ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่512 ประคบประหงม
เฉิงฉือมองโจวเสาจิ่นที่เพราะกําลังหลับสนิทอยู่ดวงหน้าจึงดูอ่อนเยาว์เล็กน้อย แล้วจม
เข้าสู่ห้วงความคิด
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นตอนที่ไปคารวะยามเช้าฮูหยินผู้เฒ่ากัว เขาก็กึ่งประคองโจวเสาจิ่น
โจวเสาจิ่นเอ่ยถามยิ้มๆ อย่างฉงนว่า “นี่ท่านเป็นอะไรไปหรือ”
เฉิงฉือตอบเสียงเรียบว่า “ข้าเห็นว่าเจ้าเดินเหมือนจะหลับอยู่แล้ว หากไม่ประคองเจ้า
อย่างนี้ เกรงว่าคงจะเดินตกคลองไปเสียแล้ว”
โจวเสาจิ่นหาวทีหนึ่งอย่างห้ามไม่อยู่พลางกล่าวว่า “ข้าก็ไม่รู้ว่าทําไม เพียงแต่รู้สึกง่วง
นอนยิ่งนัก ทั้งๆ ที่เพิ่งจะตื่นขึ้นมาเอง…”
“เช่นนั้นก็กลับไปงีบหลับดีๆ อีกสักตื่นหนึ่ง” เฉิงฉือระบายยิ้มพลางกล่าว “ท่านแม่กําลัง
จะออกไปเยี่ยมสหายข้างนอกพอดี”
โจวเสาจิ่นได้ยินแล้วก็หัวเราะคิกขึ้นมา
หลายวันก่อนฮูหยินเผิงของกองคัดเลือกทหารกรมกลาโหมได้เชิญฮูหยินผู้เฒ่ากัวไปชม
งิ้วที่บ้าน ฮูหยินผู้เฒ่ากัวอายุมากแล้ว ทั้งเป็นผู้ที่พิถีพิถันคนหนึ่ง ข้างกายก็ไม่ขาดผู้ที่พูดคุยเอา
อกเอาใจ จึงไม่ค่อยอยากออกบ้านมากนัก เทียบเชิญของตระกูลเผิงที่ส่งมาแม้ว่านางมิได้ว่าอะไร
แต่ดูท่าแล้วคงไม่คิดจะไปเป็นแน่
เฉิงฉือพูดอย่างนี้ มิเท่ากับว่าอยากจะไล่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวออกไปร่วมงานสังสรรค์ข้างนอก
หรอกหรือ
อีกทั้งฮูหยินผู้เฒ่ากัวเป็นผู้ที่ให้คนอื่นมาบงการตามอําเภอใจได้หรือ
4763
ทว่าสิ่งที่ทําให้นางคาดไม่ถึงก็คือ ตอนที่พวกเขาทําความเคารพฮูหยินผู้เฒ่ากัว แล้ว
สนทนาอยู่เป็นเพื่อนก่อนจะลุกขึ้นอําลา ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับบอกโจวเสาจิ่นขึ้นมาในทันใดว่า
ประเดี๋ยวนางจะออกไปเยี่ยมตระกูลเผิง เนื่องจากทุกคนล้วนเป็นฮูหยินผู้เฒ่าที่มีอายุเล็กน้อย จึง
ไม่พานางไปด้วย ให้นางอยู่ที่บ้านดีๆ นางจะรับประทานมื้อเย็นที่ตระกูลเผิงแล้วค่อยกลับมา
โจวเสาจิ่นเบิกดวงตาโพลง
เมื่อครู่นางอยู่กับเฉิงฉือมาโดยตลอด ตอนที่เฉิงฉือพูดก็มิได้ปกปิดนางแต่อย่างใด… เช่น
นั้นเฉิงฉือรู้ได้อย่างไรว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวจะออกไปเยี่ยมตระกูลเผิง
ทว่าประเดี๋ยวเฉิงฉือก็ต้องไปที่ทําการแล้ว นางมิอาจถามเขาตอนนี้ได้ จึงได้แต่ส่งเฉิงฉื
อออกไปก่อน จากนั้นก็ปรนนิบัติฮูหยินผู้เฒ่ากัวออกไปข้างนอก
