ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่513 ตั้ งครรภ์
เฉิงฉือได้ยินแล้วก็หัวเราะขึ้นมา กอดนางอย่างรักใคร่พลางกล่าวว่า “พูดจาเลื่อนเปื้อนอีก
แล้ว! ข้าบอกเมื่อไรว่าไม่ชอบ! เจ้าพยายามใส่ร้ายข้าอยู่กระมัง!”
ขณะที่เขาพูด ในใจลอบมีความอบอุ่นพรั่งพรูออกมา
เดี๋ยวนี้เสาจิ่นก็รู้จักกระเง้ากระงอดกับเขาแล้วเช่นกัน ทั้งยังกล้าทําตัวเอาแต่ใจต่อหน้า
เขาอีกด้วย!
เฉิงฉือเอาคางเกยศีรษะของโจวเสาจิ่น พลางกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “เจ้าเด็กโง่ เจ้า
อายุเท่าไร แล้วข้าอายุเท่าไรกัน บุตรชายของคนอื่นที่มีอายุเท่าข้าล้วนต้องพูดคุยเรื่องลูกสะใภ้กัน
แล้ว แต่บุตรของข้ายังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใดเลย เจ้าว่าข้าอยากให้มีหรือไม่ เฝ้ารอคอยหรือไม่”
โจวเสาจิ่นกระดากอายเล็กน้อย ในใจก็นึกถึงเรื่องที่เขาไม่อยากมีลูกก่อนหน้านี้
เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “หากรอให้เจ้าโตขึ้นอีกสักสองสามปี ข้าจะทําให้เจ้าเคืองแค้นอย่าง
นั้นหรือ”
แน่นอนว่าโจวเสาจิ่นเข้าใจเจตนาของเฉิงฉือ เพียงแต่อยากฟังเฉิงฉือหลอกล่อตนเอง
เท่านั้น ดังนั้นจึงพูดกับเฉิงฉือไปเช่นนั้น ตอนนี้ได้ยินเฉิงฉือเอ่ยคําว่า ‘เคืองแค้น’ บ้างหรือ ‘ไม่เคือง
แค้น’ บ้าง ในใจก็รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม บุ้ยปากอย่างไม่พอใจพลางกล่าวว่า “ข้าเคืองแค้น
ท่านเมื่อใดกัน ท่านต่างหากที่ใส่ร้ายข้า!”
เฉิงฉือหัวเราะร่วน
ทั้งสองคนต่อล้อต่อเถียงกันครึ่งค่อนวัน แล้วจึงเข้านอนด้วยจิตใจที่เปี่ยมด้วยความ
คาดหวัง เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นก็เชิญท่านหมอมาตรวจชีพจร
4772
หมอวินิจฉัยว่าเป็นชีพจรมงคล
ต้นเดือนห้าของปีหน้าเฉิงฉือกับโจวเสาจิ่นก็จะเป็นพ่อแม่คนแล้ว!
โจวเสาจิ่นปลาบปลื้มยินดีจนร้องไห้ออกมา
มีชีวิตอยู่สองชาติภพ อายุยี่สิบกว่าปี ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีบุตรคนหนึ่ง
ครั้งนี้นางจักต้องปกป้องเขาดีๆ ให้จงได้!
มองดูเขาโตขึ้น อ่านหนังสือเป็นเพื่อนเขา และมองดูเขาแต่งภรรยาหรือออกเรือนไป!
