ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่514 ผิดพลาด
ผ่านไปไม่กี่วัน เฉิงเวิ่นก็ได้รับจดหมายฉบับหนึ่ง แจ้งว่าฮูหยินใหญ่เวิ่นป่วย ให้อู๋เป่ าจาง
กลับบ้านไปปรนนิบัติดูแล
หากจดหมายฉบับนี้ส่งมาตอนที่ร้านของเฉิงเวิ่นยังไม่มีปัญหา เฉิงเวิ่นจะต้องเร่งอู๋เป่ า
จางกลับไปในทันทีอย่างแน่นอน แต่จดหมายฉบับนี้กลับส่งมาหลังจากที่ร้านของเขาเกิดปัญหา
ขึ้น ในใจของเฉิงเวิ่นจึงเต็มไปด้วยเคียดแค้นหลายส่วน เขาถามบ่าวเด็กที่ส่งจดหมายว่า “เป็น
จดหมายที่ส่งมาผ่านจุดพักม้าหรือว่าไหว้วานพวกนายท่านของตระกูลเฉิงส่งแบบเร่งด่วน”
บ่าวเด็กผู้นั้นตอบยิ้มๆ ว่า “เป็นจดหมายที่ส่งมาผ่านจุดพักม้าขอรับ…”
ทว่าเขายังไม่ทันพูดจบ เฉิงเวิ่นก็ขยํ้าจดหมายเป็นก้อนแล้วโยนทิ้งลงพื้นเสียแล้ว ตวาด
ว่า “เจ้าออกไปให้ข้าเดี๋ยวนี้… ในเมื่อป่วยจนใกล้ตาย แต่ไม่ใช้การส่งแบบเร่งด่วนกลับส่งจดหมาย
ผ่านจุดพักม้า คิดว่าความเจ็บป่ วยนี้ไม่สําคัญ ก็ให้นางทนทรมานไปเองแล้วกัน หากทนไม่ได้
จริงๆ ข้างกายนางมิได้มีบ่าวหญิงและสาวใช้ข้างกายที่รู้ใจเหล่านั้นอยู่ด้วยหรอกหรือ ให้พวกนาง
ปรนนิบัติให้ดีก็พอแล้ว รอให้ผ่านไปร้อยปี ค่อยทุบหม้อส่งวิญญาณให้นาง ก็ถือว่าสิ้นสุดความ
ภักดีของนางแล้ว นางจะทรมานลูกสะใภ้ตนเองอย่างไร้เหตุผลไปเพื่ออะไร เจ้าไปบอกให้พ่อบ้าน
เขียนจดหมายตอบนาง บอกนางตามที่ข้าพูดโดยไม่ตกหล่นแม้ประโยคเดียว เข้าใจหรือไม่” พูด
จบก็ยังไม่หายโมโห ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว แล้วใช้เท้ากระทืบก้อนกระดาษที่ทิ้งบนพื้นอย่าง
เคืองแค้นหลายครั้ง
บ่าวเด็กตกใจจนวิ่งเตลิดออกไป
เฉิงนั่วที่เดิมทีได้ยินว่ามารดาป่วยไม่สบายแล้วรีบรุดเข้ามาเห็นฉากนี้ ก็แอบถอยออกไป
เงียบๆ
4781
ต่อให้พวกเขาไม่ดี ก็เป็นผู้ที่ให้กําเนิดและเลี้ยงดูเขา เขาไม่อยากถูกดึงเข้าไปเกี่ยวด้วย
ครั้นอู๋เป่าจางทราบเรื่องก็เสียใจจนลําไส้เขียวคลํ้าไปหมด
นางคํานวณวางแผนมาอย่างดีแต่กลับลืมคิดถึงความเคียดแค้นที่เฉิงเวิ่นมีต่อฮูหยินใหญ่
เวิ่น
ครั้งนี้ก็จบสิ้นแล้ว
นางเสียเงินยี่สิบเหลี่ยงไปเปล่าๆ
สาวใช้ข้างกายอู๋เป่าจางก็รู้สึกเสียใจยิ่ง กล่าวว่า “หากรู้เช่นนี้แต่แรกก็จะให้ส่งจดหมาย
แบบเร่งด่วนแล้วเจ้าค่ะ!”
