ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 586 ฉลองเทศกาล
เรื่องเหล่านี้เฉิงฉือไม่ได้เล่าโจวเสาจิ่นฟัง โจวเสาจิ่นก็ย่อมไม่รู้เป็นธรรมดา แต่นางรับรู้ อารมณ์ของเขาได้
ตระกูลเฉิงกับตระกูลหยวนแตกร้าวกันแล้ว เฉิงฉือสงบนิ่งขนาดนี้ หรือว่าในใจของเขา ตระกูลหยวนมิได้มีนํ้าหนักมากถึงเพียงนั้นกันนะ
โจวเสาจิ่นนึกถึงชาติก่อนยามที่ตระกูลเฉิงเกิดเรื่องขึ้นตระกูลหยวนก็ดูเหมือนจะสะบัด แขนเสื้อยืนดูอยู่ห่างๆ มิได้พยายามช่วยเหลือ…แล้วคิดว่าเฉิงฉือร้ายกาจจริงๆ แม้มิได้ย้อนกลับ มามีชีวิตใหม่ก็มีสายตามองคนเป็นมากกว่านางที่ย้อนกลับมาเกิดใหม่ผู้นี้เสียอีก
นางกอดแขนเฉิงฉือแน่นๆ อย่างอดไม่ได้ กระซิบว่า “ไม่มีตระกูลหยวนแล้วบางทีอาจจะ ดีกว่า มิใช่ว่าท่านดีกับใต้เท้าซ่งมากหรอกหรือ นายท่านหกตระกูลกู้กับใต้เท้าหวงก็ดีมากเช่นกัน … ไม่จําเป็นต้องแขวนทุกอย่างบนต้นไม้ต้นเดียวนะเจ้าคะ”
เฉิงฉือหัวเราะเบาๆ หอมแก้มโจวเสาจิ่น พลางเย้าแหย่นางยิ้มๆ ว่า “เจ้ายังรู้เรื่องพวกนี้ ด้วยหรือ”
“ข้ามิใช่ใกล้ชาดเปื้อนแดง ใกล้หมึกเปรอะดําหรอกหรือเจ้าคะ” โจวเสาจิ่นแนบอิงแผงอก ของเขาอย่างไม่เห็นด้วย
เฉิงฉือหัวเราะร่า ชื่นชอบที่นางอาวรณ์ตนเป็นอย่างมาก ยื่นมือไปใต้สาบเสื้อของนาง แล้วลูบหน้าท้องที่นูนขึ้นมาเล็กน้อยของนางเบาๆ พลางกล่าวเสียงอบอุ่นว่า “วันนี้เจ้าตัวน้อยเชื่อ ฟังหรือไม่”
ยามที่แม่นางน้อยของเขาตั้งครรภ์บุตรคนแรกให้เขา เขาไม่ได้อยู่เคียงข้างนาง เมื่อ ตั้งครรภ์เด็กคนนี้เขาจักต้องอยู่เป็นเพื่อนนางให้ดีอย่างแน่นอน
5421
โจวเสาจิ่นอมยิ้มพลางกอดเอวสอบของเฉิงฉือ อิงศีรษะบนอกของเขา ฟังเสียงหัวใจเต้น ตึกตักรัวแรง พลางเอ่ยเสียงค่อยว่า “เจ้าตัวน้อยเชื่อฟังยิ่งนัก ไม่ได้รบกวนทั้งวันเลยเจ้าค่ะ”
เฉิงฉือคลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า “หากนางเชื่อฟังอย่างนี้ตลอดไป ประเดี๋ยวหลังจากที่นางเกิด แล้ว ข้าจะตกรางวัลให้นางดีๆ”
“ดีเจ้าค่ะ!” โจวเสาจิ่นตอบ “ต้องซื้อที่ประดับผมไข่มุกกับเครื่องประดับติดขนนกกระเตน สวยงามให้นางนะเจ้าคะ”
เด็กที่ว่าง่ายถึงเพียงนี้ ไม่ว่าโจวเสาจิ่นหรือเฉิงฉือล้วนคิดว่าเป็นเด็กผู้หญิง
