ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่524 ฉีกทึงกันและกัน ้
ญาติผู้น้องจากจินหลิง…
อู๋เป่ าจางฟังแล้วรู้สึกระคายหูเป็นอย่างยิ่ง อยากพูดอะไรสักเล็กน้อย แต่ก็คิดว่าเวลานี้
พูดอะไรไปล้วนไม่ดีทั้งนั้น จึงก้มหน้าดื่มชาไปสองสามจิบ
เฉิงลู่มาถึงแล้ว
เขากล่าวทักทายสะใภ้ใหญ่เฉินอย่างยิ้มแย้มก่อน “งานบ้านของวันนี้จัดการเสร็จ
เรียบร้อยหมดแล้วหรือ ได้ยินว่าญาติผู้น้องจากจินหลิงของข้ามาหา…” ขณะที่เขากล่าว ถึงได้หัน
สายตามองมาที่อู๋เป่ าจาง ใบหน้าหยกมีระลอกคลื่นความไม่พอใจ นัยน์ตาถึงกับปรากฏความ
งงงวยออกมาเล็กน้อย หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้กล่าวขึ้นด้วยนํ้าเสียงหยั่งเชิงว่า “เจ้าคือ
คุณหนูใหญ่ของท่านเจ้าเมืองอู๋?!”
ถึงกับแสร้งทําเป็นไม่รู้จักมักคุ้นกับนางแม้แต่นิดเดียว
อู๋เป่าจางรู้สึกมีลมหนึ่งจุกอยู่ที่หน้าอก กว่าครู่ใหญ่ก็ยังหายใจไม่ออก
เฉิงลู่โน้มกายไปกล่าวกับสะใภ้ใหญ่เฉินว่า “คือบุตรสาวของใต้เท้าอู๋เจ้าเมืองจินหลิง
แต่งงานกับเฉิงนั่วของจวนห้าที่ซอยจิ่วหรู จะว่าไปแล้วก็นับเป็นน้องสะใภ้ของข้า ทว่ามิใช่ญาติผู้
น้องโดยตรง ปัจจุบันท่านอาเวิ่นจวนห้าทําการค้าอยู่ที่จิงเฉิง นางมาหาโดยใช้สถานะญาติผู้น้อง
ของข้า เกรงว่าคงมาหาข้าด้วยมีเรื่องอะไร เจ้ากลับออกไปก่อนเถิด!”
จวนห้าของตระกูลเฉิงที่ซอยจิ่วหรูตกตํ่าถึงขนาดต้องเปิดร้านขายใบชาเพื่อดํารงชีพ…
สะใภ้ใหญ่เฉินคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มปรายตามองอู๋เป่าจางครั้งหนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “ในเมื่อ
เป็นเช่นนี้ น้องสาวก็นั่งกับสามีของข้าก่อนเถิด ข้าจะไปสั่งให้คนจัดเตรียมมื้อเที่ยง”
4869
นางรั้งอยู่รับมื้อเที่ยงที่นี่นับเป็นเรื่องอะไรไปแล้ว
อู๋เป่าจางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ขอบคุณสะใภ้ใหญ่ยิ่งนัก ข้ามีเรื่องคุยกับคุณชายเฉินไม่กี่
ประโยค คุยเสร็จก็จะไปแล้ว ที่บ้านยังรอข้ากลับไปกินมื้อเที่ยงด้วย!”