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกําลังเลือกอาภรณ์ที่จะใส่ออกไปอยู่
ปรกติเรื่องเช่นนี้จะเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าหนึ่งวัน
เห็นได้ชัดว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวตัดสินใจออกไปข้างนอกอย่างกะทันหัน
แต่เหตุใดฮูหยินผู้เฒ่ากัวถึงไปเยี่ยมตระกูลเผิงนั้น เรื่องนี้นางก็ยิ่งมิอาจถามฮูหยินผู้
เฒ่ากัวได้ หากนางถามแล้ว จะทําให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวดูเหมือนกระทําการโดยไร้ระเบียบอย่าง
หลีกเลี่ยงไม่ได้ นางเป็นบุตรสะใภ้คนหนึ่ง จะไปซักถามการตัดสินใจของแม่สามีได้อย่างไร
โจวเสาจิ่นไปส่งฮูหยินผู้เฒ่ากัวโดยที่ไม่ค่อยจะเข้าใจนัก จากนั้นความง่วงเหงาหาวนอน
ก็จู่โจมมาอย่างจงใจอีกครั้ง
นางทิ้งตัวลงบนเตียงแล้วหลับตาลง ทว่าในใจกลับรู้สึกโล่งใจอยู่รางๆ หากฮูหยินผู้เฒ่า
ไม่อยู่บ้าน ความจริงนางก็รู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก
4764
ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวที่ออกไปแล้วกลับยิ้มแป้นตลอดทาง
หลี่ว์มามานึกถึงคําพูดเป็นนัยสองสามประโยคนั้นของเฉิงฉือเมื่อครู่ ก็อดกล่าวไม่ได้ว่า
“ฮูหยินผู้เฒ่า หากฮูหยินสี่ตั้งครรภ์จริงๆ ควรจะเชิญท่านหมอมาตรวจดูสักคนหนึ่งถึงจะถูกนะเจ้า
คะ หลบออกไปเช่นนี้…”
เหมาะสมหรือ
ทั้งยังมิได้เทียบแปดดวงอักษรกันเลย แปดดวงอักษรของฮูหยินผู้เฒ่ากับทารกที่อยู่ใน
ครรภ์ของฮูหยินสี่ไม่ถูกกันหรือ
ต่อจากนี้ไปฮูหยินผู้เฒ่าก็ต้องหลบฮูหยินสี่ตลอดไปเช่นนี้อย่างนั้นหรือ
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะร่า มิได้ใส่ใจถ้อยคําของหลี่ว์มามาแต่อย่างใด กล่าวยิ้มๆ ว่า “เจ้า
สี่บอกแล้วมิใช่หรือ เขาเพียงสงสัยว่าเสาจิ่นตั้งครรภ์ เจ้าก็รู้ เด็กคนนั้นรอคอยบุตรมาเกือบปีแล้ว
หากข้าไปเชิญท่านหมอคนหนึ่งมาตรวจนาง ประการแรกครรภ์ยังไม่ครบเดือน ตรวจไปหรือไม่
ตรวจก็ยังบอกได้ไม่แน่ชัด ถ้าหากทําให้นางคิดว่าข้าเร่งให้นางแตกกิ่งก้านสาขาให้แก่ตระกูลเฉิง
แล้วเกิดมีปมในใจขึ้นมาก็คงไม่ดี ประการที่สองหากตั้งครรภ์จริงๆ ละก็ เด็กคนนั้นคงจะถนอม
ครรภ์เสมือนเป็นของลํ้าค่า เช่นนั้นก็คงนอนไม่ขยับ หรืออยากกินนั่นกินนี่ ซึ่งพวกเรายังมิอาจ
มั่นใจได้สักเท่าไร ยิ่งทําเช่นนั้นก็ยิ่งคลอดยาก ไม่สู้ปฏิบัติตัวเหมือนปรกติ ควรทําอย่างไรก็ทํา
อย่างนั้นเสียยังจะดีกว่า!”
