ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่515 วาสนาดี
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกําลังฝึกคัดอักษรอยู่ นอกจากนี้ยังเป็นอักษรหวัดอีกด้วย
ข้อมือยกขึ้นกลางอากาศ ตวัดพู่กันราวกับมังกรเหินหาว ทรงพลังดุจดั่งรุ้งกินนํ้า
ทุกครั้งที่หลี่ว์มามาเห็นฮูหยินผู้เฒ่ากัวอย่างนี้ ก็มักจะนึกถึงนายท่านผู้เฒ่ากัวที่จากโลก
นี้ไปแล้ว และนึกถึงถ้อยคําทอดถอนใจของนายท่านผู้เฒ่ากัวที่ว่า บุตรสาวของข้าผู้นี้ควรจะเป็น
บุตรชายถึงจะถูก
ครั้นฮูหยินผู้เฒ่ากัวคัดจบหนึ่งหน้ากระดาษก็วางพู่กันลง
หลี่ว์มามารีบยื่นผ้าเช็ดหน้าเปียกมาให้
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวด้านหนึ่งก็ชื่นชมอักษรของตนเอง อีกด้านหนึ่งก็เอ่ยถามหลี่ว์มามาว่า “ชู
จิ่นไปแล้วหรือยัง หากยังไม่ไป ให้ห้องครัวเตรียมอาหารสองสามอย่างให้ดี ส่วนพวกสาวใช้ที่
ติดตามมาด้วยก็มอบซองแดงซองหนึ่งเป็นรางวัล”
นี่มิได้เป็นวันขึ้นปีใหม่หรือเทศกาลใดๆ… เห็นได้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าปลาบปลื้มยินดีจริงๆ!
หลี่ว์มามาคลี่ยิ้มพลางรับคํา แล้วตัดสินใจไปจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง
ทว่าฮูหยินผู้เฒ่ากัวกลับถามถึงเรื่องอาหารการกินของโจวเสาจิ่นขึ้นมาว่า “…บอกว่ามื้อ
เช้ากินโจ๊กเพียงครึ่งถ้วย ผักดองสองสามอย่าง และหมันโถวสองลูก? รังนกนั้นขาดไม่ได้เป็นอัน
ขาด!”
หลี่ว์มามาขานรับไม่หยุด แล้วกล่าวยิ้มๆ ว่า “ท่านไม่ต้องห่วง ฮูหยินสี่ของพวกเราเป็นคน
มีวาสนาดีคนหนึ่ง ตอนที่ฮูหยินรองตั้งครรภ์ ข้าจําได้ดีว่านางลงจากเตียงไม่ได้ตั้งหลายเดือน ส่วน
หยวนซื่อแม้จะกล่าวได้ว่าดีกว่าเล็กน้อย แต่สามเดือนแรกก็กินอะไรเข้าไปก็อ้วกสิ่งนั้นออกมา ฮู
4789
หยินสี่แม้ว่ากินน้อยและกินแต่ของเบาๆ แต่นี่ก็เกือบจะครบสามเดือนแล้ว นอกจากอาการง่วง
เหงาหาวนอนเล็กน้อย ก็ยังเดินเหินได้อยู่ นี่ก็ดีกว่าสิ่งอื่นใดแล้วเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวได้ยินแล้วก็ครุ่นคิดตาม จากนั้นก็ระบายยิ้มพลางกล่าวว่า “จะว่าไปแล้ว
ถ้อยคําของเจ้านี้ค่อนข้างมีเหตุผล เจ้าบอกว่ามารดาของนางจากไปตั้งแต่นางยังเล็ก แต่ตอนที่
มารดาของนางยังอยู่ก็เลี้ยงดูชูจิ่นเป็นอย่างดี ตอนที่จวนสี่พาชูจิ่นกลับมาก็พานางกลับมาด้วย
ว่ากันตามหลักแล้ว นางเป็นเด็กที่เติบโตใต้ชายคาของผู้อื่น อย่างไรก็คงได้รับความทุกข์ระทม
บ้างกระมัง แต่ชูจิ่นก็เป็นเด็กที่มีความคิดความอ่านตั้งแต่ยังเล็กผู้หนึ่ง ปฏิบัติต่อน้องสาวผู้นี้โดย
