ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่508 ยุยงปลุกปั่น
จริงด้วย!
ความจริงอู๋เป่ าจางเป็นแขกที่เชิญมา แต่ถ้าหากนางไม่มีแผนในใจ จะได้รับคําเชิญได้
อย่างไร
โจวเสาจิ่นชําเลืองมองนางทีหนึ่ง
สายตาเยียบเย็นเผยให้เห็นรอยรังเกียจหลายส่วน จากนั้นก็มองไปทางหมิ่นเจียตรงๆ
หมิ่นเจียหรี่ตาลง
เฉิงสวี่สัมผัสถึงบรรยากาศผิดปรกติ
เขามองไปตามแนวสายตาของโจวเสาจิ่น เห็นหมิ่นเจียยืนอยู่ใต้ต้นทับทิม
มุมปากของเฉิงสวี่ค่อยๆ ยกขึ้นมา เผยให้เห็นรอยยิ้มเหยียดหยันแกมดูแคลน
หมิ่นเจียดวงหน้าถอดสี
นี่เฉิงสวี่หมายความว่าอย่างไร
นางเป็นภรรยาของเขา เหตุใดเขาถึงได้เมินเฉยตนต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้เล่า
การแต่งงานระหว่างพวกเขาเกี่ยวโยงไปถึงอนาคตของทั้งสองตระกูล หาได้เป็นการ
แต่งงานธรรมดาทั่วไป ฉะนั้นระหว่างพวกเขาก็ควรให้เกียรติกันและกันถึงจะถูก หากว่าแม้แต่สิ่ง
นี้ก็ทําไม่ได้ เช่นนั้นยังจะมีอะไรให้พูดอีกเล่า
สีหน้าของหมิ่นเจียเปลี่ยนเป็นถมึงทึงขึ้นมา
ทว่าเฉิงสวี่กลับไม่แลมองนางอีก
4726
เขาก้าวเท้าออกไปสองสามก้าวจนอยู่หน้าโจวเสาจิ่น น้อมกายทําความเคารพโจวเสาจิ่
นอย่างนอบน้อมครั้งหนึ่ง กล่าวเสียงเคร่งขรึมว่า “เรื่องราวในอดีตล้วนเป็นความผิดของข้า ข้าขอ
โทษท่าน หวังว่าท่านจะให้อภัยความผิดของข้า!” ขณะที่กล่าว เขาก็ค้อมกายทําความเคารพอีก
ครั้ง
โจวเสาจิ่นตะลึงงัน จากนั้นก็รู้สึกดวงตาแสบร้อน นํ้าตาก็รินไหลลงมา
เกิดมาเป็นคนสองชาติภพ ความทุกข์ระทม ความไม่เป็นธรรม และความขุ่นแค้น
มากมายเพียงนั้น…
ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเฉิงหรือเฉิงสวี่ เป็นครั้งแรกที่มีคนขอโทษนาง
บอกว่านั่นมิใช่ความผิดของนาง!
บอกว่าเขาทําผิดต่อนาง!
นางหันหลังกลับ ปิดปากสะอื้นไห้ขึ้นมาอย่างไร้สุ้มเสียง
ดวงตาของเฉิงสวี่พลันเต็มไปด้วยนํ้าตา
ตั้งแต่โจวเสาจิ่นไปจากจินหลิง เขาก็ขบคิดใคร่ครวญมากมาย
นึกถึงตนเองที่ตกหลุมรักนางตั้งแต่แรกพบ นึกถึงตนเองที่ไล่ขอความรักจากนาง นึกถึง
ตนเองที่ไม่ทําตามคําอ้อนวอนของนาง… ซํ้ายังผลักเรือไปตามนํ้าลงมือทําร้าย!
