ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่529 สมนํ้ าสมเนือ้
แม้พูดว่ามิใช่คนอื่นไกล แต่พวกเขาก็ไม่อาจพุ่งตรงเข้าไปในเรือนชั้นใน ดังนั้นหลังจากที่
เฉิงเวิ่นและเฉิงจิงเข้าห้องโถงมาแล้ว พวกเขาจึงยืนอยู่หน้าฉากกั้นระหว่างห้องโถงและ
ห้องนั่งเล่น ฟังความเคลื่อนไหวภายในห้องนั่งเล่น
ภายในห้อง อู๋เป่าจางกําลังร้องไห้อย่างเจ็บปวดใจ “…เขาดื้อดึงนัก ข้าไร้หนทางแล้วจริงๆ
เพียงคิดจะใช้วิธีนี้บีบบังคับให้นางไปเท่านั้น มิได้มีความคิดจะทําร้ายนางเลย หากข้ามีความคิด
จะทําร้ายนาง คงไม่ทําเพียงแค่แจ้งความแต่ไม่เอาป้ายชื่อของท่านลุงใหญ่ไปที่ว่าการหรอกเจ้า
ค่ะ ทว่าเขากลับไม่ให้หน้าข้าเช่นนี้ ข้าอยู่บ้านนี้ยังจะมีความหมายอะไรอีก เขารักอนุละเลย
ภรรยาเช่นนี้ ไม่กลัวถูกคนวิพากษ์วิจารณ์หรืออย่างไร”
หยวนซื่อขมวดคิ้วเป็นปมแน่น เห็นสายตารังเกียจสายหนึ่งวาบผ่านแววตาของอู๋เป่ าจาง
แต่ก็กลับมาสุขุมน่ารักดังเดิมอย่างรวดเร็ว กล่าวปลอบนางเสียงอบอุ่นว่า “จากที่เจ้าพูดมา พวก
เจ้าสองคนล้วนมีความผิดกันทั้งคู่ เพียงแต่ว่านั่วเกอเอ๋อร์ผิดมากกว่าเล็กน้อย เพียงเพราะสตรี
ข้างนอกแค่หนึ่งคน ถึงกับกล้าลงมือกับเจ้า เขาช่างไม่รู้จักแม้แต่หนักเบาจริงๆ แต่เจ้าเองก็
เหมือนกัน วิธีไล่คนมีเป็นพันเป็นหมื่น เหตุใดเจ้าถึงเลือกวิธีนี้ เจ้าจะให้นั่วเกอเอ๋อร์มองเจ้า
อย่างไร ต่อไปเจ้าจะให้เขาอยู่กับเจ้าอย่างไร ปกติข้าเห็นเจ้าเป็นคนฉลาดมีไหวพริบ เหตุใดยาม
คับขันกลับทําเรื่องยุ่งเหยิงระดับนี้ออกมาได้” ขณะที่กล่าว ส่งสัญญาณให้สาวใช้คนสนิทหยิบ
ผ้าเช็ดหน้าให้อู๋เป่าจางผืนหนึ่ง “รีบหยุดร้องไห้เสีย เรื่องมาถึงขั้นนี้ มีแต่ต้องคิดหาวิธีแก้ไขเท่านั้น
แล้ว ข้าจะให้คนไปตามนั่วเกอเอ๋อร์มา ให้เขากล่าวขอโทษเจ้าอย่างเป็นทางการ เจ้าเองก็คิดเสีย
ว่าคนตัวเล็กไม่คิดหาความคนตัวใหญ่ กลับไปพูดคุยกับเขาดีๆ อย่าทําลายความสามัคคี
ปรองดอง พวกเจ้าเป็นคนที่ต้องใช้ชีวิตร่วมกันไปตลอดชีวิต”
อู๋เป่าจางไม่กล่าวอะไร
4913
เฉิงจิงถามเฉิงเวิ่นเสียงเบาว่า “ข้าว่าหาวิธีจัดการสตรีที่อยู่ข้างนอกผู้นั้นดีหรือไม่ คงไม่
อาจทําให้บ้านไม่สงบสุขเพราะสตรีผู้หนึ่งหรอกกระมัง!”
