ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่509 แตกสลาย
ช่วงนี้ชีวิตของอู๋เป๋ าจางไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
แม้ว่ามีเส้นสายพ่อค้าใบชารายใหญ่หลายรายที่เฉิงฉือแนะนําให้ แต่คนเราให้หน้ากันได้
เพียงครั้งสองครั้งเท่านั้น มิอาจให้หน้าทุกครั้งจนไม่เป็นอันทํามาค้าขายได้ หลังจากผ่านพ้นปีใหม่
ไปแล้ว ราคาสินค้าที่ซื้อเข้ามาไม่มีกําไรเท่าใดนัก อีกทั้งพวกเขาเป็นร้านค้าที่เปิดใหม่ ตอนที่มี
ลูกค้ามากมายมิได้คิดหาวิธีรักษาลูกค้าเอาไว้ เมื่อราคาไม่มีส่วนลดพิเศษใดๆ นับวันกิจการนี้จึง
ค่อยๆ ซบเซาลง
เฉิงเวิ่นรู้สึกเป็นกังวลจนมุมปากมีตุ่มใสๆ ขึ้น หนําซํ้าฮูหยินใหญ่เวิ่นยังส่งคนจากจินหลิง
มาอีก ประการแรกคือเร่งให้เฉิงนั่วกับอู๋เป่ าจางกลับไป ประการที่สองคือบอกว่าในบ้านมีคน
มากมายที่ต้องกินต้องใช้ รายได้จากที่นาช่วงปีใหม่ปีที่แล้วมอบให้เฉิงเวิ่นนําไปที่จิงเฉิงหมดแล้ว
ตอนนี้ที่บ้านไม่เหลือเงิน ให้เขานําเงินกลับไปสําหรับเป็นค่าใช้จ่าย
อู๋เป่าจางก็อยากจะกลับไป
ต่อให้บ้านเดิมจะไม่ดีอย่างไรก็เป็นที่รู้จักอยู่ดี ทว่านางอยู่ที่จิงเฉิงกลับเป็นเพียงลูกสะใภ้
ครอบครัวพ่อค้าครอบครัวหนึ่งเท่านั้น เดินไปที่ใดก็ต้องใช้นามของซอยซิ่งหลิน ไม่เหมือนกับยาม
ที่อยู่จินหลิง ทันทีที่เกี้ยวออกสู่ถนน ผู้คนก็รู้ว่านางเป็นผู้ใด สายตาเคารพนับถือและอิจฉาที่ควร
จะได้รับเหล่านั้นก็ทอดมองมาอย่างต่อเนื่อง ไหนเลยจะต้องให้นางสิ้นเปลืองแรงพูดอะไร
นอกจากนี้หากมีเรื่องอะไรแล้วต้องให้นางเปลืองแรงพูด ก็คงไม่เหลืออะไรให้น่าเคารพนับถือแล้ว
นางแต่งให้ตระกูลเฉิงก็เพื่อข้อดีนี้
4736
หากแม้แต่ข้อดีนี้ก็ไม่มี เช่นนั้นไม่สู้นางแต่งให้ผู้คงแก่เรียนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งเสียยังจะ
ดีกว่า จะดีจะร้ายก็ต้องดีกว่าเฉิงนั่วที่ทําทีเป็นบัณฑิตอย่างนี้แต่กลับเป็นหัวกระสุนขี้ผึ้งที่ดูคล้าย
หัวกระสุนเงินไม่มีอะไรดีสักอย่าง
นึกถึงตรงนี้ อารมณ์ของนางก็ยิ่งแย่ลง
ไม่รู้ว่าเฉิงลู่ค้นพบนางที่นี่ได้อย่างไร
ความจริงนางไม่คิดจะสนใจเขาแต่อย่างใด ทว่าพอเขาพูดถึงความสัมพันธ์ในอดีตของทั้ง
