ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 587 สองหน้า
เฉิงฉือระบายยิ้มพลางประทับจูบบนหน้าผากของนาง เอ่ยว่า “เป็นไปได้ว่าองค์ฮ่องเต้จะ ทรงให้องค์ชายสี่ไปเป็นเจ้าผู้ครองแคว้น”
ฮ่องเต้ทรงมีพระโอรสทั้งหมดสิบสามพระองค์ มีแปดพระองค์ที่ทรงเจริญวัยจนเป็ น ผู้ใหญ่ มีหกพระองค์ที่ได้รับบรรดาศักดิ์เป็นอ๋อง แต่ทุกพระองค์ล้วนประทับอยู่ที่จิงเฉิง หลายปี ก่อนกรมตรวจตราก็ได้ถวายฎีกาทูลให้องค์ชายหลายพระองค์ไปปกครองแว่นแคว้น แต่ฮ่องเต้ กลับมิได้เก็บมาใส่พระทัยมาโดยตลอด บวกกับตําแหน่งรัชทายาทก็ทรงแต่งตั้งเอาไว้นานแล้ว เรื่องนี้จึงจบด้วยการทําอะไรมิได้
บัดนี้ฮ่องเต้ทรงให้องค์ชายสี่ไปเป็นเจ้าผู้ครองแคว้น กล่าวอีกนัยได้ว่า องค์ชายสี่จะทรง ประทับอยู่ห่างไกลจากจิงเฉิง ไม่มีโอกาสสืบทอดราชบัลลังก์อีกต่อไปแล้ว
โจวเสาจิ่นรู้สึกยินดีอย่างยากจะระงับ เอ่ยถามว่า “นับแต่นี้ไปตระกูลเฉิงก็จะปลอดภัย แล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“ครึ่งหนึ่ง” เฉิงฉือตอบ “หากพระองค์ทรงมีพระทัยจริงๆ ล่ะก็ ต่อให้ไปเป็นเจ้าผู้ครอง แคว้นแล้วก็ยังก่อกบฏได้
โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “ถึงกระนั้น พระองค์ก็คงมิอาจทําสําเร็จได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น กระมังเจ้าคะ”
“ไม่ผิด!” เฉิงฉือมองนางยิ้มร่าจนตาหยี อารมณ์ก็ดียิ่งขึ้น กล่าวอีกว่า “ไม่อยู่จิงเฉิงแล้ว หลายๆ เรื่องหากพระองค์ทรงทําอีกก็ไม่เหมาะสมแล้ว ถึงตอนนั้นพวกเราค่อยจุดไฟให้พระองค์ สักสองสามครั้ง หากมิได้คิดก่อกบฏ ชีวิตนี้ก็อย่าได้คิดจะเหยียบย่างในจิงเฉิงแม้อีกก้าวเดียว” กล่าวถึงตรงนี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา
5429
โจวเสาจิ่นรู้ว่าเฉิงฉือพูดอย่างไรก็ทําอย่างนั้น อดกุมมือของเขาอย่างประหม่าเล็กน้อย ไม่ได้ พลางกล่าวว่า “เช่นนั้นท่านก็ระวังตัวด้วย อย่าให้คนจับได้นะเจ้าคะ”
การ ‘เล่น’ กับบรรดาราชนิกุลในฝ่ ามือเช่นนี้ ครั้นถูกผู้อื่นเคลือบแคลงสงสัย ไม่ว่าโอรส พระองค์ใดจะเถลิงบัลลังก์สูงสุดนั้นก็จะไม่ปล่อยเฉิงฉือหรือตระกูลเฉิงไปอย่างแน่นอน
“ข้ารู้” เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ “ประเดี๋ยวส่งองค์ชายสี่ไปแล้ว พรรคเจ็ดดาราก็จะส่งมอบให้ พรรคจินซาอย่างเป็นทางการ ถึงตอนนั้นในยุทธภพก็จะไม่มีพรรคเจ็ดดาราพรรคนี้อีกแล้ว” ขณะที่ เขากล่าว เสียงก็ชะงักเล็กน้อย แล้วกล่าวว่า “ต่อไปลูกหลานของพวกเราก็อาจจะหลุดพ้นจาก เรื่องถูกผิดเหล่านี้ได้ แต่เรื่องอาหารเครื่องนุ่งห่มนี้เกรงว่าก็คงไม่มีมากมายเหลือเฟื อเท่าเมื่อก่อน แล้ว”
