ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่518 แตกร้าว
หมิ่นเจียได้ยินแล้วสีหน้าก็แข็งชะงักขึ้นมาอย่างยากจะระงับ
ความนัยแฝงในถ้อยคําของแม่สามีชัดเจนยิ่งนัก
เพียงแต่นางคนเดียวจะให้กําเนิดบุตรได้หรือ
ทว่าความคิดในใจของนางกลับพลิกเปลี่ยนตลบหนึ่ง ดวงหน้าของหน้าเผยรอยยิ้ม
กระดากอายเล็กน้อยรอยหนึ่ง กระซิบกับฮูหยินหยวนว่า “ท่านแม่ไม่ได้บอกหรอกหรือว่าปีหน้า
สามีก็ต้องลงสนามสอบแล้ว ต้องให้สามีอ่านตําราในห้องหนังสือให้ดี ข้ามิกล้ารบกวนเขาเจ้าค่ะ”
หลีกเลี่ยงไม่ให้ถึงเวลานั้นเขาสอบไม่ผ่านแล้วเจ้ามาโทษข้าว่าทําให้เขาเสียสมาธิ
นึกถึงตรงนี้ หมิ่นเจียก็อยากจะพูดทิ่มแทงแม่สามีท่านนี้ของตนเหลือเกิน กล่าวว่า “สามี
มักจะบอกข้าว่า เขามีวันนี้ได้ ทั้งหมดเป็นเพราะแม่สามีอบรมสั่งสอนเป็นอย่างดี ข้าเพิ่งจะแต่ง
เข้ามา อะไรก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก คิดว่าถ้อยคําที่ท่านกล่าวมาจะต้องไม่ผิดเป็นแน่ ไม่ต้องพูดถึง
เรื่องรบกวนสามีเลย แม้แต่พวกบ่าวเด็กและสาวใช้ประจําตัวเหล่านั้นก็มิกล้าสับเปลี่ยนเลยสักคน
เพียงหวังว่าในการสอบขุนนางสามีจะสอบผ่านมีชื่อขึ้นกระดานทองได้ นําเกียรติมาสู่บรรพบุรุษ
และวงศ์ตระกูลเพื่อตระกูลเฉิงเจ้าค่ะ”
สําหรับเรื่องที่เฉิงสวี่จะสอบได้เป็นจ้วงหยวนหรือไม่นั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับนางแม้แต่น้อย
เพราะต่อให้เฉิงสวี่ได้เป็นจ้วงหยวน ด้วยอุปนิสัยของแม่สามีนางแล้ว จะต้องคว้าคุณงาม
ความดีนี้ไว้ในมือของตนเป็นแน่ แทนที่เมื่อถึงเวลานั้นจะทะเลาะกันอย่างดุเดือดเพื่อชื่อเสียง
กลวงๆ ชื่อหนึ่ง มิสู้พูดตอนนี้ให้ชัดเจนเสียเลยยังจะดีกว่า
สีหน้าของหยวนซื่อพลันเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองเหลือแสน
4815
นางรู้ว่าหญิงสาวตระกูลหมิ่นมิอาจเป็นก้อนข้าวเหนียวก้อนหนึ่งได้ แต่การถูกบุตรสะใภ้
ของตนพูดถากถางกลับเช่นนี้ เป็นใครก็ไม่พอใจ
หยวนซื่อยิ้มเย็นพลางเอ่ยว่า “ดูเหมือนเรื่องนี้ล้วนเป็นความผิดของข้า ข้าควรจะ
กําชับเจียซ่านไม่ให้เมินเฉยเจ้า”
พูดเสียจนหมิ่นเจียเสมือนว่าเหตุเพราะเฉิงสวี่ต้องอ่านตําราจนเมินเฉยนาง นางจึงบ่นว่า
ในใจอย่างไรอย่างนั้น
หมิ่นเจียโกรธจนปลายนิ้วสั่นเทิ้ม
ใช่ว่านางจะนึกไม่ถึงว่าแม่สามีจะตําหนินาง แต่นางไม่คาดคิดว่าแม่สามีจะเอ่ยถ้อยคํา
หยาบโลนเช่นนี้ออกมาได้
อย่างไรก็ตาม การด่าทอไม่มีคําพูดดีๆ ให้กันนั้น ความจริงแล้วก็ควรจะเป็นเรื่องที่อยู่ใน
