ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่566 ทําให้ขุ่นเคืองใจ
เพียงแต่ว่าต่อให้นอนหลับสนิทดีเพียงไร พรุ่งนี้ก็เป็นพิธีครบรอบขวบปีของอวิ้นเกอเอ๋อร์
แล้ว โจวเสาจิ่นไม่อาจนอนอยู่บนเตียงต่อไปได้อีก
นางเห็นว่ายังไม่ถึงเวลาเที่ยงดี จึงล้างหน้าล้างตาครั้งหนึ่งแล้วไปที่ลานทิงเซียง
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวกําลังเล่นวงแหวนปริศนาเป็นเพื่อนอวิ้นเกอเอ๋อร์อยู่
อวิ้นเกอเอ๋อร์ทําอย่างไรก็คลายวงแหวนปริศนานั่นไม่ได้เสียที โมโหจนดึงวงแหวนปริศนา
นั้นไว้ร้องไห้แงเสียงดัง เห็นมารดาเข้ามา นํ้าตายิ่งไหลเผาะๆ กางแขนพุ่งมาหาโจวเสาจิ่นร้อง
เรียก “ท่านแม่” ไม่หยุด
โจวเสาจิ่นเห็นเขาออดอ้อนโดยที่ในมือยังถือวงแหวนปริศนานั่นเอาไว้แน่น อดไม่ได้เม้ม
ปากกลั้นยิ้ม หลังจากทําความเคารพฮูหยินผู้เฒ่ากัวแล้ว จึงอุ้มบุตรชายไว้ในอ้อมแขน ถามเขา
เสียงอบอุ่นว่า “อวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกเราเป็นอะไรหรือ ขุ่นเคืองใจด้วยเรื่องอะไร”
อวิ้นเกอเอ๋อร์เรียกคนเป็นเร็วก็จริง แต่ใกล้จะหนึ่งขวบปีในอีกไม่ช้าแล้ว ทว่ายังพูดได้
เพียงสองคําเท่านั้น
เขายัดวงแหวนปริศนาในมือเข้ากับหน้าอกของโจวเสาจิ่น กล่าวอย่างทุกข์ระทมว่า “เขา
เสีย”
โจวเสาจิ่นและคนอื่นๆ พากันหัวเราะฮ่าออกมา
อวิ้นเกอเอ๋อร์ยิ่งโศกสลดมากขึ้น
โจวเสาจิ่นจึงดึงให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ดูอย่างละเอียดหนึ่งครั้ง
5243
อวิ้นเกอเอ๋อร์จําขั้นตอนก่อนหน้าได้สองสามขั้น ทว่าจําขั้นตอนหลังอีกสองสามขั้นไม่ได้
จากนั้นก็เลยโมโหขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง โยนวงแหวนปริศนาทิ้งลงบนพื้น
โจวเสาจิ่นเก็บขึ้นมา ด้านหนึ่งสอนอวิ้นเกอเอ๋อร์ดึงวงแหวนปริศนาต่อไป อีกด้านหนึ่ง
เอ่ยถึงเรื่องหยิบของเสี่ยงทายในวันพรุ่งนี้กับฮูหยินผู้เฒ่ากัวไปด้วยว่า “…ผู้อาวุโสให้ท่านอารอง
นั่งเป็นเพื่อนที่โถงรับรองของเรือนชั้นนอก เตรียมเพียงพวกนํ้าชาเท่านั้น ส่วนนายหญิงผู้เฒ่าสอง
สามท่านจะพามาพูดคุยกับท่านที่ลานทิงเซียง จัดให้อาจารย์หญิงมาขับขานนิทาน แขกบุรุษคน