โจวเสาจิ่นก็ขบคิดใคร่ครวญแล้วก็กล่าวยิ้มๆ ว่า “ในโลกนี้ ผู้มีคุณธรรมเท่านั้นที่ดํารงอยู่ เป็นไปไม่ได้ที่จะครอบครองทุกสิ่ง ถือครองทุกอย่าง นอกจากนี้พรรคเจ็ดดาราก็หาได้เป็นพรรคที่ บรรพชนตระกูลเฉิงส่งทอดมาให้ตั้งแต่กาลก่อนไม่ แต่เป็นจื้อกงท่านก่อตั้งขึ้น เห็นได้ว่าหากบุตร หลานมีความสามารถ ย่อมจะมีชื่อจารึกในประวัติศาสตร์ มีชีวิตที่สุขสําราญ หากบุตรหลานไร้ซึ่ง ความสามารถ ก็ได้แต่เป็นเหมือนเฉิงลี่ของจวนรองเช่นนั้น มีจุดจบโดยที่ตกตายตั้งแต่อายุน้อย มิ สู้ให้พวกเขามีถ้วยใหญ่เพียงใดก็กินข้าวเพียงนั้น ตนไปไขว่คว้าอนาคตตนเองไปเสียยังจะดีกว่า นะเจ้าคะ”
สายตาที่เฉิงฉือมองโจวเสาจิ่นก็เคร่งขรึมและเคารพเล็กน้อย
โจวเสาจิ่นอดรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยไม่ได้ เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “หรือว่าข้าพูดผิดเจ้า คะ” แล้วกล่าวอีกว่า “ข้าเพียงนึกถึงคําพูดที่ฝานมามาบอกข้าตอนเป็นเด็กว่า ‘สตรีดีไม่สวม อาภรณ์สมัยแต่งงาน บุรุษดีไม่กินข้าวของพ่อแม่’ คนเราเมื่อโตขึ้นแล้ว จําต้องไปสร้างเนื้อสร้างตัว ด้วยตนเอง ดีกว่าให้เขาใช้กองภูเขาเงินภูเขาทองในบ้าน…”
5430
เฉิงฉือระบายยิ้มออกมา บีบคางของโจวเสาจิ่นอย่างรักใคร่พลางกล่าวด้วยเสียงอบอุ่น ว่า “ข้านึกไม่ถึงว่าแม่นางน้อยของข้าจะมีความคิดหลักแหลม คิดเหมือนกับข้า ดังคํากล่าวที่ว่า สามสิบปีฝั่งแม่นํ้าตะวันออก สามสิบปีฝั่งแม่นํ้าตะวันตก ในโลกนี้มีสามัญชนมากมาย บุตรหลาน จะเป็นเช่นไร แทนที่จะอาศัยมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ มิสู้ไปไขว่คว้าด้วยตนเองเสียยังจะ ดีกว่า”
เช่นนั้นมิเท่ากับว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์ก็ต้องไปไขว่คว้าด้วยตนเองหรอกหรือ
โจวเสาจิ่นครุ่นคิดแล้วรู้สึกปวดใจ มือลูบหน้าท้องที่นูนขึ้นเล็กน้อยของตนเบาๆ อย่างอด ไม่ได้
“ทําไมหรือ” เฉิงฉือเห็นแล้วก็เอ่ยถามอย่างเคร่งเครียด “ไม่สบายตรงไหนหรือไม่”
โจวเสาจิ่นส่ายศีรษะเบาๆ คิดว่าตนเข้าใจความจริงนี้ดีแก่ใจทว่าพอถึงคราวของอวิ้นเกอ เอ๋อร์แล้วกลับมิอาจปล่อยวางไปได้ เห็นได้ว่าคําพูดที่ว่า ‘ความรักของแม่ที่มากเกินไปทําลาย บุตร’ ประโยคนี้มีเหตุผลจริงๆ
