ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่504 ไม่มีทางเลือก
การแต่งงานระหว่างตระกูลหมิ่นกับตระกูลเฉิงเป็นที่เล่าลือไปนานพักใหญ่ แม้หมิ่นเจีย
อาศัยอยู่ในห้องหอ ก็ยังได้ยินมาไม่มากก็น้อย
ตระกูลหมิ่นไม่มีบุตรหลานที่เข้าสู่ราชสํานักมาสิบกว่าปีแล้ว
เส้นสายบางเส้นสายเก็บรักษาได้ง่าย แต่หากไม่ก่อรากสร้างฐานใหม่ก็จะเปลี่ยนเป็น
ยากลําบากยิ่ง
ดังนั้นหลายปีมานี้ตระกูลหมิ่นจึงร้อนรนเล็กน้อย ทําให้ยากจะหลีกเลี่ยงการกระทําที่
หุนหันได้
การที่ตระกูลเฉิงกับตระกูลหมิ่นแต่งงานผูกสัมพันธ์กันนั้นเป็นความคาดหวังที่สอง
ตระกูลจะได้ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันในราชสํานัก แต่ความคิดเห็นของตระกูลหมิ่นต่อการ
แต่งงานระหว่างตระกูลหมิ่นกับตระกูลเฉิงกลับแยกออกเป็นสองฝ่ าย ฝ่ ายหนึ่งคิดว่าตระกูลเฉิง
เองก็จับจ้องตําแหน่งนั้นในราชสํานักเช่นกัน บางทีอาจจะไม่ให้ความช่วยเหลือตระกูลหมิ่นเลยก็
ได้ อีกฝ่ ายหนึ่งคิดว่าจวนหลักตระกูลเฉิงกําลังราดนํ้ามันบนกองไฟ ไม่แน่ว่าทั้งสองอาจจะ
ก้าวหน้าเคียงบ่าเคียงไหล่ไปพร้อมกันก็เป็นได้
หมิ่นเจียรู้ดีถึงหน้าที่ของตนต่อการแต่งงานนี้ จึงมิได้เรียกร้องอะไรมากจากเฉิงสวี่ ขอ
เพียงเขาให้ความเคารพนับถือตนได้ ให้เกียรติตามที่ตนเองสมควรได้รับก็พอแล้ว
แต่สิ่งที่นางคาดไม่ถึงคือเฉิงสวี่จะเก็บอารมณ์ไม่ได้ถึงเพียงนี้
หากเขาปรารถนาจะเดินบนเส้นทางขุนนางให้ไกลยิ่งขึ้น จะตีตัวออกหากจากการ
สนับสนุนของท่านอาสี่ที่ขณะนี้กําลังสร้างชื่อเสียงโด่งดังในสํานักฮั่นหลินอย่างรวดเร็วไม่ได้โดย
เด็ดขาด
4688
หรือว่าเขายังไม่เข้าใจถึงจุดนี้อย่างถ่องแท้กันนะ
พวกพี่ชายต่างพูดชมว่าเฉิงสวี่ดีอย่างนั้นดีอย่างนี้ เป็นพวกพี่ชายกับบิดาที่ชมมากเกินไป
หรือว่าเป็นเฉิงสวี่ที่อายุน้อยเกินไป บางครั้งจึงขาดชั้นเชิงในการปฏิบัติตัว
นางอดกัดริมฝีปากไม่ได้ จนกระทั่งตามเฉิงสวี่ขึ้นเกี้ยวแล้ว เกี้ยวโยกไหวขณะมุ่งไปยัง
ซอยซิ่งหลิน ถึงได้พรูลมหายใจยาวเหยียด ตัดสินใจว่าตอนที่กลับบ้านเดิมในวันที่สามค่อยคุย
เรื่องนี้กับพี่ชายให้ดี
ขณะที่ความคิดโฉบแล่นในหัว นางนึกถึงว่าเดือนสามฟางเซวียนก็จะแต่งงานกับพี่ชาย
ของนางแล้ว สีหน้าก็ผ่อนคลายลงมาอย่างอดไม่ได้
นางกับฟางเซวียนสนิทสนมกันได้ดีหากบ้านเดิมมีน้องสะใภ้สักคนหนึ่งอย่างนี้ นางก็
รู้สึกสบายใจ