“เจ้าจะรู้อะไรได้” อู๋เป่ าจางย่นหัวคิ้วพลางกล่าวว่า “การส่งแบบเร่งด่วนเป็นการส่ง
จดหมายที่จํากัดให้แต่ทางการแต่ละท้องถิ่นใช้ ขุนนางธรรมดาทั่วไปล้วนไม่มีสิทธิ์
ใช้ ยิ่งไม่ต้อง
พูดคนทั่วไปเหมือนพวกเราที่อยากจะปะปนเข้าไปเลย” ขณะที่นางพูด ก็กํามือเป็นหมัด “ตอนนี้
ทางนี้ก็นับว่าถูกปิดแล้ว พวกเราต้องหาทางอื่น…”
สาวใช้ก็อดบ่นขึ้นมาไม่ได้ว่า “ถ้าหากตอนแรกพวกเราขัดขืนไม่ให้เงินยี่สิบเหลี่ยงแก่เขาก็
คงดีนะเจ้าคะ”
“ให้ไปหรือไม่ให้ก็เหมือนกัน” อู๋เป่าจางกล่าวอย่างห่อเหี่ยว “ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว มิใช่
คุณชายลู่ผู้นั้นเช่นเดิมแล้ว พูดเรื่องเหตุผลหรือเรื่องมารยาทความละอายกับเขาไปก็ไม่ต่างอะไร
จากการสีซอให้ควายฟัง… หากข้าไม่ให้เงินยี่สิบเหลี่ยงแก่เขา เขาก็ยังมีวิธีอื่นให้ข้ามอบเงินแก่เขา
เพียงแต่ข้าไม่เข้าใจว่า เขารู้ได้อย่างไรว่าข้าอยู่ที่จิงเฉิง ซํ้ายังตามหาจนพบ ตอนที่เจอข้าก็ดู
เหมือนคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าข้าจะช่วยเขา…”
4782
แต่ก่อนพวกเขาเพียงมีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือเล็กน้อยเท่านั้น เขาไม่กลัวว่านางจะไม่
ช่วยเขาอย่างนั้นหรือ
ความเคลือบแคลงใจวนเวียนอยู่ในใจของนางไม่หยุด แต่นางคิดไม่ออกจริงๆ ว่าเพราะ
เหตุใด
หรือว่าเป็นเพราะนางค่อนข้างรังแกง่ายกันนะ
อู๋เป่าจางครุ่นคิด แล้วคิดว่าอยากเขียนจดหมายไปให้สะใภ้ใหญ่สือหรือไม่ ขอให้นางช่วย
หาวิธีส่งนางกลับไป
ทว่าพอความคิดนี้ผุดขึ้นมา นางก็สลัดทิ้งไปในทันที
หากนางเล่าให้สะใภ้ใหญ่สือฟัง เช่นนั้นก็มีคนที่ทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเฉิง
ลู่เพิ่มอีกหนึ่งคนแล้ว มิเท่ากับว่านางกําลังยื่นความลับให้ผู้อื่นหรอกหรือ
แต่หากหยิบเงินสามร้อยเหลี่ยงออกมาอีก เงินส่วนตัวของนางก็ลดลงหนึ่งในสามแล้ว
ทว่านอกจากสะใภ้ใหญ่อู๋แล้ว ยังมีใครที่ช่วยนางได้
อู๋เป่าจางก็เดินวนไปมาในห้องอีกครั้ง
ทางด้านประตูเฉาหยาง โจวเสาจิ่นกําลังนั่งพิงหัวเตียง ห่มผ้าห่มสีแดงที่ทอลายนกยวน