นางนึกถึงฮูหยินผู้เฒ่ากัว
เลี้ยงดูบุตรชายสามคนจนสอบได้ยศจิ้นซื่อทั้งหมดได้ หากมิได้เป็นแม่คน ก็คงไม่เข้า ใจความยากลําบากในนั้นจริงๆ
นางปรึกษาเฉิงฉือว่า “ต่อไปเรื่องเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกพวกเราไปขอคําแนะนําจากท่านแม่ ให้มากสักหน่อยดีหรือไม่เจ้าคะ”
เฉิงฉือเข้าใจความกังวลของนางในทันที กล่าวยิ้มๆ ว่า “ขอเพียงเจ้าเต็มใจ ข้าก็จะมอบ ลูกให้ท่านแม่ช่วยดู”
5431
“ข้าเต็มใจ!” โจวเสาจิ่นกัดฟัดตอบ “มิอาจเพียงเพราะเห็นใจบุตรแต่กลับทําร้ายพวกเขา เจ้าค่ะ”
เฉิงฉือหัวเราะร่า
คิดว่าไม่มีเด็กสาวคนใดที่อ่อนโยนและรู้ความเท่าแม่นางน้อยของเขาอีกแล้ว
สิ่งที่หาได้ยากที่สุดคือนางรู้ว่าตนทําอะไรได้และทําอะไรไม่ได้ เรื่องที่ทําได้จะไม่ปัด ออกไป ส่วนเรื่องที่ทําไม่ได้ก็จะไม่รับมา
หรือเพราะเหตุนี้กันแน่ แม้พวกเขาแต่งงานมาสามสี่ปีแล้ว แต่แววตาของนางกลับยังคง กระจ่างสุกใสเช่นนั้น
เฉิงฉือโอบกอดโจวเสาจิ่นในอ้อมอก จุมพิตบนกระหม่อมของนางทีหนึ่ง พลางกระซิบว่า “ประเดี๋ยวเจ้าคลอดลูกแล้ว หากข้าหาเวลาว่างมาได้จะไปเขาผู่ถัวเป็นเพื่อนเจ้าดีหรือไม่!”
“จริงหรือเจ้าคะ” โจวเสาจิ่นมองเฉิงฉืออย่างประหลาดใจ “ทําไมท่านถึงรู้ว่าข้าอยากจะไป เขาผู่ถัวอีกครั้ง” นางปกปิดสีหน้าลิงโลดเอาไว้ไม่อยู่ “ท่านไปได้หรือ” เฉิงฉือมิได้เป็นคนที่ว่างมาก เช่นแต่ก่อน สีหน้าของนางมืดมนลงทันที เอ่ยว่า “หากท่านยุ่ง ไม่ต้องไปเป็นเพื่อนข้าก็ได้ ข้าไปกับ พี่สาวได้ ครั้งนั้นพี่สาวก็อิจฉาข้ามาก…”
เพียงออกไปท่องเที่ยวข้างนอกก็ทําให้นางดีใจได้ถึงเพียงนี้
ความเห็นใจสายหนึ่งวาบผ่านในใจเฉิงฉือ เขาคลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า “ข้าหาเวลามาได้ เสมอ เพียงแต่ต้องรอให้เจ้าตัวน้อยโตขึ้นสักหน่อย นอกจากนี้ต้องทิ้งพวกเขาสองคนไว้ที่บ้าน พวกเขาอายุน้อยเกินไป รอให้อวิ้นเกอเอ๋อร์โตขึ้นสักหน่อย ก็ให้เขาไปเที่ยวเป็นเพื่อนเจ้าอีก…” นางไม่สนใจไปที่อื่นเท่าใดนัก เช่นนั้นก็ให้นางไปทําในสิ่งที่นางสนใจดีกว่า
5432