ไม่มีที่ติ นายท่านตระกูลโจวก็มุมานะยิ่งเช่นกัน เพียงไม่กี่ปีก็เลื่อนยศเป็นขั้นสี่บน เมื่อถึงวัยคุย
เรื่องแต่งงาน สิ่งเดียวที่ทําให้คนวิพากษ์ได้ก็คือขาดมารดาอบรมสั่งสอนศีลธรรมจรรยาผู้หนึ่ง
เท่านั้น แต่กลับถูกตาต้องใจเจ้าสี่ อะไรก็ไม่เรียกร้อง อะไรก็ไม่ต้องการ ขอเพียงตระกูลโจวมอบ
บุตรสาวให้เขาก็พอ…
…หลังจากแต่งให้กับตระกูลพวกเราแล้ว เรื่องของเด็กคนนี้ก็ไม่มีข่าวคราวใดๆ มาโดย
ตลอด…
…แม้ข้าจะปลอบใจนาง แต่ในใจก็ยังเสมือนมีกลองรัวเล็กน้อยก็ไม่ปาน…
…ร่างกายแบบบางถึงเพียงนั้น ถ้าเกิดคลอดไม่ได้จะทําอย่างไร…
…บ้านหลักกับบ้านรองแต่ละบ้านมีบุตรชายเพียงคนเดียว น้องรองผู้นั้นยิ่งแล้วใหญ่ขาด
ผู้สืบทอด แม้แต่จะขอหลานสักคนมาเป็นบุตรบุญธรรมก็ไม่มีเลยด้วยซํ้า!…
…สองวันก่อนข้ายังคุยกับฮูหยินเผิง อยากถามนางว่ารู้จักหมอหญิงที่มีสูตรยาลับใน
ตระกูลหรือไม่ ใครจะรู้ว่าถ้อยคํานี้ยังไม่ทันเอ่ยออกมา นางกลับตั้งครรภ์เสียแล้ว…
4790
…ข้าคิดดูแล้ว เด็กคนนี้แม้ว่าโชคชะตาจะมีอุปสรรค ทว่ากลับโชคดีหลังผ่านพ้นความ
โชคร้ายได้ นับเป็นเด็กที่มีความผาสุกในภายภาคหน้าคนหนึ่งจริงๆ…
…บางทีที่ตระกูลเฉิงของพวกเราแต่งนางได้ ก็ถือเป็นการเพิ่มดอกไม้บนผ้าทอลายเรื่อง
หนึ่งก็เป็นได้”
หลี่ว์มามาได้ยินแล้วก็รู้สึกใจสั่นสะท้าน
หากยกย่องฮูหยินสี่เป็นดาวนําโชคแล้วล่ะก็ ต่อไปใครยังจะกล้าบอกว่าฮูหยินสี่ไม่ใช่กัน
เล่า
นางรีบกล่าวยิ้มๆ ว่า “แต่ไหนแต่ไรท่านปฏิบัติต่อผู้อื่นและมองคนไม่เคยผิด ที่ท่านพูดมา
จะต้องไม่ผิดอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะร่า ชําเลืองมองไปทางห้องโถงทีหนึ่ง พลางกล่าวว่า “ถึงเวลาแล้ว
หรือยัง เจ้าสี่คงจะกลับมาแล้วกระมัง พวกเจ้าไปบอกเขาว่า หลังจากมาคารวะข้าที่นี่แล้วไม่ต้อง
มาอีก ให้อยู่พูดคุยกับเสาจิ่นดีๆ ฮูหยินรองไปเยี่ยมรุ่ยเกอเอ๋อร์ที่บ้านอาเซิง แล้วบังเอิญชูจิ่นมา
เยี่ยมพอดี พวกนางสองพี่น้องเลยได้พูดคุยกันเป็นการส่วนตัว”
หลี่ว์มามายิ้มพลางขานรับว่า “เจ้าค่ะ” ทว่าในใจกลับกล่าวว่า มิใช่ว่าท่านเห็นสะใภ้ใหญ่
เลี่ยวมาเยี่ยม อยากจะใช้เงินส่วนตัวของตนซื้อรังนกให้เสาจิ่นกินบํารุงครรภ์ทุกวัน แต่กังวลว่าฮู
หยินรองจะรู้สึกไม่สบายใจ แล้วเกิดความแตกร้าวระหว่างพี่สะใภ้และน้องสะใภ้ ดังนั้นจึงให้เจินจู
มอบกล่องรังนกให้ฮูหยินรองเอาไปให้กูไหน่ไนสามด้วย ส่งฮูหยินรองออกไปเพื่อให้สะใภ้ใหญ่
เลี่ยวกับฮูหยินสี่ได้สนทนากันหรอกหรือ กลายเป็นความบังเอิญไปได้อย่างไรเล่า
มิน่าฮูหยินหยวนถึงได้คิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าลําเอียง!