อื่นๆ อยู่ที่ห้องหนังสือของเรือนชั้นนอก สตรีอยู่ที่โถงนั่งเล่นในสวนดอกไม้ ด้านหนึ่งเล่าเรื่องตลก
ขบขัน อีกด้านหนึ่งร้องงิ้ว พิธีหยิบของเสี่ยงทายจัดที่โถงใหญ่ คนที่อยากมาดูพิธีก็เข้ามาดูได้ คน
ที่ไม่อยากมาดูพิธีก็นั่งพูดคุยชมการแสดงต่อไปได้”
ผู้อาวุโสล้วนไม่ชอบเสียงดังวุ่นวาย คาดว่าย่อมจะไปดูอวิ้นเกอเอ๋อร์หยิบของเสี่ยงทาย
“เจ้าจัดเตรียมเช่นนี้เหมาะสมยิ่งแล้ว” ฮูหยินผู้เฒ่ากัวพยักหน้ายิ้มๆ ความสนใจกลับอยู่
ที่อวิ้นเกอเอ๋อร์ “ครั้งนี้มีบัณฑิตทรงภูมิมาร่วมพิธีหยิบของเสี่ยงทายของอวิ้นเกอเอ๋อร์หลายท่าน
ต้องจัดการให้ดี หากอวิ้นเกอเอ๋อร์ผูกวาสนาด้วยได้สักคนหนึ่งก็ถือว่าไม่เลว ทางด้านโน้นข้าเชิญ
ใต้เท้าอู๋ของสํานักฮั่นหลินมาอยู่เป็นเพื่อน เจ้าจึงไม่ต้องสนใจแล้ว สนใจดูแลเพียงพิธีหยิบของ
เสี่ยงทายของอวิ้นเกอเอ๋อร์ก็พอ”
แม่สามีและบุตรสะใภ้ทั้งสองคนพูดคุยกันกว่าครึ่งค่อนวัน อวิ้นเกอเอ๋อร์คลายวงแหวน
ปริศนาไปได้อย่างราบรื่น
เขาถือวงแหวนปริศนามาให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวและโจวเสาจิ่นดูอย่างดีใจ
ฮูหยินผู้เฒ่ากัวลูบศีรษะของเขายิ้มๆ ส่วนโจวเสาจิ่นหอมที่แก้มของบุตรชายไปสองฟอด
กล่าวชมว่า “อวิ้นเกอเอ๋อร์ของพวกเราช่างเก่งกาจจริงๆ”
5244
เห็นได้ชัดว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์ชื่นชอบการให้กําลังใจเช่นนี้ของมารดาเป็นอย่างยิ่ง จึง
เลียนแบบโจวเสาจิ่นโดยชะโงกหน้าไปตรงหน้าโจวเสาจิ่นและหอมแก้มโจวเสาจิ่นไปสองฟอด
ด้วยเช่นกัน จากนั้นรู้สึกว่ายังไม่หนําใจ จึงวิ่งไปข้างๆ ฮูหยินผู้เฒ่ากัวอยากจะหอมแก้มฮูหยินผู้
เฒ่ากัวด้วย
ตลอดชีวิตที่ผ่านมาฮูหยินผู้เฒ่ากัวยังไม่เคยถูกคนหอมแก้มเช่นนี้มาก่อน ตะลึงงันไปกว่า
ครึ่งค่อนวันถึงได้สติกลับมา เมื่อได้สติกลับมาแล้วจึงกอดอวิ้นเกอเอ๋อร์ไว้ในอ้อมแขนอย่างห้าม
ไม่อยู่ กล่าวกับโจวเสาจิ่นว่า “ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้เหมือนใคร พ่อของเขากับข้าล้วนเอาใจคนเช่นนี้ไม่
เป็น เขาก็ดี เห็นผู้ใดก็ปากหวานไปเสียหมด”
ต้องเหมือนนางเป็นแน่!