ความคาดหมายอยู่แล้ว
เป็นอีกครั้งที่หมิ่นเจียได้รับคําค่อนขอดเหน็บแนมของหยวนซื่อ
นี่เป็นครั้งแรกหลังจากที่นางแต่งเข้ามาแล้วมีปากเสียงกับหยวนซื่อกันซึ่งหน้า
เดิมทีความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีกับบุตรสะใภ้ก็เป็นเรื่องลมบูรพาสยบลมประจิมหรือ
ลมประจิมสยบลมบูรพา ถ้าหากวันนี้นางยอมถอยให้ละก็ ต่อไปก็อย่าได้คิดจะเอ่ยปากพูดต่อ
หน้าแม่สามีอีกเลย
หมิ่นเจียกล่าวยิ้มๆ ว่า “สามียกย่องแม่สามีเสมอมา ถ้อยคําของแม่สามี เขาย่อมต้องเชื่อ
ฟังอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ ก็เหมือนตอนที่อยู่จินหลิง หากมิใช่เพราะแม่สามี ไหนเลยสามีจะมีวันนี้
ได้”
4816
นางนึกถึงความขุ่นเคืองในใจยามที่เฉิงสวี่กล่าวถึงโจวเสาจิ่นวันนั้น ก็อดระบายยิ้มไม่ได้
ยํ้าเตือนหยวนซื่ออีกครั้ง
ไม่รู้ว่าครั้งนี้เฉิงสวี่ยังจะเชื่อฟังแม่สามีต่อไปหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ด้วยสภาวะจิตใจของเฉิงสวี่ในตอนนี้ไปสอบให้ได้ตําแหน่งจ้วงหยวน เกรง
ว่าคงจะค่อนข้างยากแล้วกระมัง
นางก้าวไปข้างหน้าอย่างสุขุมเยือกเย็น สายตาของหยวนซื่อเย็นเยียบยิ่ง
นี่หมิ่นเจียหมายความว่าอย่างไร
หรือว่า…นางรู้เรื่องที่เจียซ่านชื่นชอบโจวเสาจิ่นกันนะ
หยวนซื่อพลันรู้สึกไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก
ที่บุตรชายเย็นชาต่อบุตรสะใภ้ นางดูแลการงานในบ้านที่ซอยซิ่งหลิน จะไม่รู้ได้อย่างไร
แต่นางมักจะคิดว่า ขอเพียงบุตรชายแต่งงานแล้ว เมื่อสัมผัสความอ่อนโยนและเอาใจใส่ของบุตร
สะใภ้แล้ว ดวงใจนี้ก็จะค่อยๆ คืนกลับมา
ถ้าหากหมิ่นเจียรู้เรื่องที่บุตรชายเคยมีคนในดวงใจล่ะก็ วันนี้ทั้งสองกลายเป็นสามีภรรยา
กันแล้ว มิใช่ว่าควรจะอ่อนโยนและเอาใจใส่ยิ่งขึ้น คว้าใจของผู้เป็นสามีคืนกลับมาหรอกหรือ มา
เอ่ยถ้อยคําเหล่านี้และโกรธขึ้งอย่างนี้ไปเพื่ออะไร
นางอดกล่าวไม่ได้ว่า “เจ้าเป็นหญิงสาวตระกูลหมิ่น อ่าน ‘บัญญัติสอนหญิง’ มาตั้งแต่
เด็ก เรื่องระหว่างสามีภรรยานี้มารดาของเจ้าควรจะสั่งสอนเจ้าถึงจะถูก เฉิงเจียซ่านเป็ น
หลานชายคนโตของจวนหลักตระกูลเฉิง เจ้าเป็นภรรยาของเจียซ่าน ต่อไปตระกูลนี้จะต้องมอบให้
เจ้ากับเจียซ่าน ตอนนี้เจ้าควรจะเรียนรู้และสนใจงานบ้านภายในเรือนตนเองถึงจะถูก มาคาดหวัง
กับข้าได้อย่างไรกันเล่า”
4817
หมิ่นเจียโกรธเกรี้ยวจนพูดไม่ออกนานครู่ใหญ่
ทําไมข้าต้องมาสะสางปัญหาให้เจ้าด้วย
บาปกรรมที่เจ้าก่อไว้เจ้าก็ไปแบกรับเองไป!
