ยามดอกวสันต์ผลิบาน - ตอนที่573 ว่ายนํ้ า
สองคนนี้ต่างคนต่างรู้สึกว่าอีกฝ่ายขวางหูขวางตาเสียจริงๆ!
โจวเสาจิ่นลอบยิ้มอยู่ในใจ
ชาติก่อนกู้จิ่วเนี่ยไม่เพียงรับราชการอย่างราบรื่น ยังมีชื่อเสียงเด่นดัง มีความสามารถ
เป็นที่รู้จักในราชสํานัก ผูกสัมพันธ์กับคนเช่นนี้ไว้น่าจะเป็นผลดีต่อหน้าที่การงานของเฉิงฉือมาก
ขึ้นกระมัง
นางจึงกระทุ้งเฉิงฉือที่หลับตาเตรียมตัวนอนหลับแล้วเบาๆ กระซิบกล่าวว่า “ซื่อหลาง ข้า
จําได้ว่าตระกูลกู้ไม่มีบ้านพร้อมอยู่อยู่ที่จิงเฉิง พวกเราต้องช่วยหาบ้านให้พวกเขาสักหลังหรือไม่
ยังไม่ต้องพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลกู้และตระกูลเฉิง ต่อให้เป็นเพียงคนบ้านเดียวกัน เขา
บอกท่านว่าเขาจะมาจิงเฉิง อย่างไรพวกเราก็ต้องถามไถ่สักคําถึงจะถูก”
เฉิงฉือยิ้มพลางลืมตาขึ้น กล่าวว่า “เรื่องนี้ฉินจื่อจี๋จะไปจัดการเอง เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”
แต่โจวเสาจิ่นอยากช่วยเฉิงฉือ
นางกล่าว “ข้าออกหน้ากับพ่อบ้านฉินออกหน้าไม่ค่อยเหมือนกันกระมัง คุณหนูที่สิบเจ็ด
ของตระกูลกู้ยังเป็นพี่สะใภ้ของข้า สะใภ้กู้ที่หกข้าเองก็เคยเจอมาก่อน นางเพิ่งมาใหม่ ต้องมีเรื่อง
ไม่สะดวกมากมายหลายอย่างเป็นแน่ ข้าเองก็อยากมีที่ให้ไปเพิ่มขึ้นอีกสักที่หนึ่ง”
กล่าวคือ ไม่อาจตัดขาดความสัมพันธ์ของทั้งสองครอบครัว
โจวเสาจิ่นเองก็ไม่ค่อยมีสหายที่พอจะพูดคุยกันได้สักเท่าไรจริงๆ
เฉิงฉือกล่าวยิ้มๆ ว่า “เช่นนั้นข้าจะบอกฉินจื่อจี๋ไว้สักคําหนึ่ง ถึงเวลาพวกเราไปต้อนรับ
พวกเขาสองสามีภรรยาด้วยกัน”
5306
โจวเสาจิ่นยิ้มตาหยีพลางพยักหน้า กอดแขนของเฉิงฉือเอาไว้ หลับไปอย่างเป็นสุข
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นเมื่อตื่นขึ้นมา ส่งเฉิงฉือออกไปทํางาน ป้อนข้าวเช้าให้อวิ้นเกอเอ๋อร์ หลังจากไป
คารวะเช้าฮูหยินผู้เฒ่ากัวเสร็จกําลังเตรียมตัวจะไปคุยกับหนานผิง ผู้ใดจะรู้ว่าจี๋อิ๋งก็มาถึง
ประจวบเหมาะกับที่ส่งลูกให้ฮูหยินผู้เฒ่ากัวไปแล้ว นางและจี๋อิ๋งจึงคุยเรื่องของหนานผิง