โจวเสาจิ่นมักจะคิดว่าตนย้อนกลับมาเกิดใหม่ได้ เป็นเพราะชาติที่แล้วสักการบูชาองค์ พระโพธิสัตว์ ดังนั้นชีวิตนี้จึงเลื่อมใสศรัทธายิ่งขึ้น การไปสักการะพระพุทธองค์ที่เขาผู่ถัว ในความคิดของนางก็เป็นบุญกุศลอย่างหนึ่ง แต่เรื่องที่เฉิงฉือก็ไปเป็นเพื่อนนางด้วย คงต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากกระมัง ไม่สู้รอให้อวิ้นเกอเอ๋อร์โตขึ้นสักหน่อยแล้วไปเป็นเพื่อนนางดีกว่า เวลานั้นก็พาเจ้าตัวน้อยไปด้วยได้แล้ว โจวเสาจิ่นตัดสินใจแล้ว แต่เรื่องที่เฉิงฉือเอ่ยออกมาว่าไปเขาผู่ถัวเป็นเพื่อนนางได้ยังคง ทําให้รู้สึกซาบซึ้งใจดุจเดียวกัน นางพยักหน้าพลางยิ้มตาหยี ตัดสินใจว่าถึงเวลานั้นค่อยว่ากันอีกที ต้องรอจนถึงฤดูหนาวเจ้าตัวน้อยจึงจะเกิดนะ! อย่างไรก็ต้องรอให้นางครบปีก่อนตนจึงจะเดินทางได้กระมัง โจวเสาจิ่นตัดสินใจบอกเรื่องนี้ให้โจวชูจิ่นทราบก่อน ทุกคนล้วนต้องเตรียมการไว้ ล่วงหน้า เพียงแต่ไม่ทันที่นางจะส่งคนไปเชิญโจวชูจิ่นมา ก็มีคนส่งเทียบมาเยี่ยมเสียแล้ว
โจวเสาจิ่นหยิบเทียบมาดูกลับไปกลับมา พอมั่นใจว่าตนมิได้ดูผิดอย่างแน่นอน จึงได้ ถามซางมามาว่า “ทําไมนางถึงมาเยี่ยมข้า มิใช่ว่าควรจะไปเยี่ยมฮูหยินผู้เฒ่าหรอกหรือ”
ซางมามายํ้าเตือนนางอย่างมีนัยแฝงว่า “เมื่อก่อนนางเข้าหาทางฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้ ตอนนี้ พวกเราแยกตระกูลกับซอยจิ่วหรูแล้ว นางจึงยิ่งเข้าหาทางฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้เข้าไปใหญ่ ได้แต่ หยิบยืมชื่อของนายหญิงผู้เฒ่ากวนมาลองเข้าหาท่านที่นี่เจ้าค่ะ” จากนั้นก็แนะนํานางว่า “ในเมื่อฮู
5433
หยินอู๋มาเยี่ยมท่าน เห็นได้ว่าเห็นด้วยกับเรื่องที่สะใภ้ใหญ่นั่วรั้งอยู่บ้านเดิมปรนนิบัติแม่สามีที่ จินหลิงเป็นอย่างมาก ข้าคิดว่าท่านควรจะพบนาง สะใภ้ใหญ่นั่วไม่มีคนจากบ้านเดิมสนับสนุน หากปรารถนาจะออกจากซอยจิ่วหรู ก็เว้นเสียแต่ฮูหยินใหญ่เวิ่นจะป่วยตายเท่านั้น” ทั้งกล่าวอีก ว่า “ข้าก็รู้ดีว่านิสัยของฮูหยินนั้นตรงไปตรงมา บางทีอาจจะไม่ชอบคบหานาง ความจริงแล้วท่าน ก็ไม่จําเป็นต้องไปมาหาสู่กับนางบ่อยๆ หรอก เพื่อสะใภ้ใหญ่นั่วผู้นี้ก็ไม่คุ้มค่าสักเท่าใด ขอเพียง นางส่งของขวัญมาให้แล้วท่านมิได้คืนของกลับไป ให้นางรู้ว่าท่านมิได้พานโกรธตระกูลอู่เหตุ เพราะสะใภ้ใหญ่นั่วก็ได้แล้วเจ้าค่ะ”
โจวเสาจิ่นเอ่ยว่า “ใต้เท้าอู๋เป็นเจ้าเมืองยศขั้นสี่…อ้อ…ตอนนี้เขาได้เลื่อนขั้นเป็นรองผู้ช่วย ผู้ว่าการมณฑลยศขั้นสามแล้ว”
ฮูหยินอู๋มาเยี่ยมนางในครั้งนี้ ก็เป็นเพราะอู๋ซิ่วบิดาของอู๋เป่าจางได้เลื่อนตําแหน่งขึ้นเป็น รองผู้ช่วยผู้ว่าการมณฑลฝ่ายซ้ายที่เหลียงหู