ไม่นานเกี้ยวก็ถึงซอยซิ่งหลิน ชิวซื่อประคองนางลงจากเกี้ยวด้วยตนเอง
บ้านสามีให้ความสําคัญกับนางถึงเพียงนี้ หมิ่นเจียดีใจเป็นอย่างมาก ความทุกข์ที่ประตู
เฉาหยางเมื่อครู่ก็ถูกนางสะกดไว้ในใจอย่างรวดเร็ว
แม้ญาติของตระกูลเฉิงมีไม่มากนัก แต่สหายเก่าแก่กลับมีเป็นจํานวนมาก ยังดีที่นางได้
ทําการบ้านก่อนจะแต่งงานออกเรือนมา หลังจากยกนํ้าชาคารวะหนึ่งรอบและมอบถุงเท้ารองเท้า
ให้เรียบร้อยแล้ว นางก็มีภาพจําโดยรวมภาพหนึ่งแล้ว
เมื่อเห็นว่าอู๋เป่ าจางก็อยู่ด้วย หมิ่นเจียอดมองนางครั้งหนึ่งไม่ได้ แล้วเป็นฝ่ ายก้าวไป
สนทนากับนางก่อนว่า “…เหตุใดอาสะใภ้เวิ่นถึงไม่ได้มากับเจ้าหรือ ท่านอาสี่เพิ่งจะแต่งงาน ท่าน
อารองมีเพียงน้องชายรั่งคนเดียว ข้าเลยไม่มีพี่น้องสะใภ้สักคนหนึ่ง อยากจะหาคนคุยก็ไม่มี เจ้า
จะกลับจินหลิงเมื่อใด ถ้ามีเวลาว่าง มาเยี่ยมเยียนข้าบ่อยๆ ก็ได้”
4689
อู๋เป่ าจางเห็นหมิ่นเจียแต่งหน้าแต่งตัวอย่างสง่าผ่าเผยถึงเพียงนั้น นึกถึงคํายกย่อง
ชมเชยที่ทุกคนมีให้แก่นางเมื่อครู่ ก็อดยิ้มเย็นในใจไม่ได้
เจ้าคุณหนูใหญ่ตระกูลหมิ่นผู้นี้ต่อให้ตอนที่อยู่ในตระกูลหมิ่นเจ้าถูกพี่ชายผู้เป็ นจ้วง
หยวนผู้นั้นประคบประหงมในมือแล้วอย่างไร มิใช่ว่าเพียงเก็บสิ่งที่โจวเสาจิ่นไม่ต้องการเท่านั้น
หรอกหรือ มีอะไรน่าภูมิใจกันรึ!
แม้ในใจของนางรู้สึกสลับซับซ้อน ทว่าดวงหน้ากลับยิ้มแย้มสดใส ตอบว่า “ที่บ้านยังมี
เรื่องวุ่นวายอยู่ แม่สามีของข้าไหนเลยจะมาได้ ตอนที่พวกข้ามาร่วมงานแต่งงานของท่านอาฉือ
พ่อสามีคิดว่าจิงเฉิงดียิ่ง จึงเปิดร้านขายใบชาร้านหนึ่งที่ประตูซีจื๋อทางด้านโน้น ส่วนเรื่องที่จะ
กลับไปเมื่อใดนั้น ต้องดูว่าพ่อสามีวางแผนอย่างไร พี่สะใภ้น่ารักอย่างนี้ หากมีเวลาว่างข้าจะต้อง
มาหาพี่สะใภ้บ่อยๆ อย่างแน่นอน”
ทั้งสองคนเจ้าพูดประโยคหนึ่ง ข้าพูดประโยคหนึ่งสลับกันไป จวบจนตอนที่อู๋เป่ าจาง
รํ่าลากลับไป ก็สนิทสนมกันประหนึ่งเป็นสหายรักตั้งแต่แรกพบแล้ว
หมิ่นเจียไปส่งนางถึงหน้าประตูชั้นในด้วยตนเอง
ทว่าพออู๋เป่าจางขึ้นเกี้ยวไปดวงหน้ากลับดําดิ่งลงมา
นางยังคิดว่าจะได้เจอโจวเสาจิ่นหรือไม่ก็เฉิงฉือ ไม่นึกเลยว่าหยวนซื่อกลับอ้างว่าฮูหยินผู้
เฒ่ากัวต้องการคนปรนนิบัติจึงส่งทั้งสองคนนั้นไปอยู่ข้างกายฮูหยินผู้เฒ่ากัว
เป็นการปล่อยโจวเสาจิ่นไปอย่างง่ายดายเสียจริงๆ
เพียงแต่ไม่รู้ว่าตอนที่เฉิงสวี่โขกศีรษะให้แก่โจวเสาจิ่นขณะยกนํ้าชาทักทายนางว่า ‘ท่าน