“นอกจากจะซื้อที่ประดับผมไข่มุกกับเครื่องประดับติดขนนกกระเตนให้นางแล้ว ยังต้อง ซื้อให้แม่ของนางด้วย” เฉิงฉือขบใบหูของนางพลางยิ้มบางเบา กล่าวว่า “ใกล้ถึงเทศกาลวันไหว้ บ๊ะจ่างแล้ว พวกเราเชิญช่างฝีมือจากร้านเครื่องประดับมาที่บ้านทําเครื่องประดับให้เจ้าดีหรือไม่ ในเทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่างวันนั้นพวกเราไปดูการแข่งขันเรือมังกรกัน”
ร่างของโจวเสาจิ่นอ่อนระทวยจนกลายเป็นนํ้าหนึ่งแอ่ง พยักหน้ารัวๆ แล้วลืมเรื่องที่นัดฮู หยินเผิงเฉิงไปชมการแข่งเรือมังกรไปเสียสนิท เช้าวันรุ่งขึ้นพอตื่นขึ้นมาก็รู้สึกเกียจคร้านไม่อยาก ขยับตัว รู้สึกเหมือนมีเรื่องอะไรต้องทํารางๆ แต่ชั่วขณะนั้นกลับจําไม่ได้ บังเอิญซางมามามาถาม เรื่องของขวัญเทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่างพอดี อีกทั้งฝานหลิวซื่อก็มาถามเรื่องงานสมรสของชุนหว่าน นางจึงโยนความคิดเล็กๆ น้อยๆ นี้ทิ้งไปข้างหลัง แล้วกําหนดของขวัญสําหรับเทศกาลวันไหว้บ๊ะ จ่างก่อน จากนั้นจึงรั้งฝานหลิวซื่อสนทนา “นายท่านสี่บอกว่า ให้ชุนหว่านออกเรือนจากบ้านที่ซอ ยอวี๋เฉียนของพวกเรา เห็นว่าก็ใกล้จะถึงวันแต่งงานแล้ว ข้าคิดว่าเจ้าไปช่วยนางเก็บกวาดเรือน ก่อน ไม่ว่าจะเป็นอักษรมงคลหรือคําขวัญมงคลล้วนต้องติดเอาไว้”
ตอนที่ชุนหว่านอายุเจ็ดขวบก็เข้าจวนมาแล้วและปรนนิบัติรับใช้ข้างกายโจวเสาจิ่นมา โดยตลอด ฝานหลิวซื่อเป็นผู้ที่เห็นนางเติบโตคนหนึ่ง ปฏิบัติต่อนางเสมือนเป็นบุตรสาวครึ่งหนึ่ง
5422
มานานแล้ว วันนี้นอกจากจะแต่งให้กับตระกูลฉินแล้ว เจ้าบ่าวคนใหม่ยังมีหน้าตาโดดเด่นและ ความประพฤติดีอีกด้วย ตอนที่ออกเรือนก็ออกจากบ้านของโจวเสาจิ่น ไม่ต้องพูดถึงตระกูลเฉิงใน ยามนี้เลย แม้แต่ซอยจิ่วหรูที่จินหลิงในอดีต ก็ยังไม่มีผู้ใดได้รับเกียรติเช่นนี้มาก่อน
นางรับคําอย่างปีติยินดี แล้วรีบไปเล่าให้ชุนหว่านฟัง บอกให้ชุนหว่าน “ไม่ว่าอย่างไรก็ ต้องไปโขกศีรษะให้แก่ฮูหยินสักครั้งหนึ่ง”
ชุนหว่านหน้าแดงเรื่อขณะพยักหน้ารับ
ตอนนี้เฉิงฉือเหลือเพียงธุรกิจค้าขายกับสิบสามห้างเท่านั้น หลงจู๊ใหญ่หลายคนที่เดิม ติดตามเฉิงฉือตอนนี้ล้วนช่วยเขาดูแลกิจการกับสิบสามห้าง เนื่องจากมิได้มีร้านสาขามากมาย เท่าเมื่อก่อน หลงจู๊ใหญ่ทั้งหลายเมื่อเรียงลําดับตามความอาวุโส บ้างก็รับตําแหน่งเป็นหลงจู๊รอง หรือหลงจู๊สาม แต่ไม่ว่าจะเป็นหลงจู๊ลําดับที่เท่าใด