คําพูดนี้หากพูดกับผู้อื่น จะต้องพยักหน้าโดยไม่คัดค้านไปแล้ว
แต่กล่าวคําพูดนี้กับเฉิงเวิ่น…เขานึกถึงว่าอู๋เป่าจางถึงกับสร้างหลักฐานเท็จว่าแม่นางคังที่
หกผู้นั้นขโมยทรัพย์สินของนาง…ตระกูลคังนั้นเป็นเพียงครอบครัวพ่อค้าธรรมดา ทว่าพวกเขามี
คนเช่นเฉิงจิงเป็นญาติอยู่ผู้หนึ่ง นี่หากเรื่องเข้าสู่ที่ว่าการหยาเหมินแล้ว ต่อให้ครอบครัวของแม่
นางคังที่หกมีเงินเพียงใดก็ได้แต่ต้องทนมองแม่นางคังที่หกเสียเปรียบ…เฉิงเวิ่นรู้สึกว่าอู๋เป่าจาง
ชั่วร้ายเกินไปแล้ว
สตรีเช่นนี้รั้งอยู่ในบ้านของพวกเขา เกรงว่าบ้านของพวกเขาไม่อาจสงบสุขได้แล้ว
เฉิงเวิ่นทอดถอนใจไม่หยุด
เฉิงนั่วถูกเรียกตัวเข้ามา
เฉิงจิงและเฉิงเวิ่นรีบหลบไปอยู่ข้างๆ
เฉิงนั่วจิตใจว้าวุ่น จึงมิได้สังเกตว่าภายในห้องยังมีคนอื่นอยู่ด้วย
เขาคุกเข่าลงตรงหน้าหยวนซื่อ ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดดวงตาก็แดงกํ่าแล้ว “ท่านป้าสะใภ้
ใหญ่ ข้าไม่อาจอยู่กับสตรีผู้นี้ได้อีกต่อไปแล้ว นางชั่วร้ายเกินไป จะว่าไปแล้ว เพราะความผิดบาป
ที่นางกระทําข้ากับแม่นางคังที่หกผู้นั้นถึงได้รู้จักกัน…” เขาเล่าเรื่องที่อู๋เป่าจางไปยืมเงินอย่างไร
ไม่มีเงินคืนทําให้เขาต้องไปกล่าวขอโทษตระกูลคังอย่างไรไปจนถึงเรื่องที่เมื่อสองวันก่อน
ตระกูลคังเรียกเขาออกไปพบพ่อค้าใบชารายใหญ่กว่าที่มาจากแคว้นตะวันตกสองสามคน
สุดท้ายกล่าวว่า “ข้ากับแม่นางคังที่หกผู้นั้นไม่มีอะไรกันจริงๆ ขอรับ นางเพียงสงสารที่ข้าไม่เข้าใจ
กฎของการทําการค้า ล้มจนศีรษะอาบไปด้วยเลือด จึงให้คําแนะนําข้าเท่านั้น จะว่าไปแล้ว แม่
4914
นางคังที่หกเป็นผู้มีบุญคุณของข้าด้วยซํ้า หากท่านไม่เชื่อ ให้คนไปตรวจสอบดูได้ ปกตินางมา
สร้างความวุ่นวายที่ร้านข้าก็ทําไป ทว่าครั้งนี้กลับทําเกินไปแล้ว นอกจากนินทาว่าร้ายและดูถูกดู
แคลนแล้ว ยังจับคนเข้าคุกเข้าตารางอีก…ผู้อื่นเป็นสตรีดีๆ ผู้หนึ่ง กลับถูกนางทําลายจน
กลายเป็นสภาพเช่นนี้ ข้า…ข้าจะไม่ละอายใจต่อแม่นางคังที่หกได้อย่างไร…” กล่าวจบ คนตัว
ใหญ่ขนาดนั้นผู้หนึ่ง กลับร้องไหโฮออกมา ท่าทางนั่น มิใช่การเสแสร้งแกล้งทํา
หยวนซื่อตะลึงงัน มองไปที่อู๋เป่าจาง
อู๋เป่าจางตื่นตกใจ หลบสายตา
หยวนซื่ออดถอนหายใจครั้งหนึ่งไม่ได้ กล่าวว่า “นั่วเกอเอ๋อร์ ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร เจ้า
ตบตีภรรยาก็ไม่ถูกต้อง ตระกูลของพวกเราไม่มีบุรุษที่ตบตีภรรยา เจ้ายังไม่รีบกล่าวขอโทษภรรยา
ของเจ้าอีก! เรื่องนี้ก็ให้แล้วกันไป กลับไปใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาของเจ้าดีๆ ก็แล้วกัน!”
