ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่503 เจ้าสาวใหม่
ในเมื่อฮูหยินผู้เฒ่ากัวสนใจผักป่าในสวนดอกไม้ หลี่ว์มามาและคนอื่นๆ ย่อมต้องเอาอก
เอาใจนางเป็นธรรมดา ชั่วขณะหนึ่งบ่าวไพร่เล็กใหญ่ที่ประตูเฉาหยางต่างช่วยกันหาผักป่ าให้ฮู
หยินผู้เฒ่ากัว จวบจนเฉิงฉือกลับมาจากซอยซิ่งหลินแล้วมาทําความเคารพยามเย็นฮูหยินผู้
เฒ่ากัวที่เรือนทิงเซียง ก็เห็นฮูหยินผู้เฒ่ากัว โจวเสาจิ่นและกูที่สิบเจ็ดตระกูลกู้กําลังห่อเกี๊ยวกันอยู่
ภายใต้คําชี้แนะจากบ่าวหญิงหน้าเตาที่ทําอาหารจิงเฉิงคนหนึ่ง
ครั้นฮูหยินผู้เฒ่ากัวและคนอื่นๆ เห็นเฉิงฉือต่างตะลึงงันกันหมด
โจวเสาจิ่นกระทั่งลุกขึ้นมามองดูบนโต๊ะตัวยาวที่วางนาฬิ
กาไขลานทีหนึ่ง
นี่เพิ่งจะผ่านยามโหย่วสือ282
1 ไปสองเค่อเอง!
กําหนดฤกษ์พิธีแต่งงานของเฉิงสวี่คือยามโหย่วสือ
เจ้าสาวใหม่คงจะเพิ่งเข้าเรือนไปกระมัง
เช่นนั้นมิเท่ากับว่าทันทีที่เจ้าสาวใหม่เข้าเรือนไปเฉิงฉือก็กลับมาแล้วหรอกหรือ
โจวเสาจิ่นเบิกดวงตาโพลงมองเฉิงฉือ
ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับเพียงหัวเราะสองที แล้วกล่าวว่า “เจ้าสี่กลับมาแล้ว!” นางชี้ไปที่
เกี๊ยวที่ห่อบิดๆ เบี้ยวๆ ข้างหนึ่งพลางเอ่ยว่า “ไม่ได้ลงมือห่อเกี๊ยวมานานหลายปีแล้ว วันนี้เจ้ามี
ลาภปากแล้ว พวกข้าเก็บผักจี้ไช่ป่าได้ เป็นเสาจิ่นที่ค้นพบ”
1 เวลา 17.00 -19.00 น.
4679
เมื่อวานเขากลับมาหลังจากที่รับประทานอาหารที่ซอยซิ่งหลินเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งตอนที่
กลับมาก็ค่อนข้างดึก โจวเสาจิ่นกลัวว่าเขาจะรู้สึกแน่นท้อง จึงมิได้ให้เขากินอะไร
วันนี้ยังค้นพบว่ามีบริเวณหนึ่งที่มีผักจี้ไช่ป่าขึ้น อีกทั้งพวกนางก็เก็บกลับมาส่วนหนึ่งด้วย
เฉิงฉือยิ้มร่าพลางกวาดตามอง มีเกี๊ยวสามแถววางอยู่บนมู่ลี่หวาย สองแถวในนั้นตั้งไม่
ค่อยตรงสักเท่าใด มีเพียงแถวเดียวที่ถือว่าพอจะตั้งตรงอยู่บ้าง
เกี๊ยวแถวนั้นจะต้องเป็นของโจวเสาจิ่นเป็นแน่
ชาติก่อนนางอาศัยอยู่ในจิงเฉิงมาสิบกว่าปี
เฉิงฉือก็คลี่ยิ้มขณะม้วนแขนเสื้อขึ้น กล่าวว่า “ให้ข้าช่วยท่านห่อเกี๊ยวด้วยเถอะนะขอรับ”
“ไม่ต้องหรอกๆ” วันนี้อากาศสดใส ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเดินยืดเส้นยืดสายในสวนกว่าครึ่งค่อน
วัน อารมณ์ดียิ่ง กล่าวเย้าแหย่ขึ้นว่า “หากเจ้าอยากให้ภรรยาของเจ้าปรนนิบัติเจ้า เพียงพาภรรยา