ขึ้นมา “…ข้าจะไปดูสักหน่อย หากไม่สําเร็จ เจ้าช่วยไปแจ้งฉินจื่อผิงสักคํา บอกรายละเอียดให้ที่
บ้านทราบสักหน่อย ฉินจื่ออันเองก็อายุไม่น้อยแล้ว อย่าให้เขาประวิงเวลาอีกเลย”
พ่อบ้านใหญ่ฉินไม่พูดก็จริง แต่คาดว่าคงร้อนใจไม่น้อยเหมือนกัน
จี๋อิ๋งโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง กล่าวว่า “เมื่อครู่ข้ายังกลัวว่าเจ้าจะลากข้าไปกับเจ้าด้วย…ข้า
กับนางพูดคุยกันไม่ได้จริงๆ ข้าไม่รู้ว่านางกําลังคิดอะไรอยู่บ้าง”
โจวเสาจิ่นเม้มปากหัวเราะ กล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องส่วนตัว จะลากเจ้าไปด้วยได้อย่างไร”
จี๋อิ๋งพยักหน้าหงึก กล่าวว่า “เช่นนั้นข้าไปเล่นกับอวิ้นเกอเอ๋อร์ เจ้ารีบไปธุระของเจ้าเถิด
วันนี้อากาศก็ดียิ่ง ตอนบ่ายข้าจะพาเขาไปว่ายนํ้าอีก”
ทะเลสาบของตระกูลเฉิงงดงามมาก ข้างทะเลสาบมีหลายที่มากที่ต้นไม้ใหญ่ยื่นกิ่งก้าน
ไปถึงบนผิวนํ้า บดบังอาทิตย์เกิดเป็นร่มเงา เหมาะแก่การเรียนว่ายนํ้าอยู่ใต้ร่มเงาพอดี
โจวเสาจิ่นกล่าวขอบคุณนางแล้วไปหาหนานผิง
หลายปีมานี้หนานผิงเริ่มกินเจ ฉะนั้นจึงกันห้องครัวเล็กๆ ไว้ในเรือนให้นางใช้ส่วนตัวคน
เดียวห้องหนึ่ง
เห็นโจวเสาจิ่นเข้ามา นางชงชาเหล่าจวินเหมยให้โจวเสาจิ่นกาหนึ่ง ครั้นโจวเสาจิ่นเห็น
นางสวมเสื้อกั๊กปี๋เจียสีเทา เสื้อด้านในเป็นผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดสีขาวพระจันทร์ เรียบง่ายราวกับ
นักบวชถือศีลในบ้านแล้ว พลันรู้สึกไม่รู้จะเอ่ยปากพูดอย่างไรดีไปชั่วขณะ
5307
หนานผิงคิดว่านางมาหาด้วยเรื่องเสื้อผ้าสําหรับฤดูใบไม้ร่วงของคนในบ้าน จึงกล่าวยิ้มๆ
ว่า “เรื่องนี้ข้าช่วยดูให้ท่านอยู่ ท่านอย่าได้กังวลใจ! ไม่เกิดข้อผิดพลาดอย่างแน่นอน” จากนั้นหยิบ
เสื้อผ้าที่ตัดเย็บอย่างประณีตออกมายื่นส่งให้โจวเสาจิ่นสองสามตัว “ข้าทําให้คุณชายใหญ่อวิ้น
ท่านดูว่าเหมาะสมหรือไม่ มีตรงไหนต้องปรับเปลี่ยนแก้ไขหรือไม่ หากพอจะเข้าตาท่าน ข้าจะ
เริ่มทําเสื้อคลุมบุฝ้ายกันลมสําหรับฤดูหนาวให้คุณชายอวิ้นด้วย”