ยางเล่นนํ้าอยู่บนเตียง พลางมองโจวชูจิ่นที่ถือช้อนอยากจะป้อนรังนกให้นางแล้วคลี่ยิ้มอย่าง
ระมัดระวัง พร้อมกับกระซิบว่า “ท่านพี่ ข้า…ข้าเพียงตั้งครรภ์เท่านั้นเอง… ยังยกนํ้าแกงหวานนี้เอง
ได้เจ้าค่ะ…”
ความหมายที่แฝงอยู่ก็คือ มือไม้ของนางยังใช้ได้อยู่
4783
โจวชูจิ่นถลึงตาใส่นางอย่างดุดันทีหนึ่ง
โจวเสาจิ่นก็ก้มหน้าลงในทันที แล้วดื่มรังนกอย่างว่าง่าย
โจวชูจิ่นเห็นนางไม่มีท่าทางสํานึกแต่อย่างใด ก็โมโหโทโสอีก อดพึมพําไม่ได้ว่า “เจ้าว่า…
เพราะเหตุใดตอนแรกท่านพ่ออยากให้เจ้าร่วมห้องหอช้าสักหน่อย มิใช่เพราะกลัวเจ้าอายุยังน้อย
แล้วได้รับความลําบากตอนคลอดหรอกหรือ ท่านพ่อจะไม่รู้ว่าหากเจ้ามีบุตรชายแล้วจึงนับว่ามีที่
ยืนมั่นคงในตระกูลเฉิงอย่างแท้จริงอย่างนั้นหรือ ข้าจะไม่รู้ว่าบุตรสําคัญต่อผู้หญิงอย่างนั้นหรือ
แต่ข้ากับท่านพ่อยิ่งปรารถนาให้เจ้ามีชีวิตที่ดี ใช้ชีวิตถึงร้อยปีและรํ่ารวยมีทรัพย์เต็มเรือนได้ เจ้าก็
ดี ไม่คาดคิดว่าจะให้เฉิงจื่อชวนผู้นั้นจับมืออย่างรวดเร็ว…” สุดท้ายนางเพียงเป็นหญิงสาวที่
แต่งงานแล้วที่เพิ่งเป็นแม่คนผู้หนึ่ง พูดถึงตรงนี้ ดวงหน้าก็อดขึ้นสีตามไปด้วยไม่ได้ กดเสียงลง
อย่างเขินอายแล้วกล่าวอีกว่า “ข้าขอบอกเจ้า เจ้าห้ามให้เฉิงจื่อชวนมาที่นี่อีก ช่วงที่ตั้งครรภ์สาม
เดือนแรก ต้องแยกห้องนอนกันโดยเด็ดขาด นี่มิใช่การเล่นของเด็กๆ หากรักษาบุตรคนแรกไม่ได้
ให้ภายหน้าต่อให้ตั้งครรภ์อีก ก็อาจจะไม่ราบรื่น ต่อให้สามีภรรยาต้องเคืองใจกัน เจ้าก็ห้ามใจ
อ่อนโดยเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่”
โจวเสาจิ่นพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แล้วเงยหน้าเหลือบมองไปที่ประตูครั้งหนึ่ง
โจวชูจิ่นถูกนางทําให้โกรธขึ้งจนไม่รู้จะว่าอะไรแล้ว ผ่านไปนานครู่ใหญ่ถึงได้กล่าวว่า
“ถ้อยคําที่ข้าพูดไปเจ้าฟังเข้าหูบ้างหรือไม่”
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะๆ” โจวเสาจิ่นรีบกล่าว “เจ้าให้ข้ากับ…ซื่อหลางแยกห้องกันนอนเจ้าค่ะ!”