อาสะใภ้’ จะมีสีหน้าท่าทางอย่างไร…
นางนึกถึงแล้วก็หัวเราะขึ้นมา
4690
ทว่าครั้นเกี้ยวของอู๋เป๋ าจางเคลื่อนออกจากซอยซิ่งหลินแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของ
หมิ่นเจียก็จางหายไปเช่นกัน
นางกระซิบถามซู่เย่ว์สาวใช้ใหญ่ข้างกายที่ปรนนิบัติรับใช้นางตั้งแต่เล็กจนโตขึ้นว่า “เห็น
แม่สามีของข้าหรือไม่”
ซู่เย่ว์กระซิบตอบว่า “ฮูหยินของขุนนางใหญ่หยวนกับฮูหยินรองตระกูลฟางเตรียมตัวจะ
กลับแล้ว ฮูหยินกําลังสนทนากับพวกนางอยู่เจ้าค่ะ!”
งานแนะนําตัวเจ้าสาวกับเครือญาติในครั้งนี้ คนจากตระกูลหยวนกับตระกูลฟางมากัน
ค่อนข้างมาก
หมิ่นเจียพยักหน้าน้อยๆ แล้วมุ่งไปยังห้องอุ่นที่ฮูหยินหยวนพักผ่อนอยู่อย่างยิ้มแย้ม
ทางด้านโจวเสาจิ่นหลังจากส่งเฉิงสวี่กับหมิ่นเจียกลับไปแล้ว เพียงรู้สึกโล่งใจไปเปลาะ
หนึ่ง
เรื่องงานแต่งงานคงนับได้ว่าสิ้นสุดแล้วกระมัง
นางคงไม่ต้องไปมาหาสู่กับซอยซิ่งหลินสักพักใหญ่ๆ แล้วล่ะ
โจวเสาจิ่นไปที่เรือนทิงเซียงอย่างเริงร่า กล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวว่า “ท่านยายบอกว่า
พรุ่งนี้อยากจะมาเยี่ยมเยียนพวกเรา อีกไม่นานนางก็ต้องกลับเมืองจินหลิงแล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพยักหน้า รู้สึกเศร้าสร้อยเล็กน้อย ให้เจินจูไปหยิบยาบํารุงมากมายจาก
ห้องเก็บของ พลางกล่าวอย่างทอดถอนใจกับโจวเสาจิ่นว่า “เกรงว่าในภายหน้าคงยากจะได้พบ
หน้ากันอีก”
4691
ฮูหยินผู้เฒ่ากวนกับฮูหยินผู้เฒ่ากัวต่างอายุมากแล้ว คนหนึ่งคงจะไม่ออกไปจากจิงเฉิง
ง่ายๆ อีกคนก็คงจะไม่ออกไปจากจินหลิงง่ายๆ การรํ่าลาในครั้งนี้ ก็ยากจะได้พบกันอีกในภาย
ภาคหน้าจริงๆ
โจวเสาจิ่นเองก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย แต่ยังปลอบโยนฮูหยินผู้เฒ่ากัวว่า “โครงกระดูกของ
ท่านพ่อยังฝังอยู่ที่จินหลิง อีกสักสองสามปีพวกเราก็ต้องกลับไปกราบไหว้สักครั้ง จะไม่ได้เจอกัน
อีกได้อย่างไร สิ่งสําคัญคือท่านต้องดูแลรักษาสุขภาพให้ดีถึงจะถูกนะเจ้าคะ”
“ถ้อยคํานี้ก็มีเหตุผล” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวรู้ว่าบุตรสะใภ้กําลังปลอบประโลมตนอยู่ จึงไม่ได้พูด
อะไรมากเมื่ออยู่ต่อหน้า แต่เปลี่ยนเรื่องคุยไปว่า “พรุ่งนี้เจ้าสี่ก็กลับไปทํางานแล้วใช่หรือไม่ เขาอยู่
