ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 584 ปัดความรับผิดชอบ
บ่าวหญิงที่มาด้วยกันเช็ดเหงื่อไปด้วยพลางรีบตอบไปด้วยว่า “มาถึงหมดแล้วเจ้าค่ะๆ นํ้าครํ่าแตกตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เดิมทีฮูหยินรองไม่อยากทําให้ฮูหยินผู้เฒ่ากับท่านตื่นตระหนก ตั้งใจ ให้เด็กคลอดออกมาก่อนแล้วไปแจ้งข่าวดีให้ฮูหยินผู้เฒ่ากับท่านทราบในทันที แต่จนถึงบัดนี้เด็ก ยังไม่ออกมา ฮูหยินรองเป็นกังวลเล็กน้อย เลยมาแจ้งข่าวให้ฮูหยินผู้เฒ่ากับท่านก่อนเจ้าค่ะ”
โจวเสาจิ่นรู้สึกกังวลใจเหลือแสน เมื่อนางมาถึงบ้านเฉิงเว่ย เซี่ยซื่อก็คลอดเสร็จแล้ว เป็นเด็กผู้ชายตัวใหญ่หนักเจ็ดจินคนหนึ่ง มารดาของเซี่ยซื่ออุ้มทารกพลางหัวเราะจนแก้มปริ เฉิงเซิงที่รุดมาก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่งเช่นกัน
ชิวซื่อยิ้มจนตาหยีเป็นเส้นโค้ง รีบบอกให้พวกหญิงรับใช้ย้อมไข่เป็นสีแดง ส่งให้ฮูหยินผู้ เฒ่ากัวกับตระกูลต่างๆ เพื่อแจ้งข่าวดี
โจวเสาจิ่นกดมุมผ้าห่มที่เกือบจะปิดหน้าทารกลงขณะกล่าวกับพี่สาวสองท่านของเซี่ยซื่อ ว่า “ดูเด็กคนนี้สิ ผมยาวดีมาก ยังมีจมูกนี้อีก เหมือนแม่ของเขาอย่างไรอย่างนั้น”
“ไม่หรอกเจ้าค่ะ!” พี่สาวสองท่านของเซี่ยซื่อมาเฝ้านางหนึ่งคืนแล้ว ตอนนี้บนสีหน้าเหน็ด เหนื่อยกลับแต้มรอยชื่นชมยินดีหลายส่วน “แต่คิ้วกับตานี้กลับดูเหมือนน้องเขยนะเจ้าคะ หล่อ เหลายิ่งนัก!”
ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างเริงร่าระหว่างที่เข้าไปหาเซี่ยซื่อ
5404
เฉิงรั่งที่เดิมจับมือเซี่ยซื่อขณะยืนที่หัวเตียงกระซิบคุยอะไรกับเซี่ยซื่ออยู่นั้นก็กระโจนไป ข้างหนึ่งทันที ดวงหน้าแดงกํ่า วางไม้วางมือไม่ถูกไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา
เซี่ยซื่อก็หน้าแดงราวกับเมฆยามสนธยาเช่นกัน
สตรีตระกูลเซี่ยต่างป้องปากหัวเราะอย่างไร้สุ้มเสียง มารดาของเซี่ยซื่อยิ่งแล้วใหญ่ ดวงตาทอประกาย เอ่ยแก้สถานการณ์ให้เฉิงรั่งอย่างเอ็นดูว่า “ตอนที่ข้าคลอดลูกคนแรก พ่อของ เด็กเขาแทบจะพรวดเข้าห้องคลอดเลยทีเดียว…ลูกเขยก็ไม่ได้นอนมาทั้งคืน รีบไปพักผ่อนเถอะ! ในห้องนี้มีพวกข้าช่วยเฝ้าดู จะไม่เกิดอะไรขึ้นอย่างแน่นอน”
เฉิงรั่งทําความเคารพทุกคนแล้วพึมพําขึ้นว่า “พวกท่านเองก็ลําบากมาทั้งคืนเหมือนกัน ขอรับ… ข้ายังไม่เหนื่อย!”