สะใภ้ใหญ่เฉินเบ้ปากอย่างดูแคลน เดินจากไปโดยที่ไม่ชายตาแลนางแม้แต่นิดเดียว
เพลิงโทสะที่อู๋เป่ าจางกดข่มไว้ในใจปะทุขึ้นมา ลุกขึ้นมากล่าวว่า “เฉิงเซียงชิง นี่เจ้า
หมายความว่าอย่างไร”
เพียงแต่ว่าคําพูดของนางยังไม่ทันได้จบลง เฉิงลู่ก็ดีดตัวลุกขึ้นมา สายตาคมดุจมีดจ้อง
มองอู๋เป่าจางโดยตลอด กล่าวเสียงเคร่งว่า “สะใภ้ใหญ่นั่ว ข้าเห็นแก่ที่เจ้าเป็นภรรยาของน้องชาย
นั่ว ไม่คิดบัญชีกับเจ้าจากการกระทําที่ไร้มารยาทเหล่านี้ แต่หากเจ้าคิดจะทําตัวไร้เหตุผลกับข้า
ที่นี่ ข้าเองก็มิใช่คนไร้อารมณ์ความรู้สึกอย่างขอนไม้ประเภทนั้น ภรรยาของข้ามีคุณธรรม สละ
สถานที่ให้พวกเราได้คุยกัน เจ้าก็ควรรู้ว่าควรจะกระทําตัวอย่างไรถึงจะถูก ทําข้าขุ่นเคืองแล้ว เจ้า
เองก็อย่าได้คิดว่าจะมีวันเวลาที่ดีอะไรได้” จากนั้นสีหน้ามืดครึ้ม กล่าวว่า “มีเรื่องอะไรก็รีบพูด!
ประเดี๋ยวข้าก็ต้องไปสํานักศึกษาหลวงแล้ว”
อู๋เป่าจางโกรธจนเกือบจะหายใจไม่ออก รู้สึกเพียงว่าเรื่องราวที่นางได้พานพบในช่วงสอง
สามวันนี้ดูมากโขกว่าเรื่องราวที่นางพานพบมาทั้งชีวิตเสียอีก
อย่างแรกคือเฉิงลู่กลายเป็นอริทําเป็นไม่รู้จัก อย่างหลังก็การดูถูกดูแคลนของเฉิงลู่ เฉิน
ซื่อผู้นั้นหน้าตาธรรมดาสามัญขนาดนั้น เพื่ออํานาจจากครอบครัวของนางแล้วเฉิงลู่จึงรักใคร่ให้
เกียรตินาง…นึกถึงตอนแรกเริ่ม เขาเองก็เคยใช้นํ้าเสียงและท่าทางเช่นนี้พูดกับตนมาก่อนเช่นกัน
…เฉินซื่อผู้นั้นมีอะไรดี นางและเฉินซื่อเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เฉินซื่อผู้นั้นนอกจากอํานาจของ
ครอบครัว ไม่สิ แม้แต่อํานาจของครอบครัวก็สู้ไม่ได้ด้วยซํ้า ก็เพียงเพราะเฉินซื่อมีคนหนุนหลัง
เท่านั้น เฉิงลู่จึงมองนางเป็นขยะของไร้ค่า
4870
แต่คําพูดนี้นางจะพูดออกมาได้อย่างไร
หน้าอกปวดหนึบราวกับถูกคนทุบตีก็ไม่ปาน ทําให้นางนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่
เฉิงลู่กลับอดทนไม่ไหวแล้ว
ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะจับเฉินซื่อเอาไว้ในกํามือ ทําให้เฉินซื่อรักใคร่เขาอย่างลึกซึ้ง อีกทั้ง
หาวิธีให้ได้รับความเชื่อใจจากเฉินลี่ได้ หากอู๋เป่าจางทําลายแผนของเขา เขายอมบีบนางให้ตาย
ด้วยมือของเขาเองเสียเดี๋ยวนี้
“ตกลงเจ้ามาด้วยเรื่องอันใดกันแน่” เขากล่าวอย่างไม่อดทน สายตาที่มองอู๋เป่าจางก็ยิ่ง
เยียบเย็นมากขึ้น
อู๋เป่าจางเห็นสายตาเช่นนั้น ก็ราวกับถูกนํ้าสาดจนเปียกชุ่มไปทั้งตัวในวันอากาศร้อนอบ
อ้าว สมองพลันเย็นฉํ่า ได้สติกลับมา
นางจะทะเลาะกับเขาด้วยเรื่องพวกนี้ในตอนนี้ไปทําไม