ถ้าหากฮูหยินผู้เฒ่าผู้นี้เกิดลําเอียงขึ้นมา ก็ลําเอียงอย่างยิ่งจริงๆ!
4791
แม้แต่พวกสาวใช้ของสะใภ้ใหญ่เลี่ยวก็อยากจะตกรางวัลให้
หลี่ว์มามาคลี่ยิ้มพลางสนทนาเป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่ากัว เมื่อนึกถึงถ้อยคํากําชับของฮู
หยินผู้เฒ่าเมื่อครู่ ก็เรียกเจินจูเข้ามา แล้วถอยออกไปจากห้องนั่งเล่น ไปตระเตรียมเรื่อง
ต้อนรับโจวชูจิ่น
โจวชูจิ่นมิได้ตั้งใจจะรั้งอยู่ที่นี่นาน
แม่สามีของนางไปที่ตระกูลฟาง
เป็นฮูหยินรองตระกูลฟางที่เรียกนางไป
ได้ยินคนรับใช้ข้างกายแม่สามีนางบอกว่า ดูเหมือนทางด้านฟางเซวียนนั้นเกิดเรื่องอะไร
ขึ้น
แม่สามีเป็นผู้ที่รักหน้าตาผู้หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเลี่ยวหรือตระกูลฟาง ขอเพียงเป็น
เรื่องที่เสื่อมเสียเกียรติเล็กน้อย ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องปกปิดให้มิด
ต่อหน้าคนนอกย่อมแสร้งทําเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่นางหาได้เป็นคนที่ชอบพูดมากคนหนึ่ง อีกทั้งแม่สามีก็ปฏิบัติต่อนางเช่นนี้ ในใจของ
นางก็อดรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยไม่ได้
เพียงแต่ถ้อยคํานี้พูดออกมาต่อหน้าเสาจิ่นไม่ได้
ตอนนี้นางมีความสุขดี อย่าให้เรื่องเหล่านี้ทําให้เสียอารมณ์ไปเลย
เวลานี้โจวชูจิ่นขอเพียงให้โจวเสาจิ่นคลอดบุตรคนนี้อย่างปลอดภัยราบรื่นก็พอ
นางทอดถอนใจขณะลูบศีรษะของผู้เป็นน้อง
4792
ทว่ากวนเกอกลับจ้องมองพู่ที่แขวนอยู่บนตะขอทองที่หัวเตียง พลางยื่นมือออกไปหมาย
จะดึง
โจวชูจิ่นคว้ามือของเขา ไม่ให้เขาไปดึง
กวนเกอทั้งดีดทั้งดิ้นในอ้อมแขนมารดา ท่าทางไม่ยินยอม
โจวเสาจิ่นเห็นแล้วรู้สึกขบขัน กล่าวยิ้มๆ ว่า “ท่านพี่ ท่านให้กวนเกอดึงเล่นเถอะเจ้าค่ะ
อย่างไรก็เป็นเพียงพู่อันหนึ่ง หากเสียก็ทําอันใหม่ก็พอ”
โจวชูจิ่นได้ยินแล้วก็หัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ กล่าวว่า “วันหลังเจ้ามีลูกแล้วก็จะตามใจ
เช่นนี้อย่างนั้นหรือ”
โจวเสาจิ่นกระดากอาย แต่ก็ยังให้สาวใช้หยิบพู่ให้กวนเกออยู่ดี
กวนเกอจับพู่ในมือแล้วยัดเข้าปาก