ของเจ้ากลับไปก็พอ อย่ามาทําแป้งข้าวของข้าเสียไปเลย”
เป็นคํากล่าวที่ทําให้โจวเสาจิ่นหูแดงกํ่าไปหมด ยืนก็ยืนไม่ได้นั่งก็นั่งไม่ลง
กูที่สิบเจ็ดตระกูลกู้ก็ปิดปากหัวเราะ
ทว่าเฉิงฉือกลับสงบเยือกเย็นยิ่งนัก กล่าวยิ้มๆ ว่า “หากท่านคิดว่าข้าเกะกะ ข้าเพียงฝึก
ห่อเกี๊ยวกับท่านให้ดีก็พอแล้ว ไล่ข้าออกไปเช่นนี้ได้อย่างไรกันขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะร่า บอกให้สาวใช้ปรนนิบัตินางล้างมือ แล้วไปที่ห้องนั่งเล่นที่อยู่
ข้างๆ โดยมีเฉิงฉือช่วยประคอง เมื่อพวกสาวใช้ยกนํ้าชาและของว่างมาขึ้นโต๊ะเสร็จแล้ว จึงเอ่ย
ถามเขาว่า “งานแต่งงานทางด้านโน้นราบรื่นดีหรือไม่”
4680
“ราบรื่นดีมากขอรับ” เฉิงฉือตอบยิ้มๆ “เจ้าสาวใหม่เข้าเรือนไปแล้ว มีบ่าวรับใช้ติดตาม
จากบ้านเดิมสี่คน สินเจ้าสาวมีหนึ่งร้อยยี่สิบสี่คนหาม ใบรายการสินเจ้าสาวมีทั้งหมดหกเล่ม
ใหญ่ ดูจริงใจเป็นอย่างมากขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวยิ้มๆ อย่างไม่เห็นด้วยว่า “ปกติเวลาหญิงสาวแต่งงานที่หมิ่นเจ้อ
มักจะมีขบวนสินเจ้าสาวยาวสิบหลี่ สินเจ้าสาวแค่นี้ยังไม่นับว่ามีค่ามากนัก เพียงแค่ให้พอเป็นพิธี
ไม่ให้เสียหน้าตระกูลหมิ่นก็เท่านั้น”
เฉิงฉือก็รู้ว่ามารดานี้ไม่พอใจพี่สะใภ้ใหญ่ เมื่อพูดถึงก็จะไม่เกรงใจเป็นพิเศษ
เขายิ้มพลางแกะส้มลูกหนึ่งให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัว กล่าวอย่างอ้อมค้อมว่า “หากไม่แสร้งหู
หนวกหรือเป็นใบ้ ก็เป็นแม่สามีมิได้ ขอเพียงพี่สะใภ้ใหญ่พึงพอใจก็พอแล้ว นี่เป็นบุตรสะใภ้ที่นาง
ตั้งใจเลือกสรรเฟ้นหามาอย่างดีนะขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกินส้มเข้าไปกลีบหนึ่ง รู้สึกว่าหวานยิ่งนัก จึงใช้ผ้าเช็ดหน้าห่อไว้แล้วยื่นให้
เจินจูที่ปรนนิบัติอยู่ข้างๆ กล่าวว่า “เอาไปให้เสาจิ่น ส้มนี้อร่อยยิ่ง”
เจินจูขานรับแล้วออกไป
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจึงถามต่อว่า “พรุ่งนี้เจ้าสาวใหม่จะมาเมื่อใด”
เฉิงฉือก็แกะส้มอีกลูกให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัว พลางตอบว่า “พรุ่งนี้ยามซื่อ283
2 ขอรับ”
คู่บ่าวสาวใหม่จะต้องกราบไหว้บรรพชนก่อน หลังจากกราบไหว้บรรพชนเรียบร้อยแล้ว
เจ้าสาวใหม่จึงจะนับเป็นคนของตระกูลเฉิงและนับเป็นญาติได้
2 เวลา 9.00 -11.00 น.