สองคนอย่างน่าสงสาร พูดถึงตอนที่นางแอบคนในบ้านวิ่งออกไปเที่ยวชมทิวทัศน์ฤดูใบไม้ผลิในปี
นั้นก็เคยมอบถุงหอมให้เขาใบหนึ่ง เขายังฉวยโอกาสเก็บซ่อนผ้าเช็ดหน้าของนางผืนหนึ่งไว้ด้วย
แม้นางจะคิดว่ายามที่เฉิงลู่ตกทุกข์ได้ยากก็ยังละทิ้งมารดาของเขาได้ แปดถึงเก้าในสิบส่วนสิ่ง
เหล่านี้ล้วนไม่อยู่ในมือของเฉิงลู่ แต่เมื่อนางคิดถึงแววตาเป็นประกายนั้นยามที่เฉิงลู่เอ่ยถ้อยคํา
เหล่านี้ ก็ไม่กล้าเบนหน้าเมินเขา ร้องไห้สะอึกสะอื้นขึ้นมา เห็นใจสถาการณ์ของเขาเป็นอย่างมาก
แล้วหยิบเงินสองร้อยเหลี่ยงให้แก่เขา บอกว่านี่เป็นเงินส่วนตัวที่ตนเก็บหอมรอมริบระหว่างดูแล
จัดการบ้านในช่วงนี้หลังจากที่มาจิงเฉิง ให้เขาไปหาที่พักสักแห่งหนึ่งก่อน ต่อไปหากมีเรื่อง
ลําบากอะไรค่อยมาหานางใหม่ก็ยังไม่สาย
เฉิงลู่กลับไปแล้ว
อู๋เป่าจางแทบจะอ้วกออกมา
ในตอนนั้นนางหลงรักไอ้ตัวเช่นนี้ไปได้อย่างไร!
ไม่คาดคิดว่าเขาจะใช้เงินของผู้หญิง เกาะผู้หญิงกิน
นางต้องหาทางกลับจินหลิงให้จงได้
4737
บิดายังเป็นขุนนางอยู่ในเมืองจินหลิง ถึงแม้มารดาเลี้ยงให้กําเนิดบุตรชายคนหนึ่งแล้ว
แต่บิดาก็ยังหาทางให้พี่ชายใหญ่ของนางทํางานอยู่ในหน่วยลาดตระเวน ต่อให้เฉิงลู่กล้ากลับไป
จินหลิง หากนางมีวิธีแจ้งเบาะแสของเขาให้แก่คนของตระกูลเฉิง ก็มีทางจัดการเขาแล้ว
อู๋เป่าจางขบคิดในใจ แล้วสาปแช่งก่นด่าฮูหยินใหญ่เวิ่น
มิน่านางถึงได้สู้รบตบมือกับอนุที่อยู่ข้างนอกผู้นั้นมาครึ่งค่อนชีวิต ทั้งๆ ที่เป็นภรรยาที่
แต่งเข้ามาอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม สถานะก็ได้เปรียบกว่านางถึงเพียงนั้นแต่นางกลับ
เอาชนะไม่ได้ ตอนนี้พ่อสามีไม่มีเงินอยู่ในมือ แต่นางกลับไม่สนใจอะไรเลยทั้งสิ้น ต้องการให้พ่อ
สามีส่งเงินกลับมา ทว่าอนุที่อยู่ข้างนอกผู้นั้นกลับส่งพ่อบ้านส่วนตัวมามอบตั๋วเงินสองพันเหลี่ยง
ให้อย่างว่าง่ายและเชื่อฟัง
พ่อสามีรับตั๋วเงินนั้นแล้วดวงตาก็แดงกํ่าไปหมด เดิมทีได้หารือกับเฉิงนั่วให้พวกเขา
กลับไปจินหลิงก่อน ทว่าตอนนี้กลับเปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน ไม่เพียงอยากให้เฉิงนั่วช่วยงานใน
