ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 588 เพลงสลับฉาก
แม้จะกล่าวว่าไปดูการตากพระธรรม แต่ความจริงคือไปเที่ยววัด
ไม่ว่าจะเป็นบรรดาสตรีของจวนเผิงเฉิงป๋ อหรือเฉิงเซียวและคนอื่นๆ ต่างตอบตกลงด้วย ความยินดี โดยเฉพาะเฉิงเซียว เรื่องของเฉิงจิงผ่านไปแล้ว ตระกูลเฉิงกับตระกูลหยวนสองตระกูล ดูเหมือนไม่เป็นไรแล้ว ทั้งยังฟื้นคืนรอยยิ้มยินดีจากเก่าก่อน แต่ใครๆ ก็รู้ว่า นี่เป็นเพียงความสงบ ผิวเผินเท่านั้น หากวันใดเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา อาจจะบดขยี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลจน กลายเป็นผุยผงก็เป็นได้ คําพูดและการกระทําล้วนแฝงการสร้างภาพสงบสุขอยู่เล็กน้อย เพียงแต่ นี่เป็นบ้านสามีของนาง เป็นสถานที่ที่นางจะใช้ครึ่งชีวิตหลัง หากต้องทนทุกข์เพียงใดก็ต้องทน ทุกข์เพียงนั้น
เทียบเชิญของโจวเสาจิ่นจึงเป็นข้ออ้างออกไปปลดปล่อยอารมณ์ข้างนอกให้นางพอดี
ทุกคนหารือกันอย่างเบิกบานว่าจะไปดูการตากพระธรรมที่วัดใด
ในวังมีพระราชโองการให้องค์ชายสี่เสด็จไปครองเขตที่ซิ่นหยาง ฮ่องเต้ทรงเชิญสํานักโหร หลวงมาดูวัน วันที่สองเดือนหกเป็นวันฤกษ์ดี ให้องค์ชายสี่เสด็จไปวันนั้น
คํานวณวันทั้งหมดดูแล้วก็เพียงยี่สิบวันเท่านั้น แต่องค์ชายสี่ทรงแยกตําหนักออกมาสิบ กว่าปีแล้ว สิ่งของมากมายถึงเพียงนั้น ในเวลาสั้นๆ เพียงยี่สิบกว่าวันจะเก็บหมดได้อย่างไร
องค์ชายสี่ทรงเชิญคนไปร้องทูลฮ่องเต้ ประสงค์ให้ผ่านกลางเดือนเจ็ดก่อนแล้วจึงจะ เสด็จไป แต่ถูกฮ่องเต้ปฏิเสธกลับมา นอกจากนี้ยังทรงให้หานติงหัวหน้าหน่วยราชองครักษ์ส่งคน ไปช่วยตําหนักขององค์ชายสี่เก็บสัมภาระอีกด้วย
แต่ไหนเลยหานติงจะกล้าไปเร่งเร้าองค์ชายสี่เล่า
เขามาปรึกษาเฉิงเซ่าด้วยใจร้อนรุ่มดั่งเพลิงแผดเผา ถามเฉิงเซ่าว่ามีวิธีช่วยอะไรหรือไม่
5438
ตั้งแต่ทั้งสองคนทํางานร่วมกันในคดีของรัชทายาท ต่างคิดว่าอีกฝ่ ายเป็นคนที่พึ่งพาได้ ในยามปรกติแม้มิได้ไปมาหาสู่กัน แต่ยามมีเรื่องลําบากกลับคิดว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่เชื่อถือได้
เฉิงเซ่าได้ยินแล้วก็หัวเราะขึ้นมา กล่าวว่า “องค์ฮ่องเต้ทรงให้องค์ชายสี่ไปครองเขต เท่านั้น มิได้ทรงให้องค์ชายสี่ย้ายตําหนักเสียหน่อย ช่วงนี้พวกเจ้ารีบเก็บสิ่งของเครื่องใช้ใน ชีวิตประจําวันขององค์ชายสี่กับพระชายาก่อน รอจนเสด็จไปซิ่นหยางในวันที่สองเดือนหกก็ได้ แล้ว สําหรับสมบัติในตําหนักเหล่านั้น พวกเจ้าค่อยๆ ช่วยกันเก็บและปิดผนึกเอาไว้ก็พอแล้ว”