ชิวซื่อหัวเราะพลางกล่าวว่า “แม่ยายของเจ้าพูดแล้ว เจ้าทําตามเถอะ ประเดี๋ยวยังมีงาน เป็นกองต้องให้เจ้าไปทํา หากเจ้าไม่พักแรงให้ดีจะทําได้อย่างไร! รีบไปพักผ่อนเถอะ อีกสักพัก ค่อยมาหาแม่ลูกพวกเขาก็ไม่สาย”
แม่ยายกับพี่ภรรยาล้วนพูดเสียขนาดนี้แล้ว เฉิงรั่งจําต้องออกไป
เขายังคงเหลียวมองเซี่ยซื่อกับบุตรทีหนึ่งอย่างไม่เต็มใจนัก แล้วจึงออกจากห้องนอนไป
ดวงหน้าของเซี่ยซื่อเห่อแดงยิ่งขึ้น
มารดาของเซี่ยซื่อเห็นแล้วก็หัวเราะร่า วางเด็กลงข้างเซี่ยซื่อพลางกล่าวยิ้มๆ ว่า “ลูกเขย เคารพยกย่องเจ้า แม่สามีของเจ้ายังรักใคร่เอ็นดูเจ้า อาสะใภ้เล็กของเจ้าก็รีบรุดมาหา แม้แต่กู ไหน่ไนตระกูลพวกเจ้า พอได้ยินว่าเด็กคนนี้ยังไม่คลอด ตอนที่มาก็ยังเอาโสมร้อยปีรากหนึ่งมา ด้วย เจ้าตกลงในรังแห่งโชค ต่อไปต้องแสดงความกตัญ�ูต่อแม่สามีเจ้าให้ดี ดูแลลูกเขยดีๆ เคารพผู้อาวุโสกับกูไหน่ไนในบ้าน”
5405
เซี่ยซื่อขานรับเสียงค่อยว่า “เจ้าค่ะ” สีหน้าหวานลํ้าเหลือบรรยาย โจวเสาจิ่นเห็นแล้วก็รู้สึกทอดถอนใจเล็กน้อย นี่ก็เป็นสาเหตุที่นางโปรดปรานบุตรสาวแต่อยากให้กําเนิดบุตรชาย
บุตรสาวเมื่อโตขึ้นแล้วต้องแต่งให้ผู้อื่น หลังแต่งงานแล้วก็นับเป็นคนของตระกูลอื่น ได้แต่ ปล่อยให้อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลคนอื่น แม้แต่หญิงสาวที่ให้กําเนิดบุตรชายเหมือนเซี่ย ซื่อนี้ แม่ยายตระกูลเซี่ยยังต้องระวังความรู้สึกของชิวซื่อไปทั่ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหญิงสาวที่คลอด บุตรสาวเหล่านั้นเลย…
โจวเสาจิ่นก็นึกถึงบิดาของตนขึ้นมา
บิดาดูมิได้สนใจเรื่องเหล่านี้มาโดยตลอด
ใต้หล้ายังมีคนดีเฉกเช่นบิดาผู้นี้อยู่หรือไม่กันนะ
โจวเสาจิ่นยกยิ้มมุมปากบางเบา ให้ชิวซื่อกับพวกที่เฝ้าอยู่ทั้งคืนไปพักผ่อนก่อน จากนั้นก็ ช่วยอยู่ดูแลเซี่ยซื่อพร้อมกับเฉิงเซิง
จนกระทั่งถึงพิธีสรงสามวันนั้นหยวนซื่อถึงค่อยโผล่หน้ามา
โยนก้อนเงินลงกระถางไปสองในสี่ส่วน แล้วมอบเสื้อผ้า ถุงเท้าและรองเท้าสองชุดให้ ทารกแรกเกิดที่ตั้งนามให้ว่าอี๋เกอเอ๋อร์
ก้อนเงินที่โยนในกระถางหมอตําแยเป็นคนเอาไป นี่ไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะอีกไม่กี่วัน เด็กก็จะครบรอบเดือนแล้ว รอให้ถึงพิธีครบรอบเดือนค่อยส่งมาแสดงความยินดีก็ไม่สาย แต่ชิ วซื่อให้คนนําความไปแจ้งหยวนซื่อนานแล้ว นางเพิ่งจะมาเอาป่านนี้… นางเป็นป้าใหญ่ของบ้าน หลักคนหนึ่ง อาจทําให้คนรู้สึกไม่พอใจได้บ้าง
5406
ชิวซื่อเป็นคนใจกว้างถึงเพียงนั้นยังตําหนิเล็กน้อยว่า “ท่านแม่ได้ยินข่าวก็วิ่งมาเยี่ยมอี๋เกอ เอ๋อร์แล้ว นางก็ดี มาสายอย่างไม่ไยดี คนที่ไม่รู้จะคิดว่าข้าผิดใจกับนางเอาได้!”