ร้านต่อ ยังตัดสินใจพักกิจการร้านค้าที่อยู่ข้างโรงนํ้าชา แล้วขายใบชาในโรงนํ้าชาแทน หาวิธีทํา
กิจการทั้งสองทางขึ้นมา
อู๋เป่าจางนั่งใจลอยอยู่บนเตียงเตาริมหน้าต่าง
คิดว่าเรื่องที่ฮูหยินใหญ่เวิ่นจะเรียกนางกลับไปนั้นคงเป็นไปไม่ได้ หรือไม่ก็อ้างว่าฮูหยิน
ใหญ่เวิ่นไม่สบาย นางเลยต้องกลับไปดูแล
ทางด้านพ่อสามี… ไม่สู้บอกเป็นนัยกับเขาว่า ถ้านางกลับไปแล้ว พ่อสามีก็พาอนุผู้นั้นที่
อยู่ข้างนอกมาจิงเฉิงได้… พ่อสามีจะต้องยินดีเหลือล้นเป็นแน่
เพียงแต่ตอนที่พ่อสามีจากไปแล้วยามที่แบ่งมรดกครอบครัว พวกเขาจะต้องเสียเปรียบ
เป็นแน่ อย่างไรก็ตาม ด้วยอุปนิสัยของพ่อสามี ไม่แน่ว่าเมื่อถึงยามที่เสียชีวิตก็อาจจะผลาญ
4738
ทรัพย์สินของครอบครัวจนเกือบหมดไปนานแล้วก็เป็นได้ เหลือเพียงหนี้สินไม่เหลือทรัพย์สินใดๆ
แต่ถ้าเกิดพ่อสามีสร้างกิจการนี้ขึ้นมาได้เล่า
อู๋เป่าจางก็ลังเลขึ้นมาเล็กน้อยอีกครั้ง
ขณะที่นางกําลังตัดสินใจไม่ได้อยู่นั้น เฉิงนั่วก็เดินเข้ามาแล้ว
สาวใช้รีบก้าวมาปรนนิบัติเขาผลัดอาภรณ์
เมื่อเทียบกับตอนอยู่ที่ซอยจิ่วหรูที่จินหลิง เขาดูสูงขึ้นและลํ่าสันขึ้นเล็กน้อย ท่วงท่า
อิริยาบถก็ดูสุขุมมากขึ้นหลายส่วนและดูหยิบหย่งน้อยลงหลายส่วน
เมื่อเห็นอู๋เป่ าจางกําลังเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น เขาก็กล่าวขึ้นว่า “ได้ยินว่ากูไหน่ไนสี่คลอด
บุตรแล้ว อีกไม่กี่วันท่านอาสะใภ้ฉือจะส่งคนไปลั่วหยาง เจ้าเตรียมของขวัญครบร้อยวันของลูกกู
ไหน่ไนสี่แล้วหรือยัง ถึงเวลานั้นก็ฝากท่านอาสะใภ้สี่ส่งไปพร้อมกันเถอะ!”
พวกเขาจะได้ไม่ต้องส่งคนไปอีกเที่ยว
ตอนนี้ที่บ้านไม่เหมือนกับตอนที่อยู่ซอยจิ่วหรูมีเงินใช้สอยไม่จํากัด
พอได้ทํามาค้าขาย เขาจึงรู้ซึ้งถึงความลําบากในการหาเงิน
พอได้ทํามาค้าขาย เขาจึงรู้ซึ้งถึงความเก่งกาจของหลี่จิ้ง
ทางด้านเฉิงเจียนั้น ย่อมต้องไปมาหาสู่และผูกสัมพันธ์มากขึ้นเป็นธรรมดา
ยังมีซอยซิ่งหลินและประตูเฉาหยางทางโน้นอีก… เพียงแต่เดิมทีพวกเขาจวนห้าก็ไม่ค่อย
สนิทสนมกับเฉิงจิงที่ซอยซิ่งหลินทางโน้นมากนัก แม้ว่าเฉิงสวี่เป็นญาติที่โตมาด้วยกัน แต่ทุกครั้ง
ที่เขาไปเยี่ยมเฉิงสวี่เขาก็มักจะท่องอ่านตํารา ได้ยินว่าในการสอบครั้งต่อไปก็ต้องลงสนามสอบ
