ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่516 สืบสาวราวเรื่ อง
นี่ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเลยจริงๆ
เฉิงฉือได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น พึมพําขึ้นว่า “นอกจากนี้แล้ว เจ้ายังได้ยินอะไรอีกบ้าง”
โจวเสาจิ่นขบคิดตรึกตรองพลางกล่าวว่า “ข้าจําได้ว่าปีนั้นเป็นปีปิ๋งอู่ และเป็นปีที่ยี่สิบเก้า
ในรัชศกจื้อเต๋อ พี่ชายอี้มาเยี่ยมข้าครั้งหนึ่ง ก่อนหน้านั้นไม่ได้ยินข่าวคราวอะไรเลย แต่จู่ๆ ก็บอก
ว่าท่านอารองล้มป่วยแล้วเสียชีวิต เขาเลยรีบไปซอยซิ่งหลินเจ้าค่ะ” นางมองเฉิงฉืออย่างละอาย
ใจเล็กน้อย “หลังจากที่ข้าออกมาจากซอยจิ่วหรู ก็ติดต่อกับซอยจิ่วหรูน้อยยิ่ง ต่อให้บางครั้งบาง
คราวได้ยินข่าวคราวอะไร ก็เพียงเป็นข่าวเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ตอนที่ท่านอารองจากไป ข้าไม่ได้
ไปร่วมงานศพ ตอนนั้นข้ายังคิดว่าพี่สาวทราบ จึงไม่ได้พูดเรื่องนี้กับนาง ภายหลังพี่สาวพูดถึง
ขึ้นมา ข้าจึงรู้ว่าพี่สาวก็ทราบข่าวทีหลังเหมือนกัน ตอนที่ไปหาโลงศพของท่านอารองก็เคลื่อนย้าย
ลงใต้กลับไปจินหลิงแล้วเจ้าค่ะ ท่านก็รู้ เหตุเพราะเรื่องของข้า หากพี่สาวไม่ได้รับผิดชอบดูแลการ
งานในตระกูลเลี่ยว ก็คงจะไม่ไปมาหาสู่กับซอยซิ่งหลินแม้แต่น้อย ในเมื่อมิได้แจ้งข่าวคราวการ
จากไปของท่านอารองให้นางทราบ นางจะเป็นฝ่ ายไปกราบไหว้ศพก่อนได้อย่างไร จะว่าไปแล้ว
พวกข้าสองพี่น้องต่างไม่เคยจุดธูปให้ท่านอารองเลยเจ้าค่ะ…”
เฉิงฉือไม่ได้พูดอะไร สีหน้าเคร่งเครียด
โจวเสาจิ่นรีบปลอบเขาว่า “หรือว่าข้าคิดมากไปเองเจ้าคะ ตอนนั้นพวกข้าพี่น้องเมินเฉย
ต่อซอยจิ่วหรูถึงเพียงนั้น ท่านอารองจากไปกะทันหัน เป็นไปได้ว่าทุกคนคงสับสนวุ่นวายไปหมด
ชั่วขณะนั้นจึงไม่ได้ใส่ใจ พี่ชายอี้ถูกเรียกตัวไป ก็เป็นเพราะเวลานั้นเฉิงเจิ้งอาศัยอยู่ที่จิงเฉิงแล้ว