หากฮูหยินถ่อมตัวต่อหน้าหยวนซื่อเช่นนี้ก็เป็นที่ยอมรับได้ แต่ต่อหน้านางเช่นนี้… ค่อนข้างทําเกินไปสักหน่อยหรือไม่กันนะ
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เฉิงจิงเกิดเรื่องขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างหยวนซื่อกับตระกูลหยวนก็ ร่วงลงมาจนถึงจุดเยือกแข็ง ก่อนเทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่างก็มาทําความเคารพฮูหยินผู้เฒ่ากัวด้วยสี หน้าซีดเซียวจนทําให้คนตกใจ ท่าทางก็ดูห่อเหี่ยวเป็นอย่างยิ่ง ทุกคนล้วนแสร้งทําเป็นไม่รู้ว่าเกิด เรื่องอะไรขึ้น มิได้เอ่ยถึงเรื่องของเฉิงจิงแม้แต่น้อย เพียงไถ่ถามถึงสุขภาพของนางอย่างเป็นห่วง ว่าเป็นอย่างไร ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเห็นท่าทางของนางนี้ ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าใดนัก ให้นางพักฟื้น ตัวอยู่ที่บ้านหากไม่สบาย ในวันเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างก็ไม่ต้องมาคารวะแล้ว
5434
เป็นไปได้ว่าหยวนซื่อไม่มีใจเข้าร่วมงานสังสรรค์จริงๆ ในเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างวันนั้นเฉิงจิง ก็มาคนเดียว กล่าวขอโทษฮูหยินผู้เฒ่ากัว บอกว่าหยวนซื่อไม่สบายมาก นอนพักอยู่ที่บ้าน โจว เสาจิ่น ชิวซื่อและคนอื่นๆ ยังไปเยี่ยมนางอีกด้วย
พวกสาวใช้เด็กต้มยาให้นางใต้ชายคา หยวนซื่อผอมลงจากเดิมมาก ดูท่าทางนั้นก็ป่ วย จริงแล้ว
ยิ่งกว่านั้นฟังจากนํ้าเสียงของเฉิงจิง หยวนซื่อยังไม่ให้คนไปบอกเฉิงสวี่อีกด้วย ในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ฮูหยินอู๋อยากไปหาหยวนซื่อก็พบนางไม่ได้ เมื่อคิดได้เช่นนี้ โจวเสาจิ่นก็เลิกคิดมากไปเสียเลย นางเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็เชิญฮูหยินอู๋เข้ามาเถอะ!” ไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนก็ดีหรือชีวิตนี้ก็ช่าง ผู้ที่ทําไม่ดีกับนางคืออู๋เป่าจาง เมื่อก่อนนางยังเคืองแค้นอู๋เป่าจาง
ทว่านางเดินไปทีละก้าวจนมาถึงวันนี้ เมื่อหันกลับไปดูอู๋เป่ าจางอีกที คนผู้นี้ก็ทําให้นาง เมินเฉยไม่แยแสได้แล้ว
ถ้าหากฮูหยินอู๋กลัวว่าตระกูลอู่จะโดนร่างแหของอู๋เป่ าจาง เช่นนั้นก็แก้ปมนี้ไปเสียแล้ว กัน
นับแต่นี้ไปตระกูลอู๋ก็คือตระกูลอู๋ ส่วนนางก็คือนาง ส่วนเรื่องของขวัญเทศกาลอะไรนั้น…ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องคบหากันอย่างสิ้นเชิงไปเลยจะ ดีกว่า โจวเสาจิ่นต้อนรับฮูหยินอู๋อย่างสุภาพอ่อนน้อม