แล้ว ท่านลุงใหญ่จิงยังคาดหวังให้เฉิงสวี่นํายศจ้วงหยวนยศหนึ่งกลับมา เขาจะกล้าไปหาบ่อยๆ
4739
ได้อย่างไรเล่า ทว่าทางด้านประตูเฉาหยางนั้นกลับไม่เหมือนกัน ฮูหยินผู้เฒ่ากัวอาศัยอยู่ที่นั่น ทั้ง
ยังยอมรับบิดาของเขาคนนี้เป็นหลานชาย นอกจากนี้ในบ้านไม่มีเรื่องอะไร ไม่ว่าจะเป็นตระกูลที่
ทรงอํานาจในจิงเฉิงก็ดี หรือตระกูลขุนนางต่างๆ ก็ดี ล้วนเดินเข้ามาและพูดคุยกันได้ เรื่องในบ้าน
นี้หากขอร้องฮูหยินผู้เฒ่ากัว ยามที่นางว่างก็คงจะยินดีรับฟังและช่วยอะไรได้บ้าง
ดังนั้นบิดาถึงได้ให้พวกเขาฝากท่านอาฉือนําของขวัญไปให้เฉิงเจีย
เฉิงนั่วคิดถึงเรื่องพวกนี้ แล้วกําชับอู๋เป่ าจางอีกว่า “อายุของเจ้ากับอาสะใภ้ฉือไม่ได้ห่าง
กันมากนัก ตอนที่เจ้าไปก็พูดคุยเป็นเพื่อนอาสะใภ้ฉือให้ดี ในบ้านมีเพียงญาติเหล่านี้เท่านั้น
บรรดาญาติๆ ที่ไปมาหาสู่กันได้ก็มีเพียงไม่กี่ครอบครัวนี้ เวลาที่เจ้าว่างก็ต้องไปเยี่ยมเยียนบ่อยๆ
ถึงจะดี ต่อให้เป็นญาติกันก็ต้องไปพบปะบ่อยๆ ถึงจะสนิทชิดเชื้อกัน”
อู๋เป่าจางได้ยินแล้วรู้สึกละเหี่ยใจ
ให้นางไปประจบประแจงโจวเสาจิ่นอย่างนั้นหรือ!
ฝันไปเถอะ!
นางยิ้มเย็นในใจพลางกล่าวว่า “ข้ากับสะใภ้ใหญ่สวี่สนิทสนมกันไม่ได้หรือ ท่านลุงใหญ่
จิงเป็นขุนนางใหญ่เชียวนะ!”
ความนัยที่แฝงอยู่ก็คือ หากพวกเจ้าอยากจะประจบประแจงไม่สู้ไปประจบประแจงเฉิงจิง
ผู้เป็นขุนนางใหญ่ในราชสํานักเสียยังจะดีกว่า
“แล้วแต่เจ้า!” แต่ไรมาเฉิงนั่วกับอู๋เป่ าจางพูดคุยไม่ถูกคอกันเท่าใดนัก เขาก็คร้านจะพูด
มากกับอู๋เป่าจาง กล่าวว่า “ขอเพียงเจ้าคิดว่าถึงตอนนั้นท่านลุงใหญ่จิงจะช่วยพูดให้พวกเราได้ก็
พอแล้ว”
อู๋เป่าจางโกรธจัดจนดวงหน้าขึ้นสีแดงกํ่า
4740
นางจึงรู้ว่า เฉิงนั่วผู้นี้เป็นผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบเลยสักนิด
การไปขอร้องผู้อื่นมิใช่ว่าต้องคํานึงถึงตําแหน่งฐานะของกันและกันสักหน่อยหรือ
ตอนนี้พวกเขาสลัดคราบบัณฑิตไปแล้ว เรื่องทํามาค้าขายต่างๆ ยังจะคาดหวังให้เฉิงจิง
ช่วยพวกเขาได้ นอกจากนี้เรื่องที่ขอความช่วยเหลือประเภทนี้ยังเป็นเรื่องการค้าขายเป็นส่วนใหญ่
เฉิงนั่วสมองเสื่อมแล้วใช่หรือไม่!
