ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่ 589 รอคอย
โอรสสวรรค์ไร้ซึ่งความเป็นส่วนพระองค์ ความเคลื่อนไหวในวังหลังมักจะกลายเป็ น ทิศทางลมในราชสํานัก
บวกเพิ่มกับหลักความคิดชายหญิงแตกต่าง วังหลังของฮ่องเต้ สําหรับขุนนางในราช สํานักแล้วก็เป็นสถานที่ต้องห้าม
ไม่ต้องพูดถึงราชสํานักเป็นนํ้าหนึ่งใจเดียวกันแต่อย่างใด เพียงแค่การสืบข่าวก็ยากยิ่งนัก บางคนจึงเพ่งความสนใจไปที่พระญาติแทน
นี่ก็คือเหตุผลที่ทําไมฮ่องเต้ใหม่หลายพระองค์หลังเถลิงราชย์แล้วสิ่งแรกที่ทําก็คือกวาด ล้างเหล่าพระญาตินั่นเอง
ตระกูลเฉิงเป็นตระกูลบัณฑิตที่สัตย์ซื่อมีคุณธรรม ย่อมจะไม่เดินบนเส้นทางของเหล่า พระญาติเป็นธรรมดา แต่มือของเขาก็ยื่นเข้าไปในวังเสียแล้ว ทว่าหากต้องการรู้ความเคลื่อนไหว ของหกตําหนักตะวันออกตะวันตก ก็มิใช่เรื่องง่ายถึงเพียงนั้น
บัดนี้มีฉางซื่อแล้ว เรื่องเกี่ยวกับหลานสาวจากบ้านเดิมของพระชายาองค์ชายสี่เขาจึง ทราบข่าวอย่างรวดเร็วยิ่งนัก
“เด็กสาวผู้นั้นอายุเพียงเจ็ดแปดขวบกระมัง” เฉิงฉือนั่งในห้องหนังสือของเฉิงเซ่า ดื่มชาที่ ฉางซื่อชงด้วยตนเอง สีหน้าเคร่งขรึมขณะสนทนากับฉางซื่อและเฉิงเซ่า “รู้หรือไม่ว่ามีชาติกําเนิด เช่นไรขอรับ”
ในราชวงศ์นี้บุตรสาวจากตระกูลขุนนางขั้นห้าขึ้นไปมิอาจเข้าร่วมการคัดเลือกเป็นชายา ของราชนิกุลได้
5447
“บิดาเป็นขุนคลังขั้นเก้าคนหนึ่ง” สุดท้ายก็เคยรับใช้ในตําหนักเฉียนชิงมาก่อน ครั้นถามก็ ตอบได้ทันที ฉางซื่อกล่าวอีกว่า “เป็นครอบครัวใหญ่มีกันห้ารุ่น มารดาเป็นผู้มีพรครบทุกประการ ที่มีชื่อเสียงในจิงเฉิง มีพี่ชายสี่คน น้องสาวสองคน”
มีพรครบทุกประการ คู่ควรแก่บุรุษยิ่ง ครอบครัวเช่นนี้ เหล่าราชวงศ์ทรงโปรดปรานเป็นอย่างมาก กล่าวอีกนัยได้ว่า เด็กสาวผู้นี้เป็นเด็กที่ตระเตรียมจะถวายแก่หวงไท่ซุนนั่นเอง “โชคดีที่พระองค์ทรงหาครอบครัวเช่นนี้ได้” เฉิงฉือเบ้ปาก ฉางซื่อกล่าวอย่างอดไม่ได้ว่า “เกรงว่าองค์ชายสี่จะทรงทําพระทัยไม่ได้ นายท่านสี่ระวัง ตัวสักหน่อยก็ดี” ทางที่ดีอย่าได้เป็นอริกันและอย่าได้เดินเข้าใกล้เกินไปด้วย”