ระหว่างพวกเขาที่เป็นญาติพี่น้องยังพบปะกันอยู่บ้าง เขาเคยไปเยี่ยมที่บ้านเฉิงเจิ้งครั้งหนึ่ง…”
เฉิงฉือตบไหล่ของโจวเสาจิ่นเป็นการปลอบโยน แล้วตัดบทสนทนาของนางขึ้นว่า “เจ้าให้
ข้าคิดสักหน่อย”
4798
โจวเสาจิ่นซุกตัวในอ้อมอกของเขาอย่างเชื่อฟัง ไม่ได้ส่งเสียงพูดอีก
ทว่าเฉิงฉือกลับถามนางอย่างรวดเร็วขึ้นว่า “เจ้าบอกว่า ตอนที่ท่านอารองเสียชีวิต ไม่ได้
แจ้งให้พี่สาวของเจ้าทราบ อีกทั้งสาเหตุที่พี่สาวของเจ้าทราบข่าวของซอยซิ่งหลิน ก็เพราะว่านาง
เป็นสะใภ้คนโตของตระกูลเลี่ยว ดูแลการงานของตระกูลในจิงเฉิง กล่าวได้ว่า สาเหตุที่ซอยซิ่ง
หลินยังคงรักษาสัมพันธ์กับพี่สาวของเจ้า เป็นเพราะว่าตระกูลเลี่ยวกับตระกูลเฉิงเป็นสหาย
เก่าแก่ของกันและกัน เช่นนั้นเจ้าได้ยินพี่สาวของเจ้าพูดถึงบ้างหรือไม่ว่าตอนที่ท่านอารองจากไป
ตระกูลเก่าแก่อื่นๆ ในเจียงหนาน เช่น ตระกูลเซินหรือตระกูลฟางได้ไปร่วมงานศพด้วยหรือไม่”
โจวเสาจิ่นตอบว่า “เพียงจัดงานเงียบๆ ไม่มีข่าวคราวใดๆ ข้าจึงคิดว่าแปลกเจ้าค่ะ! ตอน
นั้นเฉิงซวี่ท่านผู้นําตระกูลจากจวนรองไม่อยู่แล้ว ท่านอารองจึงเป็นผู้อาวุโสที่สุดในซอยจิ่วหรู
ยิ่งกว่านั้นท่านอารองยังเป็นทั่นฮวา เป็นอาจารย์สอนบัณฑิตในสํานักฮั่นหลินตั้งหลายปี ตาม
หลักและเหตุผลแล้วตระกูลเฉิงก็ควรจะจัดงานศพอย่างยิ่งใหญ่ถึงจะถูก ทว่าเรื่องของท่านอารอง
ทุกคนกลับดูเหมือนไม่ทราบข่าวใดๆ อย่างไรอย่างนั้น…”
“เช่นนั้นจึงไม่ได้แจ้งให้แต่ละตระกูลทราบข่าว ต่อให้แจ้งให้ทราบ ก็เป็นเรื่องหลังจากตั้ง
ศพเจ็ดวันเจ็ดรอบของท่านอารองไปแล้ว โลงศพก็เคลื่อนย้ายลงใต้เรียบร้อยแล้ว” เฉิงฉือกล่าว
“สาเหตุที่เจ้าทราบข่าวการจากไปของท่านอารอง ก็เนื่องจากเฉิงอี้อยู่กับเจ้าพอดี หลังจากนั้นเฉิง
อี้ได้มาอําลาเจ้าหรือไม่”
โจวเสาจิ่นส่ายศีรษะ “เพียงส่งบ่าวเด็กข้างกายมาบอกข้าเท่านั้น บอกว่าปลีกตัวออกมา
ไม่ได้จริงๆ เจ้าค่ะ…”
เฉิงฉือถามอีกว่า “เช่นนั้นเขาช่วยแบกโลงศพลงใต้หรือ”
“เจ้าค่ะ!”