เช่นนี้ก็เหมาะสมสําหรับทั้งสองฝ่าย
หานติงได้ยินแล้วนัยน์ตาก็ลุกวาบ คลี่ยิ้มพลางกล่าวหยอกเย้าเฉิงเซ่าว่า “ยังคงเป็น บัณฑิตที่ฉลาดปราดเปรื่อง! พวกข้าผู้มาจากฝ่ายบู๊ยังคิดเช่นนี้ไม่ออกเลยจริงๆ นะขอรับ”
เฉิงเซ่าระบายยิ้มบางเบา
ฉางซื่อบอกให้สาวใช้ยกผลไม้กับของกินเล่นเข้ามา
หานติงจึงถามถึงฉางซื่อว่า “ฮูหยินสบายดีหรือไม่ขอรับ”
ฉางซื่อเคยรับใช้ในตําหนักเฉียนชิง ก็เคยพบเห็นหน้ากันมาก่อน
“สบายดี” เฉิงเซ่าตอบยิ้มๆ นึกถึงฉางซื่อที่นอกจากจะไปนั่งเล่นกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวที่ประตู ฉางหยางแล้ว ในวันธรรมดาก็มักจะอ่านหนังสือคัดอักษรอยู่ในบ้านหรือดูแลเหลนทั้งสอง ยากจะ มีที่อื่นให้ไป หลังจากส่งหานติงกลับไปแล้วเขาก็ไปหาฉางซื่อ
พอเห็นเฉิงเซ่า นางก็อดกล่าวไม่ได้ว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าคะ ผู้บัญชาการหานติงดื่มชา เพียงไม่กี่คําก็กลับไปแล้ว”
เฉิงเซ่าเล่าเรื่องขององค์ชายสี่ให้ฉางซื่อฟัง
5439
ฉางซื่อถอนหายใจพลางกล่าวว่า “ไม่รู้ว่าองค์ฮ่องเต้ทรงมีพระราชดําริอย่างไร หากว่า องค์ชายสี่ทรงเสด็จไปครองแคว้นเร็วกว่านี้สักหน่อย…” กล่าวถึงตรงนี้ สีหน้าของนางก็หวาดกลัว แล้วหยุดบทสนทนาในทันใด
เฉิงเซ่าใจกระตุก เอ่ยว่า “เรื่องขององค์รัชทายาท…เจ้าก็รู้ด้วยหรือ”
ฉางซื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดอยู่ข้างกาย ทั้งเฉิงเซ่ายังเป็นคนที่นางวางใจที่สุด นางก็อดไม่ได้กด เสียงลงกล่าวว่า “จะไม่รู้ได้อย่างไร เรื่องในวังมักจะพยายามปกปิดแต่ปกปิดไม่อยู่ หนําซํ้าข้ายัง รับใช้ในตําหนักเฉียนชิง อย่าว่าแต่เรื่องขององค์รัชทายาทเลย แม้แต่เรื่องของไต้ซื่อผู้นั้น พวกข้าก็ รู้มานานแล้ว แน่นอนว่าหากมิใช่เพราะองค์ชายสี่เอ่ยชมไต้ซื่อผู้นั้นต่อหน้าไทเฮา ไต้ซื่อก็จะถูกยก ให้แก่องค์ชายเจ็ดตั้งแต่แรกแล้ว จะเกิดคดีมีเงื่อนงํานี้ได้อย่างไรกันเจ้าคะ”
เฉิงเซ่าคลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า “เป็นข้าที่โง่เขลาเสียแล้ว”
ฉางซื่อรู้สึกขัดเขินพลางกล่าวว่า “นายท่านมิได้โง่เขลาหรอก แต่เป็นในวังที่มีเรื่องโสมม มากเกินไปต่างหาก ท่านเพียงนึกไม่ถึงเท่านั้นเจ้าค่ะ”
เฉิงเซ่าครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยว่า “เช่นนั้นเจ้าออกวังมาได้อย่างราบรื่นก็ไม่ง่ายดายแล้ว”
สีหน้าของเขาจริงจังและเคารพยิ่ง ฟังแล้วสัมผัสถึงคําพูดที่มาจากใจ