ในสํานักตรวจการเป็นอย่างไรบ้าง มีเรื่องลําบากใจอะไรหรือไม่”
นางยํ้าเตือนโจวเสาจิ่นว่าควรจะดูแลเฉิงฉืออย่างไร
โจวเสาจิ่นนึกถึงเฉิงฉือที่ยังมีเรี่ยวแรงตระกองกอดนาง ใบหูก็ขึ้นสีแดงเรื่อ กล่าวอย่างไร้
เดียงสาว่า “นายท่านสี่ลางานเพียงสี่วัน พรุ่งนี้ก็ต้องไปทํางานในที่ว่าการแล้วเจ้าค่ะ สําหรับเรื่อง
ที่ว่านายท่านสี่ทํางานในสํานักตรวจการเป็นอย่างไรบ้างนั้น… ข้าคิดว่าท่านไม่ต้องกังวลแทนนาย
ท่านสี่ ด้วยความสามารถของนายท่านสี่ หากเขาอยากจะผูกมิตรกับผู้ใด คนผู้นั้นจะต้อง
กลายเป็นสหายที่ดีของเขาอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วก็คลี่ยิ้มออกมา
เฉิงฉือก็มีความสามารถเช่นนั้นจริงๆ
ดูเหมือนโจวเสาจิ่นยังเอาใจใส่เรื่องของบุตรชายมาก
นางลอบพยักหน้า
4692
วันนี้ไม่ง่ายเลยที่เฉิงฉือจะอยู่บ้าน ทว่าโจวเสาจิ่นกลับไม่อยากให้เสียเวลาดีๆ ไปอย่างนี้
จึงเสนอขึ้นว่า “ท่านแม่ วันนี้พวกเราไปนั่งเรือเล่นกันเถิดนะเจ้าคะ ชวนนายท่านสี่มาด้วย จะได้
วาดภาพในศาลาริมนํ้า… อากาศวันนี้ดียิ่งนะเจ้าคะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วก็คิดว่าดีเหมือนกัน
โจวเสาจิ่นจึงเรียกพวกบ่าวหญิงไปจัดเตรียมเรือ ทั้งยังให้ครัวตระเตรียมขนมและของว่าง
ที่กินบนเรือได้ ให้คนเก็บกวาดศาลาริมนํ้าให้เรียบร้อย ที่ใดควรจะปูเบาะรองก็ให้ปูเบาะรอง ควร
จะวางหมอนอิงก็ให้วางหมอนอิง ส่วนตนเองก็ไปลากเฉิงฉือขึ้นมาจากเก้าอี้มีเท้าแขนหน้าโต๊ะ
หนังสือ ขณะร้องพึมพําว่า “อากาศดีเช่นนี้ ต่อให้อยากอ่านหนังสือ ก็ควรจะอ่านในศาลาริมสระ
นํ้าถึงจะถูก หมกตัวอยู่ในห้องหนังสือมีแต่จะเสียบรรยากาศไปเปล่าๆ นะเจ้าคะ!”
เฉิงฉือไม่มีทางเลือก ได้แต่วางหนังสือลงแล้วไปเรือนทิงเซียงพร้อมกับโจวเสาจิ่น
พวกบ่าวหญิงรับใช้บ้างก็ไปหยิบเบาะรอง บ้างก็ไปริมสระนํ้าเคลื่อนย้ายเรือลําหนึ่ง บ้าง
ก็ยกกระถางธูป พรม และเครื่องเขียนทั้งสี่ไปที่ศาลาริมสระนํ้า ประตูเฉาหยางที่เงียบวิเวกในยาม
ปรกติกลับเหมือนกับในช่วงปีใหม่อย่างไรอย่างนั้น ทุกคนวิ่งวุ่นไปมากันหมด
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวห็นแล้วอดรู้สึกทอดถอนใจเป็นอย่างมากไม่ได้ กล่าวกับหลี่ว์มามาว่า
“เดิมทียังกลัวว่าเสาจิ่นเจ้าเด็กคนนี้มีความเป็นเด็กมากเกินไป ทว่าตอนนี้เห็นแล้ว ความเป็นเด็ก
อย่างนี้ก็มีข้อดีของมันเหมือนกัน เจ้าดูสิในบ้านคึกคักรื่นเริงยิ่ง!”