เฉิงฉือคิดว่าอาสะใภ้ใหม่ผู้นี้ของตนเป็นคนที่รู้การรู้งานผู้หนึ่ง ครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยว่า “ตอนนี้ข้าเป็นหนึ่งในพระอาจารย์สอนหนังสือของหวงไท่ซุน หวงไท่ซุนยังทรงพระราชทานที่นา ส่วนพระองค์แก่ข้าอีกด้วย ต่อให้ข้าไม่อยากล่วงเกินองค์ชายสี่ ถ้าหากองค์ชายสี่ทรงกระทําการ สําเร็จ ใครจะรู้ว่าพระองค์จะทรงดําริอย่างไร ตอนนี้ได้แต่จัดการพระองค์จนถึงที่สุดเท่านั้นแล้ว ล่ะ”
ฉางซื่อนิ่งเงียบไปหลายลมหายใจ แล้วยิ้มขื่นพลางกล่าวว่า “ขุนนางใหญ่ซ่งทําอย่างนี้ ไม่รู้ว่ากําลังช่วยเจ้าหรือทําร้ายเจ้ากันแน่”
เฉิงฉือคิดว่าแม้แต่ฉางซื่อก็รับรู้ถึงใจทะเยอทะยานขององค์ชายสี่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่ซ่งจิ่ง หรานขุนนางใหญ่จากชนชั้นรากหญ้าที่ก่อตั้งตระกูลด้วยมือเปล่าผู้นี้จะไม่ล่วงรู้อะไรเลยทั้งสิ้น
5448
เขาอดกล่าวยิ้มๆ ไม่ได้ว่า “บางทีเขาอาจจะคิดว่าตนหลีกเลี่ยงกระแสลมไปชั่วคราว ถ้า เกิดข้าพลัดตกลงมา ขอเพียงเขายังมีที่สักตําแหน่งหนึ่งในราชสํานัก ก็ดึงข้ากลับไปใหม่ได้…”
หากไม่มีคําเตือนของโจวเสาจิ่น เขาก็จะคิดเช่นนี้
กระทั่งจะรู้สึกยินดีที่ซ่งจิ่งหร่านต้องการกลับบ้านไปไว้ทุกข์ในเวลานี้เลยด้วยซํ้า
แต่พอมีคําบอกเล่าจากชาติก่อนของโจวเสาจิ่น ความปลอดภัยของตระกูลเฉิงกลับเกิด จากราชวงศ์เอง มิใช่เรื่องที่ซ่งจิ่งหร่านจะควบคุมได้อีกแล้ว
ตระกูลเฉิงก็ได้แต่คิดหาทางรอดด้วยตนเอง
เฉิงฉือตัดสินใจ จากนั้นก็ไปพบสือควน
บางทีคงเป็นเพราะองค์ชายสี่จะเสด็จจากเมืองหลวง มีเรื่องต้องทํามากมาย สีหน้า ของสือควนจึงดูค่อนข้างเหนื่อยล้า
ทั้งสองคนพบกันในเหลาสุราเล็กๆ แห่งหนึ่ง สั่งอาหารสองสามจานกับสุราหนึ่งกา
เฉิงฉือด้านหนึ่งดื่มสุรา อีกด้านหนึ่งก็ฟังสือควนพูด “…หากองค์ชายสี่เสด็จไปแล้ว ต่อให้ เสด็จกลับเมืองหลวงมาร่วมงานเฉลิมฉลองของราชวงศ์ก็นับครั้งได้ เครื่องเรือนไม้หลีฮวาใน ตําหนักหลักเป็นพระชายาขององค์ชายที่ทรงโปรดปราน กุหลาบเขียวนับร้อยต้นที่ปลูกไว้หลัง สวนดอกไม้เป็นองค์ชายสี่ที่ทรงโปรดปราน ยังมีดอกซีฝู่ไห่ถังในห้องอุ่นตะวันออก โบตั๋นร้อยปีใน ลานข้างตะวันตก นกยูงคู่นั้นในศาลาปี้อีและอีกมากมาย คงจะเก็บกวาดไม่หมดก่อนกลางเดือน เจ็ดอยู่ดี องค์ชายสี่ทรงเชิญพระอาจารย์สยงไปช่วยพูดต่อเบื้องพระพักตร์หวงไท่ซุน ให้พวกข้าขน ย้ายสิ่งของทั้งหมดได้ ถึงตอนนั้นยังต้องขอใต้เท้าเฉิงช่วยพูดอยู่ข้างๆ สักสองสามประโยคด้วยนะ ขอรับ”