4681
แต่มาสายขนาดนั้น… บางทีหยวนซื่อคงจะนึกสงสารบุตรชายและบุตรสะใภ้ ตั้งใจให้
พวกนางตื่นสายขึ้นสักหน่อย
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยิ้มเย็น
เห็นทีว่ามีแต่นางที่รู้จักเห็นใจบุตรชายเท่านั้น
“เช่นนั้นพรุ่งนี้เจ้าก็ไม่ต้องไปแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวอย่างแข็งกระด้างเล็กน้อย “หลาย
วันนี้เจ้ายุ่งวุ่นวายกับงานที่ซอยซิ่งหลิน ตอนนี้พี่ชายใหญ่ของเจ้าแต่งลูกสะใภ้เข้าเรือนแล้ว เจ้าก็
ควรจะพักผ่อนสักหน่อย!”
ตามธรรมเนียมแล้ว เจ้าสาวจะต้องมาคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากัวที่ประตูเฉาหยาง เฉิงฉือผู้
เป็นเจ้าบ้านควรจะติดตามมาด้วยกันถึงจะถูก ฮูหยินผู้เฒ่ากัวรั้งเฉิงฉือไว้ที่นี่ หากไม่มีเฉิงฉือที่
ติดตามมาด้วย สําหรับเจ้าสาวใหม่ ก็หมายความว่าเป็นการให้เกียรติน้อยลงหลายส่วน
เฉิงฉือเองก็ไม่ได้คิดจะไปอยู่แล้ว
เขาเข้าร่วมงานแต่งงานของเฉิงสวี่ เป็นเพราะว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลนี้ เขาทําเรื่อง
ที่ตนควรทําแล้ว แต่ก็เพียงเท่านั้น
เขาขานรับยิ้มๆ ว่า “ขอรับ” แล้วปรึกษาเรื่องของขวัญแรกพบที่จะมอบให้เจ้าสาวใหม่
กับฮูหยินผู้เฒ่ากัวว่า “…ข้าเตรียมมอบของขวัญแรกพบตามจํานวนที่พี่ชายใหญ่กับพี่สะใภ้ใหญ่
ได้มอบให้เสาจิ่น”
เดิมทีเขาตั้งใจจะเพิ่มของขวัญมากขึ้นสักสองส่วน ทว่าหยวนซื่อกลับกีดกันโจวเสาจิ่นอ
อกไปเช่นนี้ แม้แต่หน้าก็ไม่ยอมให้ เขาไม่มีเหตุผลที่จะทําลายภรรยาของตนเองตามนางไปด้วย
ในตอนแรกฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ตระเตรียมเครื่องประดับศีรษะทับทิมชุดหนึ่งมอบให้
เจ้าสาวใหม่ ตอนที่รู้ว่าตระกูลหมิ่นปฏิเสธการเกี่ยวดองกับชวีหยวนในใจของนางก็เริ่มรู้สึกไม่
4682
ค่อยสบายใจแล้ว การชั่งนํ้าหนักเรื่องการทาบทามสู่ขอนั้น ต่อให้เป็นการแต่งงาน ก็ต้องพิจารณา
ใคร่ครวญด้วยตนเองครั้งหนึ่งก่อน ในเมื่อชวีหยวนผู้นั้นกล้าตัดสินใจเช่นนี้ คาดว่าคงมีความ
มั่นใจหลายส่วนต่อการแต่งงานเกี่ยวดองกับตระกูลหมิ่นก็เป็นได้ เพียงแต่สุดท้ายบังเอิญโชคดี
ตระกูลหมิ่นไม่เห็นด้วยก็เท่านั้น ทว่าท้ายที่สุดแล้วตระกูลหมิ่นมีความคิดเช่นนั้นหรือไม่ยังต้องว่า
กันอีกที ตอนนี้หยวนซื่อยังมีท่าทีปฏิเสธเฉิงฉืออีก นางรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก กระทั่งคิดว่า
เส้นทางของเฉิงจิงคงจะเดินมาถึงเพียงเท่านี้แล้ว แต่การที่เดินมาถึงจุดนี้ได้ ก็ถือว่ามีคําอธิบาย
ต่อบรรพชนของตระกูลเฉิงแล้ว
“เช่นนั้นข้าก็มอบเครื่องประดับศีรษะไข่มุกชุดนั้นให้เจ้าสาวใหม่แล้วกัน!” ฮูหยินผู้เฒ่ากัว
กล่าวเสียงค่อยว่า “ข้าก็จะไม่เปรียบเทียบกับพวกเจ้าผู้เป็นอาแล้ว”
ตามธรรมเนียม ของขวัญแรกพบของฮูหยินผู้เฒ่ากัวควรจะมีค่ามากกว่าเฉิงฉือเล็กน้อย
เฉิงฉือไม่คิดจะช่วยพูดให้บ้านหลัก สองแม่ลูกพูดคุยเรื่อยเปื่อยกันต่อ บทสนทนาค่อยๆ