โจวเสาจิ่นครุ่นคิด สุดท้ายตัดสินใจบอกเรื่องที่พ่อบ้านใหญ่ฉินเขียนจดหมายมาและเรื่อง
ที่ฉินจื่ออันเคยมาขอร้องเฉิงฉือให้หนานผิงรับทราบ
หนานผิงยิ้มขมขื่น กล่าวกับโจวเสาจิ่นว่า “ถ้าหากคนที่หมั้นหมายกับข้ามิใช่จื่อหนิง ผ่าน
ไปสักสามหรือห้าปีข้าก็คงแต่งงานแล้ว”
โจวเสาจิ่นยังคงอยากจะโน้มน้าวนางอีกสักหน่อย “บางทีเจ้าอาจต้องเดินออกไปถึงจะ
ค้นพบว่าแท้จริงแล้วข้างนอกก็น่าอยู่เหมือนกัน”
หนานผิงเข้าใจความหมายของนาง กล่าวว่า “ถ้าหากคิดถึงจื่อหนิง ข้าก็ยิ่งไม่สมควรแต่ง
เข้าตระกูลของพวกเขา”
โจวเสาจิ่นรู้ว่าเรื่องนี้คงมีแต่ต้องทําให้ฉินจื่ออันผิดหวังแล้ว
“ข้าเข้าใจแล้ว” นางเคารพการตัดสินใจของหนานผิง กล่าวยิ้มๆ ว่า “เช่นนั้นต่อไปเรื่อง
งานเย็บปักภายในบ้าน คงต้องมอบหมายให้เจ้าทั้งหมดแล้ว” นางกล่าวจบก็ลุกขึ้นมา
หนานผิงลุกขึ้นอย่างนอบน้อม กล่าวขึ้นว่า “ท่านวางใจเถิด ข้าจะดูให้เอง”
โจวเสาจิ่นลอบถอนหายใจพลางออกจากเรือนเย็บปัก
ข้างหน้าได้พบกับจี๋อิ๋งพอดี
5308
นางพาอวิ้นเกอเอ๋อร์มาเล่นกระโดดเชือกอยู่ในศาลาข้างทางที่โจวเสาจิ่นต้องเดินผ่านมา
พอเห็นโจวเสาจิ่น นางก็รีบเดินเข้ามา กระซิบถามว่า “หนานผิงว่าอย่างไรบ้าง”
“เกรงว่าเรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว” โจวเสาจิ่นเล่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาให้นางฟังหนึ่งรอบ
จี๋อิ๋งเองก็ถอนหายใจตามไปด้วย กล่าวว่า “นี่คงจะเป็นมีบุพเพแต่ไร้วาสนากระมัง
กลับไปแล้วข้าจะบอกจื่อผิง ให้เขาไปที่ค่ายหุบเขาตะวันตกสักครั้งหนึ่ง ทางด้านของท่านปู่ คง
ต้องให้เจ้าช่วยเขียนจดหมายไปแจ้งสักฉบับหนึ่งแล้ว” กล่าวอีกว่า “หากมีคนที่เหมาะสม เจ้าช่วย
เป็นแม่สื่อทาบทามให้ฉินจื่ออันสักครั้ง เขาเองก็อายุไม่น้อยแล้ว”
โจวเสาจิ่นพยักหน้า
อวิ้นเกอเอ๋อร์อยู่ไม่นิ่งแล้ว
รู้สึกว่าท่านป้าผู้งดงามกับมารดาผู้อ่อนโยนล้วนทิ้งเขาไว้ให้เล่นคนเดียว
เขาลากเชือกวิ่งเข้ามาหา เบียดอยู่ตรงกลางระหว่างจี๋อิ๋งกับโจวเสาจิ่น หันเข้าหาโจวเสาจิ่
นร้องไม่หยุดว่า “อุ้ม อุ้ม”
โจวเสาจิ่นหัวเราะร่าอุ้มบุตรชายเอาไว้
