ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 585 ทําลาย
เฉิงเซียวได้ยินถ้อยคําของโจวเสาจิ่นแล้ว ก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าป้องปากรํ่าไห้อย่างไร้สุ้มเสียง อีกครั้ง
โจวเสาจิ่นกับชิวซื่อมองหน้ากันทีหนึ่ง ต่างฝ่ ายต่างเห็นรอยจนปัญญาในดวงตาของอีก ฝ่าย
เดิมทีเฉิงเซียวเป็นคนหนึ่งที่แต่งงานได้ดีที่สุดในบรรดาพี่น้องผู้หญิงของตระกูลเฉิง
สามีเป็นญาติผู้พี่ของตน แม่สามีเป็นป้าของตน อีกทั้งสามีภรรยาก็เคยพบเจอกันก่อน แต่งงาน และพึงใจกัน แม้ว่าตระกูลหยวนเป็นตระกูลใหญ่ แต่หลังจากที่นางแต่งเข้าไปแล้วก็ไม่ เคยได้รับการกดขี่ข่มเหงแม้แต่น้อย
แต่ยามนี้…นางติดอยู่ตรงกลาง กลับกลายเป็นคนที่ลําบากใจที่สุดผู้นั้น
“อยากจะร้องก็ร้องออกมาสักครั้งแล้วกัน” โจวเสาจิ่นตบหลังของเฉิงเซียวเบาๆ กระซิบว่า “หลังจากร้องไห้เสร็จแล้วก็ต้องดึงสติกลับมา แม้ตระกูลเฉิงเป็นบ้านเดิมของเจ้า เมื่อบุตรสาวออก เรือนไปแล้ว หากบ้านเดิมมีอํานาจจึงจะมีที่ยืนในตระกูลสามีได้ แต่เจ้ามิอาจเพื่อบ้านเดิมก็ บาดหมางกับบ้านสามี สุดท้ายที่นั่นจะเป็นที่ที่เจ้าต้องอาศัยอยู่ไปชั่วชีวิต เจ้ายังมีลูก มิอาจไม่ แยแสลูกได้หรอกกระมัง หลังจากเจ้ากลับไปแล้วทางที่ดีก็ไม่ต้องพูดอะไร ลองหยั่งดูท่าทีของ หลานเขยเป็นการส่วนตัว หากหลานเขยหยวนไม่เห็นใจเจ้าแม้นิดเดียว เจ้าก็ปฏิบัติเหมือนไม่มี คนผู้นี้อยู่ด้วย ปกป้องลูกๆ ให้มีชีวิตที่ดีก็พอแล้ว พี่ใหญ่กระทําผิดครั้งนี้ มิได้หมดสิ้นอํานาจไป เสียทีเดียว ยิ่งกว่านั้นยังมีอารองกับอาสี่ของเจ้าอยู่ด้วย ต่อให้พวกเขาช่วยอะไรไม่ได้ น้องชาย ของเจ้าก็รับราชการแล้วมิใช่หรือ ขอเพียงวันหนึ่งตระกูลเฉิงมีบุคคลที่คํ้าจุนตระกูลได้ ตระกูล หยวนก็มิกล้าทําอะไรเจ้า ถ้าหากหลานเขยเห็นใจเจ้า อีกทั้งมิอาจต้านทานคําว่า ‘กตัญ�ู’ ได้ เจ้า
5412
ก็คุยกับหลานเขยให้ดี แม้นมิอาจทําให้เขาก้าวออกมาพูดอะไรให้เจ้ายามที่เจ้าตกระกําลําบากได้ อย่างน้อยก็ต้องเข้าอกเข้าใจความลําบากของเจ้า เข้าใจความเจ็บปวดของเจ้า…”
นางกล่าวถ้อยคําจากก้นบึ้งของหัวใจ เฉิงเซียวที่สะอื้นไห้อยู่นั้นกลับหยุดร้องในทันที เบิก ดวงตาที่ถูกนํ้าตาชะล้างมองโจวเสาจิ่น บนใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