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านจะหลบออกไปทําไมเล่า
หลี่ว์มามายิ้มอยู่ในใจ มิได้เผยรอยยิ้มออกมา แล้วติดตามฮูหยินผู้เฒ่ากัวไปหาฮูหยินเผิง
ที่นั่น
4765
จนกระทั่งฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับมาตอนกลางคืน ก็เห็นโจวเสาจิ่นหาวขณะที่กําลังสนทนา
กันอยู่ พอหายจากอาการประหลาดใจแล้วก็ลอบบังเกิดความคิดขึ้นมาในใจหลายส่วน นางจึง
บอกเฉิงฉือว่า “ช่วงนี้อากาศเย็นสบายดี ข้าอยากฉวยโอกาสช่วงที่อากาศดีไปเที่ยวหาเจ้ารอง อยู่
ที่นั่นสักระยะหนึ่ง!”
โจวเสาจิ่นตกใจจนดวงหน้าเปลี่ยนสี อาการง่วงนอนพลันมลายหายไปหมด รีบเอ่ยว่า
“ท่านแม่ ท่านอยู่ที่นี่ดีๆ เหตุใดจู่ๆ ถึงอยากไปบ้านพี่รองเจ้าคะ…”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่รอให้นางพูดจบก็ตัดบทสนทนาของนาง กล่าวยิ้มๆ ขึ้นว่า “เจ้าเด็กคนนี้
ข้ายังไม่ได้พูดอะไร ก็เห็นเจ้าตกใจเสียแล้ว! มานี่ซิ มานั่งข้างๆ ข้า มิใช่ว่ารั่งเกอเอ๋อร์หมั้นกับ
คุณหนูสามผู้นั้นของตระกูลเซี่ยแล้วหรอกหรือ ข้าสัญญาว่าจะออกเงินสองหมื่นเหลี่ยงให้งาน
แต่งงานของรั่งเกอเอ๋อร์ บังเอิญช่วงนี้พี่สะใภ้รองของเจ้ากําลังช่วยดูบ้านสวนให้รั่งเกอเอ๋อร์อยู่
พอดี ข้าว่างไม่มีอะไรทํา เลยไปช่วยทางนั้นดูสักหน่อย หาอะไรทําไปในตัว”
เมื่อบุตรสาวออกเรือนบ้านเดิมจะให้สินเจ้าสาว ฝ่ ายชายที่ใส่ใจเล็กน้อยก็จะซื้อที่ดิน
ส่วนตัวให้บุตรชาย ทําให้ครอบครัวใหม่มีชีวิตที่ดีในภายภาคหน้า
บ้านสวนที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพูดถึง คาดว่าก็คือที่ดินส่วนตัวที่ชิวซื่อเตรียมไว้ให้รั่งเกอเอ๋อร์
นอกจากนี้ยามที่นายท่านผู้เฒ่าซวินยังมีชีวิตอยู่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็ดูแลการงานในบ้าน
หลังจากกลับมาซอยจิ่วหรูก็ช่วยดูแลกิจการของตระกูลเฉิง แม้แต่ตอนที่อาศัยอยู่ที่เรือนหานปี้
ซาน เมื่อเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นหยวนซื่อก็จะมาขอคําแนะนําจากนาง ไม่เหมือนตอนนี้ ทางด้านประตู
เฉาหยางมีคนน้อยนิด ต่อให้นางอยากจะหาอะไรให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวทําก็ไม่มีอยู่ดี… หากฮูหยินผู้
เฒ่ากัวปรารถนา หาอะไรทําสักหน่อยก็มิใช่ว่าจะไม่ดี!
โจวเสาจิ่นครุ่นคิดแล้ว ก็อาสาขึ้นว่า “เช่นนั้นให้ข้าไปเป็นเพื่อนท่านด้วยเถอะนะเจ้าคะ!”
