่เป็นไรจริงๆ เจ้าค่ะ” คนทั้งครอบครัวรักใคร่กลมเกลียวกัน โจวเสาจิ่นชื่นชอบ บรรยากาศแบบนี้ยิ่ง นางกล่าวยิ้มๆ ว่า “หากทุกข์ยากลําบากจริงๆ ซื่อหลางก็คงบอกพี่รองนาน แล้วเจ้าค่ะ สาเหตุที่ขายอักษรภาพเหล่านั้น เป็นเพราะในบ้านมีมากเกินไป อีกทั้งซื่อหลางก็ไม่ได้ ชื่นชอบสักเท่าใด บอกว่าอยาก ‘มอบกระบี่แก่วีรชน’ อะไรทํานองนั้น ทําให้พวกมันเป็นของมีค่า
ทันใดนั้นชิวซื่อก็หลุดหัวเราะอย่างห้ามไม่อยู่ กล่าวว่า “กลับเป็นข้าที่เข้าใจผิดเสียแล้ว ได้ ยินเสียงลมเป็นเสียงฝน คิดว่าพวกเจ้าต้องอาศัยการจํานําสมบัติประทังชีวิตจริงๆ!”
“อย่างไรก็คงไม่ถึงขั้นนั้นหรอกเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นอธิบายให้ชิวซื่อฟังอย่างละเอียด ไม่ คาดคิดว่าเรื่องราวจะยิ่งลือยิ่งบานปลาย หยวนเหวยชาง กู้จิ่วเนี่ยและคนอื่นๆ มาถามเฉิงฉือว่า เหตุใดถึงไม่บอกไม่กล่าวอะไรสักคํา หวงไท่ซุนไม่พูดพรํ่าทําเพลงพระราชทานเรือนเล็กที่มีที่ดิน ขนาดสี่ห้าสิบหมู่ซึ่งตั้งอยู่ที่หว่านผิงชานเมืองหลังหนึ่ง ทั้งยังให้ขันทีนําพระดํารัสไปแจ้งเฉิงฉือว่า ให้เขาสอนหนังสืออย่างสบายใจ และตรัสว่า ในตํารามีหญิงงามดั่งหยก ในตํารามีเรือนทองคํา ในตํารามีข้าวสารพันจง3091 หากศึกษาอ่านตําราดีแล้วก็จะมีวันชูคอขึ้นมาได้
เฉิงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ นําโฉนดที่ดินให้โจวเสาจิ่นดู
โจวเสาจิ่นรู้สึกเคร่งเครียดเหลือแสน เอ่ยถามว่า “หวงไท่ซุนคงไม่เข้าพระทัยผิดว่าท่านไม่ มีเงินกระมัง ถ้าเกิดพระองค์ทรงทราบว่าพวกเรามีเงินซื้อที่นา จะทรงดําริว่าท่านหลอกลวงจ้าว หรือไม่เจ้าคะ!”
“ก็เป็นไปได้กระมัง!” เฉิงฉือตอบยิ้มๆ “ตอนที่พระองค์พระราชทานโฉนดที่ดินแก่ข้าทรง เห็นพระทัยเต็มพระพักตร์ ตอนนั้นมีขุนนางท่านอื่นอยู่ด้วย ดูท่าทางพระองค์ทรงกลัวจะถูก
1 ในตํารามีหญิงงามดั่งหยก ในตํารามีเรือนทองคํา ในตํารามีข้าวสารพันจง เปรียบเปรยว่า ขอเพียงบัณฑิตเพียรศึกษาเล่า เรียน ไม่ว่าจะเป็นลาภยศสรรเสริญ ความรํ่ารวยมั่งมี หรือโฉมงามล้วนได้รับจากหนังสือตําราทั้งสิ้น
5399
ปฏิเสธ ทําให้พระองค์เสียพระพักตร์อย่างไรอย่างนั้น ข้าจึงได้แต่รับมา บ้านสวนของพวกเรานั้นก็ อย่าเพิ่งซื้อไปก่อน รอสักสองสามปีแล้วค่อยว่ากันใหม่”
โจวเสาจิ่นพยักหน้าไม่หยุด
เฉิงฉือคลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า “นอกจากหวงไท่ซุนจะพระราชทานที่นาแก่พวกเราแล้ว ยัง พระราชทานหัวหน้าประจําไร่นาแก่พวกเราอีกด้วย พวกเขากินข้าวหลวงจนเคยชิน อาจไม่ยอม ช่วยดูแลที่นาให้พวกเราดีๆ ข้าอยากจะส่งฝานฉีไปดูสักหน่อย หากเขาทําได้ บ้านสวนหลังนี้ก็จะ มอบให้เขาจัดการ”
นี่ก็เป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่งสําหรับฝานฉีเหมือนกัน
โจวเสาจิ่นรับคําแทนเขา
หลังจากฝานหลิวซื่อทราบเรื่องก็มาโขกศีรษะให้โจวเสาจิ่นหลายครั้ง ตบอกให้คํามั่น สัญญาว่าจะดูแลบ้านสวนให้ดีอย่างแน่นอน
นี่เป็นที่ดินผืนแรกที่ซื้อมาหลังจากเฉิงฉือกับโจวเสาจิ่นแต่งงานกัน
โจวเสาจิ่นย่อมเชื่อใจความจงรักภักดีของฝานหลิวซื่อเป็นธรรมดา
สองวันต่อมา ฉินจื่อจี๋พาฝานฉีไปที่บ้านสวน
ตอนกลางคืนฝานฉีกลับมาบอกว่า “บ้านสวนทางโน้นไม่ใหญ่ แต่ทําเลที่ตั้งดียิ่ง ไม่ไกล จากแม่นํ้าหย่งติ้ง หากฝนตกตามฤดูกาล ธัญพืชที่เก็บเกี่ยวได้ในหนึ่งปีสามารถจัดการให้กินได้ สองปีขอรับ”
โจวเสาจิ่นปีติยินดีเป็นอย่างมาก ยํ้ากําชับเขาครั้งหนึ่ง แล้วจึงให้เขากับฝานหลิวซื่อ ออกไป
5400
สาวใช้เด็กที่ปรนนิบัติเฉิงเก้ามารายงานนางว่า เฉิงเจิ้งได้รับตําแหน่งผู้ช่วยนายอําเภอจี๋ม่ ออย่างเป็นทางการแล้ว เฉิงสือเพื่อเลี้ยงส่งเฉิงเจิ้ง จึงส่งเทียบเชิญเฉิงเก้าไปรํ่าสุราด้วยกัน “… คุณชายใหญ่เก้าไม่ได้ตอบรับไปเจ้าค่ะ” สาวใช้เด็กกล่าวเสียงค่อย “บอกว่าสองวันนี้สํานักศึกษา กั๋วจื่อเจียนมีการประลองปัญญา”
เมื่อเห็นเฉิงเก้ามีแผนการอยู่ในใจ โจวเสาจิ่นก็รู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ให้สาวให้เด็กผู้ นั้นไปห้องครัว “วันนี้ทําขนมโก๋ไส้เกาลัด ทั้งย่อยง่ายและอยู่ท้อง ยกไปให้คุณชายใหญ่เก้าเป็นมื้อ ดึกให้ที”
สาวใช้เด็กออกไปอย่างมีความสุข
โจวเสาจิ่นโยนเรื่องนี้ทิ้งไปข้างหลัง นําโอสถบํารุงชั้นดีไปเยี่ยมจี๋อิ๋งพร้อมกับอวิ้นเกอเอ๋อร์
ท้องของจี๋อิ๋งยังไม่เห็นร่องรอยใดๆ หนําซํ้าพอเห็นอวิ้นเกอเอ๋อร์ก็ยังอยากจะอุ้มเขา
โจวเสาจิ่นตกใจสะดุ้งโหยง รีบห้ามจี๋อิ๋ง ถลึงตาใส่พลางกล่าวว่า “เจ้าคงไม่ได้ยังทําตัว เหมือนเมื่อก่อนหรอกกระมัง”
“ก็ไม่เห็นรู้สึกอะไรเลยนี่นา” จี๋อิ๋งลูบหน้าท้อง พึมพําเสียงเบาว่า “บางทีข้าก็สงสัยว่าตรวจ ผิดหรือเปล่า… หากวินิจฉัยผิดก็เป็นเรื่องน่าขันใหญ่แล้ว” ขณะที่นางกล่าวก็กวาดสายตามองบ่าว หญิงที่เพิ่มขึ้นจากเดิมสองในสามส่วน