“ไม่ขอรับ!” ผู้ใดจะรู้ว่านํ้าตาของเฉิงนั่วจะไหลลงมาเป็นสาย กล่าวอย่างหนักแน่นว่า
“คนชั่วร้ายเช่นนี้ ข้าไม่อาจอยู่กับนางต่อไปได้อีกแล้ว ข้าต้องการหย่าภรรยาขอรับ!”
คนทั้งในห้องนอกห้องต่างตกตะลึงกันไปหมด
เป็นเฉิงจิงที่มีปฏิกิริยาตอบรับเป็นคนแรก
เขาตะโกนเสียงหนึ่งว่า “เดียรัจฉาน” กล่าวว่า “ตระกูลเฉิงของพวกเราไม่มีคําสอนให้หย่า
ภรรยา! เจ้าช่างใจกล้านัก บิดามารดาล้วนยังอยู่ ถึงกับกล้าเอ่ยเรื่องหย่าภรรยา”
คนดีงามที่น่านับถือ ผู้ใดหย่าภรรยาบ้าง!
หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ตระกูลเฉิงคงทําให้ผู้คนหัวเราะเยาะจริงๆ แล้ว
4915
เหงื่อผุดออกมาเต็มหน้าผากของเฉิงเวิ่น กล่าวตําหนิว่า “เดียรัจฉาน ยังจะกล้าพูดจา
เหลวไหลที่นี่อีก ยังไม่รีบประคองภรรยาของเจ้ากลับบ้านไปอีก”
เรื่องกล่าวขอโทษอย่างเป็นทางการอะไรนั้น ช่างมันก่อนก็แล้วกัน
เรื่องนี้คงต้องคุยกับครอบครัวฝั่ งสะใภ้ที่อยู่ไกลถึงจินหลิงสักหน่อย เพื่อหลีกเลี่ยงเรื่อง
ที่ว่าเกิดเรื่องอะไรกับลูกสะใภ้ที่รนหาที่ตายเองนี้แล้วตระกูลอู๋จะคิดว่าอยู่บ้านพวกเขาแล้วถูก
กลั่นแกล้ง
คนซื่อก็ซื่อจริงๆ เฉิงนั่วที่ปกติขี้ขลาดตาขาวเวลานี้กลับไม่ว่าใครจะพูดอะไรก็ไม่ฟังทั้งสิ้น
เอาแต่โวยวายว่าต้องการหย่าภรรยาอย่างเดียว
อู๋เป่ าจางร้องไห้จนนํ้าตาท่วมร่าง คว้าหมิ่นเจียที่มาปลอบโยนนางเอาไว้พลางกล่าว
“พี่สะใภ้ ท่านดู เขารู้จักแต่ดูถูกข้า ชีวิตนี้ข้าคงอยู่ต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ”
แต่ชีวิตนี้ผู้ใดเป็นคนทําให้กลายสภาพเป็นเช่นนี้เล่า
หมิ่นเจียวิพากษ์อยู่ในใจไม่หยุด ทว่าไม่อาจเผยออกมาทางสีหน้าแม้แต่นิดเดียว ได้แต่
อดทนอดกลั้นกล่าวปลอบโยนอู๋เป่าจางไปอย่างใส่ใจ