ก็ยังคงมีวิสัยทัศน์และเล่ห์เหลี่ยมส่วนนั้นของ ผู้เป็นหลงจู๊ใหญ่ในอดีต กิจการของเฉิงฉือในเหวินโจวกับหนิงโปแม้มิได้ยิ่งใหญ่เท่าเมื่อก่อนนัก แต่ก็มิได้เล็กลงจากเดิมเลยสักนิด คนมากมายที่ไม่รู้รายละเอียดของห้างร้านนี้ต่างโน้มน้าวหลงจู๊ ใหญ่ให้แนะนํานายห้างเปิดสาขาใหม่ ทว่าพวกเขากลับไม่รู้ว่าเฉิงฉือผู้นี้อยากหลีกเลี่ยงความ สนใจ กับคนนอกล้วนบอกว่านายห้างมีนิสัยสมถะผู้หนึ่ง เพียงอยากจะรักษาวิถีชีวิตที่กินอิ่มนอน อุ่นเท่านั้น ไม่อยากเปลืองแรงมากมายขนาดนั้น
ทั้งยังมีผู้ที่อยากมาดึงคนจากในร้าน และมีบ่าวในร้านจากไป แต่หลงจู๊ทั้งหลายกลับ ยังคงทํางานอยู่ในห้างร้านเล็กๆ แห่งนี้ต่อไป
ต้นฤดูใบไม้ผลินี้ฉินจื่อจี๋ก็จะถูกเฉิงฉือส่งไปที่ก่วงโจว บอกว่าให้เขาช่วยงานและฝากตัว เป็นศิษย์อยู่ในห้างร้าน หลังจากที่เขากับชุนหว่านแต่งงานกันแล้ว ชุนหว่านก็จะติดตามเขาไปก่ วงโจว ครั้นไปแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาอีกเมื่อใด!
ตอนที่ชุนหว่านไปโขกศีรษะขอบคุณโจวเสาจิ่นขอบตาก็แดงเรื่อ
5423
โจวเสาจิ่นก็รู้สึกทอดถอนใจเล็กน้อยเช่นกัน
นางนึกไม่ถึงว่าเฉิงฉือจะส่งฉินจื่อจี๋ไปยังสถานที่ห่างไกลถึงเพียงนั้น ได้แต่ปลอบโยนชุน หว่านว่า “เจ้าอย่าเสียใจ อีกไม่กี่ปีข้าจะบอกนายท่านสี่ให้รับฉินจื่อจี๋กลับมา”
“ขอบคุณความหวังดีของฮูหยินมาก แต่ไม่ต้องพูดแล้วเจ้าค่ะ” ชุนหว่านกล่าวอย่างอ้อม ค้อม “ข้ารู้ว่านายท่านสี่ทําเพื่อเป็นการดีต่อตัวเขา คนอื่นอยากจะคิดถึงเรื่องเช่นนี้ก็ยังไม่ได้เลย เจ้าค่ะ ข้าหาได้เป็นคนที่ไม่รู้จักดีชั่วประเภทนั้น หลังจากไปแล้วจักต้องใช้ชีวิตร่วมกับพ่อบ้านฉิน ให้ดีอย่างแน่นอน ให้เขาช่วยดูแลร้านให้นายท่านสี่”
ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร นางเป็นสาวใช้จากบ้านเดิมของฮูหยิน ปรกติเชื่อฟังนายท่านสี่ไม่ เลว แต่หากนายท่านสี่กับฮูหยินทะเลาะกันขึ้นมา นางย่อมต้องเชื่อฟังฮูหยินเป็นธรรมดา
ฟังความนัยในคําพูดแล้ว ไหนเลยโจวเสาจิ่นจะไม่เข้าใจความหมายของชุนหว่านได้ นาง หัวเราะขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่
นางเชื่อว่าเฉิงฉือจะดีกับนางไปตลอดชีวิต แต่ชุนหว่านปกป้องนางเช่นนี้ได้ นางก็ยินดี เป็นอย่างยิ่ง
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว
ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
นางเชื่อใจเฉิงฉือ แต่ไม่เสมอไปที่ชุนหว่านจะเชื่อด้วย
โจวเสาจิ่นประคองชุนหว่านลุกขึ้นด้วยตนเอง พลางกล่าวว่า “วันที่เจ้าออกเรือนข้าไปส่ง เจ้าไม่ได้ เจ้ามีเรื่องอะไรก็ไปหาฝานมามา ข้าบอกนางแล้ว ให้นางไม่ต้องสนใจสิ่งใดหรือทําอะไร ในช่วงนี้ ตั้งใจช่วยตระเตรียมเรื่องแต่งงานให้เจ้าก็พอ วันที่สามยามกลับบ้านเดิมก็กลับมาหาข้า ที่นี่ กําหนดวันออกเดินทางแล้วข้าค่อยไปส่งเจ้าอีกครั้ง”
5424
ชุนหว่านพยักหน้าด้วยดวงตาแดงเรื่อ โจวเสาจิ่นกําชับนางว่า “อย่าลืมไปรํ่าลาพี่สาวด้วย”
ชุนหว่านขานรับเสียงสะอื้น ตั้งแต่จําความได้โจวเสาจิ่นก็อยู่กับชุนหว่าน แม้ในนามเป็นบ่าว แต่ความจริงเสมือน ญาติสนิท เห็นชุนหว่านโศกเศร้าเสียใจ นํ้าตาของนางก็ร่วงลงมาอย่างยากจะระงับ ทั้งสองคนร้องไห้ไปรอบหนึ่ง ชุนหว่านถึงจะไปเก็บข้าวของ เมื่อถึงเวลาที่ชุนหว่านออกเดินทาง ทั้งสองคนก็กอดกันร้องไห้อีกรอบ เฉิงฉือรีบหลอกล่อนางว่า “ระวังเด็กด้วย อย่าให้นางเกิดมาแล้วเป็นถุงนํ้าตาน้อยถุงหนึ่ง” โจวเสาจิ่นรีบหยุดร้อง
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็มาปรึกษานางว่า “เจินจูก็ถึงวัยออกเรือนแล้วเช่นกัน ข้าเห็นว่านางก็ ได้รับความโปรดปรานจากเจ้าไม่น้อย ไม่สู้รั้งนางเอาไว้ ถึงเวลาก็ให้เป็นภรรยาของพ่อบ้านคน หนึ่งให้เจ้า จะได้ช่วยกันทํางานกับปี้อวี้”
โจวเสาจิ่นประหลาดใจเล็กน้อย
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวยิ้มๆ ว่า “สําหรับสาวใช้ใหญ่สี่คนที่เดิมอยู่ในเรือนของข้า เฝ่ยชุ่ยกับ ปี้อวี้มีความรู้ความสามารถที่สุด แต่ข้าเห็นว่าเจ้าดูเหมือนไม่ค่อยชอบใจเฝ่ยชุ่ยนัก จึงตัดสินใจทิ้ง นางไว้ที่จินหลิง…”
เวลานี้โจวเสาจิ่นถึงได้เข้าใจความหมายของฮูหยินผู้เฒ่ากัว นางเหงื่อตกด้วยความกระดากอย่างอดไม่ได้ เอ่ยว่า “ข้าเชื่อฟังท่านเจ้าค่ะ”
5425
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจึงกล่าวยิ้มๆ ว่า “เช่นนั้นก็รั้งหมาเหน่าไว้ด้วยแล้วกัน” จากนั้นก็ดึงโจวเสา จิ่นไปช่วยเลือกสามีให้สาวใช้ทั้งสองอย่างกระตือรือร้น
ทั้งต้องการคนนิสัยดีและหน้าตาดี อีกทั้งต้องเป็นลูกหลานของบ่าวไพร่ตระกูลเฉิง ทั้งสอง คนเลือกเฟ้นกว่าครึ่งค่อนวันก็ยังตัดสินใจเลือกคนไม่ได้ พวกนางจึงลากปี้อวี้มาดูด้วยกัน