5435
ฮูหยินอู๋มิได้เอ่ยถึงความสัมพันธ์ในอดีตระหว่างสองตระกูลแม้แต่น้อย เพียงกล่าวว่าใต้ เท้าอู๋ออกจากจินหลิงแล้ว ก็นึกถึงตระกูลเฉิงที่ดูแลใต้เท้าอู๋ในกาลก่อน พวกเขาสองสามีภรรยาจึง อยากมากล่าวขอบคุณสักครั้ง เหลียงหูอยู่ห่างไกลจากที่นี่กว่าพันหลี่ หลังจากพบกันครั้งนี้ ก็ไม่รู้ ว่าต่อไปจะได้พบกันใหม่เมื่อใด อู๋เป่ าหวากับอู๋เป่ าจือคุณหนูทั้งสองของตระกูลอู๋ต่างออกเรือน และมีคู่หมั้นกันแล้ว สามีล้วนเป็นคนหยางโจว ในภายหน้าก็ยากจะกลับจินหลิงอีก อู๋ไท่เฉิงพี่ชาย ร่วมอุทรของอู๋เป่ าจางแม้ว่าเสเพลไม่เอาไหน แต่สุดท้ายก็เป็นบุตรชายของใต้เท้าอู๋ ไปเหลียงหู ครั้งนี้ก็จะพาเขาไปด้วย
ทั้งยังเอ่ยถึงอนุที่อยู่ข้างนอกของเฉิงนั่วว่าคลอดบุตรชายคนหนึ่ง ช่วงก่อนเขียนจดหมาย กลับไปอยากจะบันทึกชื่อในระเบียนให้บุตรชาย แต่ถูกท่านผู้นําตระกูลของจวนรองปฏิเสธ กลับมา เจิ้งซื่อสะใภ้ใหญ่สือของจวนรองยังไปที่จวนตระกูลอู๋เป็นการเฉพาะ แต่ใต้เท้าอู๋คิดว่านี่ เป็นเรื่องของตระกูลเฉิง พวกเขาสอดมือเข้าไปยุ่งไม่ได้
ความหมายก็คือ ตระกูลอู๋เป็นไปได้ว่าจะไม่ยุ่งกับอู๋เป่าจางแล้ว
โจวเสาจิ่นแสร้งทําเหมือนไม่เข้าใจและมิได้ตอบกลับไป เพียงถามว่าอู๋เป่าหวาออกเรือน เป็นอย่างไร อู๋เป่าจือหมั้นกับตระกูลเช่นไร ใต้เท้าอู๋ออกเดินทางไปหูก่วงเมื่อใด บอกว่าใต้เท้าอู๋ได้ เลื่อนขั้นเป็นผู้ช่วยผู้ว่าการมณฑลเร็วขนาดนี้ ตําแหน่งผู้ว่าการมณฑลก็คงอยู่ไม่ไกลเอื้อมแล้ว จากนั้นก็แสดงความยินดีที่ใต้เท้าอู๋ของพวกเขาได้เลื่อนขั้น… ตอนที่ฮูหยินอู๋กลับไป โจวเสาจิ่ นยังมอบคฑาหรูอี้ทองคําฝังหยกเป็นของขวัญตอบแทนอีกด้วย
ฮูหยินอู๋ก็กลับไปอย่างยินดีปรีดา ทว่าโจวเสาจิ่นกลับถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ อู๋เป่าจาง…ยังไม่สู้ชาติก่อนของตน ชาติก่อนของตนตกตํ่าถึงเพียงนั้น แต่ญาติสนิทกลับไม่เคยทอดทิ้งตนมาโดยตลอด
5436
นางเพียงมิได้ขอความโปรดปรานจากตระกูลสามี ทว่าญาติๆ ของนางกลับปฏิบัติต่อนาง เสมือนหลีกเลี่ยงงูกับแมงป่องอย่างไรอย่างนั้น
ครั้งนี้โจวเสาจิ่นเลิกสนใจอู๋เป่ าจางอย่างสิ้นเชิง เขียนเทียบนัดสตรีจากจวนเผิงเฉิงป๋ อ กับเฉิงเซียวและคนอื่นๆ ไปชมพระอาจารย์ทั้งหลายตากพระธรรมที่วัดในวันที่หกเดือนหก