ขณะที่กล่าวก็ชําเลืองมองประตูห้องอีกครั้ง
นางตั้งครรภ์แล้ว ซื่อหลางกลัวว่านางจะหวาดกลัว จึงส่งคนไปแจ้งโจวชูจิ่น ให้โจวชู
จิ่นมาเยี่ยมตอนที่มีเวลาว่าง อยู่พูดคุยเป็นเพื่อนโจวเสาจิ่น
4784
ครั้นโจวชูจิ่นได้ยินแล้วก็ระเบิดโทสะ รีบมากับซางมามาที่ไปส่งจดหมายทันที
ปรากฏว่าพอเข้าเรือนมากลับเห็นน้องสาวของตนกําลังเอนนอนบนเตียงเย็บเสื้อผ้าทารก
อย่างมีความสุข
เพลิงโทสะนี้ของนางก็พวยพุ่งขึ้นมาในทันที ไม่ง่ายเลยกว่าจะข่มไฟโทสะได้ ตอนที่
ห้องครัวยกรังนกต้มนํ้าตาลเข้ามา น้องสาวยังเชิญนางดื่มรังนกเหมือนคนที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นคน
หนึ่ง นางเห็นน้องสาวที่ไม่คิดมากผู้นี้ ก็โกรธเคืองเฉิงฉือเหลือแสน
หากมิใช่เพราะเขา น้องสาวที่เชื่อฟังและรู้ความมาโดยตลอดจะตั้งครรภ์เร็วถึงเพียงนี้ได้
อย่างไร
แต่นางมิอาจบอกว่าเฉิงฉือผิดเสียทีเดียว
ใครแต่งภรรยาแล้วไม่คาดหวังให้แตกกิ่งก้านสาขาก็คงจะเป็นองค์พระโพธิสัตว์แล้ว
กระมัง
เช่นเดียวกับนาง กวนเกอเอ๋อร์เพิ่งจะอายุไม่ถึงสองปี ทั้งยังเป็นบุตรชายคนหนึ่ง ทว่าแม่
สามีกลับเริ่มเป็นกังวลว่าเหตุใดนางถึงยังไม่ตั้งครรภ์ที่สอง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฉิงฉือที่อายุมากกว่า
โจวเสาจิ่นสิบกว่าปี แม่สามีก็อายุมาก อีกทั้งเพิ่งจะแยกตระกูล เฉิงฉือย่อมยิ่งคาดหวังอยากได้
บุตรคนหนึ่ง
หาไม่แล้วจะตรากตรําหาเงินทองสร้างกิจการใหญ่โตนี้ไปทําไม
แต่ความเข้าใจก็เป็นเพียงความเข้าใจ พอเอาเรื่องนี้มาวางบนตัวน้องสาวของนาง ในใจ
ของนางก็กลัดกลุ้มเล็กน้อย
แต่เรื่องมาถึงจุดนี้แล้ว พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์
4785
โจวชูจิ่นถอนหายใจ แล้วหยิบกระจกให้โจวเสาจิ่น กระซิบว่า “ข้าว่าเจ้าควรจําได้แล้ว”
โจวเสาจิ่นถือกระจกอย่างงงงวย แล้วเห็นรอยจํ้าแดงที่คอ
ดวงหน้าของนางขึ้นสีแดงกํ่าในทันที มองพี่สาวอย่างกระดากอาย ริมฝีปากอ้าๆ หุบๆ พูด
อะไรไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง
โจวชูจิ่นเห็นท่าทางของนาง ก็อดกล่าวอีกไม่ได้ว่า “ห้ามทําอย่างนี้อีกแล้ว”
โจวเสาจิ่นก้มหน้าจนแทบจดอกแล้ว แต่ก็อดแก้ตัวแทนเฉิงฉือไม่ได้ว่า “เขาไม่ได้ทําอย่าง