4766
“ไม่ต้องๆ” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวคลี่ยิ้มพลางโบกมือ กล่าวว่า “ข้าเพียงไปเที่ยวหาเท่านั้นเอง
หากเจ้าไปกับข้า ใครจะดูแลเจ้าสี่เล่า”
นี่ก็นับว่าเป็นเรื่องจริง
เฉิงฉือเป็นขุนนางขั้นห้าคนหนึ่งเท่านั้น ยังไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมประชุมยามเช้าของราช
สํานัก ตอนบ่ายไม่ถึงยามโหย่ว287
1 ก็กลับบ้านแล้ว คงมิอาจให้เขากลับมาแล้วในบ้านเงียบเหงาไม่
มีใครสักคนกระมัง และมิอาจให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไล่กลับบ้านก่อนยามโหย่วทุกวันเช่นกันกระมัง
โจวเสาจิ่นรู้สึกโล่งใจ พลางกล่าวว่า “เช่นนั้นหากท่านรู้สึกเหนื่อยก็กลับมาเร็วขึ้นสัก
หน่อย ถึงเวลานั้นข้ากับนายท่านสี่จะไปรับท่านด้วยกันนะเจ้าคะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพยักหน้าอย่างพอใจ คิดว่าเมื่อถึงตอนนั้นก็จะได้ข้อสรุปว่าโจวเสาจิ่น
ตั้งครรภ์หรือไม่ บางทีตอนนั้นตระกูลเฉิงก็อาจจะมีเรื่องยินดีเพิ่มขึ้นเรื่องหนึ่งแล้วก็เป็นได้!
โจวเสาจิ่นจึงช่วยฮูหยินผู้เฒ่ากัวเก็บข้าวของสัมภาระ
ชิวซื่อได้ยินแล้วก็มารับฮูหยินผู้เฒ่ากัวด้วยตนเองพร้อมกับเฉิงรั่ง
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็กล่าวว่า “พวกเจ้าเชิญหลานเซิงกับรุ่ยเกอเอ๋อร์ของนางกลับมาด้วย ข้า
ไม่ได้เจอรุ่ยเกอเอ๋อรมาพักหนึ่งแล้ว”
ชิวซื่อคลี่ยิ้มพลางขานรับซํ้าแล้วซํ้าเล่าว่า “เจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นแทบจะจินตนาการถึงความ
คึกคักในบ้านเฉิงเว่ยได้เลยทีเดียว ก็อดรู้สึกอยากไปด้วยเล็กน้อยไม่ได้ ทว่าร่างกายกลับรู้สึก
เหนื่อยล้ายิ่งนัก ท้ายที่สุดความเหน็ดเหนื่อยก็ครองเหนือลม ทําให้นางได้แต่สลัดความคิดที่จะไป
เป็นแขกที่บ้านเฉิงเว่ยทิ้ง ฉวยจังหวะตอนที่พวกสาวใช้กําลังเคลื่อนย้ายหีบหับกระซิบบอกข้อควร
1 ยามโหย่ว คือเวลา 17.00-19.00 น.
4767
ระวังต่างๆ ของฮูหยินผู้เฒ่ากัวแก่ชิวซื่อ จวบจนเฉิงฉือกลับมาก็รับประทานมื้อเย็นแล้วส่งฮูหยินผู้
เฒ่าไปบ้านของเฉิงเว่ย
หยวนซื่อทราบข่าวแล้วก็พาหมิ่นเจียไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากัวในทันที เอ่ยถามฮูหยินผู้
เฒ่ากัวยิ้มๆ ว่า “ช่วงนี้อากาศฤดูใบไม้ร่วงยังร้อนอยู่ เหตุใดท่านถึงได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านน้องรอง
หรือเจ้าคะ”
ความนัยที่แฝงอยู่ก็คือ โจวเสาจิ่นมีเรื่องอะไรที่อกตัญ�ูหรือทําให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่
พอใจใช่หรือไม่ ฮูหยินผู้เฒ่ากัวถึงกับรอให้อากาศเย็นลงสักหน่อยแล้วย้ายไปที่บ้านของเฉิงเว่ย
ไม่ได้
หมิ่นเจียสะกดกลั้นเอาไว้ถึงได้ไม่เบ้ปาก
แม่สามีผู้นี้ของนาง เวลาพูดช่างใช้สมองน้อยยิ่งนัก ต่อให้อยากจะสร้างความแตกร้าวก็
ไม่ต้องทําอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้ได้หรือไม่
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็ไม่ค่อยพอใจแล้วเช่นกัน กล่าวอย่างไม่เกรงใจว่า “น้องสะใภ้รองของเจ้า
ไม่เหมือนกับเจ้า เจ้าเป็นผู้ที่มีความคิดคนหนึ่ง เมื่อมีงานอะไรก็เป็นผู้นําจัดงานเองได้ ย่อมไม่
ต้องการให้ข้าชี้แนะอยู่ข้างๆ แล้ว ทว่าน้องสะใภ้รองของเจ้าไม่เคยจัดงานที่ใหญ่อะไรอย่างนี้มา
ก่อน จะไม่ให้ข้าดูได้อย่างไร!”