นางซุกตัวในอ้อมแขนของเฉิงฉือ แล้วรํ่าไห้ขึ้นมา
เฉิงฉือตะลึงงัน
เสาจิ่นมีอายุน้อยขนาดนี้ กลับอยากเป็นแม่คนสุดใจ
หญิงสาวที่อายุเท่ากับนางมักจะค่อนข้างหวาดกลัวการเป็นแม่คนกันหมด
แม้ว่าเมื่อก่อนนางก็มักจะพูดต่อหน้าเขาอยู่บ่อยๆ แต่เขานึกไม่ถึงว่าโจวเสาจิ่นจะเฝ้า
ปรารถนาถึงเพียงนี้
คิดถึงตรงนี้ เฉิงฉือก็ใจกระตุก
หรือว่าเด็กน้อยยังมีเรื่องอะไรปิดบังเขาอยู่
สายตาของเขาก็มีแสงเยียบเย็นดุจหิมะวาบผ่านสายหนึ่ง
แต่ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้เสาจิ่นก็ตั้งครรภ์แล้ว เขากําลังจะเป็นพ่อคนแล้ว เป็นเรื่องที่ทําให้
คนปีติยินดีเหลือคณา
เฉิงฉือให้คนส่งจดหมายไปแจ้งฮูหยินผู้เฒ่ากัวในทันที
4773
เพียงครึ่งชั่วยาม ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็เร่งรุดกลับมา
ชิวซื่อที่มากับนางก็เป็นกังวลยิ่ง กําชับฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่หยุดว่า “ท่านช้าๆ หน่อยเจ้าค่ะ”
ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับปกปิดความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่ ทําหูทวนลมต่อถ้อยคําของชิวซื่อ
ยิ่งเดินก็ยิ่งสาวเท้าเร็วขึ้น
ชิวซื่อกระทืบเท้าไม่หยุด
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไม่รอให้สาวใช้ที่อยู่เวรรายงาน ก็เลิกผ้าม่านขึ้นแล้วเดินเข้าไป
โจวเสาจิ่นได้ยินคนกล่าวกันว่าตอนที่เพิ่งจะตั้งครรภ์ง่ายต่อการแท้งบุตรยิ่ง ตอนนี้นาง
ตั้งครรภ์แล้ว นางก็ต้องระมัดระวังตัว หลังจากที่ท่านหมอออกไปแล้วก็นอนลงไปตามใจตนเอง
เฉิงฉือเห็นสีหน้าเหนื่อยอ่อนของนาง ก็คิดว่านางอายุยังน้อยแต่ยอมแตกกิ่งก้านสาขา
เพื่อตนเอง ในใจพลันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ย่อมทําตามใจโจวเสาจิ่นทุกอย่างเป็นธรรมดา ไม่
ต้องพูดถึงหากนางอยากพักผ่อนเท่านั้น ต่อให้อยากกินตับมังกรดีหงส์ เขาก็จะหาทางทํามาให้
นาง ณ เดี๋ยวนั้น ดังนั้นพอเห็นโจเวสาจิ่นที่อยากจะนอนหลับอีก นอกจากเขาจะไม่ห้าม ในทาง
กลับกันยังยกเก้าอี้ตัวหนึ่งมาวางข้างเตียงแล้วนวดมือนาง อยู่เป็นเพื่อนนางอีกด้วย
แม้จะรู้สึกค่อนข้างน่าเบื่อ แต่ก็ทําให้คนรู้สึกหวานหยดย้อย
โจวเสาจิ่นก็เอาแก้มแนบมือของเฉิงฉือ…ทันใดนั้นผ้าม่านห้องนอนก็ถูกเลิกขึ้นมา ฮูหยิน
ผู้เฒ่ากัวพรวดเข้ามา
นางตกใจสะดุ้งโหยง
ทว่ายังไม่รอให้นางลุกขึ้นมา ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็สาวเท้าเดินมาถึงหน้าเตียงแล้ว พลาง
กล่าวยิ้มๆ ว่า “เด็กดี ข้ารู้ว่าเจ้าลําบาก ไม่ต้องลุกขึ้นมาต้อนรับข้าหรอก อีกทั้งข้ามิใช่คนนอก