อี๋เกอเอ๋อร์เป็นเหลนคนแรกของฮูหยินผู้เฒ่ากัว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวย่อมปลาบปลื้มใจเป็น ธรรมดา
หลังจากได้รับแจ้งข่าวดีก็ไม่สนอายุที่มากแล้วรีบนั่งเกี้ยวมาหา หนําซํ้ายังตกรางวัล ให้เซี่ยซื่อเป็นเครื่องประดับศีรษะทับทิมชุดหนึ่ง ทับทิมเม็ดนั้นที่ฝังอยู่อย่างสะดุดตามีขนาดไม่ น้อยกว่าไข่นกพิราบ เหล่าสตรีตระกูลเซี่ยต่างรู้สึกยินดีแทนเซี่ยซื่อ ชิวซื่อเองก็พลอยได้หน้าเป็น อย่างมากไปด้วย
โจวเสาจิ่นได้แต่ปลอบใจนางว่า “เกรงว่าร่างกายไม่ค่อยสบาย ตอนที่ท่านไปแจ้งข่าวแก่ นาง นางก็ส่งแม่นมมาแสดงความยินดีแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ”
วันนี้เป็นพิธีสรงสามของอี๋เกอเอ๋อร์ มิอาจปล่อยให้หยวนซื่อทําลายบรรยากาศได้หรอก กระมัง
ชิวซื่อผ่อนคลายสีหน้าลงเล็กน้อย
เฉิงเซิงก็กระซิบบอกชิวซื่อกับโจวเสาจิ่นเสียงค่อยว่า “ท่านแม่ ท่านอย่าไปโทษท่านป้า ใหญ่เลย ท่านดูพี่สาวเจิงสิ สีหน้าก็ไม่สู้ดีนักเหมือนกันมิใช่หรือ จิ่นเจียงได้ยินพ่อสามีข้ากล่าวว่า ดูเหมือนท่านลุงใหญ่จะประสบเรื่องอะไรมาเจ้าค่ะ”
โจวเสาจิ่นกับชิวซื่อค่อยๆ หน้าถอดสี เอ่ยถามเฉิงเซิงอย่างเป็นกังวลขึ้นว่า “เกิดเรื่องอะไร ขึ้น”
5407
“ตอนนั้นก็มิได้อธิบายให้ชัดเจนนักเจ้าค่ะ” เฉิงเซิงตอบเสียงเบา “คล้ายจะบอกว่าผู้ที่ท่าน ลุงใหญ่แนะนําอะไรคนหนึ่งมีความประพฤติมิชอบ ถูกกรมตรวจตราฟ้องร้อง ปรากฏว่าไป พาดพิงถึงท่านลุงใหญ่ บอกว่าเขารับสินบนอะไร…”
ถ้อยคําของเฉิงเซิงยังไม่ทันเอ่ยออกมา โจวเสาจิ่นกับชิวซื่อก็เอ่ยพร้อมกันขึ้นว่า “เป็นไป ไม่ได้” “ลุงใหญ่ของเจ้าอาจมีใจหวั่นไหวไปบ้าง แต่ไม่มีทางรับสินบนหรอก! รายได้ประจําปีจากที่ นาของตระกูลล้วนจัดการสําหรับใช้กินอยู่ได้ทั้งครอบครัวของพวกเขา นอกจากนี้หลายปีก่อนก็ เก็บเงินได้ไม่น้อย…”
“ข้าก็พูดไปอย่างนี้เหมือนกันเจ้าค่ะ” เฉิงเซิงกล่าวเสียงเบา “แต่คนข้างนอกต่างพูดกันว่า ในปีนั้นที่ตระกูลเฉิงแยกตระกูลซอยจิ่วหรูทางด้านโน้นเอาที่ดินส่วนใหญ่ไป หลายปีมานี้ คนที่อยู่ จิงเฉิงทางนี้ก็ประคับประคองตัวไม่ไหวอยู่บ้าง…”