ฟังแล้วเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยแค่กระดิกนิ้วเท่านั้น
5449
แต่เรื่องที่ฮ่องเต้ทรงปฏิเสธแล้ว ราษฎรคนใดจะกล้าแตะเกล็ดใต้คอมังกรนั้นอีกเล่า ทว่าเฉิงฉือกลับตอบตกลงตรงๆ ว่า “…ถึงเวลานั้นจะช่วยพูดให้องค์ชายสี่แน่นอน”
นัยน์ตาของสือควนมีรอยสับสนสายหนึ่งวาบผ่าน แต่พอเห็นเฉิงฉือมีใจกว้างขวาง เขาก็ อดสะกดความสับสนส่วนนี้ลงสู่ก้นบึ้งของหัวใจไม่ได้ ทั้งสองคนพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับการเสด็จไป ครองแคว้นขององค์ชายสี่เล็กน้อย
เฉิงฉือถามถึงเฉิงลู่ว่า “เขาจะติดตามองค์ชายสี่ไปครองแคว้นหรือรั้งอยู่ที่จิงเฉิง”
สือควนใจเต้นตึกตึกแวบหนึ่ง ตอบยิ้มๆ ว่า “เขาเป็นผู้ที่มีเกียรติยศแล้ว จะติดตามองค์ ชายสี่ของพวกข้าไปครองแคว้นเพื่ออะไร”
ตั้งแต่ที่เฉิงลู่ใช้สถานะบุตรเขยของเฉินลี่ผูกสัมพันธ์กับองค์ชายสี่ องค์ชายสี่ก็ทรงรู้สึกดี กับเขาไม่น้อย เมื่อมีงานเลี้ยงในตําหนักก็มักจะเชิญเขามาร่วมงานรื่นเริงเสมอ เขาโน้มน้าวทั้ง ทางตรงและทางอ้อมให้องค์ชายสี่คว้าโอกาส แม้องค์ชายสี่มิได้ตรัสอะไร แต่ก็ทรงยกให้เป็นคนที่ ไว้ใจ ทว่าสือควนกลับมองออก ถ้อยคํามากมายของเขาล้วนสะกิดจุดคันขององค์ชายสี่ทั้งนั้น องค์ชายสี่เสด็จไปครองแคว้น เฉิงลู่เคยบอกว่าจะไปซิ่นหยางกับองค์ชายสี่ ตอนนั้นองค์ชายสี่มิได้ ตรัสว่าอะไร แต่ก่อนถึงกําหนดวันเดินทาง กลับทิ้งเฉิงลู่เอาไว้ บอกให้เขาสอบผ่านคว้ายศ ตําแหน่งโดยเร็วไว จะได้เป็นหัวหน้าขุนนางในแคว้นขององค์ชายสี่
ตอนนี้เฉิงฉือถามขึ้นมาหมายความว่าอะไร เฉิงลู่เป็นบุตรหลานที่ถูกลบนามออกจากตระกูลเฉิง นอกจากนี้ที่เฉิงลู่ถูกลบนามทิ้งยังเกี่ยวข้องกับฮูหยินของเฉิงฉืออีกด้วย สือควนคลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า “หรือว่าใต้เท้าเฉิงมีอะไรชี้แนะขอรับ”
5450
“ไม่มีหรอก” เฉิงฉือตอบยิ้มๆ “ข้าเพียงสงสัยเล็กน้อยเท่านั้น” สือควนซักถามอะไรไม่ได้ ได้แต่วางเรื่องนี้เอาไว้ข้างหนึ่ง เฉิงฉือยกยิ้มบางเบา เมื่อกลับถึงบ้านก็สั่งไหวซานว่า “ส่งคนไปจับตาดูเฉิงลู่” ไหวซานฉงน
เฉิงฉือยิ้มเย็นพลางกล่าวว่า “เขามิใช่คนที่ยอมรับชะตากรรมประเภทนั้น หากองค์ชายสี่ ทรงคิดวางแผนอะไร เช่นนั้นเขาก็จะมีความดีติดตามมังกรแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่ปล่อยให้ ตนพลาดโอกาสเช่นนี้ไปเป็นแน่ หากพวกเราจับตาดูเขาจะต้องเกี่ยวเก็บอะไรได้บ้างไม่มากก็ น้อย”