4799
“แล้วเฉิงเจิ้งเล่า” เฉิงฉือถามต่อ “เจ้าบอกว่าภายหลังเฉิงเจิ้งเล่าเรียนกับพี่ชายใหญ่ของ
ข้า จากนั้นก็สอบได้เป็นจิ่วเหริน จิ้นซื่อและบัณฑิตซู่จี๋เรื่อยมา แล้วเขาเล่า ได้ไปส่งท่านอารอง
ด้วยหรือไม่”
ตอนนั้นเฉิงสวี่เสียคนไปแล้ว เฉิงเจิ้งผู้เป็นหลานชายที่ติดตามข้างกายเฉิงจิงมาโดย
ตลอดคนนี้ในสายตาของคนนอกก็เป็นผู้สืบทอดที่เฉิงจิงยอมรับ ความสัมพันธ์เช่นนี้ ใกล้ชิดแน่น
แฟ้นยิ่งกว่าบุตรชายตนเองเสียอีก
“ข้าไม่ทราบเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นตอบอย่างหดหู่ “พี่ชายอี้เพียงฝากจดหมายมาให้ข้า บอก
ว่าซอยซิ่งหลินทางด้านโน้นขาดคน เขาต้องไปแบกโลงศพให้ท่านอารอง ส่วนเรื่องที่ว่าเฉิงเจิ้ง
กลับไปหรือไม่นั้น เขาไม่ได้บอก ข้าเลยไม่ทราบเจ้าค่ะ”
เฉิงฉือยิ้มเย็นพลางกล่าวว่า “เขาไม่ได้กลับไปอย่างแน่นอน ถ้าหากเขากลับไปล่ะก็
อย่างไรก็ไม่ถึงคราวที่เฉิงอี้ต้องรับผิดชอบงานใหญ่เช่นนี้ ด้วยอุปนิสัยของเฉิงอี้ อย่างไรเขาก็ต้อง
หาเวลาว่างมารํ่าลาเจ้า เนื่องจากปลีกตัวออกมาไม่ได้จริงๆ เขาจึงไม่ได้มาบอกลาเจ้า ทั้งยังส่ง
คนมาแจ้งเจ้า… เจ้าดูเฉิงอี้สิ เป็นไปได้ว่าเขาก็ไม่ชอบเฉิงเจิ้ง แต่เวลาเขามาจิงเฉิง ก็ยังไปเยี่ยม
เยียนเฉิงเจิ้งตามมารยาทอยู่บ่อยๆ… เจ้ามิได้บอกหรอกหรือว่าเขาทุบตีเฉิงสวี่เพื่อเจ้ายกหนึ่ง เห็น
ได้ว่าเขานับเจ้าเป็นน้องสาวจริงๆ…”
พอถูกเฉิงฉือพูดอย่างนี้ โจวเสาจิ่นก็รู้สึกว่าแปลกประหลาดขึ้นมา กล่าวว่า “ใช่แล้วเจ้า
ค่ะ! ตอนนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฉิงเจิ้งไม่ดีนัก แต่กลับไม่อยากไปอยู่กับพี่ชายเก้า
ทางด้านโน้น เลยมาหาข้า… เดิมทีข้ายังคิดว่าเขาเพียงไปช่วยงานศพ… ซอยจิ่วหรูจะขาดคนได้
อย่างไร งานศพของท่านอารองเป็นงานใหญ่ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีแม้แต่คนแบกโลงศพลงใต้
หรอกเจ้าค่ะ!”
นางรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก กล่าวว่า “ตอนนั้นข้าก็ไม่สนใจเกินไปเช่นกันเจ้าค่ะ”
4800
“จะโทษเจ้าได้อย่างไรเล่า” เฉิงฉือโอบกอดนางในวงแขน แล้วลูบหลังของนางเบาๆ พร้อม
กับกล่าวว่า “ยังดีที่เป็นเจ้า หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นล่ะก็ เมื่อประสบเรื่องราวเช่นนั้นครั้งหนึ่ง หาก
ไม่โวยวายต่อว่าจวนหลักจนฟ้าพลิกแผ่นดินควํ่าครั้งหนึ่งถึงจะแปลก? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่อง
หลังจากที่กลับมาแล้วยังคิดจะช่วยตระกูลเฉิงอย่างไรด้วยซํ้า!”