หัวคิ้วของโจวเสาจิ่นกับชิวซื่อต่างขมวดเข้าหากันอย่างยากจะระงับ โจวเสาจิ่นยิ่งแล้ว ใหญ่รู้สึกกระวนกระวายใจยิ่ง
ชาติก่อนเฉิงจิงเข้าสู่ราชสํานักหลังจากฮ่องเต้องค์ใหม่เถลิงราชย์ จึงไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น เลย ชีวิตนี้เฉิงจิงเข้าสู่ราชสํานักก่อนเวลา กลับมีเรื่องขัดแย้งไม่หยุดไม่สิ้น
หรือว่าเพราะนางเป็นต้นเหตุกันนะ แต่เรื่องนี้คงมิได้เกิดขึ้นกะทันหันหรอกกระมัง เฉิงฉือไม่ได้เอ่ยถึงแม้ประโยคเดียว
โจวเสาจิ่นบิดผ้าเช็ดหน้า ชิวซื่อก็หารือกับโจวเสาจิ่นว่า “ประเดี๋ยวพวกเรารั้งเซียวเจี่ยเอ๋อร์มาสอบถามดีหรือไม่”
5408
โจวเสาจิ่นพยักหน้า
เฉิงเซิงดึงเฉิงเซียวไปพูดคุยข้างหนึ่ง
เฉิงเซียวฟังไปด้วยพลางมองโจวเสาจิ่นกับชิวซื่อไปด้วย จู่ๆ นัยน์ตาก็ดูคล้ายมีประกาย หยาดนํ้าวูบไหว
โจวเสาจิ่นทอดถอนใจ
หากนี่เป็นเรื่องจริง คนเป็นบุตรธิดาจะต้องเสียใจมากเพียงใดกันนะ
รอจนพิธีสรงสามเลิก ตอนที่ทั้งสี่คนสนทนากันในห้องนอนชิวซื่อ นํ้าเสียงของนางก็เจือ ความระมัดระวังหลายส่วนอย่างอดไม่ได้
เฉิงเซียวได้ยินแล้ว ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดนํ้าตาก็ร่วงเผาะๆ ลงมาก่อนเสียแล้ว “…บอก ว่าชื่อหานจงเหมย ตอนนี้ดํารงตําแหน่งเป็นแม่ทัพเซวียนถง ดํารงตําแหน่งได้ไม่นานก็ใช้อํานาจ โดยมิชอบรับสินบน เซวียนถงนั้นเป็นสถานที่อะไร ล้วนเป็นค่ายพลทหารใหญ่ ยามสุขสบายอะไร ก็ดีไปหมด ยามทุกข์ยากแม้แต่โอรสสวรรค์ก็กล้าแกว่งดาบสะบัดทวนก่อสงคราม อีกทั้งมี ลูกหลานของตระกูลทรงอํานาจรับราชการอยู่ที่นั่น เขาไม่รู้จักตีสนิทคนเหล่านั้นเลยด้วยซํ้า ก็มี คนยุยงให้กรมตรวจตราฟ้องร้องเสียแล้ว สงสัยเป็นโชคไม่ดีของท่านพ่อ ไม่กี่วันก่อนองค์ฮ่องเต้ กําลังขุ่นเคืองพระทัยด้วยเรื่องขององค์ชายสี่ หานจงเหมยก็ถึงเคราะห์ร้าย องค์ฮ่องเต้ไม่มีเหตุผล ที่จะไม่ส่งคนไปตรวจสอบ ผู้ตรวจตรากองทัพที่ส่งไปกลับเป็นบุตรบุญธรรมของหลิวลี่ขันทีใหญ่ ประจําตําหนักเฉียนชิงพอดี ปรกติไม่เห็นขยะผู้นี้ซื่อสัตย์มือสะอาดแต่อย่างใด ครั้งนี้ไม่รู้เหตุใด กลับเป็นการเป็นงานขึ้นมา ท่านพ่อเลยถูกลากเข้าไปพัวพันด้วย…