ฉางซื่อนัยน์ตาดูคลุมเครือเล็กน้อย พึมพําว่า “มีอะไรที่ไม่ง่ายดายบ้างเจ้าคะ! เพียงแค่ เป็นเส้นทางชีวิตที่ต้องดิ้นรนเส้นหนึ่งเท่านั้น”
เฉิงเซ่าพยักหน้า
นึกถึงความทรงจําที่เกรงว่าคงมิได้ดีอะไรเหล่านั้น และนึกถึงวัตถุประสงค์ที่ตนมาหานาง ก็เปลี่ยนบทสนทนา กล่าวว่า “ปรกติข้ามักจะอยู่ที่สํานักฮั่นหลิน บางครั้งเวลาที่มีวันหยุดก็มักจะ ถูกองค์ฮ่องเต้เรียกไปเข้าวัง เจ้าคนเดียวพาเด็กทั้งสองมาที่บ้านก็เงียบเหงาเกินไป หากเจ้าว่างก็
5440
ไปเที่ยวที่ประตูเฉาหยางให้มากสักหน่อย ข้าเห็นว่าภรรยาเจ้าสี่อุปนิสัยดียิ่ง เวลาที่เจ้าไปหานาง ก็ดูมีความสุขมาก คงจะเป็นสหายคนหนึ่งได้ หากคิดว่าไปที่นั่นบ่อยๆ ไม่สะดวกนัก ก็ไปหาพวก พี่สาวน้องสาวเหล่านั้นในอดีตของเจ้าเพื่อเที่ยวเล่นได้”
นางรับใช้ในวังมาหลายปีขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีนางกํานัลที่สนิทสนมกัน
เพียงแต่ไม่มีผู้ใดมีวาสนาดีเฉกเช่นนาง แต่งงานเป็นภรรยาใหม่ของบุคคลเช่นเฉิงเซ่าผู้นี้ ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นมามาสอนมารยาทหรือรับหลานชายจากบ้านเดิมมาเป็นบุตรบุญธรรม ไม่ว่า จะเป็นอย่างแรกหรืออย่างหลังล้วนเป็นชาวบ้านทั่วไป ฉางซื่อกลัวเฉิงเซ่าจะรังเกียจ ตั้งแต่ออกวัง มาก็ไปพบเพียงสองครั้ง หลังจากนั้นนางก็ไม่ได้ไปหาพวกนางอีกเลย บรรดาผู้ที่อาศัยอยู่ในวังจน ได้รับการปล่อยตัวออกมาได้คนใดบ้างมิใช่คนที่มีไหวพริบดี ย่อมจะไม่ไปหานางและสร้างความ ลําบากแก่นางเป็นธรรมดา
ฉางซื่อทั้งประหลาดใจและซาบซึ้งใจ แต่ก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเฉิงเซ่าเป็นคนเช่นนี้ เขาไม่ทํา ให้ตนผิดหวังตามคาด
“หากข้ามีเวลาว่างก็จะไปเยี่ยมพวกนางเจ้าค่ะ” ขณะที่นางกล่าว ก็กะพริบตาให้นํ้าตาที่ ใกล้จะไหลลงมาไหลกลับเข้าในดวงตา แล้วกล่าวว่า “เพียงแต่ทุกคนล้วนต้องหาเลี้ยงครอบครัว ไม่สู้ข้าอยู่ที่นี่กินแล้วดื่ม ดื่มแล้วกิน วันๆ ว่างไม่มีอะไรทําเสียยังจะดีกว่า” นางแสดงความซาบซึ้ง ใจของตนออกมา จากนั้นก็กล่าวว่า “หลายวันก่อนภรรยาเจ้าสี่นัดข้าไปชมการตากพระธรรมที่วัด ในวันที่หกเดือนหก ยังบอกว่าต้องพาพวกเด็กๆ ไปด้วย ช่วงนี้ทุกคนกําลังหารือว่าไปที่วัดต้า เซียงกั๋วหรือวัดเจ้อถานดี แม้นายท่านไม่บอก ข้าก็คิดจะไปประตูเฉาหยางในวันพรุ่งนี้อยู่แล้ว ได้ ยินว่าภรรยาเจ้าใหญ่ไม่ค่อยสบาย ข้าอยากจะถามภรรยาของเจ้าสี่กับภรรยาเจ้ารองว่ามีแผน อะไร สองวันนี้ข้าอยากไปเยี่ยมพร้อมกับพวกนางเจ้าค่ะ!”