โจวเสาจิ่นอดชะงักคําพูดเล็กน้อยไม่ได้ เอ่ยถามอย่างฉงนว่า “ทําไมหรือ หรือว่าข้าพูด อะไรผิด”
ในนํ้าเสียงมีความไม่สบายใจสายหนึ่งเจือผ่าน
“ไม่เลยเจ้าค่ะๆ” เฉิงเซียวรีบตอบ “ข้าเพียงนึกไม่ถึงว่าอาสะใภ้จะเกลี้ยกล่อมข้าเช่นนี้… ข้าคิดว่าอาสะใภ้จะ…” นางเอ่ยอย่างยากลําบาก “ให้ข้าอดทนก็พอแล้ว…”
สตรีเป็นอันมากก็ใช้ชีวิตเช่นนี้มิใช่หรือ
หากเป็นชาติก่อน โจวเสาจิ่นก็คงเลือกอดทนอดกลั้น แต่พอนางรู้ว่าอดทนไปก็ไม่มี ประโยชน์อันใด จึงหวังว่าเฉิงเซียวจะเลือกหนทางใช้ชีวิตที่ทําให้ตนสบายใจกว่าได้ทางหนึ่ง
นางระบายยิ้มอย่างขัดเขินเล็กน้อย อธิบายเสียงอบอุ่นว่า “พวกเราอิสตรีแม้อ่อนแอ แต่ก็ ช่วยบุรุษคลอดบุตรเลี้ยงบุตรสาว ดูแลชีวิตประจําวันของพวกเขา ด้วยเหตุนี้คงมิอาจอดกลั้นไม่ พูดทุกเรื่องหรอกกระมัง” เฉิงเซียวพยักหน้าหงึกหงักพลางกล่าวว่า “อาสะใภ้พูดได้ตรงใจข้า ข้าเพียงโกรธเคืองซื่อ เลี่ยงที่เขามิได้ช่วยออกหน้าให้ข้า ตอนนี้ย้อนกลับไปคิดดูแล้ว เขาเองก็ลําบากใจมาก…ตอนที่มา เขายังอยากจะพูดอะไรกับข้า แต่ข้ามิได้สนใจเขา…” ขณะที่นางกล่าว นัยน์ตาก็เริ่มรื้นชื้นขึ้นมา อีกครั้ง
ซื่อเลี่ยงคือชื่อของหยวนหมิงสามีเฉิงเซียว
5413
สามีผู้เป็นที่รักของตน บอกให้ไม่สนใจก็ไม่สนใจเลยได้อย่างไร
โจวเสาจิ่นปลอบใจนางว่า “เช่นนั้นก็ยิ่งควรพูดให้ชัดเจน หาไม่แล้วหากเพราะเหตุนี้สามี ภรรยาเกิดห่างเหินกันขึ้นมาก็คงไม่ดีนัก!”
เฉิงเซียวพยักหน้าหงึก แล้วซับนํ้าตาที่หางตา
“อาสะใภ้เล็กของเจ้าพูดถูก” ชิวซื่อที่ฟังพวกนางสนทนามาโดยตลอดก็พรูลมหายใจยาว เหยียด พลางกล่าวว่า “พวกเราอิสตรีต้องเชื่อฟังสามี แต่ก็มิอาจเอาตนเองไปวางในจุดนํ้าลึกไฟ แรงได้ เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นตระกูลหยวนที่ไม่ถูก เจ้าเพียงไปคุยกับหลานเขยหยวนก็พอ หากเขายืน อยู่ฝั่งเดียวกับตระกูลหยวน อารองของเจ้าจะหนุนหลังเจ้าอย่างแน่นอน จะไม่ปล่อยให้เจ้าถูก ตระกูลหยวนรังแกได้”
ชิวซื่อก็เอ่ยถ้อยคําเช่นนี้ออกมาเหมือนกัน ทุกคนต่างตะลึงเล็กน้อย
“มองดูอะไรกัน” ชิวซื่อกล่าวยิ้มๆ “หรือว่าข้ามิใช่สตรี ข้าจึงยืนฝั่งเจ้าพูดไม่ได้”
“ท่านอาสะใภ้รอง!” เฉิงเซียวซาบซึ้งใจชิวซื่อ
“พี่สะใภ้รอง!” โจวเสาจิ่นเขินอายเล็กน้อย
ทว่าเฉิงเซิงกลับก้าวมากอดมารดา พิงศีรษะบนไหล่มารดาพลางกล่าวอย่างออดอ้อนว่า “ท่านแม่ ท่านดีจริงๆ นะเจ้าคะ!”