เปลี่ยนเป็นเรื่องเก็บผักป่าวันนี้ อารมณ์ของฮูหยินถึงได้ค่อยๆ ดีขึ้น ออกจากห้องนั่งเล่นไปโดยมี
เฉิงฉือช่วยประคอง
ฮูหยินผู้เฒ่ากัว โจวเสาจิ่น กูที่สิบเจ็ดตระกูลกู้และเฉิงฉือรับประทานเกี๊ยวนํ้าด้วยกัน
โจวเสาจิ่นส่งกูที่สิบเจ็ดตระกูลกู้กลับซอยอวี๋เฉียน
คนของจวนสี่มิได้เข้าร่วมพิธีแนะนําเจ้าสาวกับเครือญาติในวันพรุ่งนี้ สามวันหลังจากนี้
พวกนางก็จะออกเดินทางกลับจินหลิงแล้ว
ตอนที่โจวเสาจิ่นและคนอื่นๆ ไปส่งกูที่สิบเจ็ดตระกูลกู้ฮูหยินผู้เฒ่ากวนยังไม่กลับมา ซาง
มามากลัวว่าเฉิงฉือจะรอนางจนเป็นกังวล ครั้นจัดที่พักให้กูที่สิบเจ็ดตระกูลกู้เรียบร้อยแล้วก็ยํ้า
4683
เตือนนางอย่างนุ่มนวลว่าเฉิงฉือยังรอนางอยู่… ถึงแม้โจวเสาจิ่นจะหน้าแดง แต่ก็ยังคงรีบเร่ง
กลับไปที่ประตูเฉาหยาง
เฉิงฉืออาบนํ้าแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว กําลังเอนนอนบนเตียงเตาริมหน้าต่างใน
ห้องนอนมองอะไรบางอย่างอยู่ โจวเสาจิ่นรีบเข้าไปในห้อง เขาอดยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้พลางเอ่ยว่า
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็ว ข้ามีของดีจะมอบให้เจ้า”
เมื่อโจวเสาจิ่นล้างหน้าล้างตาออกมาแล้ว ทันทีที่เดินเข้าไปก็ถูกเฉิงฉือโอบกอดไว้บนตัก
ชี้ไปที่โต๊ะบนเตียงเตาพลางกล่าวว่า “เจ้าดูสิ!”
“นี่คืออะไรเจ้าคะ” โจวเสาจิ่นเบิกดวงตาโพลง
“ภาพวาดนกและดอกไม้ของหวงเฉวียน” เฉิงฉือชี้คําลงท้ายและตราประทับที่อยู่ด้านข้าง
“มิใช่ว่าช่วงนี้เจ้ากําลังฝึกเรียนการวาดภาพกับท่านแม่อยู่หรือ ข้าเดาว่าเจ้าจะต้องชอบแน่ๆ”
ภาพนั้นเป็นภาพดอกบัว มีสีสันสดใสสวยงาม ลายเส้นเรียบง่ายแต่ถ่ายทอดอารมณ์ได้
อย่างลึกซึ้ง ดอกบัวที่วาดออกมาแม้ขาดความวิจิตรประณีตหลายส่วน แต่กลับมีความงดงาม
อ่อนช้อยมากกว่าหลายส่วน เห็นแล้วงดงามตระการตา สวยงามโดดเด่นยิ่งยวด
โจวเสาจิ่นชื่นชอบเป็นอย่างมาก
ดวงตาฉายรอยยิ้มจนเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว
เฉิงฉือใจอ่อนยวบ ลูบผมของนาง
ทว่าโจวเสาจิ่นกลับใจกระตุก จับมือของเขา “ท่านก็วาดภาพองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมให้
ข้าสักภาพหนึ่งเถิดนะเจ้าคะ”
เฉิงฉือประหลาดใจเล็กน้อย
4684
นัยน์ตาของโจวเสาจิ่นมีรอยเจ้าเล่ห์สายหนึ่งวาบผ่าน กล่าวขึ้นว่า “ข้ารู้ว่าท่านวาดภาพ
ได้ดียิ่ง ข้าอยากจะปักภาพองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมภาพหนึ่งเจ้าค่ะ”
เฉิงฉือเอ่ยถามอย่างสงสัยใคร่รู้ “เจ้าอยากปักภาพองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมไปทําอะไร”
“ท่านถามแปลกๆ ไปได้นะเจ้าคะ” โจวเสาจิ่นบุ้ยปาก “ปักภาพองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม
ยังต้องถามว่าปักไปทําไมอีกหรือ แน่นอนว่าเพื่อเป็นการแสดงความจริงใจเจ้าค่ะ!”