อู๋เป่าจางเหยียดหยันเฉิงนั่วอยู่ในใจ แต่ก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย
หมิ่นเจียผู้หญิงคนนั้น คิดมากเกินไป ไม่น่าคบสักเท่าไร
นางไม่คิดจะสนิทสนมกับหมิ่นเจียแม้แต่น้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องไปขอร้องซอยซิ่งหลิน
เลย
ในทางกลับกันนางเข้ากับโจวเสาจิ่นได้มากกว่า…
ขณะที่อู๋เป่ าจางครุ่นคิดอยู่ สาวใช้ข้างกายของนางก็เดินเข้ามาอย่างเบามือเบาเท้า
ชําเลืองมองเฉิงนั่วทีหนึ่ง แล้วยืนอยู่ที่มุมห้อง
อู๋เป่าจางเข้าใจแล้ว ไม่สนใจเฉิงนั่วที่กําลังผลัดอาภรณ์ ก็เดินออกไปจากห้องข้าง
สาวใช้คนนั้นเดินตามออกมา กระซิบบอกนางว่า “ท่านสะใภ้ใหญ่ ต่งลี่ชุนผู้นั้นมาหาอีก
แล้วเจ้าค่ะ”
อู๋เป่าจางแทบจะฉีกผ้าเช็ดหน้าแล้ว
ห้าวันก่อนเพิ่งจะให้เงินเขาไป ทําไมเขาถึงกลับมาหาอีกเร็วขนาดนี้
อู๋เป่ าจางเปลี่ยนนํ้าเสียง กล่าวเสียงค่อยว่า “เจ้าให้เขามาหาพรุ่งนี้เช้า ตอนนี้คุณชาย
ใหญ่กลับมาแล้ว ประเดี๋ยวนายท่านก็จะกลับบ้านแล้วเช่นกัน หากบังเอิญเจอกันจะไม่ค่อยดี”
4741
สาวใช้ขานรับแล้วออกไป
ทว่าทางด้านประตูเฉาหยาง โจวเสาจิ่นกลับจัดเตรียมของขวัญครบร้อยวันให้บุตรชาย
ของเฉิงเจียอย่างเบิกบานใจ
เช่นเดียวกับชาติที่แล้ว เฉิงเจียให้กําเนิดบุตรชายคนหนึ่ง
จะเหมือนดังชาติที่แล้วหรือไม่กันนะ หากเฉิงเจียใช้ชีวิตให้ดีก็จะมีความสุขเหลือล้น!
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหยอกนางเล่นว่า “เจ้าตื่นเต้นดีใจยิ่งกว่าตนเองคลอดบุตรชายเสียอีก!”
โจวเสาจิ่นหัวเราะร่าพลางกล่าวว่า “ผู้อื่นล้วนกล่าวว่าโชคดีนี้ส่งผลถึงกันและกัน พวก
นางมีความสุขดี ต่อให้ข้ารู้สึกมืดหม่นเล็กน้อยก็จะรู้สึกดีไปด้วย จะไม่ปลาบปลื้มยินดีได้อย่างไร
เจ้าคะ”
“เช่นนั้นก็ดี!” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้าก็ห่อสร้อยแม่กุญแจอายุยืนนี้ติดไปด้วย
บอกว่าข้ามอบให้ทารกน้อย”
โจวเสาจิ่นพยักหน้าหงึกหงัก
เงาร่างของซางมามาวาบผ่านข้างประตู
โจวเสาจิ่นสนทนากับฮูหยินผู้เฒ่ากัวอย่างเงียบๆ แล้วจึงออกจากเรือนทิงเซียง
ซางมามารอนางอยู่บนทางเดินข้างนอกเรือนทิงเซียง
“ไหวซานแจ้งว่า เฉิงลู่ผู้นั้นไปหาสะใภ้ใหญ่นั่วอีกแล้วเจ้าค่ะ” นางกระซิบบอก “เขาให้ข้า
มาถามท่านว่า ยังต้องการให้ไล่ตามเฉิงลู่ต่อไปหรือไม่”
4742
แผนการของโจวเสาจิ่นก็คือ ให้ไหวซานส่งคนติดตามเฉิงลู่ ขโมยสิ่งของของเขาเป็นครั้ง
คราว หรือไม่ก็แหวกหญ้าให้งูตื่นไล่ล่าเขาสักครั้ง ทําให้เขาหวาดระแวงเห็นต้นไม้ใบหญ้าเป็นศัตรู
ไปหมด จนไม่มีที่หลบซ่อนตัว แล้วไป ‘รบกวน’ อู๋เป่ าจางอยู่เนืองๆ หาเรื่องให้พวกเขาสองคนทํา