“หากข้ามิได้ยืนอยู่ฝั่ งเดียวกับพี่สาวรองของเจ้าก็ไม่ดีแล้วสินะ!” ชิวซื่อเอ่ยหยอกเย้า พร้อมกับผลักเฉิงเซิง “เจ้านั่งลงดีๆ ให้ข้า ทุกคนต่างเป็นแม่คน ยังทําตัวไม่มีระเบียบอย่างนี้อีก นะ”
เฉิงเซิงหัวเราะร่าพลางนั่งตัวตรง
5414
ชิวซื่อก็เกลี้ยกล่อมเฉิงเซียวว่า “เช่นนั้นก็อย่าเสียใจไปเลย ข้าเชื่อว่าหลานเขยตระกูล หยวนมิได้เป็นคนไร้เหตุผลประเภทนั้น…” ถ้อยคําของนางยังไม่ทันสิ้นเสียง ก็มีสาวใช้เด็กแหวกผ้าม่านรายงานว่า “ฮูหยินรอง ฮู หยินสี่ กูไหน่ไนรอง กูไหน่ไนสาม ท่านเขยรองมารับกูไหน่ไนรองแล้วเจ้าค่ะ” คนในห้องต่างมองหน้ากันอย่างประหลาดใจ ดวงหน้าของชิวซื่อเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ผลักเฉิงเซียวพร้อมกับกล่าวอย่างดีใจว่า “ดูสิ หลานเขยมารับด้วยตนเองแล้ว บางทีในใจยังคิดคะนึงถึงเจ้าก็เป็นได้ ยังไม่รีบกลับไปอีก” ดวงหน้าเฉิงเซียวขึ้นสีแดงเรื่อ ท่าทางดูคล้ายจะไปก็ไม่ใช่ ไม่ไปก็ไม่เชิง โจวเสาจิ่นกับเฉิงเซิงรีบเร่งเร้าตามคําพูดของชิวซื่อยิ้มๆ ว่า “ยังไม่รีบไปอีก ประเดี๋ยวอีก ไม่กี่วันในงานฉลองครบรอบเดือนของอี๋เกอเอ๋อร์ เจ้าต้องมาเร็วๆ นะ” เฉิงเซียวจึงลุกขึ้นมาด้วยดวงหน้าแดงกํ่า แล้วออกไปโดยมีชิวซื่อและคนอื่นๆ ล้อมรอบ หยวนหมิงไม่เหลือรอยเบิกบานจากเมื่อก่อน รอยยิ้มดูกระดากอายเล็กน้อย ก้าวมาทํา ความเคารพชิวซื่อและคนอื่นๆ กระซิบพูดกับเฉิงเซียวว่า “เห็นเจ้ายังไม่กลับ กลัวจะเกิดอะไรขึ้น ข้าเลยมาหา” ในนํ้าเสียงเจือความระมัดระวังหลายส่วน โจวเสาจิ่นกับคนอื่นๆ ต่างพากันลอบถอนใจ คลี่ยิ้มพลางส่งสองสามีภรรยาขึ้นเกี้ยว มองดูเกี้ยวผ่านประตูใหญ่ออกไปจนลับตาแล้ว เฉิงเซิงจึงเอ่ยเสียงเบาขึ้นว่า “หวังว่า พี่สาวรองจะผ่านด่านยากด่านนี้ไปได้นะเจ้าคะ”
5415
“ฟันบนยังมีวันที่ทะเลาะกับลิ้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนสองคนที่ใช้ชีวิตร่วมกัน” ชิวซื่อกล่าว ด้วยนํ้าเสียงของคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนประเภทหนึ่ง “อาเซียวดูเหมือนพูดน้อย แต่เป็น คนที่มีแผนการในใจคนหนึ่ง ต่อไปจะใช้ชีวิตอย่างไร นางคงคิดเอาไว้แล้ว”