หลี่ว์มามากล่าวอมยิ้มว่า “ในบ้านคึกคักรื่นเริงสักหน่อยก็ดีนะเจ้าคะ! แต่ก่อนเรือนหานปี้
ซานเงียบเชียบเกินไป”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวอารมณ์ดียิ่งจึงล้อเล่นกับหลี่ว์มามาขึ้นว่า “กล้าโทษข้าเชียวหรือ แม้ข้า
อยากจะสร้างความครึกครื้นแต่อยู่คนเดียวจะสร้างความครึกครื้นได้อย่างไร!”
4693
หลี่ว์มามาพูดประจบประแจงฮูหยินผู้เฒ่ากัวว่า “ประเดี๋ยวนายท่านสี่เพิ่มหลานอ้วนท้วน
ให้ท่านแล้ว บ้านนี้ก็จะยิ่งคึกคักรื่นเริงนะเจ้าคะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพยักหน้าไม่หยุด
วันรุ่งขึ้นหลังจากจัดงานเลี้ยงต้อนรับฮูหยินผู้เฒ่ากวน วันถัดไปก็ไปส่งฮูหยินผู้เฒ่ากวน
เดินทางออกจากจิงเฉิง เมื่อกลับถึงเรือนที่ประตูเฉาหยาง หมิ่นเจียที่กลับบ้านเดิมมาก็ส่งหมัวมัว
มามอบของฝากจากฝูเจี้ยนให้ ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจึงมอบหมายให้โจวเสาจิ่น ให้นางจัดการตาม
เห็นสมควร โจวเสาจิ่นจึงผลักไปให้ซางมามา ให้นางไปจัดการเอง ส่วนตนยังคงตื่นขึ้นในตอนเช้า
หลังจากส่งเฉิงฉือออกไปแล้วก็นอนหลับต่อ ตอนบ่ายก็ไปฝึกคัดอักษรและวาดภาพที่เรือนทิง
เซียง
ยามที่ลมหอบไออุ่นพัดโชยบนใบหน้า เฉิงเจียก็อําลาพวกนาง นางต้องกลับไปลั่วหยาง
แล้ว
โจวเสาจิ่นฝากนางนําสิ่งของมากมายไปให้โจวเจิ้น หลี่ซื่อและจูจูที่เมืองเป่าติ้ง
วันที่เฉิงเจียออกเดินทาง เฉิงเจิง เฉิงเซียวและเฉิงเซิงต่างมาส่งนาง
อารมณ์ของโจวเสาจิ่นก็หดหู่ลงมา
ระดูของนางมาอีกแล้ว
ครั้งนี้เฉิงฉือหลอกล่อนางอย่างไรนางก็ไม่ร่าเริงเลยสักนิด
นางเริ่มหาเวลามาปักภาพองค์พระโพธิสัตว์กวนอิมถือแจกันและกิ่งหลิวภาพนั้นที่เฉิงฉือ
ช่วยวาดให้นาง
นี่เป็นของที่นางเตรียมจะถวายที่เขาผู่ถัวเพื่อขอบุตรให้นางกับเฉิงฉือ
4694
เฉิงฉือเห็นท่าทางซึมเศร้าของนาง ก็เริ่มวิพากษ์ตนเองว่าทําเกินไปหรือไม่อย่างอดไม่ได้
แม้ว่าสิ่งที่เขาทําล้วนเป็นเพื่อผลดีของนาง แต่ถ้าหากผลดีนี้กลับทําให้นางไม่มีความสุข
เช่นนั้นยังจะมีความหมายอะไรเล่า
เฉิงฉือครุ่นคิดว่าควรจะออกไปเที่ยวเป็นเพื่อนโจวเสาจิ่นดีหรือไม่
ทว่าชิวซื่อกลับมาเชิญโจวเสาจิ่นไปเป็นแขกที่บ้าน บอกว่างานแต่งงานของเฉิงรั่งกับ
คุณหนูสามตระกูลเซี่ยได้กําหนดเรียบร้อยแล้ว งานหมั้นเล็กจัดขึ้นในวันที่สิบหกเดือนสาม
อยากจะเชิญโจวเสาจิ่นกับผู้เปี่ยมด้วยพรทุกประการไปปักปิ่นให้ฝ่ายหญิงด้วยกัน