เขาจําเรื่องที่โจวเสาจิ่นบอกเขาได้ ชาติที่แล้วองค์ชายสี่ได้รับราชโองการสืบทอดบัลลังก์ จากฮ่องเต้ หากเป็นราชโองการปลอม เช่นนั้นก็ต้องมีคนติดต่อกับตําหนักเฉียนชิงคนหนึ่งเป็นแน่
ชาติก่อนเขาไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด แต่ชาตินี้อาจจะเป็นเฉิงลู่ก็ได้
ไหวซานขานรับว่า “ขอรับ” แล้วถอยออกไป
ทว่าโจวเสาจิ่นกลับเอ่ยถามอย่างเป็นกังวลว่า “ถ้าหากชีวิตนี้ยังเป็นคนเดิมผู้นั้นอีกเล่า”
เฉิงฉือคลี่ยิ้มพลางตอบว่า “พวกเราจะทุ่มความหวังทั้งหมดไว้กับเฉิงลู่ได้อย่างไรกัน สุดท้ายเขาเป็นเพียงบัณฑิตที่ปรึกษาคนหนึ่งขององค์ชายสี่เท่านั้น ให้จับตาดูเฉิงลู่ ก็เป็นเพียง การป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น หลายปีมานี้ข้าเตรียมการในจิงเฉิงเอาไว้มากมาย หากทําให้ ใครบางคนเคลือบแคลงใจขึ้นมา ก็อ้างเรื่องที่จับตาดูเฉิงลู่อยู่หันเหความสนใจได้ชั่วครู่พอดี ผู้ที่ ต้องการจับตาดูจริงๆ ก็คือเฉินลี่ในตําหนักเฉียนชิง”
เรื่องนี้ เขาได้คุยกับฉางซื่อเรียบร้อยแล้ว
5451
ฉางซื่อมีคนช่วยส่งข่าวให้พวกเขา
หากเฉินลี่ไม่เคลื่อนไหวพวกเขาก็จะไม่เคลื่อนไหว ขอเพียงเฉินลี่เผยพิรุธ พวกเขาก็จะ ได้รับแจ้ง
แต่สุดท้ายองค์ชายสี่ตั้งใจจะเก็บเด็กสาวคนนั้นในตําหนักฉือหนิงเพื่อแผนการในภาย ภาคหน้า หรือจะเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งที่ทําให้ฮ่องเต้คลายความระมัดระวังลงเท่านั้น เฉิงฉือไม่ กล้ารับประกัน จําต้องเตรียมการเอาไว้ทั้งสองทาง เขาไม่อยากให้โจวเสาจิ่นกระวนกระวายใจ ระหว่างรอคอยผลลัพธ์นี้ไปพร้อมกับเขา
“เรื่องที่พวกเจ้าไปชมการตากพระธรรมที่วัดจัดเตรียมไปถึงไหนกันแล้ว” เขาเปลี่ยนหัวข้อ สนทนาได้ถูกจังหวะ “ตัดสินใจจะไปที่ใดได้หรือยัง”
“ตั้งใจจะไปที่วัดเจ้อถานเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นตอบยิ้มๆ “ทุกคนล้วนคิดว่าไปวัดต้าเซียงกั๋ว บ่อยแล้ว จึงไม่น่าสนใจ”
เฉิงฉือยิ้มพลางพยักหน้า กล่าวว่า “ข้าให้เงินสองร้อยเหลี่ยงแก่เจ้าเป็นเงินส่วนตัว เจ้าไป เที่ยวเล่นที่วัดเจ้อถานเป็นเพื่อนท่านแม่ดีๆ พรุ่งนี้ค่อยกลับมา”