นางเห็นโจวเสาจิ่นแล้วรู้สึกละอาย โชคดีที่นางยังนั่งกินข้าวร่วมโต๊ะกับโจวเสาจิ่นเหมือน
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ นางจึงไม่หวั่นเกรงว่าจะถูกฟ้าผ่าลงมาใส่นางอย่างนั้นหรือ
ช่างเป็นพวกมือถือสาก ปากถือศีลเสียจริงๆ!
หมิ่นเจียยิ้มเย็นพลางเอ่ยว่า “ท่านแม่พูดถูกแล้วเจ้าค่ะ ได้ยินว่าครั้งนี้ท่านอาสะใภ้สี่สม
พรปรารถนาได้ เป็นเพราะเคยไปจุดธูปสักการะที่วัดหงหลัว ท่านอาสะใภ้สี่กล่าวว่า รอให้ร่างกาย
ของนางดีขึ้นเล็กน้อยแล้ว ต้องไปแก้บนที่วัดหงหลัว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เมื่อถึงตอนที่ท่านอาสะใภ้สี่
ไปแก้บนที่วัดหงหลัว ข้าก็จะตามนางไปด้วยแล้วกัน ถึงเวลานั้นให้สามีช่วยนําทางให้พวกข้า ฉวย
โอกาสนี้ออกไปผ่อนคลายสักหน่อย ท่านว่าอย่างไรเจ้าคะ”
สายตาของนางคมปลาบและเจือความเย็นเยือก มุมปากที่ยกขึ้นแฝงร่องรอยเหยียดหยัน
หยวนซื่อใจเย็นวาบ
ตระหนักได้ว่าหมิ่นเจียอาจจะได้ยินอะไรมาบ้างเสียแล้ว
ทันใดนั้นความละอายของนางพลันแปรเปลี่ยนเป็นความขุ่นเคืองเล็กน้อย ตําหนิเสียง
เบาว่า “พูดจาเลื่อนเปื้อนอะไร เจียซ่านเป็นบุรุษผู้หนึ่ง จะไปจุดธูปสักการะที่วัดหงหลัวเป็นเพื่อน
พวกเจ้าได้อย่างไร…”
ทว่าถ้อยคําของนางยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกเฉิงเจิงพูดแทรกขึ้นว่า “ท่านแม่” คําหนึ่งสั้นๆ แต่
แฝงไว้ด้วยนํ้าเสียงตักเตือนหลายส่วนเสียแล้ว
4818
หยวนซื่อหันมองกลับไป
ก็เห็นสายตาที่บุตรสาวคนโตชําเลืองมองนางอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จากนั้นก็คลี่ยิ้มพลาง
คล้องแขนของหมิ่นเจีย กระซิบว่า “เจ้าอย่าได้โกรธเคืองท่านแม่เลย แม้ว่าท่านแม่ของข้าเป็นยาย
คนแล้ว แต่มีท่านย่ารักใคร่เอ็นดู ท่านพ่อเคารพยกย่อง บุตรธิดากตัญ�ู จึงได้ใจใหญ่ ทว่า
ความคิดจิตใจกลับดี ต่อไปน้องสะใภ้ต้องพบหน้าท่านแม่ทุกวัน ขอให้อดทนอดกลั้นให้มากสัก
หน่อยถึงจะถูก หากท่านแม่ทําอะไรที่ไม่ถูก ข้าจะบอกนางเอง” ประโยคสุดท้าย กลับกระซิบข้างหู
ของหมิ่นเจีย
หมิ่นเจียไม่รู้ว่าพี่สามีที่อายุมากกว่าตนสิบกว่าปีและอาศัยอยู่ที่จิงเฉิงท่านนี้จะรู้เรื่องราว
ระหว่างโจวเสาจิ่นกับเฉิงสวี่หรือไม่ แต่นางสะกดอารมณ์และกระซิบพูดกับตนเช่นนี้ได้ ตนจะไม่
รักษาหน้านางได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้นที่นี่คือประตูเฉาหยาง หากตนทะเลาะกับแม่สามีขึ้นมาจริงๆ