โจวเสาจิ่นย่อมต้องเต็มใจไปเป็นธรรมดา จากนั้นก็พานางไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากัวและ
เชิญนางอยู่รับประทานมื้อเที่ยง
ชิวซื่อก็ไม่เกรงใจนาง พูดถึงงานปักปิ่นขึ้นว่า “เดิมทีอยากเชิญพี่สะใภ้ แต่คุณหนูหก
ตระกูลฟางกําลังจะออกเรือน นางเลยต้องไปช่วยงาน ข้าครุ่นคิดแล้วเลยมาเชิญเจ้าไป จะดีจะ
ร้ายเจ้าก็เป็นอาสะใภ้ของรั่งเกอเอ๋อร์”
โจวเสาจิ่นพยักหน้ายิ้มๆ นึกถึงปีนั้นที่ไปร่วมงานปักปิ่นของเหอเฟิ งผิงให้บ้านเฉิงเก้า
พร้อมกับเฉิงฉือ รีบถามว่า “ได้เชิญผู้ใดเป็นพ่อสื่อ ผู้เปี่ยมด้วยพรทุกประการคือผู้ใด ยังมีใครไป
อีกบ้างเจ้าคะ”
“เชิญสหายร่วมงานสองท่านของนายท่านรองไปเป็นพ่อสื่อ สะใภ้สามตระกูลอู๋เป็นผู้
เปี่ยมด้วยพรทุกประการ อาเซิงตั้งครรภ์อยู่ ไม่รู้ว่าทางด้านโน้นมีข้อต้องห้ามอะไรบ้างหรือไม่ เลย
เชิญเจ้ากับอาเจิงและอาเซียวสองพี่น้อง”
“ถึงเวลานั้นข้าจะต้องแต่งตัวให้สวยงาม ไม่ให้ขายหน้ารั่งเกอเอ๋อร์แน่เจ้าคะ!” โจวเสาจิ่
นยิ้มตาหยีขณะกล่าว
4695
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกับชิวซื่อพากันหัวเราะขึ้นมา
โจวเสาจิ่นก็ขอให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวแนะนํานางว่าควรช่วยเจ้าสาวใหม่ปักปิ่นอย่างไร ควร
จะพูดถ้อยคํามงคลอะไรบ้าง มีข้อต้องห้ามอะไร
นี่ล้วนเป็นเรื่องการวางตัวในงานมงคล
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวตั้งใจสั่งสอน โจวเสาจิ่นเองก็ตั้งใจรํ่าเรียนเช่นกัน
จวนจนเมื่อถึงวันนั้น โจวเสาจิ่นก็ตื่นแต่เช้าตรู่ มวยผมขึ้นเป็นทรงตกหลังม้า ปักปิ่นรูป
ดอกไม้ติดขนนกกระเตน และสวมชุดเพ่ยจื่อสีครามตัวหนึ่งแล้วเตรียมตัวออกไป
เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้ามิได้บอกไว้หรอกหรือว่าอยากจะแต่งตัวให้สวยงาม”
โจวเสาจิ่นพูดปนหัวเราะว่า “เพียงพูดไปเท่านั้นเอง ต่อให้แต่งตัวสวยงามเพียงใดก็มิอาจ
งดงามกว่าเจ้าสาวใหม่ได้นะเจ้าคะ!”
แต่กระนั้น เพียงกลัวจะไปข่มเจ้าสาวใหม่ผู้นั้นมากกว่า
เฉิงฉือคิดว่าต่อให้ภรรยาของตนให้กําเนิดบุตรชายห้าคนและบุตรสาวสามคนในอนาคต
เกรงว่าก็ยากจะเป็นผู้เปี่ยมด้วยพรทุกประการผู้นั้นได้
สองสามีภรรยาออกจากเรือนไปพร้อมกัน
เฉิงฉือมุ่งไปที่ทําการของสํานักตรวจการ ส่วนโจวเสาจิ่นไปที่บ้านของเฉิงเว่ย
ไม่คาดคิดว่าพอนางเดินเข้าประตูไปกลับเจอหมิ่นเจีย
นางก็ตามไปร่วมงานหมั้นเล็กของคุณหนูสามตระกูลเซี่ยเช่นกัน