นั้นกับข้านะเจ้าคะ…” แล้วนึกถึงรอยที่คอที่ปฏิเสธอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้นั้น ก็กล่าวอีกว่า “เขา
เพียงดีใจมาก…แล้วจูบข้าเท่านั้นเจ้าค่ะ…”
“เจ้ายังแก้ตัวแทนเขาอีก!” โจวชูจิ่นโกรธเกรี้ยวยิ่ง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ถ้าเกิดเรื่องอะไร
ขึ้นมา สุดท้ายผู้ที่ได้รับความลําบากก็ยังเป็นเสาจิ่นอยู่ดี หากผู้ที่เสาจิ่นแต่งงานด้วยเป็นคนอื่น
นางยังใช้สถานะพี่สาวกดดันแม่สามีของนางได้ ทว่าผู้ที่เสาจิ่นแต่งงานด้วยกลับเป็นเฉิงฉือ หนํา
ซํ้าแม่สามีของเสาจิ่นยังเป็นฮูหยินผู้เฒ่ากัว ผู้ที่ทําให้นางเคารพยําเกรงตั้งแต่เด็ก กระทั่งไม่วาง
ผู้อื่นในสายตาแม้แต่ท่านผู้นําตระกูลจากจวนรอง นางจะกดดันฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้อย่างไรเล่า
ภายใต้อํานาจใหญ่ โจวชูจิ่นก็พ่ายแพ้โดยที่ไม่ต้องสู้แล้ว จึงได้แต่เปิดสาบเสื้อของโจวเสา
จิ่น แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “เจ้าดูตัวเองสิๆ…”
แน่นอนว่าโจวเสาจิ่นก็รู้ นางละอายจนนํ้าตาเกือบจะร่วงลงมาแล้ว
โจวชูจิ่นเห็นแล้ว ความโกรธเคืองก็พลันมลายหายไป ถอนหายใจพลางช่วยน้องสาวจัด
สาบเสื้อ แล้วกล่าวว่า “พี่สาวก็เป็นห่วงเจ้า เจ้าอย่าทําเป็นหูทวนลมต่อคําพูดพี่สาวเลย ต้องใช้
ชีวิตให้ดีถึงจะถูก”
4786
โจวเสาจิ่นเห็นพี่สาวไม่จ้องเขม็งตนแล้วพูดเรื่องพวกนั้นอีก ก็รู้สึกเหมือนปลดภาระหนัก
อึ้งลง สีหน้าก็ค่อยๆ เป็นธรรมชาติขึ้นมา กล่าวว่า “ข้ารู้ว่าท่านพี่เป็นห่วงข้า… เขาดีต่อข้ายิ่งนัก
ไม่ได้ทําตัวเหลวไหล เขาเพียงดีใจเกินไป ต่อไปจะไม่ทําอีกแล้วเจ้าค่ะ…”
แม้ว่าใจของโจวชูจิ่นยังแขวนค้างอยู่ แต่ก็ไม่ดีถ้าจะบีบบังคับน้องสาวอีก
นางอุ้มกวนเกอนั่งบนตัก ชี้ท้องของโจวเสาจิ่นพลางถามกวนเกอยิ้มๆ ว่า “เด็กที่อยู่ใน
ท้องน้าเป็นน้องชายหรือน้องสาว”
กวนเกอเฉลียวฉลาดยิ่งนัก อายุไม่ถึงขวบหนึ่งก็พูดเป็นแล้ว เพียงแต่ยังเดินไม่เป็น ด้วย
เหตุนี้ฮูหยินใหญ่เลี่ยวจึงภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก ทุกๆ ครั้งที่ออกไปข้างนอกก็มักจะเอ่ยชม
หลานชายของตนเอง บอกว่ากวนเกอเป็นเด็กที่ฉลาดหลักแหลม ต่อไปจะต้องเล่าเรียนเขียนอ่าน
เป็น
กวนเกอรีบตอบว่า “น้องสาวขอรับ!”