ยังดีที่โจวชูจิ่นมือไวตาไวคว้าเอาไว้ในมือทัน
โจวเสาจิ่นตกตะลึงตาค้าง
เวลานี้เองหลี่ว์มามาก็เดินเข้ามายิ้มๆ พูดประจบประแจงโจวชูจิ่นคํารบหนึ่ง แล้วเอ่ยชม
กวนเกอไม่หยุด จากนั้นจึงบอกจุดประสงค์ที่มา
ตอนแรกโจวชูจิ่นคิดจะตอบตกลง ทว่าหางตากลับเห็นโจวเสาจิ่นปิดปากหาวทีหนึ่ง ก็
เปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน ยิ้มพลางกล่าวว่า “ขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าที่รั้งให้อยู่กินข้าวเป็นอย่างยิ่ง
แต่ก่อนที่ข้าจะออกบ้านมาได้บอกแม่สามีว่าจะกลับไปเร็วสักหน่อย คงได้แต่ต้องเปลี่ยนวันมา
รบกวนฮูหยินผู้เฒ่าใหม่เสียแล้ว”
4793
หลี่ว์มามาประหลาดใจเล็กน้อย ทว่าถ้อยคําของโจวชูจิ่นก็เป็นดังที่คาดไว้ นางจึงไม่ได้
คิดอะไรมากแล้วกลับไปหาฮูหยินผู้เฒ่ากัว
โจวชูจิ่นฉวยโอกาสลุกขึ้นอําลา
โจวเสาจิ่นยังอยากจะรั้งพี่สาวเอาไว้
แต่โจวชูจิ่นไม่ให้นางลงจากเตียง กล่าวว่า “เจ้าพักผ่อนให้ดี อีกสองสามวันเมื่อข้ามีเวลา
ว่างจะพากวนเกอมาเยี่ยมเจ้าใหม่”
โจวเสาจิ่นพยักหน้าหงึกหงัก ซางมามาส่งโจวชูจิ่นออกไป
ภายในห้องเงียบสงบชั่วครู่หนึ่ง
โจวเสาจิ่นเอนพิงหมอนอิงใบใหญ่อย่างสะลึมสะลือแล้วผล็อยหลับไป
จวบจนนางลืมตาขึ้นมา ก็เป็นยามจุดโคมไฟแล้ว
เฉิงฉือกลับมาแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดจื่อตัวผ้าไหมหังโจวสีม่วงสําหรับใส่อยู่บ้านตัว
หนึ่ง เส้นผมสีดําขลับราวกับเคลือบสีรวบเป็นมวยแต่มิได้ปักปิ่นใดๆ นอนพิงหัวเตียงขณะกําลัง
อ่านหนังสือ
ตะเกียงที่ตั้งอยู่ข้างเตียงส่องสว่างพร่างพราว ฉาบตัวเขาด้วยแสงเรืองรองชั้นหนึ่ง นิ้วมือ
ที่ถือหนังสือนั้นละม้ายคล้ายหยก เพรียวยาวราวไม้ไผ่
โจวเสาจิ่นประหนึ่งมีเทพผีมาดลบันดาลหยัดกายขึ้นครึ่งหนึ่ง แล้วประทับจูบมือของเขา
เฉิงฉือวางหนังสือลง หัวเราะเสียงทุ้มตํ่า แล้วลูบดวงหน้าของนางอย่างรักใคร่ พลาง
กล่าวว่า “ตื่นเมื่อใดหรือ ข้าไม่รู้ตัวเลย”
เป็นเพราะว่าอ่านหนังสือจนเพลินอย่างนั้นหรือ
4794
โจวเสาจิ่นเอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านอ่านหนังสืออะไรอยู่เจ้าคะ”
เฉิงฉือยื่นให้นางดู