…เรื่องเช่นนี้ก็ยากจะหลีกเลี่ยงได้ ยิ่งกว่านั้นท่านพ่อเป็นที่ปรึกษาระดับสูงในราชสํานัก ในอดีตหากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาก็เพียงถูกตําหนิสองสามประโยคก็จบแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้โชคของ
5409
ท่านพ่อไม่สู้ดีนัก องค์ฮ่องเต้เพิ่งจะบอกว่าปล่อยไปไม่ได้แม้คนเดียว ต่อมาก็ค้นพบว่าคนที่ แนะนําไปคือท่านพ่อเจ้าค่ะ”
ขณะที่นางกล่าว ก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากสะอื้นไห้ขึ้นมา ซํ้ายังร้องครํ่าครวญจนควบคุม ตนเองไม่ได้
หากเรื่องราวมาถึงจุดที่เก็บกวาดไม่ได้แล้วจริงๆ เฉิงฉือคงไม่นั่งนิ่งถึงเพียงนี้หรอก
ช่วงนี้เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องเกี่ยวกับเฉิงจิงแม้ประโยคเดียว!
โจวเสาจิ่นเหลือบมองชิวซื่อแวบหนึ่งอย่างสับสน รีบก้าวมาโอบไหล่ของเฉิงเซียวพลาง กล่าวด้วยนํ้าเสียงอบอุ่นว่า “เจ้าอย่าร้องไห้เลย บิดาของเจ้าก็มิได้สงสัยอะไรมาโดยตลอด นอกจากนี้อาสี่ของเจ้ากลับบ้านมาก็ไม่ได้พูดอะไรแม้ประโยคเดียว อาสะใภ้รองของเจ้าก็ไม่ได้ยิน ข่าวคราวอะไรมาเหมือนกัน เห็นได้ว่าเรื่องนี้ไม่ได้ร้ายแรงนัก ระวังร้องไห้จนตาบวมแล้วกลับไป จะดูไม่ดี”
หากนางไม่พูดประโยคนี้ก็ยังพอว่า แต่ทันทีที่นางพูดออกไป เฉิงเซิงก็ปาดนํ้าตาอย่าง โกรธเคือง พลางกล่าวว่า “ท่านคิดว่าพวกเขาตระกูลหยวนเป็นของดีอะไร อย่าว่าแต่ท่านอารอง เลย แม้แต่ท่านปู่รองพอทราบเรื่องแล้วก็ได้แต่แสร้งทําเป็นไม่รู้เท่านั้น หานจงเหมยผู้นั้นพอเห็นว่า ตนจนมุมแล้ว ก็ไล่กัดไปทั่วเหมือนสุนัขคลั่งตัวหนึ่งก็ไม่ปาน บอกว่าตอนแรกส่งของไปให้ท่านพ่อ มากมายเพียงใด คนอื่นไม่รู้ แต่คนตระกูลหยวนก็ไม่รู้ด้วยหรือ สิ่งของเหล่านั้นท่านพ่อของข้าเคย รับเอาไว้สักส่วนหนึ่งหรืออย่างไร ทั้งหมดล้วนเป็นท่านแม่ส่งไปให้ตระกูลหยวนทั้งสิ้น มาตอนนี้ ท่านพ่อเกิดเรื่องขึ้น ท่านแม่ไปขอร้องให้ตระกูลหยวนช่วยพูดสักประโยคหนึ่ง ตระกูลหยวนตก ปากรับคําน่าฟัง แต่เอาเข้าจริงแล้วกลับไม่เอ่ยปากแม้คําเดียว หากมิใช่เพราะเห็นแก่หน้าท่านปู่ รอง องค์ฮ่องเต้เพียงพระราชทานโทษหักเบี้ยหวัดหนึ่งปีของท่านพ่อก็ถือเป็นอันจบเรื่องแล้ว
5410