หนีออกจากเฉิงลู่ได้ นางควรดีใจถึงจะถูก ยังจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับนํ้าโคลนอะไรด้วยอีก
อู๋เป่าจางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ครั้งหนึ่ง ตัดสินใจได้ในทันใด กล่าวเสียงตํ่าว่า “เจ้าคิดว่า
ข้าอยากมาหาเจ้านักหรือ ข้าเสียดายเงินหนึ่งพันกว่าเหลี่ยงของข้านั่นต่างหาก ข้าเองก็รู้ว่าตอนนี้
เจ้าไม่มีเงินคืนให้ข้า แต่จะมากจะน้อยเจ้าก็ต้องให้ข้าสักหน่อย เงินที่ข้าให้เจ้าเหล่านั้นเป็นเงินที่
ยักยอกมาจากร้านขายใบชาของตระกูลเฉิง นี่หากว่าถูกพวกเขาค้นพบเข้าล่ะก็ ต่อให้ข้าไม่ถูกส่ง
ตัวกลับบ้าน แต่นับจากนี้ต่อไปก็ไม่อาจเงยหน้าขึ้นมาในตระกูลเฉิงได้แล้ว ก็เพียงแค่คําว่าตายคํา
หนึ่ง ข้ายังมีอะไรให้ต้องกลัวอีก…”
แน่นอนว่าเฉิงลู่ย่อมไม่เชื่อ
4871
สตรีอย่างอู๋เป่าจางนี้ ดูแลงานบ้านแล้วจะไม่ยักยอกเงินทองสักหน่อยเลยหรือ
เขาครุ่นคิด กล่าวขึ้นว่า “เจ้ากลับไปก่อน ประเดี๋ยวข้าจะหาวิธีเอาเงินจากมือของเฉินซื่อ
มาสักหลายสิบเหลี่ยงให้คนนําไปมอบให้เจ้า ต่อไปเจ้าอย่ามาหาข้าอีก ยามมีเงินข้าจะให้คน
นําไปส่งให้เจ้าเอง”
แต่งเข้าเป็นบุตรเขยไม่เหมือนกับเป็นทายาทสืบสกุลจริงๆ อู๋เป่าจางเองก็รู้ วันนี้ไม่ว่านาง
จะโวยวายอย่างไรก็คงไม่ได้ผลสําเร็จอะไรออกมาอยู่ดี
นางกล่าวอําลาเฉิงลู่
เฉิงลู่ให้มามาคนสนิทผู้หนึ่งของเฉินซื่อไปส่งนางที่ประตู จากนั้นตัวเองก็ไปหาเฉินซื่อ
เฉินซื่อกล่าว “ญาติผู้น้องของเจ้าเล่า ไม่รั้งอยู่รับมื้อเที่ยงด้วยจริงๆ หรือ”
“ไม่จําเป็นหรอก” เฉิงลู่กล่าวยิ้มๆ “นางได้ยินว่าท่านพ่อเป็นขันทีใหญ่ของพระตําหนักเฉีย
นชิง จึงคิดจะให้ข้าช่วยหาทางให้ได้ทําการค้ากับสํานักพระราชวัง ข้ารู้ว่าท่านอาเวิ่นและน้องชาย
นั่วนั้นล้วนมิใช่คนทําการค้าเก่ง เกรงว่าจะนําความเดือดร้อนมาให้ท่านพ่อ จึงปฏิเสธไปแล้ว”
กล่าวอีกว่า “เพียงแต่ว่านางยังไม่ถอดใจ ต่อไปอาจจะยังมาหาอีก หากนางมาหา เจ้าไม่ต้องเห็น
แก่หน้าข้า ให้ไล่คนออกไปได้เลย”
เฉินซื่อขานรับคํายิ้มๆ ในใจกลับมิได้คล้อยตาม
เฉิงลู่นั้นหากมิใช่เพราะเขาตกตํ่า ต้องการการปกป้องคุ้มครองจากครอบครัวพวกนางล่ะ
ก็ เขาจะมาสนใจตนที่หน้าตาธรรมดาสามัญขนาดนี้ได้อย่างไร พี่ชายน้องสาวอะไรนั้น นางย่อม
ไม่เก็บมาใส่ใจ ขอเพียงอย่ามาวุ่นวายในบ้านของนาง ขอเพียงอย่าสร้างเรื่องอื้อฉาวอะไรให้นาง
ต้องอับอายก็พอแล้ว
4872
ตราบใดที่บิดายังมีอํานาจอยู่ในมือ เฉิงลู่ก็ต้องถ่อมตัวลงตํ่ายามอยู่ต่อหน้านาง หากวัน
ใดที่บิดาจากไปแล้ว…เฉินซื่อคํารามเสียงเย็น บุตรชายของนางก็โตแล้ว ยังกลัวว่าจะสู้กับบุตรเขย
ที่แต่งเข้าบ้านมาผู้หนึ่งไม่ได้อีกหรือ!