อวิ้นเกอเอ๋อร์ยัดเชือกส่งให้จี๋อิ๋ง ร้องเรียก “ท่านป้า” อย่างอ่อนหวาน พลางกล่าว “เล่น”
จี๋อิ๋งหัวเราะชอบใจ กล่าวกับโจวเสาจิ่นยิ้มๆ ว่า “นี่เขาต้องเหมือนเฉิงจื่อชวนเป็นแน่ เอา
แต่ใจนัก”
โจวเสาจิ่นฝืนตัวเองเอาไว้ถึงได้ไม่ยกมือขึ้นลูบหน้าผาก
ขอเพียงรู้สึกว่าอวิ้นเกอเอ๋อร์มีจุดไหนที่ไม่ดี จี๋อิ๋งจะต้องบอกว่ามีสาเหตุมาจากเฉิงจื่อช
วน
5309
ทุกคนเล่นกันอย่างสนุกสนานมีความสุขไปหนึ่งบ่าย อวิ้นเกอเอ๋อร์แหวกว่ายอยู่ในนํ้าได้
หลายครั้งแล้ว จากคําบอกเล่าของจี๋อิ๋งคือ อย่างมากที่สุดอีกสามถึงห้าวัน อวิ้นเกอเอ๋อร์ก็ว่ายนํ้า
ด้วยตัวเองได้แล้ว
“เร็วเพียงนี้เชียว!” โจวเสาจิ่นประหลาดใจเป็นอย่างมาก กล่าวอย่างลังเลว่า “เช่นนั้นข้า
ยังเรียนได้หรือไม่”
“ขอเพียงมีใจอยากเรียน เมื่อไรก็ไม่สาย” จี๋อิ๋งให้กําลังใจนาง “รอให้ข้าสอนอวิ้นเกอเอ๋อร์
เป็นแล้วจะมาสอนเจ้า พวกเจ้าลงนํ้าพร้อมกันทั้งสองคนข้าดูแลไม่ไหว อวิ้นเกอเอ๋อร์ดิ้นเก่ง
เกินไป”
นี่ก็จริง
โจวเสาจิ่นยิ้ม อดใจเต้นแรงไม่ได้
ตกกลางคืน นางเห็นเฉิงฉือเก็บข้อสอบที่เตรียมให้หวงไท่ซุนด้วยท่าทางพึงพอใจ จึงยก
จอกชาเดินเข้าไป ยิ้มพลางวางจอกชาลงข้างๆ มือเฉิงฉือ ถามเขาเสียงอบอุ่นว่า “เตรียมเสร็จ
หมดแล้วหรือ”
“อื้ม!” เฉิงฉือยิ้มพลางยกจอกชาขึ้นจิบคําหนึ่ง กล่าวว่า “เมื่อครู่เจ้าเข้ามาสองรอบ อยาก
เรียกเจ้า เจ้าก็เดินจากไปแล้ว มีเรื่องอยากพูดกับข้าหรือ”
โจวเสาจิ่นคิดไม่ถึงว่าเฉิงฉือจะเอาใจใส่ขนาดนี้ เจื้อยแจ้วเล่าเรื่องที่อยากเรียนว่ายนํ้ากับ
จี๋อิ๋ง
เฉิงฉือประหลาดใจเล็กน้อย ปรายตามองรูปร่างของโจวเสาจิ่นที่ดูงดงามมากขึ้นหลัง
คลอดลูกครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “เรียนว่ายนํ้าไม่อาจสวมเสื้อแขนยาวกางเกงขายาวได้ ถึงเวลาเมื่อ
5310
เสื้อผ้าเปียกนํ้าแล้ว แค่นํ้าหนักของเสื้อผ้าก็ดึงเจ้าลงไปในนํ้าได้แล้ว ตอนจี๋อิ๋งสอนอวิ้นเกอเอ๋อร์
ว่ายนํ้าสวมใส่อะไรบ้าง เกรงว่าเจ้าคงต้องตัดชุดตามแบบของนางสักสองสามชุดถึงจะใช้ได้…”
นี่ก็หมายความว่าอนุญาตแล้ว!