“พูดเหลวไหลไปได้” โจวเสาจิ่นปลอบนาง “คนหนึ่งตรวจผิด แต่สองคน สามคนจะวินิจฉัย ผิดหมดด้วยหรือ”
ทันทีที่ได้ยินว่าจี๋อิ๋งตั้งครรภ์ ฉินจื่อผิงก็ไม่เชื่อ เชิญท่านหมอสี่ห้าคนมาตรวจชีพจรให้จี๋อิ๋ งติดต่อกัน
จี๋อิ๋งหัวเราะอย่างขวยเขิน แล้วนําอวิ้นเกอเอ๋อร์ไปหลังเรือนของนาง
5401
ใต้ต้นการบูรมีเสาดอกเหมย3102 สั้นๆ เสาหนึ่ง จี๋อิ๋งกล่าวยิ้มๆ ว่า “อวิ้นเกอเอ๋อร์ ข้าจะให้คนสอนเจ้าเดินบนเสาดอกเหมย” อวิ้นเกอเอ๋อร์ตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก ทว่าโจวเสาจิ่นกลับไม่ให้เขาเล่นบนเสานี้
จี๋อิ๋งเห็นอวิ้นเกอเอ๋อร์อยากจะลอง ก็ทนปฏิเสธอวิ้นเกอเอ๋อร์ไม่ได้ จึงเรียกสาวใช้นางหนึ่ง มาสอนอวิ้นเกอเอ๋อร์เดินบนเสาดอกเหมย
อวิ้นเกอเอ๋อร์ก็ขึ้นไปเหยียบบนเสาดอกเหมยสั้นๆ ในทันที ตาเป็นประกายมองสาวใช้เด็ก สอนเขาเดินอย่างไร
สาวใช้เด็กหน้าแดงเรื่อ สอนอวิ้นเกอเอ๋อร์เดินบนเสาดอกเหมย โจวเสาจิ่นกับจี๋อิ๋งนั่งบนเก้าอี้เหม่ยเหรินใต้ชายคาดื่มนํ้าชาไปด้วยพลางมองดูอวิ้นเกอ เอ๋อร์ฝึกเดินบนเสาดอกเหมยไปด้วย “สาวใช้คนนี้ก็ฝึกยุทธ์เป็นด้วย! เจ้าหามาจากที่ได้หรือ” โจวเสาจิ่นเอ่ยถามจี๋อิ๋ง จี๋อิ๋งแย้มรอยยิ้มพลางตอบว่า “เป็นผู้ที่เหลือมาให้เจ้าเลือก ข้าเห็นว่าไม่เลว เลยขอมา” โจวเสาจิ่นประหลาดใจ ถามว่า “ทักษะวิทยายุทธ์ของต้ายากับเอ้อร์ยาดีมากหรือไม่” “แน่นอนอยู่แล้ว” จี๋อิ๋งตอบยิ้มๆ “นอกจากต้องมีทักษะดีแล้ว ยังต้องจงรักภักดีด้วย…”
ขณะที่ทั้งสองคนกําลังสนทนากันอย่างเริงร่า ก็มีสาวใช้เด็กจากประตูเฉาหยางวิ่งเข้ามา แจ้งว่า “ฮูหยินสี่ สะใภ้ใหญ่รั่งใกล้คลอดแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าให้ท่านรีบกลับไปดูเจ้าค่ะ”
2 เสาดอกเหมย (梅花桩) เป็นเสาไม้สําหรับใช้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ของจีน โดยใช้ฝึกการทรงตัวบนเสาหรือเตะต่อย
5402
โจวเสาจิ่นเอ่ยลาจี๋อิ๋งแล้วสาวเท้ายาวๆ รีบรุดออกไป ระหว่างทางยังถามว่า “นํ้าครํ่าแตก เมื่อใด ตอนนี้มีใครอยู่ด้วย จัดเตรียมหมอตําแยกับแม่นมเรียบร้อยหมดแล้วหรือยัง ตอนนี้พี่สะใภ้ รองทําอะไรอยู่ บ้านเดิมของเซี่ยซื่อได้รับแจ้งแล้วหรือยัง”
แม้กล่าวว่ามารดาจากบ้านเดิมมาดูแลช่วงคลอดลูกจะเกินเลยไปบ้าง แต่ ขนบธรรมเนียมหรือจะสู้ความสัมพันธ์ หนําซํ้าชิวซื่อยังมองเซี่ยซื่อเป็นบุตรสาว ย่อมมิได้ไปคิด เล็กคิดน้อยกับนางด้วยเรื่องเหล่านี้เป็นธรรมดา