ยุ่งวุ่นวายเช่นนี้จนสิ้นเดือน ตระกูลของเผิงเฉิงป๋ อส่งเทียบเชิญโจวเสาจิ่นไปชมดอกไม้ที่ จวนในวันที่ห้าเดือนห้า โจวเสาจิ่นถึงจะจําเรื่องนี้ได้
นางรู้สึกร้อนใจจนเดินวนไปมาอย่างอดไม่ได้
เรื่องที่ให้ฮูหยินเผิงเฉิงพานางออกไปร่วมงานสังสรรค์เป็นนางเองที่ชวน เฉิงฉือให้นางไป ชมการแข่งเรือมังกรเป็นเพื่อนเขาก็เป็นนางที่พยักหน้ารับ…นางไม่รู้จะทําอย่างไรดี เมื่อเห็นว่าวัน ใกล้เข้ามาขึ้นทุกที นางได้แต่ไปหาเฉิงฉือเพื่อหาทางช่วย
เฉิงฉือประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เอ่ยถามว่า “เหตุใดเจ้าจึงคิดจะไปฉลองเทศกาลวันไหว้ บ๊ะจ่างกับฮูหยินเผิงเฉิงเล่า”
โจวเสาจิ่นกลัวเฉิงฉือโกรธ จึงเล่าแผนของตนให้ฟังเสียงแผ่วเบา
เฉิงฉือหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ กอดนางในอ้อมอกพลางลูบหลังนางเบาๆ กล่าวอย่าง อารมณ์ดีว่า “ข้าบอกว่างานสังสรรค์ข้างนอกหากเจ้าอยากไปก็ไป ไม่อยากไปก็ไม่ต้องไป เจ้าดูฮู หยินซ่งสิ ก็มิได้ออกไปร่วมงานสังสรรค์มิใช่หรือ ข่าวลือเช่นนี้ก็มีทุกวัน มีแต่คนในข่าวที่จะใส่ใจ หากเจ้าไม่สนใจมัน มันก็จะถูกข่าวลือใหม่แทนที่ในพริบตา… ในวันเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างเจ้าไปชม การแข่งเรือมังกรกับข้าเถอะ ทางด้านฮูหยินเผิงเฉิง เจ้าส่งคนนําความไปแจ้งนาง บอกว่ามีแขกใน บ้าน เจ้าไปไม่ได้แล้ว ข้านัดกู้จิ่วเนี่ยสามีภรรยากับหยวนเปี๋ยอวิ๋นสามีภรรยาและยังมีครอบครัว
5426
ของสหายร่วมงานสองสามคนจากที่ทําการมาเป็นแขกในบ้าน เมื่อถึงวันนั้นพวกเราไปชมการ แข่งขันเรือมังกรด้วยกัน”
โจวเสาจิ่นพยักหน้ารัวๆ ราวกับลูกไก่จิกข้าวอย่างไรอย่างนั้น
ฮูหยินเผิงเฉิงส่งจดหมายตอบในทันทีบอกว่า “ทราบแล้วๆ” ซํ้ายังเขียนหยอกเย้านางว่า “วันไหนเฉิงฉือไม่ได้อาบนํ้าเจ้าก็มาเที่ยวเล่นแล้วกัน”
โจวเสาจิ่นได้แต่แสร้งทําเป็นไม่เห็น ตั้งใจตระเตรียมงานเลี้ยงที่เชิญสหายร่วมงานและ สหายสนิทของเฉิงฉือ
สหายร่วมงานของเฉิงฉือล้วนอายุมากกว่าเฉิงฉือ อีกทั้งโจวเสาจิ่นยังอายุน้อย จึงมิได้ พาฮูหยินมาด้วย กลับเป็นสะใภ้สามฮูหยินของหยวนเปี๋ยอวิ๋นที่พาบุตรชายทั้งสามคนมา คนโต อายุสิบสองขวบ คนเล็กอายุหกขวบ แต่ละคนมีคิ้วกระบี่และดวงตาสุกใสดุจดั่งดวงดารา ยืนเรียง แถวทําความเคารพฮูหยินผู้เฒ่ากัว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวรู้สึกยินดีปรีดาจนพยักหน้าไม่หยุด ซักถามถึง การบ้านและชีวิตประจําวันของเด็กๆ อย่างละเอียด