4774
อะไร ตอนนี้เจ้าดูแลตนเองให้ดีถึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ต้องมารักษาพิธีรีตองเหล่านั้นกับข้าถึงจะ
ถูก” ขณะที่กล่าว ก็ชําเลืองมองชิวซื่อด้วยหางตา ทั้งยังตัดสินใจกล่าวแทนชิวซื่ออีกว่า “พี่สะใภ้
รองของเจ้าเป็นผู้ที่โอนอ่อนคนหนึ่ง จะไม่กล่าวโทษเจ้าที่ไม่ต้อนรับนางหรอก เจ้าเพียงนอนลงดีๆ
ก็พอแล้ว”
โจวเสาจิ่นรู้สึกว่าตนยังดี เพียงมีอาการง่วงนอนเล็กน้อยเท่านั้น
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเข้ามาอย่างกะทันหันถึงเพียงนั้น ต่อให้นางง่วงนอนเพียงใดความง่วงนั้น
ก็ถูกขับไล่จนหมดสิ้น
นางยังคงหยัดกายขึ้นนั่ง
ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับกดนางไว้ในผ้าห่ม ขณะกล่าวว่า “เชื่อฟังดีๆ”
นี่คือแม่สามีของนางที่ต่อให้อยู่ต่อหน้าท่านผู้นําตระกูลจากจวนรองก็ไม่ยอมลงให้แม้ครึ่ง
เดียวผู้นั้นหรือ
ชิวซื่อเห็นแล้วก็ปากอ้าตาค้าง
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเอ่ยถามเฉิงฉือแล้วว่า “ท่านหมอมาแล้วว่าอย่างไร ชีพจรเป็นอย่างไร มีจุด
ใดที่ควรระวังหรือไม่ ได้เชิญนักพรตเต๋ามาดูธาตุทั้งห้าแล้วหรือยัง ตอนเช้าตื่นขึ้นมาแล้วอ้วก
หรือไม่ เมื่อครู่กินอาหารเช้าอะไรไปบ้าง กินได้หรือไม่ รู้สึกหอมไม่หอม มีของอะไรที่ชอบกินเป็น
พิเศษหรือไม่”
ยิงคําถามเป็นชุดอย่างนี้ ต่อให้เป็นเฉิงฉือ ก็ต้องสงบอารมณ์ก่อนแล้วจึงจะเริ่มตอบ
คําถามได้
พอรู้ว่านอกจากอาการง่วงนอนแล้วโจวเสาจิ่นไม่มีความผิดปรกติอื่นใด ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็
ดีใจยิ่งนัก กล่าวว่า “แปดถึงเก้าในสิบส่วนเสาจิ่นเป็นผู้ที่มีครรภ์ดีคนหนึ่ง ต่อไปก็คลอดบุตรได้
4775
มากมาย! ไม่เหมือนพี่สะใภ้รองของเจ้า ทันทีที่ตั้งครรภ์บุตรคนหนึ่งนางก็กินอะไรเข้าไปก็อ้วกสิ่ง
นั้นออกมา วุ่นวายตลอดเจ็ดแปดเดือน ตัวคนก็อิดอ่อนโรยแรง…” ไม่ต้องพูดถึงตอนที่คลอดบุตร
เลย
ตอนที่นางคลอดเฉิงรั่งกับเฉิงเซิงก็เกือบจะเสียชีวิตเลยทีเดียว
ชิวซื่อย่อมรู้ว่าแม่สามีพูดถึงผู้ใด ดวงหน้าของนางขึ้นสีแดงเรื่อ อดกล่าวในใจไม่ได้ว่า ฮู
หยินผู้เฒ่าผู้นี้อยากเพิ่มจํานวนคนในครอบครัวเหลือหลาย บุตรของน้องรองและน้องสะใภ้รองนี้
ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด ก็อยากให้คลอดบุตรอีกหลายคนในภายหน้าเสียแล้ว…
เฉิงฉือลุกขึ้นมาแล้วยกเก้าอี้ให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวนั่ง