โจวเสาจิ่นยินดีปรีดายิ่ง กล่าวว่า “จี๋อิ๋งนาง…”
นางนึกถึงขาและแขนขาวผ่องของจี๋อิ๋งที่โผล่พ้นออกมาให้เห็น ไม่กล้ากล่าวต่อ
ให้นางสวมเสื้อผ้าเช่นจี๋อิ๋ง ถึงแม้ข้ารับใช้ข้างกายล้วนแล้วแต่เป็นสาวใช้และป้ารับใช้
ทั้งสิ้น แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นกลางวันแสกๆ นางยังคงรู้สึกกระดากอายอยู่
เฉิงฉือแสร้งทําท่าครุ่นคิดครู่หนึ่ง กล่าวขึ้นว่า “หรือไม่ก็เอาเช่นนี้ ข้าจะสอนเจ้าว่ายนํ้าเอง
ก็แล้วกัน เพียงแต่ว่าต้องรอให้ถึงช่วงเย็นของทุกๆ วันหลังจากข้าเลิกงานแล้ว…”
“เอาไว้ก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ” โจวเสาจิ่นกล่าวอย่างลังเล “ท่านอยู่ที่ที่ว่าการทุกวันก็เหนื่อย
มากแล้ว ตอนนี้ยังต้องสอนวิชาเลขให้หวงไท่ซุนอีก ข้าได้ยินคนพูดกันว่า บทเรียนของวังบูรพานั้น
ไม่ธรรมดาเลย นอกจากอาจารย์อย่างพวกท่านแล้ว ยังมีหัวหน้าอาจารย์ผู้หนึ่ง มักจะเรียกพวก
ท่านไปสอบถามบทเรียนบ่อยๆ หากรู้สึกว่าใช้ไม่ได้ ก็เสนอฝ่าบาทให้เปลี่ยนคนได้…”
นักเรียนอย่างหวงไท่ซุนนั้นตีก็ตีไม่ได้ ด่าก็ด่าไม่ได้ ได้แต่ต้องอาศัยความตระหนักรู้ของ
ตัวเขาเองแล้ว อีกทั้งเฉิงฉือก็เป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในบรรดาอาจารย์ และเป็นคนเดียวที่มิใช่
บัณฑิตซู่จี๋ซื่อ ไม่รู้ว่าหวงไท่ซุนจะเคารพเฉิงฉือหรือไม่
“ไม่เป็นปัญหา” เฉิงฉือปรายตามองโจวเสาจิ่นอย่างรวดเร็วอีกครั้งหนึ่ง กล่าวว่า “ถ้าหาก
ยุ่งมากเกินไป พวกเราก็เปลี่ยนวันได้ เจ้าเองก็ไม่รีบร้อน พวกเราค่อยๆ เรียนกันไปได้”
จะต้องน่าสนุกมากอย่างแน่นอน
5311
โจวเสาจิ่นนึกถึงใบหน้าของอวิ้นเกอเอ๋อร์ยามว่ายนํ้าอยู่ในนํ้าแล้วหัวเราะสดใสยิ่งกว่า
แสงอาทิตย์ในฤดูร้อนนั่นขึ้นมา พลางพยักหน้าอย่างห้ามไม่อยู่ ใช้เวลาสองวันตัดชุดแขนสั้นขา
สั้นมาสองสามชุด
เฉิงฉือและโจวเสาจิ่นถือโอกาสย้ายเข้าไปอยู่ที่เรือนริมนํ้า ยังสร้างบันไดไม้ไผ่ยื่นเข้าไป
ในนํ้าข้างๆ เรือนริมนํ้าด้วย ฮูหยินผู้เฒ่ากัวรั้งอวิ้นเกอเอ๋อร์ให้อยู่ข้างกายตนด้วยเหตุผลว่าเรือน
ริมนํ้าดูไม่ปลอดภัย ทุกเย็นเฉิงฉือจะสวมเพียงกางเกงชั้นในลงนํ้าเป็นเพื่อนนาง
โจวเสาจิ่นอายจนหน้าแดงกํ่า ไม่กล้าเหลือบสายตามองไปทางเฉิงฉือ
แม้แต่ตอนอยู่ในห้อง เฉิงฉือก็ไม่เคยสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นขนาดนี้!