อารมณ์ของทั้งสามคนล้วนหนักอึ้งเล็กน้อยขณะแยกย้ายกันกลับหน้าประตูชั้นใน ต่างก็ มุ่งกลับบ้านของตน
ทุกคนไม่รู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวทราบข่าวแล้วหรือยัง กลัวว่าเฉิงจิงและคนอื่นๆ ตั้งใจปิดบังฮู หยินผู้เฒ่ากัวเอาไว้แต่พวกนางกลับเผยพิรุธออกมา โจวเสาจิ่นก็อ้างว่าอยากช่วยชิวซื่อเก็บกวาด งานที่เหลือเลยรั้งอยู่ต่อ ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจึงพาอวิ้นเกอเอ๋อร์กลับประตูเฉาหยางไปนานแล้ว ยามนี้ ฟ้ามืดลงแล้ว เฉิงฉือเลิกงานและรับประทานมื้อเย็นเป็นที่เรียบร้อย ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยุ่งมาทั้งวันก็ เหนื่อยล้าแล้วเช่นกัน มีแต่อวิ้นเกอเอ๋อร์ที่ยังคงมีเรี่ยวแรงเหลือล้นราวกับมังกรและพยัคฆ์ทรง พลังก็ไม่ปาน ไม่ยอมหลับยอมนอน เฉิงฉือเห็นว่ายังไม่ถึงเวลานอนของเขา จึงตามใจเขา อุ้มเขา นั่งบนโต๊ะตัวยาวในห้องหนังสือสอนเขาวาดรูปลูกไก่
สองพ่อลูกวาดรูปไปด้วย พูดคุยไปด้วย จากไกลๆ ก็ได้ยินเสียงกังวานใสของอวิ้นเกอ เอ๋อร์
มุมปากของโจวเสาจิ่นก็กระตุกขึ้นมา ห้ามสาวใช้ไม่ให้เข้าไปรายงาน แล้วนางก็เดินเข้า ไปอย่างเบามือเบาเท้า
แสงไฟสว่างไสวจากโคมตั้งพื้นข้างห้องหนังสือส่องสะท้อนบนดวงหน้าของเฉิงฉือกับอวิ้น เกอเอ๋อร์ สองพ่อลูกราวกับอาบด้วยแสงเรืองรองชั้นหนึ่งก็ไม่ปาน งามสง่าดั่งหยก ทําให้นางเห็น แล้วลืมตาไม่ขึ้นเล็กน้อย
5416
หรือว่าเป็นสัญชาตญาณแม่ลูก ความสนใจของเฉิงฉือล้วนเพ่งอยู่บนตัวของอวิ้นเกอ เอ๋อร์ มิได้สังเกตว่าโจวเสาจิ่นกลับมาแล้ว ทว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์กลับเงยหน้าขึ้นมาในทันใด ร้องเสียง ดังว่า “ท่านแม่” พลางชูพู่กันที่ยังจุ่มอยู่ในนํ้าหมึกขึ้นมาแล้วกางแขนให้โจวเสาจิ่นอยากให้นางอุ้ม
โจวเสาจิ่นใจอ่อนยวบเป็นนํ้าหนึ่งแอ่งในทันที
นางสาวเท้ามาข้างหน้า หอมอวิ้นเกอเอ๋อร์สองฟอด
เฉิงฉือกระซิบยิ้มๆ ว่า “ตอนนี้แม่เจ้าตั้งครรภ์น้องสาวของเจ้าอยู่ อุ้มเจ้าไม่ได้ พ่อจะอุ้ม เจ้าเอง”
อวิ้นเกอเอ๋อร์พยักหน้าอย่างรู้ความ ชี้กระดาษเซวียนจื่อบนโต๊ะเขียนหนังสือพร้อมกับเอ่ย ว่า “ท่านแม่ ท่านดูลูกไก่ที่ข้าวาดสิขอรับ”
“วาดได้เหมือนจริงๆ” โจวเสาจิ่นชมเขา