“ดีเจ้าค่ะ!” หาได้ยากที่เฉิงฉือจะเป็นฝ่ ายบอกให้นางไปค้างคืนข้างนอกก่อนเช่นนี้ โจว เสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “ถึงตอนนั้นข้าจะเอาของกินกลับมาฝากท่านนะเจ้าคะ”
เฉิงฉือรีบกล่าวว่า “เจ้าอย่าซื้อของกินจากนอกวัดมากินไปเรื่อย ล้วนเป็นของที่ไม่สะอาด หากอยากกินก็กินของในวัด โดยเฉพาะอวิ้นเกอเอ๋อร์ ห้ามให้เขากินของที่ช่างวาดนํ้าตาลอะไรนั่น ขายข้างนอกโดยเด็ดขาด พวกเจ้าเที่ยวเล่นอยู่ในวัดเท่านั้นก็พอ…”
โจวเสาจิ่นพยักหน้าไม่หยุดพลางเม้มปากกลั้นยิ้ม
5452
กระทั่งถึงวันที่หกเดือนหกวันนั้น เฉิงเซิงก็มาถึงแต่เช้า จากนั้นบรรดาสตรีตระกูลเผิงเฉิง ป๋ อกับชิวซื่อ เซี่ยซื่อและเฉิงเซียวต่างก็ทยอยกันมา มีเพียงฉางซื่อที่เลยเวลานัดแล้วแต่ยังไม่มา
โจวเสาจิ่นอยากจะส่งคนไปเร่ง แต่มีบ่าวเด็กจากซอยซวงอวี๋คนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบ มา แจ้งว่าที่บ้านมีแขกมากะทันหัน ฉางซื่อไปไม่ได้แล้ว
ทุกคนต่างรู้สึกเสียดายมาก ให้บ่าวเด็กผู้นั้นนําความกลับไป บอกว่าตอนกลับจะเอาขนม เปี๊ยะเจจากวัดเจ้อถานไปฝากนาง แล้วจึงขึ้นรถม้าเรียงกันออกจากซอย
บ่าวเด็กผู้นั้นก็วิ่งกลับไปรายงานอย่างรวดเร็วปานควัน
ฉางซื่อตกรางวัลเป็นเงินทองแดงกําหนึ่งแก่บ่าวเด็กผู้นั้น แล้วหมุนกายกลับไปยังลาน ชั้นใน
เฉิงฉือที่เดิมควรจะไปเข้าวังเวลานี้กลับยืนอยู่ในห้องหนังสือของเฉิงเซ่า เมื่อเห็นฉางซื่อก็ เอ่ยถามว่า “พวกนางออกเมืองไปหมดแล้วหรือ”
สีหน้าเยียบเย็นยิ่งนัก
ฉางซื่อพยักหน้าพลางลังเลถามว่า “นายท่านผู้เฒ่ารองเล่า?!”
“ท่านวางใจเถิดขอรับ” เฉิงฉือตอบ “ข้าส่งคนติดตามท่านอารองแล้ว ต่อให้ท่านอารองถูก องค์ฮ่องเต้เรียกไปถาม ก็ส่งข่าวให้ใต้เท้าหานได้ ส่วนท่านอาสะใภ้รอง รีบคิดหาสถานที่สักแห่ง หนึ่งหลบซ่อนตัวเถิด! ระหว่างทางองค์ชายสี่ทรงประชวรกะทันหัน ไม่มีผู้ใดพบเห็น หนําซํ้าวันนี้ ยังเป็นวันที่ค่ายทหารหุบเขาตะวันตกเปลี่ยนผลัดเวรป้องกันกับกองปัญจทิศรักษานคร ผ่านวันนี้ ไปแล้ว องค์ชายสี่คงกวนนํ้าจับปลาระหว่างเคลื่อนย้ายกองทหารไม่ได้อีกแล้ว หากพระองค์ทรง ประสงค์จะลงมือ ก็ได้แต่ลงมือวันนี้เท่านั้น ในเมืองต้องวุ่นวายโกลาหลเป็นแน่ ทว่าทางด้าน วัดเจ้อถานนั้นกลับมีผู้คุ้มกันของพวกเราตระกูลเฉิงอยู่ ต่อให้คนจากค่ายทหารหุบเขาตะวันตกไป