ดังเช่นที่ท่านย่ากล่าวไว้ ตอนที่เขาคว้าโอกาสได้เขากลับไม่คว้า ตอนที่เขาไม่มีที่ยืนเขา
กลับดึงดันต่อไป เขาก็ถูกชะตากําหนดไว้ไม่ให้สมดั่งใจหวัง
ในทางกลับกันเขาลากนางลงนํ้าแทน
เขาติดค้างคําอธิบายหนึ่งต่อนาง
4727
นอกจากนี้นางเป็นอาสะใภ้ของเขาแล้ว ระหว่างทั้งสองคนขวางกั้นไว้ด้วยคูนํ้าสายหนึ่ง
ต่อไปหากไม่มีเหตุการณ์สําคัญอะไร ต่อให้พบหน้ากัน ก็มิอาจพูดคุยกันได้แม้ประโยคเดียว
ในเมื่อครั้งนี้ได้พบกันแล้ว เขาก็จะทําเหมือนที่ท่านย่าบอก เป็นบุรุษที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่
อย่างผ่าเผยสักครั้งหนึ่ง ทําเรื่องที่ตนควรจะทําและทําได้
จากนี้ไปถึงจะปล่อยวางลงได้จริงๆ
นางเดินบนเส้นทางของนาง ตนเดินข้ามสะพานของตน ไม่ต้องพะวงอะไรอีกแล้ว
เฉิงสวี่ยืดตัวตรง
ตั้งแต่เกิดเรื่องที่สวนดอกไม้ เป็นครั้งแรกที่เขาค้นพบว่าท้องฟ้ากว้างใหญ่และแผ่นดิน
กว้างขวางถึงเพียงนี้ เส้นทางเบื้องหน้าเขาทั้งกว้างและยาว… เส้นทางที่เขาอยากจะเดินยังมีอีก
ยาวไกล
เขาคลี่ยิ้มน้อยๆ หมุนกายไปโดยไม่เหลียวซ้ายแลขวา เดินผ่านหมิ่นเจียไป แล้วสาวเท้า
ก้าวใหญ่เดินออกไป
สีหน้าของหมิ่นเจียไม่น่ามองได้มากเท่าไรก็ไม่น่ามองได้มากเท่านั้น
เฉิงสวี่เป็นคนที่นางเรียกเข้ามา ส่วนโจวเสาจิ่นเป็นคนที่อู๋เป่ าจางเรียกออกมา แต่นาง
ไม่ได้จะให้เฉิงสวี่ไม่สนใจเรื่องส่วนตัว เห็นโจวเสาจิ่นแล้วก็ขอโทษนางสักหน่อย! นางยิ่งคาดไม่ถึง
ว่าโจวเสาจิ่นจะร้องไห้ขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ด้วย
ขอโทษ?
ขอโทษอะไรโจวเสาจิ่น
เนื่องจากการแต่งงานกับตนทําให้ติดค้างโจวเสาจิ่นอย่างนั้นหรือ
4728
ในเมื่อหากติดค้างกันแล้วก็ติดค้างกันไป เหตุใดเจ้าโจวเสาจิ่นยังต้องแต่งงานเข้าตระกูล
เฉิง ซํ้ายังแต่งให้เฉิงฉือท่านอาสี่ของเฉิงสวี่ด้วยเล่า
หมิ่นเจียคิดว่าตนก็เป็นคนที่ผ่านประสบการณ์มามากมายเช่นกัน ทว่าก็ยังโมโหโทโสจน
ปวดตับอยู่ดี
อู๋เป๋ าจางเองก็เบิกดวงตาโพลง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหลือเชื่อ
เฉิงสวี่…ถึงกับขอโทษโจวเสาจิ่น!
ความภาคภูมิของสวรรค์ผู้นั้น เฉิงสวี่ผู้ไม่เคยเหลียวแลผู้ใด คุณชายใหญ่ของตระกูลเฉิง
แห่งซอยจิ่วหรู บุตรชายเพียงคนเดียวของเฉิงจิงผู้เป็นขุนนางใหญ่ในราชสํานักรัชกาลนี้ เฉิงสวี่ที่
ตระกูลมารดาคือหยวนซื่อแห่งถงเซียง ไม่คาดคิดว่าจะขอโทษโจวเสาจิ่นที่กําพร้ามารดาตั้งแต่
เด็ก ซํ้ายังเป็นคุณหนูที่มาอาศัยอยู่กับจวนสี่ของตระกูลเฉิงผู้นี้!
ทําไม?
ทําไมโจวเสาจิ่นนางถึงได้เป็นที่รักใคร่หวงแหนถึงเพียงนี้ ส่วนคนอื่นกลับเป็นโคลนใต้เท้า
กันนะ
สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!