โจวเสาจิ่นคิดอยู่ในใจ ทว่าไม่กล้าพูดออกมา
เด็กผู้ชายชอบเอาใจผู้อื่นด้วยคําหวานมิใช่เรื่องดีอะไรนัก
แต่เด็กเช่นนี้ก็ทําให้ผู้คนโปรดปรานมากจริงๆ
โจวเสาจิ่นครุ่นคิดว่าควรบอกเฉิงฉือสักหน่อยหรือไม่
ทว่ากว่าเฉิงฉือจะกลับมาก็ถึงเวลาจุดโคมไฟแล้ว
“กินข้าวมาหรือยังเจ้าคะ” โจวเสาจิ่นถามเขาตอนที่ช่วยผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้เขา “ใน
ครัวยังไม่ได้ปิดเตาเจ้าค่ะ”
นานๆ การงานก็ทําให้เฉิงฉือกลับช้าบ้างเป็นครั้งคราวเหมือนวันนี้เช่นกัน กลับมาถึงช้า
โดยที่ไม่ได้ส่งคนมาแจ้งข่าวสักคํา มีสองครั้งที่กินอะไรลวกๆ ณ ที่ทําการแล้วถึงได้กลับมา
5245
“ไม่อยากกินอะไรเลย” เฉิงฉือกล่าวเสียงเรียบ โจวเสาจิ่นถึงได้สังเกตเห็นว่าแววตาของ
เขาเย็นชายิ่ง สีหน้าก็ดูเคร่งขรึมเล็กน้อย
นางไม่เห็นเขาเป็นเช่นนี้มานานแล้ว
โจวเสาจิ่นนึกถึงว่าอากาศค่อยๆ ร้อนขึ้นแล้ว จะใช้นํ้าแข็งก็ยังเร็วไปสักหน่อย แต่ถ้าไม่ใช้
นํ้าแข็งก็รู้สึกหดหู่ไม่สดชื่นเล็กน้อย กล่าวอย่างครุ่นคิดว่า “ข้าให้ในครัวทําบะหมี่มาให้ท่านสัก
ชามดีหรือไม่ ใส่พริกน้อยๆ และฝานแตงกวาเป็นเส้นเล็กๆ ใส่ลงไปด้วย…”
ยังไม่มีแตงกวาขายที่ตลาดในจิงเฉิง แต่ที่เฟิงไถมีคนปลูกแตงกวาในเรือนกระจกและซื้อ
ขายเป็นผลไม้ เฉิงฉือชอบกิน ในบ้านจึงซื้อมามิได้ขาด
เฉิงฉือครุ่นคิดแล้วพยักหน้า
กระทั่งโจวเสาจิ่นย้อนกลับมาจากการไปสั่งการ เฉิงฉือก็นั่งดื่มชาอยู่บนเตียงเตาตัวใหญ่
ข้างหน้าต่างแล้ว
อวิ้นเกอเอ๋อร์รั้งอยู่กับฮูหยินผู้เฒ่ากัวที่ลานทิงเซียง โจวเสาจิ่นหยิบเข็มและด้ายออกมา
จากใต้โต๊ะบนเตียงเตาเย็บไปสองสามฝีเข็ม กล่าวกับเฉิงฉือว่า “เหตุใดวันนี้ถึงกลับเย็นเพียงนี้เจ้า
คะ พิธีหยิบของเสี่ยงทายของอวิ้นเกอเอ๋อร์ในวันพรุ่งนี้ ท่านจะได้อยู่บ้านหรือไม่”
พรุ่งนี้มิใช่วันหยุด
โจวเสาจิ่นคิดว่าเฉิงฉือน่าจะขอลาหยุดอยู่บ้าน ทว่าดูจากตอนนี้แล้วกลับไม่กล้า
รับประกันแล้ว
เฉิงฉือกล่าว “ข้าขอลาหยุดกับที่ทําการเอาไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว พรุ่งนี้ย่อมจะอยู่บ้าน!”
เช่นนั้นก็มิได้ขุ่นเคืองใจด้วยเรื่องงานแล้ว!
5246
โจวเสาจิ่นลอบมองสํารวจเฉิงฉือเงียบๆ
เฉิงฉือมองแล้วก็หัวเราะออกมา ยื่นมือข้ามโต๊ะไปลูบศีรษะของโจวเสาจิ่น กล่าวว่า “คิด
อะไรอยู่ มีอะไรก็พูดเถิด! ข้าสอนให้เจ้ารู้จักมองสีหน้าของข้าก่อนทําเรื่องต่างๆ ตั้งแต่เมื่อใดกัน”
โจวเสาจิ่นหัวเราะอย่างกระดากอาย กล่าวขึ้นว่า “มิใช่เพราะข้ากลัวว่าท่านจะขุ่นเคืองใจ
หรอกหรือ”
“ขุ่นเคืองใจก็ไม่ถึงกับชักสีหน้าให้เจ้าเห็น” เฉิงฉือกล่าว “เจ้าอยากรู้ว่าเหตุใดข้าถึงไม่
สบายใจใช่หรือไม่”
โจวเสาจิ่นพยักหน้า
จี๋เสียงกํากับสาวใช้เด็กสองสามคนยกบะหมี่เข้ามา
เฉิงฉือหยุดบทสนทนาลง
โจวเสาจิ่นรีบจัดชามและตะเกียบบนโต๊ะ ไล่ข้ารับใช้ในห้องออกไป