ล่ะก็ มิเท่ากับว่าทําให้โจวเสาจิ่นเห็นเรื่องน่าขันเสียเปล่าๆ แล้วหรอกหรือ
นางรีบตอบทันทีว่า “ท่านพี่สามี เรื่องนี้เดิมทีเป็นข้าที่ผิดเจ้าค่ะ! หากจะโทษก็ได้แต่โทษที่
ข้าอายุน้อย หยุดยั้งคําพูดไม่ได้ ได้รับถ้อยคํานี้ของท่านพี่สามีแล้ว ต่อไปข้าจะต้องแสดงความ
กตัญ�ูต่อแม่สามีให้ดี ไม่ทําให้นางขุ่นโกรธ”
เฉิงเจิงคลี่ยิ้มพลางตบหลังมือของนาง แล้วกล่าวกับหยวนซื่อว่า “ท่านแม่ ท้องฟ้ามืดแล้ว
ท่านก็กลับไปพักผ่อนให้เร็วขึ้นสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ! พรุ่งนี้ข้าจะไปเยี่ยมท่านอีก หากพ้นเทศกาล
วันเก้าคู่ไปแล้ว ในพริบตาเดียวก็ถึงเดือนสิบต้องไปกราบไหว้บรรพบุรุษแล้ว พวกข้าไม่ได้กลับไป
หลายปี ช่วงก่อนแม่สามีของข้าเขียนจดหมายมาหา ให้พวกข้ากลับบ้านเดิมไปกราบไหว้บรรพ
บุรุษ เรื่องบางเรื่องข้ายังต้องขอให้ท่านช่วยสอนนะเจ้าคะ!”
4819
เมื่อเฉิงเจิงอายุมากขึ้น เวลาที่หยวนซื่อเผชิญหน้าบุตรสาวคนโตของตนผู้นี้ก็ยิ่งรู้สึก
กดดันมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เฉิงเจิงเอ่ยปากพูด ทั้งยังให้ทางลงแก่นาง แม้ว่าหยวนซื่อไม่ยินยอม
ทําปากขมุบขมิบ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
ชิวซื่อรู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
หากหยวนซื่อกับหมิ่นเจียทะเลาะกันที่นี่ขึ้นมา นางผู้นี้คงมิอาจเกลี้ยกล่อมทั้งสองได้และ
ไม่รู้จะพูดอะไรดีเป็นแน่
เฉิงเซียวก็เหลือบมองเฉิงเซิงทีหนึ่ง กระซิบว่า “ท่านแม่เพียงพูดประโยคเดียว แต่นางสวน
กลับเป็นสิบประโยค ทําไมถึงได้อารมณ์ฉุนเฉียวขนาดนี้กันนะ”
เฉิงเซิงก็ไม่พอใจเล็กน้อยที่หยวนซื่อนอบน้อมต่อการแต่งงานกับตระกูลหมิ่นมานานแล้ว
ครั้นได้ยินแล้วก็ตอบเฉิงเซียวเบาๆ ว่า “หากจะโทษก็ได้แต่โทษท่านอาสะใภ้ใหญ่ที่รีบเร่งการ
แต่งงานนี้ไปหน่อยเท่านั้น”
เฉิงเซียวครุ่นคิด ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ จากนั้นก็อดพรูลมหายใจยาวๆ ไม่ได้ ตลอดทางกลับ
ก็พูดเรื่องนี้กับเฉิงเจิง
เรื่องเหล่านั้นที่เฉิงสวี่ทําลงไปพูดออกไปแล้วก็มีแต่จะทําให้ตระกูลเฉิงเสียหน้า แน่นอน
ว่ายิ่งมีผู้ที่รู้เรื่องนี้น้อยก็ยิ่งดี
ก่อนหน้านี้ระหว่างที่หมิ่นเจียประคองหยวนซื่อเดินอยู่ข้างหน้าเฉิงเจิง ทั้งสองคนพูดอะไร
กันบ้าง เฉิงเจิงได้ยินแล้วก็เข้าใจแจ่มแจ้ง