ดวงหน้าของโจวชูจิ่นดํ่าดิ่งลง ถามเขาอีกครั้งว่า “เจ้าดูชัดๆ ซิ เป็นน้องชายหรือน้องสาว”
ความนัยที่แฝงอยู่ก็ชัดเจนยิ่งยวด
น่าเสียดายที่กวนเกอยังเล็กอยู่ ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ ตอบไม่หยุดว่า “ท่านน้า น้องสาว!”
โจวเสาจิ่นหัวเราะคิกไม่หยุด
โจวชูจิ่นโกรธขึ้งยิ่งนัก กล่าวว่า “หัวเราะอะไรกัน มีเรื่องอะไรก็ไม่เคยรู้สึกเป็นกังวลเอา
เสียเลย”
โจวเสาจิ่นก็ยื่นมือออกไปหากวนเกอ พลางกล่าวว่า “มานี่ซิ มานั่งกับน้า!”
4787
กวนเกออยากจะปีนไปหา แต่ถูกโจวชูจิ่นห้ามเอาไว้ พลางกล่าวว่า “ในท้องของน้ามีเจ้า
ตัวน้อยอยู่ เจ้าจะซุกซนไม่ได้นะ” กวนเกอเอ๋อร์จึงนั่งอยู่ตรงนั้นไม่กล้าขยับเขยื้อน
โจวเสาจิ่นกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ หยิบกล่องขนมเก้าช่องเล็กๆ กล่องหนึ่งออกมาจาก
ชั้นเก็บของลับที่หัวเตียง แล้วเปิดกล่องยื่นขนมให้กวนเกอกิน
กวนเกอดีใจ นั่งในอ้อมแขนมารดากินขนม
ทว่าโจวชูจิ่นกลับเลิกคิ้วขึ้น พลางถามว่า “เขาใส่ใจเจ้ามากนัก! แม้แต่ขนมนี้ก็ตระเตรียม
ไว้ให้เจ้า”
“มิใช่ว่าเขากลัวข้าหิวหรอกหรือเจ้าคะ” โจวเสาจิ่นยิ้มกล่าวอย่างขวยเขิน “ตอนนี้ข้าไม่มี
อาการอะไร นอกจากง่วงนอนก็เพียงอยากกินขนมหลากหลายชนิดเท่านั้นเจ้าค่ะ ด้วยเหตุนี้ซื่อ
หลางเลยเชิญพ่อครัวที่ทําขนมเป็นคนหนึ่งมาให้โดยเฉพาะ ท่านพี่ วันนี้ท่านกับกวนเกอรั้งกิน
อาหารกับข้าที่นี่เถอะ ลองฝีมือของพ่อครัวผู้นั้นดูนะเจ้าคะ”
มิน่าคนอื่นถึงกล่าวว่าตระกูลเฉิงรํ่ารวยเป็นอย่างมาก เหตุเพราะเสาจิ่นอยากกินขนม
ถึงกับเชิญพ่อครัวทําขนมมาให้นาง เงินเป็นเรื่องเล็ก แต่การแสดงความรักอ่อนโยนดั่งสายลม
อ่อนและฝนพรํ่าเช่นนี้คงจะเป็นชีวิตที่เสาจิ่นอยากมีกระมัง
โจวชูจิ่นวางใจลง แล้วเย้าแหย่น้องสาวว่า “หากเจ้าชอบอาหารรสเผ็ด เขาจะไม่เชิญพ่อ
ครัวจากเสฉวนคนหนึ่งมาให้เจ้าหรือ”
“นายท่านสี่ก็พูดอย่างนี้เจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นยิ้มน้อยๆ “เขาบอกว่าในจิงเฉิงหาพ่อครัวที่
ทําอาหารเสฉวนรสชาติดั้งเดิมได้น้อยยิ่ง!”
โจวชูจิ่นคิดว่าตนถูกโจมตีกลับเสียแล้ว
ท่านน้าฉือ… เอาอกเอาใจเสาจิ่นเช่นนี้ ไม่รู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวรู้แล้วจะว่าอย่างไร