ไม่เช่นนั้นหากข่าวแพร่ออกไป ตระกูลของพวกเรายังจะมีหน้าพูดอะไรได้ ด้วยเหตุนี้ องค์ฮ่องเต้ยัง ทรงมอบงานบางอย่างในมือท่านพ่อให้แก่หวงหลี่อีกด้วยเจ้าค่ะ…
…หลายวันมานี้ท่านแม่ยุ่งจนร้อนใจด้วยเรื่องนี้” เฉิงเซียวจับมือของชิวซื่อพลางกล่าว อย่างกระดากอายว่า “ไม่อย่างนั้นจะไม่มาเยี่ยมอี๋เกอเอ๋อร์หรอกเจ้าค่ะ…”
เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ไม่ว่าเป็นใครก็ไม่มีกะจิตกะใจมาแสดงความยินดีกับผู้อื่น
ชิวซื่อนึกถึงที่ตนตําหนิหยวนซื่อเมื่อครู่ ก็รู้สึกละอายใจ รีบกล่าวว่า “เลิกพูดเช่นนี้เถอะ! พวกข้าเป็นน้องสะใภ้วันๆ เอาแต่นั่งล้อมหน้าเตากับหม้อ ซอยซิ่งหลินเกิดเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้กลับ ไม่รู้อะไรเลยสักนิด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องช่วยเหลืออะไร พวกเจ้าไม่กล่าวโทษพวกข้าก็เป็นเรื่องดี หากเจ้าพูดเช่นนี้อีก อาสะใภ้ก็จะรู้สึกลําบากใจแล้ว” ทั้งรีบเอ่ยถามอย่างร้อนรนว่า “เช่นนั้นตอนนี้ ไม่เป็นไรแล้วใช่หรือไม่”
เฉิงเซียวพยักหน้า ทว่านํ้าตากลับรินไหลลงมา พลางตอบว่า “ท่านแม่มักจะบอกว่า ตระกูลหยวนดีต่อท่านพ่ออย่างนั้นอย่างนี้ ตระกูลหยวนเรืองอํานาจอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ยามที่ ท่านพ่อตกระกําลําบากพวกเขากลับสะบัดแขนเสื้อมองอยู่ข้างๆ ตระกูลหยวนกับพวกข้ามี ความสัมพันธ์กันอย่างไร สู้คนพวกนั้นที่มองดูด้วยสายตาอาฆาต โจมตีในที่แจ้ง แต่อย่างน้อยก็รู้ ว่าเป็นศัตรูไม่ได้เลย… ทําอย่างนี้คืออะไร ในเมื่อไม่คิดจะช่วยไฉนถึงไม่บอกตรงๆ ต่อให้ช่วยไม่ได้ ก็ควรจะบอกพวกข้าสักคํา ประเดี๋ยวพวกข้าก็หาทางอื่นได้… หรือว่าใต้หล้านี้นอกจากตระกูล หยวนแล้ว ตระกูลเฉิงของพวกเราจะไม่มีใครช่วยเหลือได้แม้คนเดียว…”
นางเป็นคนหนึ่งที่อ่อนโยนเช่นนั้น เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาก็ยังรู้สึกอัดอั้นตันใจ ยิ่งไม่ต้อง พูดถึงหยวนซื่อที่ภาคภูมิใจกับตระกูลหยวนเสมอมาผู้นี้เลย!
“ถ้อยคําของเจ้าพูดต่อหน้าข้ากับอาสะใภ้รองก็พอแล้ว” โจวเสาจิ่นกล่าวอย่างทอดถอน ใจ “เจ้าเป็นสะใภ้ตระกูลหยวน มิอาจเผยความคิดเช่นนี้ต่อหน้าหลานเขยตระกูลหยวนได้