ด้านประตูเฉาหยางทางนี้ โจวเสาจิ่นเลือกเสื้อผ้าและเครื่องประดับเอาไว้แล้วตั้งแต่เมื่อ
สองวันก่อน เช้าตรู่ลุกขึ้นมาก็ล้างหน้าแต่งตัว แต่งหน้าเสร็จแล้วก็ยังรู้สึกไม่พอใจ ส่องกระจกไป
มา ถามชุนหว่านว่า “เจ้าว่าข้าควรจะเปลี่ยนปิ่นดอกไม้มุกดอกนี้เป็นปิ่นเตี่ยนชุ่ยขนนกกระเต็น
หรือไม่ เช่นนั้นจะทําให้รู้สึกเบิกบานใจกว่าหรือไม่”
4916
ชุนหว่านเอาแต่เม้มปากกลั้นยิ้ม กล่าวว่า “ฮูหยิน เช่นนี้ท่านก็ดูดีมากแล้วเจ้าค่ะ วันนี้
อากาศครึ้มเล็กน้อย ปิ่นดอกไม้มุกชิ้นนี้เข้ากับชุดเพ่ยจื่อสีชมพูเป็นที่สุดแล้ว หากเปลี่ยนเป็นปิ่น
เตี่ยนชุ่ยขนนกกระเต็น สีเข้มเกินไป จะดูเป็นศีรษะหนักเท้าเบาได้นะเจ้าคะ”
โจวเสาจิ่นพยักหน้าหงึก กล่าวว่า “ตอนเลือกเครื่องประดับ ข้าเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน
แต่อย่างไรก็ตาม สวมชุดเพ่ยจื่อสีชมพูตัวนี้แล้วทําให้ข้าดูเหมือนจะอ้วนขึ้นเล็กน้อย ข้าคิดว่ามิสู้
เปลี่ยนใหม่ทั้งหมดเลยดีหรือไม่ เครื่องประดับเตี่ยนชุ่ยขนนกกระเต็นใส่คู่กับชุดเพ่ยจื่อสีนํ้าเงิน
ไพลิน…”
“ฮูหยิน เช่นนี้ท่านดูดีมากแล้วเจ้าค่ะ” ชุนหว่านหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ พาโจวเสาจิ่น
ไปจัดแต่งให้เรียบร้อยที่หน้ากระจก กล่าวว่า “ท่านดูผิวพรรณของท่านดีขนาดนี้ ผิวอมชมพูเปล่ง
ปลั่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก ผิวหน้าละเอียด องค์เอวยังบางคอดกิ่วขนาดนี้ มีส่วนไหนดูอ้วนกันเจ้า
คะ”
ดวงหน้าของสตรีในกระจกประหนึ่งดอกพุดตาน ดวงตาดุจนํ้าสารทฤดู หัวคิ้วหางตาเอิบ
อาบไปด้วยเสน่ห์ ชุดเพ่ยจื่อสีชมพูอ่อนขับให้ดวงหน้าคล้ายกับเป็นดอกไม้อ่อนหวานงดงามดอก
หนึ่ง
นี่คือนางหรือ!