เฉิงฉือกินไปหนึ่งคํา
เส้นบะหมี่เหนียวนุ่ม รสชาติเผ็ดเปรี้ยวหอมกลมกล่อม เส้นแตงกวากรอบอร่อย ทําให้
อารมณ์ของเขาดีขึ้นไม่น้อย
“ทุกคนต่างรู้ว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยิบของเสี่ยงทายของบุตรชายคนโตของข้า ข้าจึงเลิกงาน
ก่อนล่วงหน้า” เขากินบะหมี่ไปหลายคํา ดื่มชาหม่อนไปจิบหนึ่ง วางตะเกียบลงกล่าวกับโจวเสา
จิ่นว่า “ข้าเลิกงานแล้วก็ไปที่ซอยซิ่งหลินครั้งหนึ่ง พี่ใหญ่มีสหายร่วมปีการสอบผู้หนึ่งนามว่าหาน
จงเหมย ป่ าวประกาศอยู่ข้างนอกว่าสาเหตุที่เขาได้เป็นผู้บัญชาการทหารเซวียนถง ทั้งหมดล้วน
เป็นเพราะมีพี่ใหญ่คอยสนับสนุน”
5247
เรื่องประเภทนี้มิใช่ว่าทุกคนควรจะปิดเงียบเอาไว้หรอกหรือ
โจวเสาจิ่นประหลาดใจ
เฉิงฉือมองนาง พยักหน้าเบาๆ พลางกล่าว “ไม่ว่าหานจงเหมยผู้นั้นจะพลั้งปากพูดหรือ
เป็นเพราะจงใจให้เป็นเช่นนี้ก็ตาม คนผู้นี้ไม่อาจคบค้าได้อีก เดิมทีข้าเพียงอยากไปสอบถามพี่
ใหญ่ดูว่าทราบเรื่องนี้หรือไม่ ผลปรากฏว่าบังเอิญพบกับเหตุการณ์ที่คนของตระกูลหานได้ข่าว
ว่าเจียซ่านจะไปรับราชการต่างเมือง จึงให้ผู้ช่วยส่งของขวัญมาให้เป็นพิเศษนั่นพอดี ตาม
ความเห็นของข้าแล้ว รับเอาไว้สักหนึ่งสองชิ้นตามโอกาส ต่อไปค่อยๆ ตัดความสัมพันธ์ไปก็ได้
แล้ว ปรากฏว่าพี่ใหญ่กลับเดือดดาล คืนของขวัญของผู้อื่นกลับไปจนหมด เวลานั้นเป็นเวลาเลิก
งานพอดี ซอยซิ่งหลินมีขุนนางยศขั้นสี่ขั้นห้าอาศัยอยู่ไม่น้อย เวลานั้นทุกคนจึงเห็นกันถ้วนหน้า
ครั้งนี้พี่ใหญ่ทําเรื่องถูกต้อง ทว่าก็ทําให้ผู้อื่นขุ่นเคืองใจแล้ว” ขณะที่เขากล่าว ก็ถอนหายใจอย่าง
ไร้ทางเลือกเล็กน้อย กล่าวอีกว่า “พี่ใหญ่เองก็เป็นคนมีประสบการณ์มาไม่น้อยแล้ว เหตุใดถึง
ควบคุมอารมณ์ไม่ได้เช่นนี้ ความผันผวนในเส้นทางราชสํานัก สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือทําให้คนขุ่น
เคือง…” กล่าวจบ เขาเห็นดวงหน้าของโจวเสาจิ่นเต็มไปด้วยความกังวลใจ จึงรีบกล่าวอีกว่า
“อย่างไรก็ตาม หานจงเหมยผู้นี้อายุมากแล้วเพิ่งจะได้เลื่อนตําแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารเซ
วียนถง คาดว่าความสามารถคงธรรมดาสามัญยิ่ง ทําให้ขุ่นเคืองแล้วก็ขุ่นเคืองไป ข้าสืบเรื่องของ
เขามาแล้ว เขากลับมาทํางานอีกครั้งหลังเสร็จสิ้นจากการไว้ทุกข์ เมื่อก่อนตอนดํารงตําแหน่งเป็น
เจ้าเมืองของเจียซิงนั้นก็ถูกคนฟ้องร้องเรื่องทุจริต ถึงแม้สุดท้ายแล้วจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หากไร้
ซึ่งลมจะเกิดคลื่นได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้ก็มิใช่คนดีอะไร ตีตัวออกหากให้ไกลเช่นนี้ได้ก็ดี
เหมือนกัน”
เรื่องใหญ่ของราชสํานักเหล่านี้โจวเสาจิ่นไม่เข้าใจนัก เฉิงฉือบอกว่าไม่ต้องกังวลก็ย่อมไม่