เขาเลิกคิ้วผลิยิ้ม ท่าทางเช่นนั้น ละม้ายคล้ายเฉิงฉือเวลาที่ดีใจอย่างไรอย่างนั้น
โจวเสาจิ่นรู้สึกรักเหลือคณา กอดบุตรชายพลางจุมพิตหลายทีไม่หยุดอีกครั้งก่อนจะ ปล่อย
เฉิงฉือก็คลี่ยิ้มพลางหลอกล่อเขาไปนอน
อวิ้นเกอเอ๋อร์อยากนอนกับโจวเสาจิ่น
เนื่องจากมีครรภ์ ช่วงนี้โจวเสาจิ่นจึงกอดอวิ้นเกอเอ๋อร์หรือเล่นเป็นเพื่อนเขาน้อยยิ่ง
โจวเสาจิ่นก็มองเฉิงฉืออย่างอ้อนวอนเล็กน้อย
เฉิงฉือบอกว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์โตแล้ว เดี๋ยวนี้จึงไม่ให้อวิ้นเกอเอ๋อร์นอนกับพวกหญิงรับใช้ ให้นอนบนเตียงตามลําพัง พวกหญิงรับใช้ที่เฝ้าเวรกลางคืนจึงนอนหลับข้างที่นอนของเขา
5417
เขาหลุดหัวเราะพลางกล่าวว่า “สงสัยช่วงนี้เจ้าไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับเขา เขาจึงติดเจ้ามาก เป็นพิเศษ ตอนที่เจ้ายังไม่กลับมา เขาก็ถามถึงเจ้าหลายครั้ง แม้ด้านหนึ่งข้าปรารถนาให้เขายืน โดยลําพังได้เร็วๆ แต่ก็มิอาจโยนเขาไปข้างหนึ่งโดยไม่ไยดีได้”
กล่าวอีกนัยได้ว่า คืนนี้ยอมให้อวิ้นเกอเอ๋อร์นอนกับพวกเขา โจวเสาจิ่นจูงมือของอวิ้นเกอเอ๋อร์อย่างดีใจพลางกล่าวว่า “แม่ช่วยเจ้าล้างหน้าดีหรือไม่” อวิ้นเกอเอ๋อร์ตามโจวเสาจิ่นไปห้องข้างอย่างมีความสุข หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว เขาก็นอนระหว่างโจวเสาจิ่นกับเฉิงฉือ โจวเสาจิ่นเล่านิทานเรื่องจินเว่ยถมทะเลที่เคยเล่าให้เขาฟังแทบไม่น้อยกว่าห้าสิบรอบ อวิ้นเกอเอ๋อร์มือหนึ่งจับมารดา อีกมือจับบิดา แล้วจมสู่ห้วงนิทราภายใต้เสียงอ่อนหวาน ของโจวเสาจิ่น โจวเสาจิ่นจึงมีเวลาซักถามเฉิงฉือเรื่องของเฉิงจิง เฉิงฉือรีบถามว่า “ท่านแม่รู้เรื่องนี้หรือไม่”
“ไม่รู้เจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นตอบ “พวกข้าให้ท่านแม่กลับมาก่อน”
เฉิงฉือโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง กล่าวว่า “เดิมทีมิใช่เรื่องใหญ่อะไร เนื่องจากเกี่ยวพันกับ ตระกูลหยวน กลัวท่านแม่รู้แล้วจะไม่สบายใจ หลังจากข้ากับอารองปรึกษากันแล้วก็ตัดสินใจ ปิดบังท่านแม่ไปก่อน ประเดี๋ยวหลังจากองค์ฮ่องเต้พระราชทานโทษแล้วค่อยหาโอกาสบอกนาง ดังนั้นแม้แต่พวกเจ้าก็ปิดบังไปด้วย นึกไม่ถึงว่าจะถูกหลานเซิงเล่าให้พวกเจ้าฟัง ตอนนี้องค์ ฮ่องเต้พระราชทานโทษลงมาแล้ว พี่ใหญ่ไม่เป็นไรแล้วล่ะ อีกไม่นานเขาจะมาเล่าเรื่องนี้ให้มารดา ฟังด้วยตนเอง พวกเราไม่ต้องสอดมือยุ่งแล้ว”