ชิวซื่อก็คลี่ยิ้มพลางก้าวมาที่หน้าเตียงของโจวเสาจิ่น พลางกล่าวเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้า
พักผ่อนให้ดี เมื่อครู่แม่สามีปรึกษากับข้าแล้ว ให้ข้ามาอยู่เป็นเพื่อนนางในช่วงนี้ เจ้าก็จะมีคนช่วย
ดูแลคนหนึ่ง…”
“นี่จะเป็นไปได้อย่างไรเจ้าคะ” โจวเสาจิ่นปฏิเสธไม่หยุด “อีกไม่นานรั่งเกอเอ๋อร์จะแต่งงาน
แล้วท่านยังมีงานมากมายเป็นกองที่ต้องทําทางด้านโน้น จะทิ้งงานในบ้านมาดูแลข้าได้อย่างไร
เจ้าคะ”
ทว่าถ้อยคําของนางยังไม่ทันสิ้นเสียง ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็กล่าวยิ้มๆ ขึ้นแล้วว่า “เรื่องใหญ่ๆ
ล้วนหารือกันเกือบเสร็จหมดแล้ว ส่วนเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้นก็ให้พ่อบ้านไปสั่งการแล้วกัน
เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องห่วง เรื่องที่ให้พี่สะใภ้รองของเจ้ามาเป็นความคิดของข้าเอง เจ้าอายุยังน้อย จึง
ไม่เข้าใจ ส่วนข้าอายุมากแล้ว คงมิอาจกอดกฎเกณฑ์ครํ่าครึจากเมื่อก่อนได้ ต้องแล้วแต่พวกเจ้า
ตัดสินใจเอาเอง พี่สะใภ้รองของเจ้าก็เหมาะสมยิ่งนักแล้ว นางอยู่จิงเฉิงมาหลายปี รู้จักคุ้นเคย
ผู้ใหญ่ผู้น้อยต่างๆ มีเรื่องอะไรไม่ว่าจะเป็นเรื่องในลานชั้นนอกหรือลานชั้นในก็มีคนที่วิ่งเต้นงาน
ให้ได้คนหนึ่ง…”
4776
เฉิงฉือกับโจวเสาจิ่นเห็นท่าทางแน่วแน่ของฮูหยินผู้เฒ่ากัว ก็คาดเดาว่าเรื่องนี้คงจะหารือ
กับชิวซื่อเอาไว้แล้ว พวกเขาปฏิเสธอีกก็ไม่ค่อยดีนัก
“เช่นนั้นก็ได้ขอรับ!” เฉิงฉือตอบตรงๆ แล้วกล่าวกับชิวซื่ออย่างนอบน้อมว่า “ช่วงนี้ก็
รบกวนท่านแล้วนะขอรับ!”
“ไม่รบกวนอะไรหรอกๆ” ชิวซื่อได้รับความสําคัญจากน้องสามี ดวงหน้าล้วนแต้มรอยยิ้ม
ยินดี กล่าวล้อเล่นขึ้นว่า “น้องสะใภ้อายุยังน้อย นี้เป็นเรื่องที่ข้าควรจะทําจริงๆ พวกเจ้าไม่ต้องเก็บ
มาใส่ใจหรอก ทําให้ข้าไม่รู้จะวางแขนวางขาอย่างไรแล้ว! ยิ่งกว่านั้นหลังจากท่านแม่ไปอยู่ด้วยก็
ช่วยงานข้าไม่น้อย หาไม่แล้วงานแต่งงานของรั่งเกอเอ๋อร์ก็มิอาจราบรื่นถึงเพียงนี้ได้ สําหรับท่าน
แม่ไม่ว่าจะเป็นหน้ามือหรือหลังมือล้วนเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขทั้งสิ้น ตอนนี้นางคิดถึงน้องสี่ ข้าจะไม่
มาช่วยได้อย่างไร”
โจวเสาจิ่นกับเฉิงฉือต่างรู้ดีว่านางเป็นผู้ที่จริงใจคนหนึ่ง จึงไม่ได้พูดมากอีก รีบสั่งพวก
สาวใช้ไปเก็บกวาดเรือนรับรองแขก ตระเตรียมให้ชิวซื่อย้ายไปอยู่
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับกล่าวว่า “ให้นางอยู่ที่ห้องปีกตะวันออกของเรือนหลักกับข้าดีกว่า
หากมีเรื่องอะไร พวกข้าก็ไปหาหมอได้!”