เฉินซื่อปรนนิบัติเฉิงลู่เปลี่ยนอาภรณ์อย่างอ่อนโยน
อู๋เป่าจางกลับถึงบ้าน กลับไม่เห็นเฉิงนั่ว
นางเองก็คร้านจะถามถึงเขา
แต่เฉิงนั่วออกจากบ้านตั้งแต่เช้าและกลับมืดคํ่าติดต่อกันมาหลายวันแล้ว นางเองก็อด
แปลกใจขึ้นมาไม่ได้ ถามสาวใช้ข้างกายว่า “รู้หรือไม่ว่าช่วงนี้คุณชายใหญ่ยุ่งเรื่องอะไรอยู่”
สาวใช้กล่าวยิ้มๆ ว่า “ตอนนี้คุณชายใหญ่รับการค้าใหญ่ชิ้นหนึ่งมา บอกว่าจะทําเงินได้
ถึงหลายพันเหลี่ยง! คุณชายใหญ่ยังบอกด้วยว่า หากเงินมาถึงมือแล้ว จะตกรางวัลให้ทุกคนคน
ละสองเหลี่ยง ยังจะเลี้ยงอาหารเครื่องดื่มทุกคนด้วยเจ้าค่ะ”
คิดไม่ถึงว่าเฉิงนั่วจะหาเงินได้!
อารมณ์ของอู๋เป่าจางดีขึ้นมาเล็กน้อย
แต่อารมณ์ดีเช่นนี้อยู่ได้ไม่กี่วัน ก็สิ้นสุดลงตอนที่เฉิงนั่วพุ่งเข้ามาในห้องชั้นในด้วยสีหน้า
ถมึงทึงและโยนตั๋วเงินใบหนึ่งใส่หน้าของนาง
“เจ้าดูเรื่องดีๆ ที่เจ้าทํา!” เฉิงนั่วที่อบอุ่นอ่อนแอมาตลอดเวลานี้เดือดดาลราวกับเทพ
สงครามจินกัง ดวงตาแดงกํ่า “เฉิงลู่ผู้นั้นเป็นคนเช่นไร เป็นสิ่งมีชีวิตที่แม้แต่มารดาผู้ให้กําเนิดของ
ตัวเองก็ยังทิ้งขว้างไม่สนใจดูแลได้ เจ้าพบเขาแล้วให้เขายืมเงินยี่สิบเหลี่ยงไม่พูดถึง แต่ไม่บอกคน
ในบ้านแม้แต่คําเดียว เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาคือกากเดนที่ถูกตระกูลเฉิงถอดชื่อออกไปแล้ว! เป็นคนที่
จวนหลักและจวนรองไม่โปรดปราน”
4873
ตั๋วเงินที่ประทับตราร้านเครื่องเงินหย่งฟู่ เซิ่งค่อยๆ ตกลงข้างเท้านางเบาๆ ทว่านางราวกับ
ถูกดูดลงไปในนํ้าเย็น สั่นสะท้านตั้งแต่ปลายนิ้วไปจนถึงขั้วหัวใจ
เฉิงลู่…เหตุใดเขาถึงกล้า…เหตุใดถึงกล้า…
อู๋เป่าจางเองก็กระวนกระวายจนดวงตาแดงกํ่า แต่นางก็ยิ่งแจ้งกระจ่างแก่ใจ เวลานี้ไม่ว่า
อย่างไรก็ไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้ ครั้นนางยอมรับแล้ว เกรงว่าเรื่องนี้คงวุ่นวายไปถึงเฉิงเวิ่นแน่
ครั้นเรื่องราววุ่นวายไปถึงเฉิงเวิ่นแล้ว เฉิงเวิ่นจะต้องไปกล่าวขอโทษจวนหลัก เรื่องที่สวนดอกไม้
เมื่อคราวก่อน ไม่ง่ายเลยกว่านางจะหาข้ออ้างทําให้คนของจวนหลักเชื่อว่าตนเดินผ่านทางไปโดย