5418
โจวเสาจิ่นคิดว่าอย่างนี้ก็ดี กล่าวยิ้มๆ ว่า “เกิดเรื่องเช่นนี้ จิตใจของพี่ใหญ่จะต้องไม่สู้ดี นักเป็นแน่ ถึงเวลานั้นอยากรั้งพี่ใหญ่ให้อยู่บ้านคุยเล่นสักวันหนึ่งหรือไม่เจ้าคะ”
“ค่อยดูสถานการณ์แล้วกัน!” เฉิงฉือถอนหายใจ
โจวเสาจิ่นเอ่ยถามอย่างฉงนว่า “เหตุใดตระกูลหยวนถึงทําเช่นนี้เจ้าคะ พี่ใหญ่เป็นลูกเขย ของตระกูลหยวน หากเรื่องนี้แพร่ออกไปล่ะก็ คนอื่นจะมองตระกูลหยวนอย่างไร”
เฉิงฉือตอบว่า “สาเหตุที่คนของตระกูลหยวนไม่ยอมช่วยพี่ใหญ่ คงเป็นเพราะอยากให้ กําเนิดขุนนางใหญ่อีกคนหนึ่งจากบรรดาลูกหลานที่โดดเด่นในตระกูล แต่พวกเขาก็ไม่คิดเลยว่า หากพวกเขาให้กําเนิดขุนนางใหญ่อีกตําแหน่งหนึ่ง เช่นนั้นก็เป็นสามคนแล้ว องค์ฮ่องเต้จะทรง อนุญาตให้มีขุนนางใหญ่ในตระกูลหนึ่งถึงสามคนได้อย่างไร หนําซํ้ามิใช่ว่าจะไม่มีคนที่เลือกสรร มาได้เสียหน่อย”
ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เขาไม่ได้พูด
แต่ก่อนเขาไม่ได้รับราชการ อีกทั้งเฉิงสวี่ก็อายุยังน้อย หลังจากเฉิงจิงเกษียณราชการ แล้วเฉิงสวี่มิอาจรับช่วงต่อได้ในทันที จําต้องเหลือทางหนีทางหนึ่งให้เฉิงสวี่ นอกจากนี้หากใน บรรดาบุตรหลานของตระกูลหยวนมีคนที่คัดเลือกไปช่วงชิงตําแหน่งในราชสํานักได้ หลังจาก หยวนเหวยชางเกษียณราชการ ตระกูลหยวนก็จะทุ่มเทกําลังทั้งหมดไปสนับสนุนเฉิงจิงได้ ครั้น เฉิงจิงเกษียณราชการ ก็จะทุ่มแรงทั้งหมดช่วยบุตรหลานของตระกูลหยวนได้แล้ว รอให้บุตรหลาน ตระกูลหยวนอายุมากแล้วเช่นกัน เฉิงสวี่ก็รับช่วงต่อได้อีก…
ตอนนี้สมดุลนี้ถูกทําลายลงแล้ว
ตระกูลเฉิงมีเฉิงฉือ
5419
หากเฉิงฉือก็มีใจเข้าสู่ราชสํานัก เฉิงฉือก็รับช่วงต่อจากเฉิงจิงได้โดยตรง ประเดี๋ยวยามที่ เฉิงฉืออยากจะเกษียณราชการ เฉิงสวี่ก็มีคุณสมบัติเพียบพร้อมแล้ว
ตระกูลเฉิงสําหรับตระกูลหยวนนั้น นอกจากจะไม่เป็นผู้ช่วยแล้วยังจะกลายเป็นคู่ต่อสู้ เสียด้วยซํ้า