จะได้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องของคนอื่นอยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าสองวันก่อนเฉิงลู่เพิ่งจะไปพบอู๋เป่ าจาง แต่ทําไมถึงไปหานาง
อีกแล้ว
ซางมามากล่าวยิ้มๆ ว่า “นี่หาได้เป็นพวกเราที่บีบคั้นไม่ แต่เป็นเขาเองที่ไปหาถึงบ้านเจ้า
ค่ะ เป็นไปได้ว่าอาจจะคิดว่าเงินในมือของสะใภ้ใหญ่ท่านนั้นได้มาอย่างง่ายดายกระมัง ได้ยินว่า
ช่วงนี้เขาเช่าบ้านที่ไม่เลวหลังหนึ่งย่านถนนจูเชวี่ย ทั้งยังซื้อบ่าวเด็กคนหนึ่งอีกด้วย ผู้ที่ผูกมิตร
ด้วยก็ล้วนเป็นบัณฑิต นี่คงต้องใช้เงินไม่น้อยเลยกระมังเจ้าคะ”
ดังคํากล่าวที่ว่า บุรุษผู้ใหญ่หลบซ่อนในราชสํานัก บุรุษผู้น้อยหลบซ่อนในท้องตลาด
เฉิงลู่คิดว่าอาศัยอยู่ในสถานที่ดีสักหน่อยก็หนีพ้นจากการตามล่าของตระกูลเฉิงได้อย่าง
นั้นหรือ
โจวเสาจิ่นคิดว่านี่เป็นเรื่องที่เฉิงลู่ทําได้จริงๆ
“เช่นนั้นก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย” นางคลี่ยิ้มพลางกล่าวกับซางมามาว่า “เพียงแต่อย่าให้
เขาวิ่งหนีไปจนไม่พบร่องรอยหรือว่างจนไม่มีงานทําแล้วคิดจะสร้างปัญหาให้พวกเราบ่อยๆ ก็
พอแล้ว”
ซางมามาคลี่ยิ้มอย่างเข้าใจแล้วถอยออกไป
4743
ทางด้านของอู๋เป่าจาง หลังจากที่ส่งเฉิงลู่กลับไป นางก็กํามือเป็นหมัดแน่นไม่ปล่อยโดย
ตลอด
เฉิงลู่คิดว่านางเป็นใคร
เอ่ยปากทีก็ขอยืมเงินนางสองร้อยเหลี่ยง
นางมีเงิน แต่นั่นก็เป็ นเงินที่นางตรากตรําลําบากเก็บหอมรอมริบมานะ หาได้
เหมือนกับโจวเสาจิ่นที่ได้รับจากบิดาโดยตรง
แม้ว่าอู๋เป่าจางดูแคลนเฉิงลู่ที่เกาะผู้หญิงกินอยู่ในใจ แต่นึกไม่ว่าเฉิงลู่จะเกาะผู้หญิงกิน
จริงๆ
นางคิดว่าเขามาหาตนเพื่อขอเงิน ดังคํากล่าวที่ว่า เงินหนึ่งเหรียญทองแดงสามารถ
หวาดหวั่นวีรบุรุษได้
แต่สิ่งที่นางคาดไม่ถึงเลยก็คือ เฉิงลู่จะมาหาตนอีกครั้งเร็วถึงเพียงนี้ ทั้งยังเอ่ยปากขอยืม
เงินสองร้อยเหลี่ยง!
เขาเปลี่ยนไปเป็นคนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
นี่มิใช่ว่าเปลี่ยนเป็นคนไม่เอาไหนคนหนึ่งจริงๆ แล้วหรอกหรือ
คุณธรรมอันดีที่เขาเล่าเรียนมาเล่า
ความโดดเด่นสูงส่งของเขาเล่า
จิตใจเร่าร้อนฮึกเหิมยามที่สนทนาของเขาเล่า
อู่เป่าจางยากจะปกปิดความผิดหวังขณะนั่งอยู่บนเก้าอี้มีเท้าแขน
4744
วันนี้เป็นเพราะเขาขาดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจําวันถึงต้องมาขอเงินสองร้อยเหลี่ยงจากตน
แล้ววันพรุ่งนี้เล่า วันมะรืนเล่า
อู๋เป่ าจางรู้สึกว่าตนเองประหนึ่งตกลงในโคลนตม ต่อให้ปีนออกมาได้ เท้าก็สกปรกเสีย
แล้ว…