อู๋เป่าจางไม่อยากจะเชื่อ
นางหัวเราะขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ พลางกล่าวว่า “คาดไม่ถึงจริงๆ เลยว่า พี่ชายสวี่กับอา
สะใภ้เล็กของพวกเราจะเข้าอกเข้าใจและสนิทสนมกันถึงเพียงนี้ บุรุษสูงเจ็ดฉื่อ ยังต้องขอโทษอา
สะใภ้เล็ก…”
4729
โจวเสาจิ่นร้องไห้ออกมาแล้ว จิตใจราวกับได้รับการชําระล้างจากนํ้าแร่ใสสะอาดก็ไม่
ปาน สงบสุขเป็นอย่างมาก
นางหันหน้ากลับมาอย่างสงบเยือกเย็น ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับนํ้าตาที่ขอบตา แล้วชําเลือง
มองอู๋เป่ าจาที่หวังจะสร้างความวุ่นวายอย่างกระตือรือร้น จากนั้นก็กล่าวกับหมิ่นเจียว่า “หลาน
สะใภ้สวี่ ข้าว่าเจ้าก็เป็นคนที่เฉลียวฉลาดผู้หนึ่ง อย่าฟังคนอื่นพูดเรื่องเหลวไหลแล้วหลงเชื่อไป
หมด หากว่าเจ้ามีเรื่องสงสัยในใจ ไม่สู้กลับไปถามแม่สามีของเจ้าเสียยังจะดีกว่า ทําตัวหูเบา
เช่นนี้ มีแต่จะทําให้คนอื่นใช้ประโยชน์เสียเปล่าๆ ก็เท่านั้น อย่างไรก็ตามจิตใจของมนุษย์นั้นเสื่อม
โทรม ไม่รู้ดีชั่ว เกรงว่าหากสร้างความวุ่นวายจนเป็นที่ขบขัน ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ตนเองเสียหน้า
ยังทําให้ตระกูลเฉิงเป็นที่อับอายขายหน้า วันนี้เป็นวันมงคลของอาเซิง เจ้าเป็นอาสะใภ้ อย่าทําให้
อาเซิงต้องเสียหน้าตามไปด้วยเลย รีบเก็บสีหน้าบึ้งตึงนี้กลับไป แล้วเข้าไปทักทายปราศรัยกับ
บรรดาฮูหยินและกูไหน่ไนของญาติๆ พร้อมกับข้าถึงจะถูก”
พูดเสร็จก็หมุนกายเข้าเรือนไป
หมิ่นเจียประเดี๋ยวหน้าแดงประเดี๋ยวหน้าซีด แม้แต่คําแก้ตัวประโยคหนึ่งก็พูดไม่ได้ สาด
ตามองอู๋เป่าจางอย่างลึกซึ้งทีหนึ่ง สูดลมหายใจลึกๆ สองเฮือก ก่อนหมุนกายเข้าห้องโถงไป แล้ว
จึงได้ยินโจวเสาจิ่นผู้นั้นกําลังกล่าวยิ้มๆ กับหลี่ว์มามาที่ปรนนิบัติอยู่ข้างๆ ฮูหยินผู้เฒ่ากัวว่า “เมื่อ
ครู่ออกไปแล้วผงเข้าตา เจ้าช่วยข้าดูที มีอะไรหรือไม่ แสบตายิ่งนัก!”
ทันทีที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกับฮูหยินเผิงได้ยินแล้วก็ลุกขึ้นมาเข้าไปดู พลางเอ่ยถามอย่างเป็น
ห่วงว่า “เป็นอะไรไปหรือ เจ็บมากหรือไม่”
โจวเสาจิ่นส่ายศีรษะพลางกล่าวว่า “ไม่เจ็บหรือคันเลยเจ้าคะ”
4730
ฮูหยินเผิงรีบส่งคนไปหยิบตะเกียงมาแล้วส่องดูด้วยตนเอง หนํ้าซํ้ายังกลัวว่าสายตาของ
ตนไม่แหลมคมพอ เรียกบุตรสาวอายุสิบห้าปีของตนมาช่วยดูให้โจวเสาจิ่นอีกคน เมื่อเห็นว่า
นอกจากดวงตาบวมแดงเล็กน้อยแล้ว อย่างอื่นล้วนปรกติหมด จึงรู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
บ่าวรับใช้นําผ้าเย็นมาช่วยประคบตาให้โจวเสาจิ่นนานพักใหญ่ แล้วจึงวางใจลงได้
หมิ่นเจียเห็นแล้วก็อึ้งงันไปครู่หนึ่ง
หากเป็นเหมือนโจวเสาจิ่นเช่นนี้ จึงจะนับว่าเป็นบุตรสะใภ้ที่ทําให้แม่สามีโปรดปรานได้
กระมัง
นางยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน ทว่าผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมสีขาวกลับถูกขยํ้าจนเป็นก้อนกลม
อู๋เป่าจางเห็นแล้วก็อดหัวเราะเงียบๆ ไม่ได้
นึกถึงในตอนนั้น เฉิงฉือของจวนหลักพยายามทุกวิถีทางเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องนี้ให้มิด ซํ้า
ยังแต่งโจวเสาจิ่นเป็นภรรยาโดยไม่สนใจ คิดว่าหากเรื่องนี้ดําเนินต่อไปได้อย่างนี้ นางก็อยากจะดู
ว่า ตอนนี้เรื่องราวได้ถูกผลักไปอยู่หน้าหมิ่นเจียแล้ว พวกเขาจะเล่นละครต่อไปอย่างไร!