5441
ฉางซื่อมีอุปนิสัยดียิ่ง ทั้งสังเกตสีหน้าคนเป็นและสนิทสนมกับเหล่าสตรีตระกูลเฉิงเป็น อย่างดี
สําหรับเรื่องนี้เฉิงเซ่าวางใจได้เป็นอย่างมาก
ให้ห้องบัญชีนําเงินสามร้อยเหลี่ยงมอบให้ฉางซื่อใช้ จากนั้นเขาก็ไปที่ห้องหนังสือ
ทว่าถ้อยคําของเฉิงเซ่าราวกับก้อนหินที่โยนเข้าไปในใจของฉางซื่อก็ไม่ปาน ทําให้เกิด คลื่นกระเพื่อมเป็นวงๆ
นางยังคงตัดสินใจไปเยี่ยมพี่สาวน้องสาวเก่าแก่ที่เคยเข้าวังพร้อมกับนางแต่ตอนนี้ เป็นมามาสอนมารยาทอยู่ดี
แต่นึกไม่ถึงว่าตอนที่นางไปบังเอิญซางซื่อผู้เป็นบุตรสาวบุญธรรมของพี่สาวน้องสาว เก่าแก่ที่ยังรับใช้อยู่ในตําหนักฉือหนิงได้ออกวังมาหานางพอดี
ทั้งสามคนปล่อยตัวให้ผ่อนคลายกันยิ่งนัก
นอกจากจะรํ่าสุรากันแล้ว ยังเรียกเซียเซียนเซิงมาเล่านิทานอีกด้วย
ทว่าพวกนางยังคงเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในวังมานาน ช่วงเวลาที่ผ่อนคลายเช่นนี้กลับทําให้ พวกนางรู้สึกไม่วางใจมาโดยตลอด
พี่สาวน้องสาวเก่าแก่ของฉางซื่อเอ่ยเย้ยหยันตนเองว่า “เป็นบ่าวเสียจนชิน ไม่มีทางเลือก อื่นแล้ว!”
ถ้อยคํานี้ทําให้ฉางซื่อกับฟางซื่อต่างเงียบงันกว่าครู่ใหญ่
ฟางซื่อรีบแทรกบทสนทนาขึ้นมา กล่าวกับพี่สาวน้องสาวเก่าแก่ของฉางซื่อว่า “ท่านแม่ ท่านทราบเรื่องที่องค์ชายสี่จะเสด็จไปครองแคว้นแล้วหรือไม่ ได้ยินว่าหลังจากที่ไทเฮาเหนียง
5442
เหนียงทรงทราบแล้วก็ไม่พอพระทัยเป็นอย่างยิ่ง ตรัสถามองค์ฮ่องเต้ว่าในเมื่อองค์ชายสี่ต้องเสด็จ ไปครองแคว้น เหตุใดองค์ชายสามถึงยังประทับอยู่ในจิงเฉิง ว่ากันว่าหลังจากองค์ชายสี่เสด็จไป แล้วองค์ชายสามกับองค์ชายแปดก็จะเสด็จไปครองแคว้นเช่นกันเจ้าคะ”
ทั้งหมดล้วนเป็นคนที่อาศัยอยู่ในวังมามากกว่าครึ่งชีวิต ย่อมต้องคุ้นเคยกับเรื่องในวัง มากกว่าเรื่องข้างนอกเป็นธรรมดา
พี่น้องเก่าแก่ของฉางซื่อได้ยินแล้วกล่าวยิ้มๆ ว่า “มิใช่ว่าไทเฮาเหนียงเหนียงทรงเร่งเร้าให้ หวงไท่ซุนเลือกพระชายาหรอกหรือ พระองค์ทรงโปรดปรานให้มีโอรสธิดาเต็มวังเป็นที่สุด ตอน แรกก็ไม่พอพระทัยที่พระชายาขององค์รัชทายาทประสูติหวงไท่ซุนเพียงพระองค์เดียว อย่างไรก็ ตาม หลังจากที่องค์ฮ่องเต้ทรงทราบจะต้องปวดพระเศียรเป็นแน่”