ชิวซื่อเห็นแม่สามีกับพี่สะใภ้โต้เถียงกันอีกแล้ว ทว่านางเคารพนับถือแม่สามีมาโดยตลอด
จึงรีบกล่าวว่า “จริงด้วยเจ้าค่ะๆ! แต่ไรมาข้าหลบอยู่ใต้ปีกอันร่มรื่นของพี่สะใภ้ใหญ่ ตอนนี้แยก
ออกมาอยู่คนเดียว เป็นครั้งแรกที่ได้จัดงานที่ใหญ่ขนาดนี้ หากไม่เชิญท่านแม่มาช่วยชี้แนะ ข้าก็
รู้สึกไม่สบายใจเจ้าค่ะ!”
หยวนซื่อได้ยินแล้ว สีหน้าก็แข็งค้างขึ้นมาเล็กน้อย
4768
ชิวซื่อผู้นี้ไม่มีเวลาใดที่ไม่ประนีประนอมเอาเสียเลย!
ทว่านางก็รู้เหมือนกันว่า ชิวซื่อก็เป็นคนที่มีลักษณะนิสัยเช่นนี้ผู้หนึ่ง ต่อให้นางอยากพูด
อะไรก็ไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากไหนดี
หยวนซื่อก้มหน้าจิบนํ้าชา
ชิวซื่อโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง รีบเรียกทุกคนมากินผลหลี่สดใหม่จากตลาด
แน่นอนว่าโจวเสาจิ่นไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านของเฉิงเว่ยแต่อย่างใด หลังจากส่งฮูหยินผู้
เฒ่ากัวแล้ว นางก็นอนหลับทั้งวันทั้งคืนอยู่หลายวันแล้วจึงไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากัวที่บ้านของเฉิง
เว่ย
ปรากฏว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวกับชิวซื่อเพิ่งจะกลับมาจากการดูบ้านสวนข้างนอก กําลัง
สนทนาถึงทิวทัศน์ของบ้านสวนเหล่านั้นอย่างเริงร่ากันอยู่ เมื่อเห็นโจวเสาจิ่นก็กวักมือเรียกนาง
ทันที ยังมอบถั่วลิสงถุงหนึ่งให้นางนํากลับไปคั่วหรือต้มกิน บอกว่าเป็นถั่วที่เจ้าของที่ดินมอบให้
ตอนที่ไปดูบ้านสวน
โจวเสาจิ่นเห็นว่าอารมณ์ของฮูหยินผู้เฒ่ากัวดียิ่ง ก็วางใจลงได้ แล้วพยายามทําตัวร่าเริง
ขณะรับประทานมื้อเย็นที่บ้านของเฉิงเว่ย ทว่าพอกลับมาถึงบ้านเมื่อหัวแตะหมอนก็หลับสนิท
ในทันที จวบจนเฉิงฉือบอกนางว่า ในวันที่สิบห้าเดือนแปดทุกคนจะไปฉลองเทศกาลที่ซอยซิ่ง
หลิน นางถึงได้รู้ว่าใกล้ถึงเทศกาลวันไหว้พระจันทร์แล้ว
“เร็วขนาดนี้เชียว!” นางอิงแอบข้างกายเฉิงฉืออย่างอ่อนแรงเล็กน้อย พลางกล่าวว่า “ไม่รู้
ทําไม ข้าถึงรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา”