ตอนที่โจวเสาจิ่นกลับถึงบ้าน เฉิงฉือก็กลับจากที่ทําการนานแล้ว ยืนต้อนรับนางกับฮู
หยินผู้เฒ่ากัวหน้าประตูชั้นใน
“วันนี้ทางด้านโน้นคงจะคึกคักมากกระมัง” เขาก้าวเข้ามา ด้านหนึ่งประคองฮูหยินผู้
เฒ่ากัวลงจากเกี้ยวด้วยตนเอง อีกด้านหนึ่งก็กล่าวยิ้มๆ ว่า “ท่านเหนื่อยหรือไม่ขอรับ อยากจะให้
ข้าช่วยนวดขาให้ท่านหรือไม่”
4731
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวยินดีเป็นอย่างมาก คลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าอยากจะนวดขาอะไร ข้าง
กายข้ามีบ่าวหญิงรับใช้ปรนนิบัติอยู่นะ! เจ้าก็ยุ่งมาทั้งวันแล้ว เสาจิ่นเองก็เหนื่อยเช่นกัน พวกเจ้า
รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ! วันพรุ่งนี้เจ้ายังต้องเข้าทํางานในที่ว่าการ!”
โจวเสาจิ่นกับเฉิงฉือยังไม่วายไปส่งฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับเรือนทิงเซียงอยู่ดี หลังจาก
ปรนนิบัติฮูหยินผู้เฒ่ากัวพักผ่อน ถึงได้ลุกขึ้นขอตัวกลับไป
ทว่าทันทีที่ออกจากเรือนทิงเซียง โจวเสาจิ่นก็กอดแขนของเฉิงฉือ
เฉิงฉือตกใจเล็กน้อย
แม้ว่าทั้งสองคนแต่งงานมาพักหนึ่งแล้ว แต่การเป็นฝ่ ายเริ่มอิงแอบตัวเขาข้างนอกต่อ
หน้าบ่าวหญิงสาวใช้มากมายอย่างนี้กลับเป็นครั้งแรก
เขาครุ่นคิด แล้วถามยิ้มๆ ว่า “ไปร่วมงานของอาเซิงที่นั่นแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่”
“อื้ม!” โจวเสาจิ่นพยักหน้าอย่างดีใจ กล่าวเสียงค่อยว่า “วันนี้ข้าเจอเฉิงสวี่ เขาขอโทษข้า
ทั้งยังบอกว่าเรื่องราวในอดีตล้วนเป็นความผิดของเขา…”
นางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เฉิงฉือฟังรอบหนึ่ง
เฉิงฉืออึ้งงัน กล่าวอย่างทอดถอนใจเล็กน้อยว่า “เจียซ่าน สุดท้ายยังมีความเป็นคนของ
ตระกูลเฉิงอยู่มาก!”
โจวเสาจิ่นพยักหน้าหงึกหงัก
เฉิงฉือก็โอบกอดนางพลางกล่าวว่า “เสาจิ่น เจ้ามีจิตใจกว้างขวางจริงๆ เพียงแค่นี้ก็ให้
อภัยเขาแล้ว!”
โจวเสาจิ่นยิ้มร่าพลางกล่าวว่า “นั่นเป็นเพราะเขาเป็นหลานชายของท่านเจ้าค่ะ!”