โจวเสาจิ่นตกตะลึง
ฝานหลิวซื่อหัวเราะร่าพลางกล่าว “นายท่านสี่กลับมาวันนี้ ฮูหยินดีใจมีความสุข ดูมี
ชีวิตชีวากว่าปกติมากนัก”
โจวเสาจิ่นหน้าแดง
4917
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวให้คนมาถามนางว่าเตรียมตัวเสร็จหรือยัง หากเตรียมตัวเสร็จแล้ว ก็ไปรอ
เฉิงฉือที่หน้าประตูด้วยกัน
โจวเสาจิ่นรีบอุ้มลูกไปที่ลานทิงเซียง กล่าวว่า “ให้ท่านไปรับนายท่านสี่ได้ที่ไหนกันเจ้า
คะ! ข้าไปก็ได้แล้วเจ้าค่ะ”
“เขาจากไปเกือบครึ่งปี ลูกคลอดออกมาแล้วเขายังไม่อาจมาดูได้ ในใจของข้าจะไม่ห่วง
ได้อย่างไร” ฮูหยินผู้เฒ่าทอดถอนใจกล่าว “จะไม่พูดเรื่องมารยาทตามแบบแผนนี้กับพวกเจ้าแล้ว
ไปต้อนรับเจ้าสี่ด้วยกันก็แล้วกัน”
บุตรชายออกเดินทางพันหลี่มารดาย่อมเป็นห่วง
โจวเสาจิ่นไม่คะยั้นคะยออีก ประคองฮูหยินผู้เฒ่าไปที่ประตูชั้นใน
เดินไปได้ครึ่งทาง ก็มีบ่าวชายวิ่งเข้ามา กล่าวรายงานอย่างยินดีลิงโลดว่า “ฮูหยินผู้เฒ่า
ฮูหยิน รถม้าของนายท่านสี่มาถึงหน้าประตูแล้วขอรับ”
“จริงหรือ” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวและโจวเสาจิ่นสบตากันครั้งหนึ่ง ดวงหน้าของทั้งสองคนเผย
รอยยิ้มออกมาอย่างซ่อนไม่อยู่ เร่งสาวเท้าเดินไปข้างนอก “ตอนนี้นายท่านสี่อยู่ที่ไหน”
“เพิ่งลงจากรถม้าขอรับ” ขณะที่บ่าวชายผู้นั้นกําลังกล่าวรายงาน ก็เห็นบุรุษร่างสูงเพรียว
สง่าสวมชุดจื๋อตัวผ้าเนื้อหยาบสีนํ้าตาลผู้หนึ่งเดินก้าวเท้ายาวๆ เข้ามา
เป็นเฉิงฉือ!
มองเพียงปราดเดียว นํ้าตาของโจวเสาจิ่นก็ไหลลงมาเป็นสาย
4918
เขาผอมกว่าตอนออกเดินทางไปมาก แล้วก็คลํ้าขึ้นมากด้วยเช่นกัน เดินทางไกลมาอย่าง
เหน็ดเหนื่อย แค่มองก็รู้แล้วว่าวันเวลาที่เมืองไคเฟิ งจะต้องนอนกลางดินกินกลางทราย ได้รับ
ความยากลําบากมาไม่น้อยเป็นแน่
“ซื่อหลาง!” โจวเสาจิ่นอดไม่ได้ตะโกนเรียกชื่อเล่นของเขา ฮูหยินผู้เฒ่ากัวก้าวออกไปสอง
สามก้าวพร้อมกับยื่นมือออกไปหาเขา
เฉิงฉือเลิกชุดขึ้น คุกเข่าลงตรงหน้าฮูหยินผู้เฒ่ากัว “ท่านแม่ ข้าอกตัญ�ูที่จากไปนาน
ขนาดนี้ ไม่ได้ดูแลแสดงความกตัญ�ูอยู่ข้างกายท่าน!”
“กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว!” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกล่าว กระบอกตาแดงเรื่อขึ้นมา ดึงเขา
ลุกขึ้นมาไปด้วย พลางกล่าวไปด้วยว่า “รีบลุกขึ้นมาๆ ตอนเจ้าไปเสาจิ่นยังอุ้มท้องอวิ้นเกอเอ๋อร์
อยู่ ตอนนี้อวิ้นเกอเอ๋อร์เกือบจะสองเดือนแล้ว เจ้ารีบไปดูเสาจิ่นและอวิ้นเกอเอ๋อร์เถิด”
ดวงตาของเฉิงฉือคลอไปด้วยหยาดนํ้าระยิบระยับ ขานรับ “อื้อ” เสียงหนึ่ง หันไปมองโจว
เสาจิ่น
โจวเสาจิ่นหมุนกายไปอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ มุมปากยกยิ้มน้อยๆ อยากมอบรอยยิ้มยินดีให้
เฉิงฉือรอยยิ้มหนึ่ง ผู้ใดจะรู้ว่านํ้าตากลับไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่
“เสาจิ่น!” เฉิงฉือขานเรียกชื่อนาง ก้มหน้าลงมองดวงหน้าเล็กอมชมพูของบุตรชาย หัวใจ
ของเขาพลันอ่อนยวบเหลวเป็นนํ้า ลูบศีรษะของบุตรชายเบาๆ อย่างอดไม่ได้ เงยหน้ามองดวงตา
กระจ่างใสของแม่ของลูกคู่นั้นยิ้มๆ กระซิบกล่าวว่า “ลําบากเจ้าแล้ว! ลูกเติบโตได้ดียิ่ง…ท่านแม่
เองก็สบายดียิ่ง…ขอบใจเจ้ามาก…ต่อไปข้าจะไม่จากพวกเจ้าแม่ลูกไปไหนนานขนาดนี้อีกแล้ว…”
4919
โจวเสาจิ่นพยักหน้า สายตาพร่ามัว นึกได้ว่าวันนี้ตนผัดแป้งที่หน้าเอาไว้ อยากจะล้วงไป
เอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดนํ้าตา แต่ลืมไปว่าในมือยังอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ที่หลับสนิทเอาไว้อยู่ ชั่วขณะนั้น
จึงเก้กังขวาก็ไม่ใช่ซ้ายก็ไม่ใช่
เฉิงฉือเห็นแล้วรีบรับอวิ้นเกอเอ๋อร์มาไว้ในมือ
โจวเสาจิ่นเห็นเขาประคองอวิ้นเกอเอ๋อร์ไว้ในมือคล้ายกับประคองสิ่งของก็ไม่ปาน จึง
ตกใจเป็นการใหญ่ รีบบอกว่า “ระวังเจ้าค่ะ” กล่าวว่า “ท่านต้องกอดเขาเช่นนี้ จับคอ เอวและ
บั้นท้ายเขาไว้ เขายังยกศีรษะไม่ได้ ทําได้แค่ประคองขึ้นมาดูครู่หนึ่งเท่านั้น…”
“ได้…” เฉิงฉือขานตอบ ไม่นานก็อุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ด้วยท่วงท่าที่ถูกต้องได้แล้วอย่างรวดเร็ว
แต่ไหล่ที่แข็งเกร็งกลับเผยความตื่นเต้นกังวลของเขาออกมาให้เห็น
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวเดินเข้ามา ยื่นมือมาอุ้มอวิ้นเกอเอ๋อร์ไป กล่าวกับเฉิงฉือและโจวเสาจิ่นว่า
“ร่างกายเต็มไปด้วยฝุ่น ระวังจะทําให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกข้าสําลักได้ ยังไม่รีบไปอาบนํ้าอีก เอา
ลูกไปไว้กับข้าก่อน เสาจิ่น เจ้าไปช่วยเจ้าสี่เก็บของ ประเดี๋ยวพวกเราค่อยรับมื้อเที่ยงด้วยกัน”
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวคงให้เวลาพวกเขาสองสามีภรรยาได้คุยเรื่องส่วนตัวกันกระมัง
โจวเสาจิ่นรับคํา “เจ้าค่ะ” อย่างขัดเขิน ในใจเต็มไปด้วยความซาบซึ้งที่มีต่อฮูหยินผู้
เฒ่ากัว กลับเรือนหลักไปพร้อมกับเฉิงฉือ
ต้มนํ้าร้อนเอาไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว ชุดตัวในทอจากผ้าฝ้ายเรียบรื่นซงเจียงสีขาวเอี่ยมอ่องวาง
อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่บนตั่งตัวเล็กในห้องอาบนํ้า รวมถึงสบู่หอมที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ
กําจายออกมา
โจวเสาจิ่นเปลี่ยนชุด สวมเสื้อตัวในผ้าโปร่งสีขาวพระจันทร์ช่วยผัดอาภรณ์ให้เฉิงฉือ
ปรนนิบัติเขาอาบนํ้าด้วยตัวเอง