ไม่อยากไปฉลองเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ที่ซอยซิ่งหลินสักเท่าใด
4769
เฉิงฉือก็ไม่ยํ้าเตือนนางอีก ลูบแก้มของนางเบาๆ แล้วจุมพิตลงบนหน้าผากของนาง
จากนั้นจึงกล่าวยิ้มๆ ว่า “สงสัยเป็นเพราะอากาศเย็นลง ประเดี๋ยวผ่านไปอีกสักพักก็ดีแล้วล่ะ”
แม้แต่เฉิงฉือก็พูดอย่างนี้ โจวเสาจิ่นจึงนอนหลับอีกครั้งอย่างวางใจ จนกระทั่งถึงเทศกาล
วันไหว้พระจันทร์ นางถึงได้ค้นพบทีหลังว่าระดูของนางมาสายเป็นอย่างมาก
โจวเสาจิ่นลูบหน้าท้อง ทั้งรู้สึกประหลาดใจระคนดีใจ ตื่นเต้นจนอยากลงจากเตียงเดินไป
มา แต่ก็กลัวครรภ์ยังไม่มั่นคง อยากให้คนรีบไปแจ้งเฉิงฉือ แต่ก็กลัวตนจะเข้าใจผิดตื่นเต้นดีใจ
เสียเปล่า ชั่วขณะหนึ่งซ้ายก็ไม่ได้ขวาก็ไม่ดี
จวบจนเฉิงฉือกลับมาจากที่ทําการ นางอยากจะพุ่งพรวดออกไปแต่ก็ฝืนหยุดไว้…
นางรอให้ยืนยันชัดเจนก่อนแล้วค่อยบอกดีกว่า ถ้าเกิดเข้าใจผิดจริงๆ ละก็ ฮูหยินผู้เฒ่า
กับเฉิงฉือจะต้องผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง!
โจวเสาจิ่นพรํ่าบอกตนเองให้รอก่อนอีกสักพัก ทว่ามุมปากกลับกระตุกขึ้นมาอย่างยาก
จะระงับ เพียงเห็นจอกชาหรือกาชาใบหนึ่ง ใจของนางก็เอ่อท้นด้วยความปีติยินดี
เมื่อเห็นโจวเสาจิ่นเป็นเช่นนี้ ไหนเลยเฉิงฉือจะไม่เข้าใจ!
เขากล่าวขึ้นว่า “อยากจะเชิญท่านหมอคนหนึ่งมาตรวจดูให้เจ้าหรือไม่”
เหตุใดจู่ๆ ถึงอยากจะเชิญท่านหมอให้นางหรือ
โจวเสาจิ่นมองเฉิงฉืออย่างงุนงง เห็นสายตากระจ่างแจ้งของเขาแล้ว… นึกถึงเสื้อผ้า
ส่วนตัวของตนล้วนมีบ่าวที่รับผิดชอบซักล้างโดยเฉพาะ…
นางอดกล่าวอย่างแง่งอนไม่ได้ว่า “ที่แท้ท่านก็รู้แล้วนี่เองนะเจ้าคะ!”
เฉิงฉือยิ้มบางๆ แล้วกอดนางในอ้อมอก
4770
โจวเสาจิ่นนึกถึงถ้อยคําที่เฉิงฉือเคยพูดก่อนหน้านี้ ก็รู้สึกกังวลถึงผลได้ผลเสียเล็กน้อย
กล่าวอย่างลังเลว่า “เช่นนั้น ท่านชอบหรือไม่เจ้าคะ”
เฉิงฉือก็ตบบั้นท้ายนางเบาๆ พลางกล่าวว่า “เจ้าว่าข้าชอบหรือไม่กันเล่า”
ท่าทางพูดเลี่ยงประเด็นเช่นนั้นของเขา ทําให้โจวเสาจิ่นไม่พอใจ บุ้ยปากพลางกล่าวว่า
“ก่อนหน้านี้ท่านมิได้บอกหรือว่าปีหน้าค่อยว่ากันใหม่ ท่านจะต้องไม่ชอบเป็นแน่เจ้าค่ะ!”