ปีนี้หวงไท่ซุนเพิ่งมีพระชนมายุสิบเอ็ดพรรษา ยังอภิเษกสมรสมิได้
ฟางซื่อยิ้มพลางกล่าวว่า “จริงแท้ยิ่งนักเจ้าค่ะ” ขณะที่กล่าว สีหน้านางก็แข็งค้างเล็กน้อย กระซิบว่า “แต่เมื่อวานพระชายาขององค์ชายสี่เสด็จเข้าวัง ประสงค์จะฝากหลานสาวจากบ้าน เดิมคนหนึ่งกับองค์ไทเฮา…ไม่คาดคิดว่าองค์ไทเฮาจะทรงเห็นชอบ ยังวางคนไว้ข้างกายหลินไท่เฟ ยอีกด้วย ให้หลินไท่เฟยอบรมสั่งสอนนาง…”
ฉางซื่อกับพี่สาวน้องสาวเก่าแก่ต่างหลุดแสดงสีหน้าเล็กน้อย
กล่าวถึงตรงนี้ถ้อยคําที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว
ทั้งสามยังพูดคุยเรื่องสัพเพเหระในวัง อาทิ ใครบ้างเข้าวังมาเมื่อใด ตอนนี้รับใช้อยู่ที่ใด ใครบ้างเข้าวังมาเมื่อใด ตอนนี้กลับเป็นนางกํานัลใหญ่ในตําหนักคุนหนิงแล้ว จากนั้นก็แยกย้าย กันกลับ
5443
เมื่อฉางซื่อกลับถึงบ้าน สาวใช้ในบ้านก็แจ้งนางว่าเฉิงฉือมา “…กําลังสนทนากับนายท่าน ผู้เฒ่ารองในห้องหนังสืออยู่เจ้าค่ะ!”
แม้จะกล่าวว่าทั้งหมดล้วนเป็นหลานชาย แต่ฉางซื่อรู้สึกว่าเฉิงเซ่าชื่นชอบเฉิงฉือมากกว่า นางยกนํ้าชากับของว่างไปห้องหนังสือด้วยตนเอง เฉิงฉือลุกขึ้นมากล่าวขอบคุณนางอย่างนอบน้อม ฉางซื่อรีบยอบกายทําความเคารพ แล้วปิดประตูห้องให้พวกเขา
แต่ถ้อยคําของเฉิงฉือยังคงแว่วออกมา “สือควนคนสนิทขององค์ชายสี่ให้คนนําจดหมาย มาให้ข้า บอกว่าเขาจะอยู่ช่วยตําหนักองค์ชายสี่เก็บสัมภาระ อยากจะพบข้าสักครั้งก่อนที่องค์ ชายสี่จะเสด็จไปขอรับ…”
หรือว่าตระกูลเฉิงจะเลือกข้างกันนะ
ฮ่องเต้ทรงให้ความสําคัญกับตระกูลเฉิงถึงเพียงนี้ เฉิงเซ่าก็หาได้เป็นคนที่ไม่เคยเห็นโลก เช่นนั้น เหตุใดต้องทําขนาดนี้ด้วย
ฉางซื่อรีบออกจากห้องหนังสืออย่างรวดเร็ว ลูบหน้าอกขณะยืนหอบอยู่ที่เฉลียง
อาทิตย์อัสดงเคลื่อนคล้อยไปทางทิศประจิมย้อมนภาเป็นสีแดงฉานครึ่งค่อนวัน ดอก พุทธรักษาในลานบ้านต่างแข่งกันเบ่งบานสะพรั่ง กลิ่นหอมอบอวลกําจาย เงียบสงบราวกับ ภาพวาดภาพหนึ่งก็ไม่ปาน