5453
ก็บุกยึดไม่ได้ในเวลาอันสั้นอยู่ดี นอกจากนั้นวันนี้ไทเฮาเหนียงเหนียงจะเสด็จไปสดับธรรมที่ อารามไป๋ อวิ๋น ต่อให้องค์ชายสี่ทรงประสงค์จะบีบคั้นองค์ฮ่องเต้ ก็จะเสด็จไปอารามไป๋ อวิ๋น เช่นกัน วัดเจ้อถานในทางกลับกันจะเป็นสถานที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว”
“ข้ารู้” ฉางซื่อกล่าวอย่างสุขุมเยือกเย็น “ดังนั้นข้าก็ยิ่งควรอยู่ที่บ้าน ข้ารับปากพี่สาว น้องสาวที่ดื้อรั้นของข้าผู้นั้นไปแล้ว หากพ่ายแพ้ล่ะก็ จะร่วมรุกถอยไปพร้อมกับนาง ถ้าเกิดนางไม่ เห็นข้า ก็คงคิดว่าพวกเราหลอกลวงนาง ประเดี๋ยวหลังท่านไปแล้ว ก็จะไปหานางเพื่อรอฟังข่าว”
“นี่จะเป็นไปได้อย่างไรขอรับ” เฉิงฉือย่นหัวคิ้ว
ทว่าฉางซื่อกลับตัดบทเฉิงฉือว่า “สายแล้ว เจ้ายังต้องไปที่ว่าการอยู่มิใช่หรือ เจ้ารีบไป เถอะ! ตอนนี้พูดเรื่องเหล่านี้ก็สายไปแล้ว หากไม่มีตระกูลเฉิงก็ไม่มีข้า ข้าเต็มใจรุกถอยร่วมกับ นายท่านผู้เฒ่ารอง นายท่านสี่อย่าได้ห้ามข้าเลย หากโจวซื่อรู้ว่าท่านวางแผนอะไรอยู่ นางก็คงไม่ ออกจากจิงเฉิงแน่ๆ นี่มิใช่เหตุผลที่ท่านปิดบังนางหรอกหรือ”
เฉิงฉือไม่พูดอะไรอีก ประสานมือคํานับฉางซื่อขณะเอ่ยว่า “ระวังตัวด้วยนะขอรับ” จากนั้นก็ออกจากซอยซวงอวี๋ทางประตูหลัง
ฉางซื่อมองดูห้องหนังสือที่เงียบสงัด แล้วหมุนกายออกจากซอยซวงอวี๋ไป
ณ ตําหนักเฉียนชิง หลังจากฮ่องเต้เสร็จสิ้นการว่าราชกิจก็ทรงรู้สึกสังหรณ์ใจอะไร บางอย่าง
ขณะทรงวิพากษ์ฎีกาก็ยังคงสงบพระทัยลงมิได้ ตรัสถามเฉินลี่ว่า “หวงไท่ซุนเล่า”
เฉินลี่ค้อมกายลง ตอบอย่างพินอบพิเทาว่า “ทรงพระอักษรกับพระอาจารย์สยงที่ห้องทรง อักษรพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้ตรัสถามอีกว่า “องค์ชายสี่ให้อาจารย์สยงทูลขอหวงไท่ซุน เขาตอบอย่างไร”
5454
เฉินลี่ค้อมกายลงตํ่ากว่าเดิม ตอบว่า “หวงไท่ซุนตรัสว่า เรื่องนี้ต้องให้พระองค์ตัดสิน พระทัยพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ทรงหนักพระทัยยิ่งขึ้น วางฎีกาไว้ข้างหนึ่งพลางตรัสว่า “ไปเชิญใต้เท้าเฉิงมา บอก ให้เขาเล่นหมากกับข้าสองกระดาน”
วันนี้เฉิงเซ่าเข้าเวรที่สํานักฮั่นหลิน
เฉินลี่รับคํา ขันทีน้อยที่มีไหวพริบดีวิ่งไปสํานักฮั่นหลินราวกับโผบินก็ไม่ปาน