อวิ้นเกอเอ๋อร์เป็นเด็กที่ไม่อายคนแปลกหน้า ลงจากอ้อมแขนของแม่นมแล้ววิ่งเตาะแตะ ไปยืนข้างบุตรคนสุดท้องของหยวนเปี๋ยอวิ๋น ยืนเรียงจากสูงไปตํ่า คนที่ไม่รู้คงจะคิดว่าอวิ้นเกอ เอ๋อร์เป็นบุตรชายของหยวนเปี๋ยอวิ๋นเสียแล้ว
คนทั้งห้องต่างหัวเราะลั่น
ด้วยเหตุนี้เพียงไม่นานเด็กทั้งสามคนก็สนิทสนมกับอวิ้นเกอเอ๋อร์แล้ว
สะใภ้สามตระกูลหยวนเห็นแล้วก็หลุดหัวเราะพลางกล่าวว่า “น่าเสียดายที่เป็นเด็กผู้ชาย ไม่เช่นนั้นจะให้เป็นลูกสะใภ้ของข้า”
5427
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะร่า กล่าวล้อเล่นครึ่งหนึ่งว่า “หากครรภ์นี้ของเสาจิ่นเป็นลูกสาวก็ ให้ไปเป็นสะใภ้ให้เจ้า”
“เช่นนั้นข้าต้องขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าแล้วเจ้าค่ะ” สะใภ้สามตระกูลหยวนโอบกอดอวิ้นเกอ เอ๋อร์ในอ้อมอก เอ่ยเย้าแหย่เขายิ้มๆ ว่า “ไปเล่นที่บ้านของลุงหยวนดีหรือไม่ เจ้าดูสิ มีพี่ชาย มากมายขนาดนี้!”
อวิ้นเกอเอ๋อร์ขานรับเสียงดังว่า “ขอรับ” แล้วยังเอ่ยถามว่า “พวกพี่ชายต้องเล่นซ่อนหา เป็นเพื่อนข้าด้วยนะขอรับ”
สะใภ้สามตระกูลหยวนจึงคลี่ยิ้มพลางกล่าวกับบุตรชายทั้งสามคนว่า “ได้ยินหรือไม่”
บุตรทั้งสามคนไม่รู้ว่าเหมือนผู้ใด ต่างมิได้มีนิสัยที่ร่าเริงสดใสเป็นพิเศษ ขานรับอย่าง นอบน้อม แล้วไปเล่นในลานบ้านเป็นเพื่อนอวิ้นเกอเอ๋อร์
อวิ้นเกอเอ๋อร์เล่นจนเบิกบานใจยิ่ง เฉิงฉือและคนอื่นๆ ก็ดื่มจนสําราญใจเหลือหลาย ตก บ่ายก็ไปชมการแข่งขันเรือมังกรที่ซีย่วน ตอนกลางคืนไปกินอาหารเจที่วัดต้าเซียงกั๋ว หลังจาก แยกย้ายกันยังอยากจะพาอวิ้นเกอเอ๋อร์กับโจวเสาจิ่นไปชมโคมไฟเสียด้วยซํ้า
หากมิใช่เพราะกลางทางอวิ้นเกอเอ๋อร์ผล็อยหลับไป เฉิงฉือก็คงลากโจวเสาจิ่นแม่ลูกไป ถนนจูเชวี่ยแล้วจริงๆ
โจวเสาจิ่นไม่เคยเห็นเฉิงฉืออารมณ์ดีเท่าวันนี้มาก่อน หลังกลับไปแล้วพาอวิ้นเกอเอ๋อร์ เข้านอนเป็นที่เรียบร้อย ก็ตักนํ้ามาปรนนิบัติเฉิงฉือล้างเท้า พลางอดถามเขาไม่ได้ขึ้นว่า “หรือว่า เกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าคะ”