ต้องกังวล นอกจากนี้ชาติก่อนนางก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับคนผู้นี้มาก่อน เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้ไม่มี
อะไรสําคัญจริงๆ นางพยักหน้ายิ้มๆ ลุกขึ้นเติมชาหม่อนให้เขาอีกจอกหนึ่ง
5248
เฉิงฉือกินบะหมี่เสร็จแล้ว ลากโจวเสาจิ่นเดินทอดน่องไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่ากัว
ดอกอวี้จานภายในลานบ้านล้วนเบ่งบานหมดแล้ว เปล่งประกายสุกใสท่ามกลางแสง
จันทร์นวลเย็น กองพะเนินประหนึ่งหิมะ กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยอบอวล
เฉิงฉือจับจูงมือของโจวเสาจิ่น ค่อยๆ เดินไปอย่างเชื่องช้า
ข้ารับใช้ติดตามอยู่ห่างๆ
สองสามีภรรยาพูดคุยเรื่องส่วนตัวกันเสียงเบา
“ข้าคิดไม่ถึงว่าซื่อหลางจะเป็นห่วงว่าพี่ใหญ่จะทําให้คนขุ่นเคือง” โจวเสาจิ่นถูกเฉิงฉือจับ
จูงมือเช่นนี้แล้วรู้สึกขัดเขินเล็กน้อย แต่เฉิงฉือยืนกรานจะจับจูงมือของนางเอาไว้ นางย่อมไม่อาจ
ต่อต้านเฉิงฉือ นอกจากนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่ารู้สึกหอมหวานยิ่งนัก “ในความทรงจําของข้า ซื่อหลางดู
คล้ายกับไม่กลัวอะไรเลยก็ไม่ปาน”
“ข้ามิได้กลัว” เฉิงฉือกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก “แต่พี่ชายใหญ่ของข้าผู้นั้นทําอะไรใจอ่อนไป
เล็กน้อย บางครั้งรู้ทั้งรู้ว่าไม่เหมาะสม ทว่าก็ทําใจแข็งไม่ไปจัดการไม่ได้ ขณะลังเลก็พาตัวเองเข้า
ไปยุ่งจนได้ เขาสู้ข้าไม่ได้…”
โจวเสาจิ่นหัวเราะคิก กล่าวว่า “ซื่อหลางทนให้มีทรายอยู่ในตาไม่ได้เลยแม้แต่เม็ดเดียว”
เสียงหัวเราะราวกับระฆังเงินร่วงหล่นอยู่ท่ามกลางแมกไม้ดอกไม้ยามคํ่าคืน
“ข้าเข้มงวดเพียงนั้นเชียวหรือ” เฉิงฉือมองท่าทางยิ้มตาหยีของนางแล้ว อารมณ์ก็
เปลี่ยนเป็นเบิกบานขึ้นมาด้วยเช่นกัน
โจวเสาจิ่นจึงพิงกายเข้าไปหา กอดแขนของเฉิงฉือเอาไว้ ถูหน้ากับหัวไหล่ของเขา
5249
สายตาที่เฉิงฉือมองนางพลันเต็มไปด้วยความรักใคร่ เดินเคียงคู่กับนางไปเงียบๆ ระยะ
หนึ่ง จึงกล่าวขึ้นว่า “ผ่านพ้นเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างแล้ว พวกเราย้ายไปอยู่ที่เรือนริมนํ้าตรงสวน
ดอกไม้ดีหรือไม่ ตรงนั้นใกล้ทะเลสาบ อากาศเย็นสบายกว่า เดิมทีข้าตั้งใจเอาไว้ว่าเมื่อถึงฤดูร้อน
พวกเราจะย้ายเข้าไปอยู่ที่ลานทิงเซียง…เนื่องจากท่านแม่เข้าไปอยู่แล้ว พวกเราก็ไปอยู่ที่เรือน
ริมนํ้าสักสองเดือนก็แล้วกัน”
โจวเสาจิ่นนั้นขอเพียงได้ติดตามเฉิงฉือ จะอยู่ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น นางกล่าว “เพียงแต่ว่า
เช่นนี้จะอยู่ไกลจากท่านแม่เล็กน้อย ท่านแม่จะรู้สึกไม่ชอบใจหรือไม่”
“เช่นนั้นพวกเราก็มีลูกอีกสักสองสามคน” เฉิงฉือกระซิบกล่าวยิ้มๆ ที่ข้างหูของนาง “บ้าน
หลังใหญ่ขนาดนี้ มีเพียงพวกเราอาศัยอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น วังเวงมากเกินไปแล้ว!”