เมื่อลงนํ้าแล้ว ซ้ายขวาล้วนไม่มีอะไรให้จับเลย นางตกใจกลัวเป็นอย่างมาก กอดคอของ
เฉิงฉือไว้ไม่ยอมปล่อย
เฉิงฉือจึงกอดนางเล่นอยู่ในนํ้า กระทั่งเขาอุ้มโจวเสาจิ่นขึ้นฝั่ง โจวเสาจิ่นก็ขวยเขินจนผิว
กายร้อนผ่าวราวกับมีไฟถูกจุดขึ้นมาก็ไม่ปาน
วันที่สองตอนที่เฉิงฉือจะไปว่ายนํ้ากับโจวเสาจิ่นอีก โจวเสาจิ่นลังเลใจเล็กน้อยไปครู่หนึ่ง
จนกระทั่งเฉิงฉือเร่งเร้าขึ้นมา นางถึงได้ตามเฉิงฉือไปที่ทะเลสาบด้วยอาการหน้าแดง
ครั้งนี้เฉิงฉือกลับสอนโจวเสาจิ่นว่ายนํ้าอย่างเป็นจริงเป็นจัง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด โจว
เสาจิ่นกลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ได้
เฉิงฉือลอบหัวเราะ วันนี้หยอกเย้าโจวเสาจิ่นเล่น พรุ่งนี้สอนนางว่ายนํ้า เจ็ดถึงแปดวัน
ต่อมา อวิ้นเกอเอ๋อร์นั้นหากมิใช่เพราะอายุน้อย ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเท่าไรล่ะก็ ก็คงจะว่ายอยู่ในนํ้า
ประหนึ่งปลาตัวเล็กๆ ไปแล้ว โจวเสาจิ่นยังปล่อยมือไม่ได้เลย
5312
นางโมโหกระทืบเท้าไม่หยุด แต่ในใจก็รู้สึกสนุกยิ่ง จึงแสร้งทําเป็นหูหนวก ปล่อยให้เฉิง
ฉือสอนนางว่ายนํ้าต่อไป
ไม่นานก็ถึงกลางเดือนหกแล้วอย่างรวดเร็ว
โจวเจิ้นได้รับของขวัญวันเกิดที่โจวเสาจิ่นและเฉิงฉือส่งไปให้แล้วจึงส่งจดหมายตอบ
กลับมา ยังส่งเสื้อผ้าสองสามชุดที่หลี่ซื่อทําและกําไลทองคําสร้อยข้อมือทองคําที่สั่งทํามาให้อวิ้น
เกอเอ๋อร์ด้วย กู้จิ่วเนี่ยทั้งครอบครัวก็มาถึงจิงเฉิงแล้วเช่นกัน
เฉิงฉือและโจวเสาจิ่นจัดอาหารเย็นเลี้ยงต้อนรับกู้จิ่วเนี่ย
กู้จิ่วเนี่ยเองก็ไม่เกรงใจ พักอยู่ที่ประตูเฉาหยางทางด้านนี้สองสามวัน กระทั่งฉินจื่อจี๋พา
คนไปทําความสะอาดบ้านที่ช่วยเช่าให้เขาเสร็จ ซื้อตัวป้ารับใช้สําหรับทํางานหยาบมาจากพ่อค้า
คนกลางสองสามคน จัดแจงสถานที่พักอาศัยเรียบร้อยแล้ว เขาถึงได้ไปเยี่ยมเยียนหวงหลี่
ความก้าวหน้าในหน้าที่การงานนั้น ต้องดูทั้งความรู้ความสามารถและรูปร่างหน้าตา
หวงหลี่อายุน้อยกว่าเฉิงจิงห้าถึงหกปี หน้าตาภูมิฐานสง่างาม สีหน้าดุดันน่าเกรงขาม แต่
ตอนที่เห็นกู้จิ่วเนี่ย ก็เผยรอยยิ้มสนิทสนมเป็นกันเองออกมา
ทั้งสองคนพูดคุยเรื่องทั่วไปภายในบ้าน
พอรู้ว่าสถานที่ที่กู้จิ่วเนี่ยพักอาศัยอยู่นั้นเฉิงฉือเป็นคนช่วยหาให้เขา ดวงตาของเขามีแวว
พึงพอใจบางๆ วาบผ่าน กล่าวขึ้นว่า “ตอนนี้เขาอยู่กรมการตรวจตราทําผลงานได้ไม่เลวเลย
ทีเดียว พวกเจ้าเป็นคนบ้านเดียวกัน ควรจะสนิทสนมกันไว้สักหน่อยถึงจะถูก”
กู้จิ่วเนี่ยราวกับได้ปลดภาระอันหนักอึ้งออกไป
5313
เขารับราชการก็เพราะนึกถึงความอยู่รอดของตระกูล แต่เขาก็ไม่อยากสูญเสียสหายเช่น
เฉิงฉือผู้นี้ไปเพราะสาเหตุนี้
ไม่นานกู้จิ่วเนี่ยก็จัดการที่ทางแล้วเสร็จอย่างรวดเร็ว เริ่มก้าวแรกในเส้นทางราชการของ
เขา
แต่ก็เป็นเวลานี้เอง ในเมืองหลวงเกิดเรื่องไม่เล็กไม่ใหญ่ขึ้นเรื่องหนึ่ง