โจวเสาจิ่นถูกเฉิงฉือเอ่ยชมเช่นนี้ ดวงหน้าก็ขึ้นสีแดงเรื่อ แต่หลังจากนั้น นางก็สัมผัสถึง
ไอเย็นเยียบประหนึ่งนํ้าแข็งสายหนึ่ง
นางอดเงยหน้าขึ้นมาอย่างตกใจไม่ได้
ดวงหน้าของเฉิงฉือเคร่งเครียด สายตาคมปลาบราวกับลําแสงดาบก็ไม่ปาน
“เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ” โจวเสาจิ่นเห็นแล้วใจกระตุก เอ่ยถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ
เจ้าคะ”
เฉิงฉือเงียบงันชั่วครู่หนึ่ง แล้วกล่าวเสียงเข้มว่า “หากเจ้าจําไม่ผิด การตายของท่านอา
รองคงจะไม่เรียบง่ายเช่นนั้น หากไม่ล่วงเกินองค์ฮ่องเต้ ก็คงมีคนลอบสังหารเขา… ไม่คาดคิดว่า
พี่ชายใหญ่อะไรก็ไม่ถาม อะไรก็ไม่ทํา แล้วฝังท่านอารองไปเช่นนั้น! หากมิใช่เพราะท่านอารอง
ยอมถอยออกมา เขาจะเป็นขุนนางใหญ่ในราชสํานักได้หรือ เพียงแค่ท่านอารองไม่สนใจชื่อเสียง
เงินทอง ก็คาดหวังว่าตนจะได้จารึกชื่อเสียงอันดีในประวัติศาสตร์แล้วกระมัง หากท่านอารองมิได้
รักษาตําแหน่งในสํานักฮั่นหลินเอาไว้ พี่ชายใหญ่เขาจะมีโอกาสเข้าสู่ราชสํานักได้อย่างไร
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็เพียงเหยียบหัวไหล่ของครอบครัวเพื่อก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่งเท่านั้น… ทว่า
เขากลับทําเรื่องเช่นนี้ออกมา…”
เขาโกรธเกรี้ยวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
โจวเสาจิ่นรีบกล่อมเขาให้คลายโทสะ
4801
“ข้าไม่เป็นไร!” เฉิงฉือขบสันกรามแน่น ไม่ได้ผ่อนคลายลงมาแต่อย่างใด กล่าวว่า “ข้ามิได้
โกรธเคืองเจ้า ข้าโมโหพี่ชายใหญ่ต่างหาก… บางทีที่เขาเข้าสู่ราชสํานักได้อาจเป็นเพราะเรื่องนี้ก็
เป็นได้!” ถ้อยคําของเขาเมื่อกล่าวถึงประโยคสุดท้ายก็เจือความรังเกียจเล็กน้อยเสียแล้ว
โจวเสาจิ่นรีบยํ้าเตือนเขาว่า “ที่ท่านพี่ใหญ่เข้าสู่ราชสํานักได้เป็นเรื่องหลังจากที่ฮ่องเต้
พระองค์ใหม่ทรงเถลิงราชย์แล้วเจ้าค่ะ…”
ยังไม่ทันพูดจบ ทั้งสองคนก็ตกตะลึงพร้อมกัน มองหน้ากันและกัน
ผ่านไปครู่ใหญ่ โจวเสาจิ่นจึงสูดไอเย็นเข้าไปพลางกล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้หรอกกระมัง
บางทีอาจจะเป็นพวกเราที่คิดมากเกินไปเจ้าค่ะ!”
“ไม่ได้คิดมากเกินไปหรอก” ทว่าเฉิงฉือกลับมีสีหน้าเย็นเยียบ กล่าวว่า “กลัวแต่ว่านี่จึงจะ
เป็นสาเหตุที่ตระกูลเฉิงเกิดหายนะ!”
“ท่านช้าก่อน” โจวเสาจิ่นลูบหน้าผากขณะกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าสับสนงงงวยหมดแล้วเจ้า
ค่ะ”