โจวเสาจิ่นได้แต่บอกให้พวกสาวใช้เก็บกวาดห้องปีกตะวันออกของเรือนหลัก แล้วส่งคน
ไปบอกหลี่ว์มามาและคนอื่นๆ ให้ส่งหีบหับของฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับมา และช่วยชิวซื่อจัดเก็บหีบ
สัมภาระ
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็หารือเรื่องที่จะไปเชิญนักพรตเต๋ากับเฉิงฉือ “…นางตั้งครรภ์อยู่นะ จะได้
ไม่ให้ใครไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้ามาก่อความวุ่นวาย! หากถูกทําให้ตกใจจะทําอย่างไรเล่า! หากเจ้าไม่
รู้สึกปวดใจข้าก็ยังรู้สึกปวดใจอยู่ดี!”
4777
เฉิงฉือเข้าใจความหมายแล้ว ก็ตอบรับในทันทีว่าจะไปเชิญนักพรตเต๋ามา
โจวเสาจิ่นฉวยจังหวะนี้ถามชิวซื่ออย่างเป็นกังวลว่า “พี่สะใภ้รองจัดการเรื่องในบ้านให้
เสร็จแล้วค่อยมาก็ได้ รอให้ผ่านไปสักสองสามวันข้าก็ไม่เป็นไรแล้ว พี่สะใภ้รองค่อยกลับไปอยู่
บ้านสักระยะหนึ่งก็ได้แล้วเจ้าค่ะ”
ชิวซื่อเข้าใจเจตนาของนาง กล่าวยิ้มๆ ว่า “ไม่เป็นไร บ้านของข้านั้นเล็ก อีกทั้งพี่รองของ
เจ้าไม่อยู่บ้าน จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องเล็กน้อยยิ่งนัก หากข้าไม่กลับไปก็ไม่เป็นไร แต่เจ้าอายุน้อย
เพียงนี้ก็ตั้งครรภ์แล้ว ต้องระมัดระวัง หากข้ากับท่านแม่มาช่วยดูแลเจ้าในช่วงนี้ ข้าก็รู้สึกวางใจ
ลงได้เล็กน้อย”
โจวเสาจิ่นกล่าวขอบคุณซํ้าแล้วซํ้าเล่า
รอให้หีบหับของฮูหยินผู้เฒ่ากัวกับชิวซื่อส่งมาถึงแล้ว นักพรตเต๋าก็มาแล้ว
เขาตรวจดูหน้าเรือนหลังเรือนรอบหนึ่งแล้ว ก็ใช้มือนับอยู่ครึ่งค่อนวัน บอกว่าโจวเสาจิ่น
ล้วนมีห้าธาตุครบ เพียงแต่ขาดธาตุไม้เล็กน้อย วางไม้ปีกไก่สักชิ้นใต้เตียงก็ได้แล้ว
ทว่าเฉิงฉือกลับส่งมามามากประสบการณ์ไปแจ้งซอยซิ่งหลินกับเฉิงเว่ย บอกว่าโจวเสา
จิ่นตั้งครรภ์แล้ว มีข้อควรระวังมากมาย รอให้โจวเสาจิ่นคลอดบุตรแล้วจะไปแจ้งพวกเขาอีกที
จากนั้นถึงให้คนไปเปิดห้องเก็บของหาไม้ปีกไก่ชิ้นหนึ่งออกมา
หยวนซื่อได้รับจดหมายแล้วก็บันดาลโทสะครึ่งค่อนวันไม่พูดไม่จา ตอนที่เอ่ยปากพูด
นํ้าเสียงก็สั่นเครือ “นายท่านสี่นี่หมายความว่าอย่างไร กลัวพวกเราไปเยี่ยมโจวเสาจิ่นอย่างนั้น
หรือ หรือว่าพวกเราก็เป็นภัยพิบัติหรืออสูรร้ายอย่างนั้นหรือ”