4732
หากว่าไม่มีเฉิงฉือ นางจะสลัดความทุกข์ระทมอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไรเล่า
เฉิงฉือระบายยิ้มอย่างรักใคร่ พลางหยิกแก้มของนาง
โจวเสาจิ่นหัวเราะพลางหลบ ทว่าเนื่องจากทนปล่อยมือจากเฉิงฉือไม่ได้จึงอิงแอบเขาอีก
ครั้ง
เฉิงฉือหัวเราะเบาๆ
ทั้งสองคนจับจูงกันมุ่งไปทางเรือนหลัก
โจวเสาจิ่นก็กล่าวขึ้นว่า “อู๋เป่ าจางผู้นั้นน่ารังเกียจจริงๆ! เรื่องนี้ต่อให้นางมิได้ออก
ความคิดเห็นให้หมิ่นเจีย ก็ต้องร่วมมือกับนาง หาไม่แล้วนางคงจะไม่ลากข้าไปข้างนอกครั้งแล้ว
ครั้งเล่า เฉิงสวี่จะต้องถูกหมิ่นเจียเรียกตัวไป… ไม่รู้ว่าหมิ่นเจียคิดอย่างไร มีเรื่องอะไรไม่ไปถาม
เฉิงสวี่แต่กลับเชื่ออู๋เป่าจาง วันนี้ข้าได้ตักเตือนนางไปคํารบหนึ่ง…”
นางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น
เฉิงฉือยกยิ้มขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ กล่าวว่า “ทําได้ดี! ต่อไปหากใครกล้าปฏิบัติต่อเจ้า
อย่างนี้อีก ก็เพียงตําหนิเขาสักครั้ง เลวร้ายที่สุดพวกเราก็สู้ไปด้วยกันก็แล้วกัน”
“นี่มิใช่การต่อสู้นะเจ้าคะ!” โจวเสาจิ่นคลี่ยิ้มขณะที่ทั้งสองคนก็เดินขึ้นเรือนไป
เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นไหวซาน
โจวเสาจิ่นรู้ดีว่าเขาจะไม่ปรากฏตัวที่นี่โดยไม่มีสาเหตุ จึงยิ้มพลางทักทายเขาแล้วเข้าไป
ในห้อง
ไม่นาน เฉิงฉือก็กลับมาแล้ว
เขาดูอารมณ์ดียิ่ง
4733
โจวเสาจิ่นอดถามยิ้มๆ ไม่ได้ว่า “เกิดเรื่องดีขึ้นใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“ได้ข่าวคราวของเฉิงลู่แล้ว” เฉิงฉือตอบ “เขาพักอยู่ในโรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทั้งขัดสนไม่
มีเงินทองแล้วยังล้มป่วยอีก เถ้าแก่โรงเตี๊ยมนั้นกลัวว่าเขาจะป่วยตายในโรงเตี๊ยม จึงไล่เขาออกไป
เขาคงยังหนีไปได้ไม่ไกลนัก ไหวซานกจึงไปตามหาด้วยตนเองแล้ว”
โจวเสาจิ่นได้ยินแล้วก็ใจกระตุก นางอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่เงียบไป
เฉิงฉือเอ่ยถามยิ้มๆ ว่า “เจ้ามีแผนอะไรอย่างนั้นหรือ”
โจวเสาจิ่นกล่าวว่า “หากเจอตัวเฉิงลู่แล้ว ท่านวางแผนจะทําอย่างไรเจ้าคะ”
แน่นอนว่าทําให้เขามาปรากฏตัวต่อหน้าโจวเสาจิ่นไม่ได้อีกต่อไป
แต่เมื่ออยู่หน้าโจวเสาจิ่น เขากลับพูดเช่นนี้ไม่ได้
เฉิงฉือตอบว่า “หาทางตักเตือนเขาสักครั้ง ต่อไปก็ส่งคนจับตามองเขาก็พอแล้ว”
โจวเสาจิ่นก็คลี่ยิ้มพลางกล่าวว่า “เช่นนั้นไม่สู้มอบคนชั่วให้กับคนชั่วดีกว่า!”
เฉิงฉือก็มองนางอย่างสนใจใคร่รู้
โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ ว่า “มิใช่ว่าเฉิงลู่กําลังตกทุกข์ได้ยากหรอกหรือเจ้าคะ เขาจะต้องไม่
ยอมปล่อยตัวให้ตกตํ่าลงไปอย่างนี้เป็นแน่ แทนที่จะตามหาคนของเขาแล้วสั่งสอนเขาคํารบหนึ่ง
ปล่อยให้กลายเป็นหายนะหนึ่ง ข้าว่าไม่สู้หาทางลากเขาไปหาอู๋เป่ าจางที่นั่นเสียดีกว่า ด้วย
อุปนิสัยของเขา จะต้องขอความช่วยเหลือจากอู๋เป่าจาง ด้วยอุปนิสัยของอู๋เป่าจาง เป็นไปได้ว่าจะ
ไม่ช่วยเหลือเขา แต่เฉิงลู่หาได้เป็นตะเกียงที่ใกล้มอดไม่… ให้พวกเขาหํ้าหั่นกันจนแหลกลาญไปก็
แล้วกัน อู๋เป่าจางจะได้ไม่มีเวลาว่างทั้งวันไปสร้างความวุ่นวายให้แก่ข้า”
เฉิงฉือหัวเราะร่า
4734
หอมแก้มของนางอย่างใกล้ชิด พลางกล่าวว่า “แม่นางน้อยของข้าโตขึ้นแล้ว รู้จักใช้สมอง
เป็นแล้ว ความคิดนี้ดี ทําอย่างนี้ก็แล้วกัน!” ขณะที่กล่าว ก็ตะโกนเรียกชิงเฟิ ง ให้เขาไปแจ้งไหว
ซาน