เฉิงฉือรู้ว่าโจวเสาจิ่นศรัทธาในศาสนาพุทธ มิได้สงสัยอะไร แล้วถามนางว่าอยากจะให้
วาดภาพองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมภาพใดในทันที เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นก็เริ่มลงมือวาดภาพองค์พระ
โพธิสัตว์กวนอิมให้โจวเสาจิ่น กระทั่งตอนที่เฉิงสวี่พาหมิ่นเจียมาโขกศีรษะให้เฉิงฉือและคนอื่นๆ
เฉิงฉือก็ร่างภาพออกมาเสร็จแล้ว
เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าทรงสี่เหลี่ยมมาเช็ดมือ แล้วจึงถามชิงเฟิ งว่า “พวกเขาไปหาฮูหยินผู้
เฒ่าทางด้านนั้นหรือ แล้วฮูหยินเล่า”
ชิงเฟิงรีบตอบว่า “พวกเขาเข้าไปที่เรือนทิงเซียงแล้ว ฮูหยินปรนนิบัติฮูหยินผู้เเฒ่ากัวอยู่ที่
นั่นขอรับ!”
เฉิงฉือถึงได้พยักหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดชุดหนึ่งแล้วไปหาฮูหยินผู้เฒ่ากัว
หมิ่นเจียไม่ค่อยเหมือนกับคนฝูเจี้ยน
นางมีรูปร่างสูงโปร่ง ผิวพรรณขาวหมดจด ดวงตาหงส์คู่นั้นกวาดมองไปมาอย่างมีเสน่ห์
อากัปกิริยาผ่าเผย ท่าทางสูงส่งเป็นสง่า เห็นแล้วก็รู้ว่าเป็นคุณหนูตระกูลเก่าแก่ที่มีชาติกําเนิดดี
ประเภทนั้น
4685
โจวเสาจิ่นเห็นเฉิงสวี่ที่ก้มหน้าหลุบตาลงอยู่ข้างหนึ่ง ก็ลอบวิพากษ์อยู่ในใจอย่างอดไม่ได้
ชาติก่อนเฉิงสวี่ไม่รู้จักแม้แต่ค่าหน้าตาของหมิ่นเจียก็ถอนหมั้นกับตระกูลหมิ่นแล้ว หากเขารู้ว่า
เจ้าสาวใหม่ของเขารูปโฉมสะคราญถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าจะนึกเสียใจหรือไม่กันนะ
นี่เป็นครั้งที่สองที่หมิ่นเจียเห็นโจวเสาจิ่น
นางรู้ว่าหลานสาวผู้เป็นญาติเกี่ยวดองของจวนสี่ตระกูลเฉิงแต่งงานเป็นภรรยาของท่าน
อาสี่ของเฉิงสวี่
เมื่อเทียบกับคราวก่อนที่พบหน้ากัน ดูทีแล้วโจวเสาจิ่นกลับงดงามเฉิดฉันมากขึ้นหลาย
ส่วน ดูคล้ายบุปผชาติดอกหนึ่ง เจ้าคิดว่านางเบ่งบานสะพรั่งแล้ว ทว่าความจริงนางเพิ่งจะแย้ม
กลีบออกมาเล็กน้อยเท่านั้น
หากพูดถึงความงดงามสะคราญ เกรงว่าในตระกูลเฉิงไม่มีสะใภ้หรือหญิงสาวใดที่งดงาม
กว่าโจวเสาจิ่นแล้ว
ยังดีที่นางมิได้คิดจะเปรียบเทียบด้านความงามกับโจวเสาจิ่น นางเพียงต้องการให้ตนเอง
เป็นสะใภ้ผู้นั้นที่มีสง่าราศีที่สุดก็พอแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเห็นแล้วก็พยักหน้าด้วยความพอใจ แล้วมอบของขวัญแรกพบ