คาดว่าหมิ่นเจียคงจะรู้เรื่องสวนดอกไม้ในซอยจิ่วหรูที่จินหลิงแล้ว ตอนนี้ได้ยินน้องสาว
พูดเรื่องนี้ขึ้นมา จึงได้แต่ยิ้มเจื่อนพลางกล่าวว่า “แม้ว่าหญิงสาวจากตระกูลใหญ่ต่างได้รับการ
อบรมสั่งสอนศีลธรรมจรรยามากกว่าบุตรสาวตระกูลเล็กๆ เหล่านั้น แต่อุปนิสัยของหลายๆ คนก็
4820
ชอบเอาชนะผู้อื่น นิสัยของท่านแม่เจ้าก็รู้ดี เกรงว่าน้องสะใภ้ก็คงจะรองรับอารมณ์โกรธมาไม่น้อย
เจ้ากับข้าต่างเป็นพี่สามี ต้องช่วยไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่ ายถึงจะถูก พรุ่งนี้ข้าจะไปพบท่านแม่ ก็ด้วย
เรื่องนี้นั่นเอง นอกจากท่านแม่จะต้องปรับเปลี่ยนท่าทีแล้ว แม้แต่เจียซ่านก็ต้องปรับเปลี่ยนท่าที
ด้วยเช่นกัน หาไม่แล้วซอยซิ่งหลินคงได้แต่ยิ่งอยู่ยิ่งวุ่นวาย ไม่มีวันใดที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเป็น
แน่”
เฉิงเซียวคิดว่าถ้อยคําของพี่สาวมีเหตุผลยิ่งนัก กล่าวว่า “หรือไม่พรุ่งนี้ข้าไปกับท่านด้วยดี
หรือไม่เจ้าคะ”
“ไม่ต้องหรอก” เฉิงเจิงตอบ “ท่านแม่กับน้องสะใภ้ต่างรักหน้าตา หากมีคนไปมากในทาง
กลับกันจะไม่ดีเสียเปล่าๆ”
เฉิงเซียวพยักหน้าพลางเอ่ยว่า “พี่สาว ท่านมีเรื่องอะไรก็บอกข้าตรงๆ นะเจ้าคะ”
“ย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว!” เฉิงเจิงรับคํา ทว่าในหัวสมองกลับเปลี่ยนเรื่องคิดอย่างรวดเร็ว
คิดถึงเรื่องกลับบ้านเดิมในวันพรุ่งนี้
ณ ประตูเฉาหยาง หลังจากโจวเสาจิ่นส่งแขกเรียบร้อยแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก็ให้เจินจูไป
หาเฉิงฉือ “ให้เขามารับเสาจิ่นกลับเรือนไปพร้อมกัน” แล้วบอกโจวเสาจิ่นว่า “วันนี้เขาเป็นเจ้าภาพ
ต้องดื่มสุราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เจ้าให้เขาไปนอนในห้องนั่งเล่น จะได้ไม่ทําให้เจ้าไม่สบายเนื้อไม่
สบายตัว”
“ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ” โจวเสาจิ่นกล่าวยิ้มๆ “ดื่มชาเข้มๆ สักจอกหนึ่งก็ได้แล้ว อากาศยิ่ง
หนาวขึ้นเรื่อยๆ เตียงเตาในห้องนั่งเล่นไม่อุ่นเท่าในห้องนอนเจ้าค่ะ”
4821
ห้องทุกห้องล้วนจุดไฟไว้ทั้งวัน เหตุใดห้องนอนถึงได้อบอุ่นกว่าห้องนั่งเล่นเล่า เพียงทน
ไม่ได้ที่เฉิงฉือต้องนอนคนเดียวเท่านั้นกระมัง
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวหัวเราะร่า แล้วเลิกยุ่งเรื่องในบ้านของบุตรชายและบุตรสะใภ้ เพียง