พวกเขาพูดถึงเรื่องท่านอารองอยู่ดีๆ ทว่าคุยไปคุยมาเรื่องของเฉิงจิงกลับเปลี่ยนเป็น
สาเหตุที่ตระกูลเฉิงถูกยึดทรัพย์และฆ่าล้างยกตระกูลไปได้อย่างไร
ความคิดความอ่านของเฉิงฉือก้าวกระโดดจนเร็วเกินไป
นางตามไม่ทัน
เฉิงฉือก็อยากจะขบคิดไตร่ตรองอย่างละเอียดเช่นกัน กล่าวว่า “ในตระกูลขุนนาง ไม่ว่า
จะเป็นเรื่องแต่งงาน งานศพหรืองานฉลองวันคล้ายวันเกิดล้วนเป็นโอกาสดีที่จะไปมาหาสู่กันและ
กัน ตามที่เจ้าได้กล่าวมา หลังจากที่เฉิงซวี่จากไป ท่านอารองก็เป็นผู้อาวุโสที่สุดในตระกูล ตอน
นั้นพี่ชายใหญ่ยังดํารงตําแหน่งเป็นเสนาบดีทั้งเก้า ตามหลักและเหตุผลก็ควรจะจัดงานอย่าง
4802
ยิ่งใหญ่ หยิบยืมโอกาสจากงานศพดึงความเห็นใจจากสหายที่สอบขุนนางในปีเดียวกัน สหาย
ร่วมงานและสหายสนิทของท่านอารองมาใช้สักครั้งเพื่อเข้าสู่ราชสํานักถึงจะถูก แต่เจ้าก็เห็นว่า
งานศพของท่านอารอง นอกจากไม่มีพระราชโองการใดๆ แล้ว ยังให้เฉิงอี้เป็นผู้แบกโลงศพลงใต้
ดังนั้นข้าถึงได้กล่าวว่าหากมิใช่เพราะท่านอารองล่วงเกินองค์ฮ่องเต้ แล้วพี่ชายใหญ่ไม่กล้าจัด
งานศพของท่านอารองอย่างยิ่งใหญ่ ก็เป็นเพราะท่านอารองล่วงเกินใครบางคน องค์ฮ่องเต้เพื่อ
ปกป้องคนผู้นี้ เลยหลับตาข้างหนึ่งลืมตาข้างหนึ่ง พี่ชายใหญ่เพื่อเส้นทางขุนนางของตนเอง จึงเส
แสร้งทําเป็นไม่รู้ รีบฝังศพท่านอารอง” กล่าวถึงตรงนี้ นัยน์ตาของเฉิงฉือมีแสงเย็นสายหนึ่งวาบ
ผ่าน “รํ่าเรียนจนชํ่าชองบู๊บุ๋นแล้วขายให้กับราชวงศ์ เช่นนั้นก็เป็ นเพียงการขายทักษะ
ความสามารถเท่านั้น แต่มิได้ให้เขาขายชีวิตให้คนอื่นสักหน่อย หนําซํ้ายังเป็นการตั้งใจช่วยขาย
ชีวิตท่านอารองของเขาให้กับผู้อื่น!”
ในถ้อยคําเต็มไปด้วยความไม่พอใจเฉิงจิง
โจวเสาจิ่นนิ่งเงียบ
นางก็คิดว่าเฉิงจิงทําไม่ถูกเช่นกัน
แต่นั่นก็เป็นเพียงการขายทักษะความสามารถเท่านั้นมิใช่การขายชีวิตประโยคนี้ ดู
เหมือนว่าก็ไม่ถูกต้องนักเช่นกัน…
“ดังนั้นท่านอารองตายได้อย่างไรก็ถือเป็ นกุญแจสําคัญ!” เฉิงฉือกล่าว นํ้าเสียง
เปลี่ยนเป็นสงบเยือกเย็นและมีสติขึ้น “บาดหมางกับองค์ฮ่องเต้อย่างนั้นหรือ มีเรื่องอะไรบ้างที่ทํา
ให้เขาบาดหมางกับองค์ฮ่องเต้ได้ แม้ว่าองค์ฮ่องเต้ทรงนับท่านอารองเป็นพระสหายคนสนิทมา
โดยตลอด แต่ท่านอารองกลับวางท่าทีของตนอย่างถูกต้องเหมาะสมยิ่ง ต่อให้เป็นพระสหายคน
สนิท นั่นก็เพียงทําตามพระประสงค์ขององค์ฮ่องเต้ เล่นเป็นเพื่อนพระองค์เท่านั้น ไม่มีทางถือว่า
ตนเป็นพระสหายคนสนิทขององค์ฮ่องเต้อย่างจริงจังหรอก แต่หากกล่าวว่าท่านอารองเอาแต่ยอม
4803