หมิ่นเจียแอบมองสํารวจโจวเสาจิ่น
เห็นสีหน้านางเป็นปรกติ ก็รู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่งอย่างอธิบายไม่ถูก
ทว่าตอนที่นางเห็นเฉิงสวี่คารวะเฉิงฉือ ในใจพลันรู้สึกราวกับมีหินก้อนหนึ่งกดทับอยู่ก็ไม่
ปาน หากไม่มีเหตุการณ์ให้เปรียบเทียบกันก็คงมองไม่ออก ตอนที่เฉิงสวี่ทําความเคารพโจวเสา
จิ่นแลดูแข็งกระด้างยิ่งนัก นางยังคิดว่าสาเหตุเป็นเพราะชาติกําเนิดและอายุของโจวเสาจิ่น ทว่า
ตอนที่เขาคารวะเฉิงฉือก็ดูค่อนข้างแข็งกระด้างเหมือนกัน… นั่นก็ไม่ถูกต้องนักเสียแล้ว!
4686
สายตาของหมิ่นเจียกลอกไปมา
นางตัดสินใจจะหาวิธีไถ่ถามถึงเรื่องความผิดปรกติแปลกๆ นี้ให้ได้
สุดท้ายพ่อสามีของนางอายุมากแล้ว อีกทั้งเฉิงสวี่ก็อ่อนต่อโลกเกินไป เฉิงฉือที่อายุอยู่
ระหว่างพ่อสามีกับเฉิงสวี่พอดีจึงกลายเป็นกุญแจสําคัญยิ่ง
เขาจะเป็นเหมือนท่านปู่รองเฉิงเซ่าที่แม้ว่าได้สร้างชื่อเสียงในด้านการงานหน้าที่แล้วแต่
หลังจากปกป้องหลานชายคนโตกลับมอบเส้นสายสัมพันธ์ของตระกูลเฉิงให้แก่หลานชายโดยไม่
รู้สึกอาลัยอาวรณ์เลยสักนิดเช่นนั้น หรือว่าจะวางแผนมุ่งร้ายเพราะเห็นแก่ทรัพย์สินเงินทองความ
รํ่ารวยและความรุ่งโรจน์ที่ได้จารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์กันนะ นี่เป็นเรื่องที่ใครก็กล่าวได้ไม่แน่ชัด
หมิ่นเจียมอบถุงเท้ารองเท้าที่ตนทําให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวและโจวเสาจิ่นให้แก่โจวเสาจิ่นด้วย
ตนเอง
โจวเสาจิ่นคลี่ยิ้ม หมุนกายมอบให้ชุนหว่าน
เฉิงสวี่ก็เอ่ยขึ้นว่า “ท่านย่า ท่านอาสี่ ท่านอา…สะใภ้ ในบ้านยังมีแขกเหรื่อ พวกข้าขอไม่
อยู่นานนัก วันหลังค่อยมาเยี่ยมพวกท่านใหม่นะขอรับ!”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวแย้มรอยยิ้มพลางพยักหน้าน้อยๆ กล่าวว่า “แต่งงานแล้ว ก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว
ต่อไปก็ไม่อาจใช้แต่อารมณ์ มีเรื่องอะไรก็ปรึกษาหารือกับภรรยาของเจ้า ดูนางแล้วก็เป็นผู้ที่
เฉลียวฉลาดคนหนึ่ง”
เฉิงสวี่รับคําอย่างนอบน้อม
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็ยกจอกชาขึ้นมา ให้เฉิงฉือส่งแขกแทนนาง
หมิ่นเจียแทบจะปกปิดความผิดหวังบนใบหน้าของตนไม่ได้เลยทีเดียว