เป็น ‘ตําราว่าด้วยเรื่องนํ้า’
โจวเสาจิ่นเคยพลิกอ่านมาก่อน รู้สึกไม่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ทว่าเฉิงฉือกลับอ่านแล้ว
เพลิดเพลินจนลืมตัว
นางเม้มปากกลั้นยิ้มพลางกล่าวว่า “เหตุใดจู่ๆ จึงอ่านหนังสือเช่นนี้หรือเจ้าคะ” ขณะที่
กล่าวก็ลุกขึ้นนั่ง
เฉิงฉือก็วางหมอนอิงใบหนึ่งข้างหลังให้นาง พลางกล่าวยิ้มๆ ว่า “สองวันก่อนข้าได้พบขุน
นางใหญ่ซ่ง ฟังความคิดของเขาแล้ว ดูเหมือนว่ายังอยากจะขุดลอกแม่นํ้าเหลืองอยู่ แม้ว่าข้า
ไม่ได้ทํางานอยู่ที่ฝ่ายจัดการนํ้าแล้ว แต่ถ้าหากช่วยงานอะไรได้ก็เต็มใจช่วย”
ช่วงก่อนเทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่างตอนที่ขุนนางใหญ่ซ่งแต่งบุตรสาวออกไปโจวเสาจิ่นได้
พบฮูหยินซ่งครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ไม่ได้พบกันมาสักพัก นางจับมือของเฉิงฉือ กระซิบถามว่า “ท่านยัง
รู้สึกเสียใจหรือไม่ที่ตอนนั้นใต้เท้าหยางไม่ได้ขุดลอกแม่นํ้าเหลืองเจ้าคะ”
เฉิงฉือพยักหน้าพลางกล่าวว่า “หยางโซ่วซานรีบร้อนไปหน่อย ตอนนี้จางฮุ่ยควบตําแหน่ง
ฝ่ ายจัดการนํ้าด้วย ไหนเลยจะมีใจสนใจเรื่องพวกนี้เล่า เกรงว่าขุนนางใหญ่ซ่งคงจะผิดหวังเสีย
แล้ว”
โจวเสาจิ่นโน้มตัวไปโอบเอวของเฉิงฉือ อิงแอบในอ้อมอกของเขา พลางปลอบใจเขาว่า
“ย่อมมีโอกาสเสมอ! องค์ฮ่องเต้คงจะไม่ทอดพระเนตรแม่นํ้าเหลืองเอ่อท่วมแล้วไม่สนพระทัยเป็น
แน่เจ้าค่ะ”
4795
เฉิงฉือหัวเราะร่า ปล่อยให้กลิ่นหอมบนตัวของโจวเสาจิ่นซึมซาบติดตัวเขา พร้อมกับก้ม
ศีรษะลงจุมพิตกระหม่อมของโจวเสาจิ่น แล้วระบายยิ้มพลางกล่าวว่า “เช่นนั้นในชาติที่แล้วของ
เจ้าเคยขุดลอกแม่นํ้าเหลืองหรือไม่”
นางขบคิดแล้วกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าไม่เคยได้ยินมาก่อน… แต่มีอยู่ปีหนึ่งนํ้าในแม่
นํ้าเหลืองไหลเชี่ยวกรากยิ่ง ว่ากันว่าเก้าในสิบครัวเรือนถูกทําลาย คนมากมายขายบุตรขาย
ภรรยา ในปีนั้นมีคนหลบหนีจากบริเวณนั้นมาที่จิงเฉิง บ่าวหญิงที่อยู่ในบ้านบอกว่า เดินออกไปที่
ใดล้วนเป็นเรื่องเกี่ยวกับทางโน้น คนที่ไม่รู้ยังคิดว่าตนมาถึงไคเฟิงเสียแล้วเจ้าค่ะ!”