ปฏิบัติตามองค์ฮ่องเต้เท่านั้นล่ะก็ เช่นนั้นก็ไม่ถูก ในสายตาของท่านอารอง ราษฎรและ
ประเทศชาติจึงจะทําให้เขาใส่ใจได้จริงๆ…
…ทําให้เขากับองค์ฮ่องเต้ผิดใจกันได้ คงมีแต่เรื่องใหญ่ประเภทนั้น…
…แต่ท่านอารองหาได้เป็นคนที่โง่เขลาเบาปัญญาประเภทนั้นไม่ คิดจะอาศัยถ้อยคําไม่กี่
ประโยคหรือให้องค์ฮ่องเต้ทอดพระเนตรแล้วโน้มน้าวพระองค์ให้ยินยอมทําตามเขาได้…
…ดังนั้นความเป็นไปได้ที่ท่านอารองจะผิดใจกับองค์ฮ่องเต้จึงมีน้อยยิ่งนัก นอกจากนี้
ท่านอารองให้ความสําคัญกับองค์ฮ่องเต้เสมอมา ต่อให้มีสิ่งที่ล่วงเกินอะไร องค์ฮ่องเต้ก็คงไม่เอา
ชีวิตของท่านอารองหรอก…
…เว้นเสียแต่ว่าท่านอารองไปเกี่ยวพันกับการลอบก่อกบฏ หรือสมคบกับองค์ชาย
พระองค์ใดพระองค์หนึ่งจับจ้องบัลลังก์…
…แต่เจ้าว่านี่จะเป็นไปได้หรือไม่”
อย่าว่าแต่เฉิงฉือเลย แม้แต่โจวเสาจิ่นก็ไม่เชื่อ
นางส่ายศีรษะ
“เช่นนั้นก็ล่วงเกินใครสักคน” เฉิงฉือถามโจวเสาจิ่นว่า “รัชศกจื้อเต๋อปีที่ยี่สิบเก้า เวลานั้น
ไท่จื่อกับหวงไท่ซุนล้วนสิ้นพระชนม์แล้วใช่หรือไม่ ข้าจําได้ว่าเจ้าบอกว่าองค์ชายสี่ทรงเถลิงราช
บัลลังก์ในรัชศกจื้อเต๋อปีที่ยี่สิบเก้า ท่านอารองเสียชีวิตเมื่อใด”
โจวเสาจิ่นใจเต้นตึกตักครู่หนึ่ง ตอบว่า “ต้นเดือนเก้าเจ้าค่ะ ข้าจําได้ว่าตอนนั้นพี่ชายอี้มา
หาข้าช่วงเทศกาลเก้าคู่เพื่อชวนไปปีนเขา ข้าคร้านจะออกไปข้างนอก จึงไม่ได้ตอบตกลง แต่
กระนั้นก็ยังตระเตรียมของกินเล่นให้พี่ชายอี้ ปรากฏว่าหลังจากพี่ชายอี้ถูกเรียกตัวไปก็มิได้
กลับมาอีกเลย สุดท้ายอาหารเหล่านั้นก็มอบให้บ่าวหญิงข้างกาย…”
4804
เมื่อองค์ฮ่องเต้ในพระบรมโกศทรงเสด็จสวรรคต หากใช้วันแทนเดือน องค์ฮ่องเต้ต้องไว้
ทุกข์ยี่สิบเจ็ดวันถึงจะขึ้นครองราชสมบัติ
องค์ฮ่องเต้ทรงเถลิงราชย์ในวันที่สิบหกเดือนสิบ
จู่ๆ นํ้าเสียงของเฉิงฉือก็แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมยิ่ง “เวลานั้นองค์ฮ่องเต้ควรจะประชวร
แล้ว ต่อให้ท่านอารองล่วงเกินผู้อื่น ผู้ใดจะทําให้คนข้างพระวรกายขององค์ฮ่องเต้หวาดกลัวถึง
เพียงนั้นได้เล่า”
องค์ชายสี่!
โจวเสาจิ่นเกือบจะโพล่งออกมา
สายตาของเฉิงฉือมืดมนเหลือแสน กล่าวว่า “ตอนนั้นองค์ฮ่องเต้คงจะทรงแต่งตั้งองค์ชาย
สี่เป็นรัชทายาทแล้วถึงจะถูก ท่านอารองรู้ดีว่าในเมื่อพระองค์จะทรงสืบทอดราชบัลลังก์ เหตุใดยัง
ต้องล่วงเกินพระองค์ด้วย ท่านอารองไม่กลัวนําภัยมาสู่ทั้งตระกูลหรือ อีกทั้งท่านอารองมีเรื่อง
อะไรที่ล่วงเกินพระองค์หรือทําให้พระองค์ทรงกริ้วได้กันนะ”