บังเอิญเท่านั้น หากลากเฉิงลู่มาอีก ฮูหยินหยวนไม่ปล่อยนางไปแน่
“ท่านเจอเฉิงลู่ที่ไหนหรือ” นางเอ่ย กระบอกตาแดงเรื่อ กล่าวอย่างทุกข์ใจว่า “ข้าจะรู้ได้
อย่างไรว่าตัวเองจะได้พบกับเขา ข้าถูกเขาตอแยจนไม่มีทางเลือก อีกทั้งคิดว่าเมื่อก่อนทุกคนต่าง
ก็นับได้ว่ารู้จักกัน ตอนนั้นเขาและสามีก็เที่ยวเล่นด้วยกันเป็นอย่างดียิ่ง จึงใจอ่อน ก็เลยเอาเงินที่
พกติดตัวไปด้วยยี่สิบเหลี่ยงให้เฉิงลู่ยืม ข้าเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าอยากให้เขาคืนเงินให้ คิด
เพียงว่าเป็นการทําเพื่อมิตรภาพระหว่างเขาและสามีเพียงเท่านั้น ไม่เคยคิดว่าจะไปมาหาสู่กับเขา
อีก…”
เฉิงนั่วมองอู๋เป่าจางอย่างเคลือบแคลงสงสัย
อู๋เป่าจางมีนิสัยรั้นเพียงใดนั้น ผู้อื่นอาจไม่รู้ ทว่าเขาเคยประสบด้วยตัวเองมาแล้ว
ไม่มีเหตุผลนางก็พูดออกมาให้มีเหตุผลสามส่วนได้
ถ้าหากนางมีเหตุผล เหตุใดต้องแสดงท่าทางอ่อนแอเช่นนี้ออกมาด้วย
แต่ที่ผ่านมาเขาอ่อนแอจนเคยตัวแล้ว ถึงแม้ในใจจะสงสัย แต่สุดท้ายอู๋เป่ าจางก็ยอมรับ
ความผิดแล้ว เฉิงลู่ผู้นั้นก็เป็นเหมือนกับที่อู๋เป่าจางกล่าวมา ทุกคนต่างเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก
4874
เฉิงลู่เรียนหนังสือเก่ง ยังเคยสอนการบ้านเขามาก่อน แม้นเฉิงลู่จะเปลี่ยนไปแล้ว แต่สุดท้ายก็เป็น
ญาติผู้พี่ของเขา ให้เขายืมเงินยี่สิบเหลี่ยงก็มิใช่เรื่องใหญ่อะไร
เฉิงนั่วกล่าว “หลังจากนั้นเขาได้มาหาเจ้าอีกหรือไม่”
อู๋เป่ าจางเห็นเขามีนํ้าเสียงอ่อนลง รู้ว่าคลื่นลมได้สงบลงแล้ว อดไม่ได้รู้สึกโล่งอกไป
เปลาะหนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “หากว่าหลังจากนั้นข้าได้พบเขาอีก ย่อมต้องบอกคนของจวนหลักแล้ว…
ทุกวันนี้ต่งซื่อผู้นั้นยังพึ่งพาความช่วยเหลือจากตระกูลอยู่ ในเมื่อเฉิงลู่มีอนาคตที่ดีแล้ว ก็ควรจะ
รับมารดามาเลี้ยงดูให้สะดวกสบายถึงจะถูก”
กล่าวถึงตรงนี้ นางอดไม่ได้คิดหาประโยชน์จากตงซ่งขึ้นมา
ถ้าหากพาต่งซื่อมาที่จิงเฉิงได้ สีหน้าของเฉิงลู่ต้องน่าเจริญตาเจริญใจมากเป็นแน่