เฉิงฉือไม่ได้ตอบอะไร สีหน้ามืดมนเล็กน้อย
โจวเสาจิ่นเงยหน้าขึ้นจากอ้อมอกของเขา มองดูเขา
เครื่องหน้าของเขาเด่นชัด โครงหน้าหล่อเหลา… นางมองอย่างไรก็รู้สึกว่าน่ามองอย่าง
นั้น
แม้ว่าเฉิงจิงกับเฉิงเว่ยหน้าตาคล้ายเฉิงฉือ แต่ไม่มีท่วงท่ากิริยาเหมือนกับเฉิงฉือเช่นนั้น
หากพูดถึงความคล้ายคลึงของหน้าตา เฉิงฉือดูเหมือนจะละม้ายคล้ายเฉิงเซ่าท่านอารองมากกว่า
เสียอีก
พอนึกถึงตรงนี้ ก็มีเรื่องหนึ่งผุดขึ้นมาจากส่วนลึกของห้วงสมองนาง
นางอุทานว่า “ไอ้โหยว” ขณะลุกขึ้นนั่ง หัวใจเต้นตึกตักระรัวประหนึ่งรัวกลองก็ไม่ปาน ถ้า
หากเฉิงฉือหลบไม่ทันก็เกือบจะชนคางของเขาเสียแล้ว
เฉิงฉือก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ รีบถามว่า “เป็นอะไรไปหรือ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า”
“มิใช่เจ้าค่ะๆ” โจวเสาจิ่นส่ายศีรษะอย่างลนลาน จับมือของเฉิงฉือไว้แน่นพลางกล่าวว่า
“ข้านึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมา…ไม่รู้ว่าถูกต้องหรือไม่…เพียงคิดว่าค่อนข้างแปลกประหลาด…”
4796
เฉิงฉือครุ่นคิดไตร่ตรอง กระซิบถามว่า “เป็นเรื่องจากชาติก่อนหรือ”
โจวเสาจิ่นพยักหน้ารัวๆ
เฉิงฉือก็ตบหลังของนางเบาๆ กล่าวเสียงอบอุ่นว่า “ไม่ต้องรีบๆ พวกเราค่อยๆ พูด ข้าจะ
ไปเทนํ้าชาให้เจ้าจอกหนึ่ง…”
โจวเสาจิ่นจับมือของเฉิงฉือไม่ปล่อย “ข้าไม่อยากดื่มชาเจ้าค่ะ”
เฉิงฉือครุ่นคิดแล้วจึงกอดนางในอ้อมแขนแทน พลางกล่าวว่า “เจ้านึกถึงเรื่องอะไร”
อ้อมอกที่คุ้นเคยและอบอุ่น นํ้าเสียงที่อบอุ่นและอ่อนโยน มอบความกล้าหาญยิ่งใหญ่
ให้แก่โจวเสาจิ่นเป็นอย่างมาก
นางกระซิบว่า “ข้าจําได้ว่าท่านอารองจากไปก่อนท่านแม่เจ้าค่ะ แต่ก่อนข้าไม่รู้ รู้แค่ว่า
ท่านอารองไม่ชอบเป็นขุนนาง เป็นราชครูในสํานักฮั่นหลินคนหนึ่ง ไม่สนใจชื่อเสียงเงินทอง ใช้
ชีวิตอย่างสมถะและระมัดระวัง… ข้าแต่งเข้ามาแล้วถึงได้ค้นพบว่า ความจริงแล้วท่านอารองเป็น
ที่โปรดปรานขององค์ฮ่องเต้ เป็นพระสหายเก่าแก่ของพระองค์ เพียงแต่คนมากมายไม่รู้เท่านั้น ว่า
กันตามหลักแล้ว เมื่อท่านอารองเสียชีวิต องค์ฮ่องเต้ควรจะมีพระราชโองการสําแดงพระมหา
กรุณาธิคุณถึงจะถูก แต่ในชาติที่แล้ว ข่าวการจากไปของท่านอารองผ่านไปนานแล้วพวกข้าถึง
ค่อยทราบ หากเพียงแค่ข้าก็แล้วไป ทว่าตระกูลเลี่ยวกับตระกูลเฉิงกลับไปมาหาสู่กันโดยตลอด
ตอนที่ท่านอารองเสียชีวิต ตอนนั้นพี่สาวเริ่มดูแลการงานในเรือนของตระกูลเลี่ยวในจิงเฉิงแล้ว
ควรจะไปกราบไหว้สักครั้งถึงจะถูก ทว่าตอนที่พี่สาวทราบข่าวร่างของท่านอารองก็ฝังเรียบร้อย
เสียแล้ว แม้แต่การตั้งศพเจ็ดวันเจ็ดรอบก็ผ่านไปแล้วเจ้าค่ะ”