โจวเสาจิ่นเขินอายจนหน้าแดงหูแดงไปหมด
ในบ้านมีคนน้อยเกินไปจริงๆ ฝั่งถนนตะวันออกทางด้านโน้นไม่มีใครอาศัยอยู่เลยสักคน
“พวกเราย้ายไปอยู่ที่เรือนริมนํ้า” เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ อย่างมีความนัยว่า “อยู่ที่นั่นเจ้าเองก็
จะได้พบปะพวกพ่อบ้านแม่บ้านของที่บ้านด้วย”
โจวเสาจิ่นใจเต้นตึกตัก พยักหน้าอย่างว่านอนสอนง่าย
ณ ซอยซิ่งหลิน เฉิงจิงและหยวนซื่อกลับวาดดาบง้างศรใส่กัน
“มิใช่ว่าข้าให้เจ้ากลับบ้านเดิมสักครั้งหรอกหรือ เหตุใดเจ้ายังไม่กลับไปอีก” เฉิงจิงชี้
พ่อบ้านที่นํารายการของขวัญมาให้เขาด้วยสีหน้าหวาดผวาหลังจากเห็นเขาเอาของขวัญที่หานจง
เหมยส่งมาทั้งหมดให้ผู้ช่วยของหานจงเหมยลากกลับไป เขาโกรธจนเลือดในกายเดือดพล่านไม่
หยุด
5250
หยวนซื่อเองก็อารมณ์ไม่ดีเช่นกัน สีหน้าเคร่งกล่าวเสียงตํ่าว่า “ประเดี๋ยวท่านให้ข้าไป
ช่วยเรื่องงานแต่งของท่านอารองที่ซอยซวงอวี๋ ประเดี๋ยวให้ข้าไปดูว่าพิธีหยิบของเสี่ยงทายขอ
งอวิ้นเกอเอ๋อร์มีอะไรให้ต้องช่วยเหลือหรือไม่ ประเดี๋ยวก็ให้ข้าส่งของขวัญกลับไปให้บ้านเดิม เจีย
ซ่านก็ใกล้จะออกเดินทางไปเหมียนจู๋แล้ว ต่อให้ข้ามีสามเศียรหกกรก็จัดการได้ไม่หมดหรอกเจ้า
ค่ะ! ท่านจะกล่าวโทษข้าเช่นนี้ได้อย่างไร”
ถ้าหากมิใช่ตนกล่าวยํ้าเตือนนาง นางจะไปช่วยงานที่ซอยซวงอวี๋และโผล่หน้าไปที่ประตู
เฉาหยางหรือ ส่วนเรื่องที่เจียซ่านออกไปรับราชการต่างเมืองนั้น บุตรสะใภ้ไม่เข้าใจกลับไม่กล้า
ไปขอให้นางช่วยชี้แนะ ในทางตรงกันข้ามไปขอให้ชิวซื่อน้องสะใภ้มาช่วยเหลือแทน…
เฉิงจิงครุ่นคิด อดถูหน้าผากตัวเองไม่ได้
หยวนซื่อกลายเป็นคนเช่นนี้ไปได้อย่างไร
ครู่ใหญ่ เขาถึงจัดการอารมณ์ได้ กล่าวขึ้นว่า “เรื่องอื่นเจ้าวางเอาไว้ชั่วคราว กลับบ้าน
เดิมสักครั้งหนึ่งก่อน…”
หยวนซื่อเอ่ยขัดคําพูดของเฉิงจิงอย่างเย็นชาว่า “พรุ่งนี้เป็นวันหยิบของเสี่ยงทายของอวิ้น
เกอเอ๋อร์ ท่านแน่ใจหรือว่าจะให้ข้ากลับบ้านเดิมก่อนจริงๆ?”