กําชับโจวเสาจิ่นให้ระมัดระวัง ไม่ต้องดึงดันมาทําความเคารพให้นางอีกแล้ว “พวกเจ้าล้วนเป็น
เด็กดี หากเจ้ากตัญ�ูจริงๆ เจ้าก็เพิ่มหลานสักคนให้ข้าอย่างปลอดภัยก็จะทําให้ข้ามีความสุข
เหนือสิ่งอื่นใดแล้ว”
โจวเสาจิ่นหน้าแดงกํ่าพลางรับคํา
เฉิงฉือส่งแขกเสร็จแล้วเข้ามา
เป็นไปตามที่ฮูหยินผู้เฒ่ากัวบอก กลิ่นสุราบนตัวเขาค่อนข้างแรง โจวเสาจิ่นได้กลิ่นแล้ว
รู้สึกไม่ค่อยสบายเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงขั้นรู้สึกพะอืดพะอม
ทั้งสองคนกล่าวลาฮูหยินผู้เฒ่ากัว แล้วพูดคุยหัวเราะขณะเดินกลับเรือนไป
เฉิงฉือเคี้ยวใบชาหลายใบ แล้วตัดสินใจออกไปพักผ่อนที่ห้องนั่งเล่น
โจวเสาจิ่นก็รู้สึกหวาดกลัวกลิ่นนั้นจริงๆ เห็นเฉิงฉือตัดสินใจแล้ว ก็ไม่ได้บังคับ ทว่าพอ
นางนอนลงไป ทั้งๆ ที่เหนื่อยมาก แต่รู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่าง พลิกตัวไปมาอย่างไรก็นอน
ไม่หลับ ทําเอาชุนหว่านที่อยู่เวรกลางคืนตกใจจนดวงหน้าเผือดสี ถามนางทันทีว่าไม่สบาย
ตรงไหน
“ข้าไม่เป็นไร เพียงแค่อยากพลิกตัวเฉยๆ” โจวเสาจิ่นปลอบชุนหว่าน แล้วให้นางออกไป
พักผ่อนที่ห้องโถง
ชุนหว่านลังเลไม่ยอมไป โจวเสาจิ่นได้แต่กล่าวว่า “หากเจ้าอยู่ที่นี่ข้านอนไม่หลับ” นางจึง
ชั่งใจแล้วไปที่ห้องโถง
4822
ถึงกระนั้นโจวเสาจิ่นก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี ในทางกลับกันรู้สึกวิงเวียนแล้วสํารอกออกมา
ภายในห้องนอนวุ่นวายอลหม่านขึ้นมาในทันใด หากมิใช่เพราะโจวเสาจิ่นห้ามปราม
เอาไว้ ฝานหลิวซื่อก็คงจะไปเชิญฮูหยินผู้เฒ่ากัวมาดูแล้ว
หลังจากเก็บกวาดทําความสะอาดเสร็จแล้ว โจวเสาจิ่นก็รู้สึกหัวสมองหนักอึ้ง
นางนอนบนเตียงด้วยสีหน้าซีดเซียว
เฉิงฉือรู้สึกทรมานใจเหลือแสน จับมือของนางขณะนั่งบนเก้าอี้เล็กข้างเตียงแทนที่จะนั่ง
บนเตียงข้างนางพลางกล่าวกับนางว่า “เมื่อครู่เป็นอะไรไปหรือ ไม่สบายตรงไหน” เมื่อเห็นสีหน้า
นางไม่ดีอีก ก็เอ่ยว่า “หากเจ้าไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าที่นี่ เจ้ารีบนอน…”
โจวเสาจิ่นถึงได้รู้ตัว
นางอยากอิงแอบอ้อมอกของเฉิงฉือ สัมผัสความอบอุ่นของเขา ได้กลิ่นหอมของเขา ถูก
เขาโอบกอดในอ้อมแขนประหนึ่งเป็นสมบัติลํ้าค่าขณะนอนหลับ คล้ายกับได้หวนกลับมุมมุมหนึ่ง
ที่เป็นของนาง มุมที่เฉิงฉือสร้างขึ้นให้นาง มุมที่ทําให้นางรู้สึกมั่นคง ผ่อนคลายและสงบสุข…