นางตบจดหมายลงบนโต๊ะดัง ‘ปัง’
หมิ่นเจียได้ยินถ้อยคํานี้แล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ ย่นหัวคิ้วน้อยๆ
4778
สายตาของหยวนซื่อก็ตกบนร่างของหมิ่นเจีย
หมิ่นเจียแต่งงานเข้ามามากกว่าครึ่งปีแล้ว โจวเสาจิ่นก็ตั้งครรภ์แล้ว ทว่าหมิ่นเจียกลับยัง
ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร…
หยวนซื่อลืมเรื่องจดหมายจากประตูเฉาหยางไปชั่วขณะหนึ่ง แล้วคิดถึงหมิ่นเจียขึ้นมา
ทว่าหมิ่นเจียเห็นแม่สามีโวยวายใหญ่โตแต่ไม่ทําอะไรไปรอบหนึ่ง กลับรู้สึกโล่งอกอยู่ใน
ใจ
หากว่าไม่ไปที่ประตูเฉาหยางได้จริงๆ แล้วเลี่ยงโจวเสาจิ่นได้ก็ไม่เลว
แต่ก่อนนางไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างโจวเสาจิ่นกับเฉิงสวี่ แน่นอนว่าก็พูดจาและ
ประพฤติตัวอย่างมั่นใจได้ แต่ตอนนี้นางรู้แล้ว ให้นางแสร้งปฏิบัติต่อโจวเสาจิ่นอย่างสงบเหมือน
ไม่รู้เรื่องอะไร นางถามตัวเองแล้วก็มิได้หน้าไม่อายเท่าหยวนซื่อขนาดนั้น…
ตอนที่อู๋เป่าจางได้รับจดหมายเพียงตะลึงงันไปครู่หนึ่ง แล้วโยนจดหมายทิ้งในมุมห้อง
ตอนนี้นางเสมือนตกอยู่ในขุมนรก
เหมือนดังที่นางหวั่นเกรงเช่นนั้น เฉิงลู่จบสิ้นหมดแล้ว กลายเป็นคนไม่เอาไหนคนหนึ่ง
เสียแล้ว
เขาเอาเงินยี่สิบหลี่ยงจากมือนางไปโดยไม่รู้สึกผิดแต่อย่างใด หลังจากข่มขู่เอาเงินสอง
ร้อยเหลี่ยงของนางไปแล้ว ตอนนี้ก็มาขอร้องเรื่องใหม่กับนางอีก อยากให้นางหาทางรวบรวมเงิน
สามร้อยเหลี่ยงให้เขาอีก เขาต้องการเปลี่ยนชื่อแส้ เข้าร่วมการสอบขุนนางอีกครั้ง
ก่อนที่อู๋เป่าจางจะย้ายมาจินหลิง ก็เติบโตขึ้นที่บ้านเกิดแถบชนนทของเหมียนหยาง พวก
เสเพลไม่เอาถ่านเช่นนี้ก็เคยเห็นมาก่อน พวกเขาล้วนไม่ต้องการแม้แต่มารยาทหรือความละอาย
4779
ก็เหมือนกับปลิงอย่างไรอย่างนั้น ขอเพียงเกาะติดแล้ว หากไม่ดูดเลือดของเจ้าจนหมดก็จะไม่
ปล่อยโดดเด็ดขาด
นางต้องกลับจินหลิงให้จงได้!
ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องกลับจินหลิง!
นางจะอยู่ที่นี่รอความตายไม่ได้โดยเด็ดขาด!
แต่นางจะกลับจินหลิงได้อย่างไรกันนะ
อู๋เป่ าจางเดินวนไปวนมาอยู่ในห้อง จากนั้นก็เรียกสายใช้ข้างกายของนางมา มอบเงิน
ยี่สิบเหลี่ยงให้นาง