อู๋เป่ าจางครุ่นคิดพิจารณาอยู่ในใจ มีสาวใช้เด็กวิ่งเข้ามา กล่าวขึ้นว่า “สะใภ้ใหญ่ นาย
ท่านใหญ่บอกว่า ฮูหยินสี่ที่ประตูเฉาหยางทางด้านโน้นปวดท้องแล้ว ให้ท่านเร่งไปดูสักหน่อยเจ้า
ค่ะ”
โจวเสาจิ่นจะคลอดแล้วอย่างนั้นหรือ
อู๋เป่าจางอ้าปากค้าง ถามขึ้นว่า “วันนี้วันอะไร”
สาวใช้เด็กรีบกล่าว “วันที่ยี่สิบเก้าเดือนสี่เจ้าค่ะ”
อู๋เป่าจางกล่าว “เป็นครรภ์แรกของนาง เกรงว่าคงไม่ได้รวดเร็วขนาดนั้น! จะตื่นตระหนก
อะไรกัน”
เฉิงนั่วได้ยินแล้วก็ไม่พอใจ กล่าวขึ้นว่า “นั่นก็ใช่ นางคลอดบุตรของนาง นอกจากหมอ
หมอตําแยแล้วยังมีฮูหยินผู้เฒ่าคอยดูแลอยู่ เจ้าไปแล้วทั้งเจ็บแทนนางไม่ได้แล้วก็ปวดแทนนาง
4875
ไม่ได้ด้วย ข้าว่าเจ้าอย่าไปเลย ต่อไปซักผ้าทํากับข้าวอยู่แต่ในบ้านก็พอ อย่างไรเสียมีคนบาง
ประเภทไปกับไม่ไปก็เหมือนกัน!”
เส้นเลือดบริเวณหน้าผากของอู๋เป่าจางนูนออกมา กล่าวขึ้นว่า “ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้น
มิใช่หรือ มิได้บอกว่าจะไม่ไปสักหน่อย พวกท่านจะประจบประแจงจวนหลัก ก็ใช้ข้าเป็นแพ หาก
ท่านมีความสามารถ ก็ไปเองก็แล้วกัน! ต้องให้ภรรยาออกหน้าให้ทําไมกัน”
เฉิงนั่วสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป
อู๋เป่าจางนั่งไม่พอใจอยู่ตรงนั้นไม่ไปไหน กระซิบสั่งการสาวใช้ของตนว่า “เจ้าไปที่ประตูฟู่
เฉิงสักครั้งหนึ่ง ถามเขาว่าหมายความว่าอะไร เอาเงินยี่สิบเหลี่ยงมาเย้ยหยันข้า ตั้งใจจะไม่คืน
เงินข้าแล้วใช่หรือไม่”
สาวใช้ลังเลอยู่ครู่ใหญ่ เห็นอู๋เป่าจางไม่มีความคิดจะเปลี่ยนใจเลยแม้แต่นิดเดียว จําต้อง
ไปที่ประตูฟู่ เฉิง
ด้านประตูเฉาหยางทางโน้น ฮูหยินผู้เฒ่ากัวจัดเตรียมห้องคลอดเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว
พอโจวเสาจิ่นปวดท้องก็ถูกหมอตําแยมากประสบการณ์ประคองเข้าไปในห้องคลอด มี
หมอเฝ้าอยู่ข้างๆ ชิวซื่อนั่งดูแลอยู่ในห้องคลอด ฮูหยินผู้เฒ่ากัวสวดมนตร์อยู่ในห้องพระ ต่อให้
เป็นเช่นนี้ การคลอดลูกยังคงทําให้โจวเสาจิ่นเจ็บปวดไม่น้อยเลยทีเดียว