นี่คือความสงบที่นางวอนขอกว่าครึ่งชีวิตจึงจะได้รับมา ในห้วงสมองของฉางซื่อปรากฏดวงหน้าที่ซูบผอมแต่อบอุ่นของเฉิงเซ่า
5444
นางเม้มปาก กวักเรียกสาวใช้เด็กข้างกายพลางกล่าวว่า “เจ้าเข้าไปเรียกนายท่านผู้เฒ่า รองออกมา แล้วบอกว่าข้ามีเรื่องสําคัญจะบอกเขา”
สาวใช้เด็กไม่เข้าใจถึงความร้ายแรงของเรื่องขานรับอย่างยินดีว่า “เจ้าค่ะ” แล้วไปที่ห้อง หนังสืออย่างเริงร่า
ไม่นาน เฉิงเซ่าก็ออกมาที่เฉลียง
“เกิดเรื่องอะไรขึ้น” เขาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง ที่หว่างคิ้วไม่มีร่องรอยความหงุดหงิดแม้แต่ น้อย
นี่ก็ยิ่งทําให้ฉางซื่อตัดสินใจได้
นางกระซิบเล่าเรื่องของฟางซื่อให้เฉิงเซ่าฟัง
สีหน้าของเฉิงเซ่าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาครู่หนึ่ง เขาเอ่ยว่า “เจ้าตามข้ามา เรื่องนี้ต้อง บอกให้เจ้าสี่รู้! องค์ชายสี่อาจคบค้าสมาคมกับขุนนางใหญ่เหล่านั้นโดยตรงมิได้ แต่หมั่นเพียรไป มาหาสู่กับบรรดาลูกหลานในบ้านของขุนนางใหญ่เหล่านั้นบ่อยยิ่งนัก”
ฉางซื่อโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
ตระกูลเฉิงมิได้เลือกข้างก่อน นี่ก็ดี
นางเข้าไปในห้องหนังสือ
เฉิงฉือได้ยินถ้อยคําของเฉิงเซ่าแล้วมิได้เอื้อนเอ่ยคําใดอยู่นาน
บรรยากาศในห้องหนังสือกดดันเหลือบรรยาย
ฉางซื่อก็รู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาเล็กน้อย กล่าวว่า “ข้าอาจจะคาดเดาผิดก็เป็นได้เจ้า ค่ะ…ข้าจะไปสอบถามว่าหลานสาวของพระชายาองค์ชายสี่อายุเท่าใดกันแน่ บางทีเพียงประสงค์
5445
ให้นางรั้งอยู่เพื่อแสดงความกตัญ�ูต่อเบื้องพระพักตร์ขององค์ไทเฮาก็ได้ หลีกเลี่ยงไม่ให้พวกเขา ประทับอยู่ที่ซิ่นหยางนานเกินไปแล้วองค์ไทเฮาจะทรงลืมพวกเขา…”
“ก็ดีขอรับ” เฉิงฉือตอบ “แต่ท่านอาสะใภ้ต้องระวังตัวด้วย อย่าได้ฝืน หากทําให้คนอื่นเห็น พิรุธอะไรแล้วลากท่านติดแหไปด้วยก็ลําบากแล้ว”
“ข้ารู้” ฉางซื่อระบายยิ้มพลางผ่อนลมหายใจ เอ่ยเย้าแหย่ว่า “ข้าก็หาได้เป็นคนที่พูดไม่ เป็นเสียหน่อย”
เห็นนางยังมีใจพูดหยอกล้อได้ เฉิงเซ่ากับเฉิงฉือก็รู้สึกโล่งใจ