ยุทธเวทผลาญปีศาจ - เล่มที่ 2 บทที่ 36 ศึกราชสีห์ชิงอำนาจ (1)
เสียงระฆังดัง “เหง่งหง่าง” ไม่มีใครรู้ว่าดังมาจากที่ใด หั่วหยุนกับอิ่งซาพลันพยักหน้าให้กันเล็กน้อย
“เริ่มแล้วเริ่มแล้ว!” วัยรุ่นคนหนึ่งโน้มตัวไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้นจนลมหายใจกระเส่า “รอบแรกเป็นการปะทะกันของนักเรียนเกรด A ทั้งสองคน งานนี้ต้องสนุกแน่ๆ !”
“เฮ้ย! ฉันขอพนัน! รู้ผลแพ้ชนะภายในครึ่งชั่วโมง!” “ฉันขอพนันด้วยหินวิญญาณระดับต่ำหนึ่งก้อน! ด้วยเวลาสี่สิบนาที!” “เหอะๆ ฉันพนันว่าหลัวซานเฟิงชนะ!” “เห็นได้ชัดว่านักเรียนเกรด A ห้าตัวได้เปรียบกว่า! คิดอะไรอยู่กันแน่!” “ไอ้น้อง นายยังไม่รู้ใช่ไหมว่าเจ้าสวีหยางอี้คนนี้เพิ่งจะบรรลุตบะล้มเหลวเมื่อวาน แล้วเขายังจะได้เปรียบอยู่อีกเหรอ?”
บทสนทนาอันเร้าอารมณ์ดังขึ้นเซ็งแซ่ ขณะที่ท่ามกลางแท่นสังเวียนขนาดใหญ่ปรากฏร่างคนสองคนที่แลดูเหมือนมดสองตัว
“นี่เป็นพี่ชายฝีมือดีที่ทำการบรรลุตบะไม่ใช่เหรอ?” หลัวซานเฟิงแสยะยิ้ม “ช่างโชคไม่ดีจริงๆ… ใครจะไปรู้ว่ามีการแข่งขันชิงอันดับพรรค์นี้ แต่ว่า…”
“นายหมดวาสนากับรางวัลอันล้ำค่านี้แล้ว”
สวีหยางอี้กำหมัดขึ้นพร้อมกับกวาดมองอีกฝ่ายอย่างไร้อารมณ์ และวินาทีถัดมาร่างเขาก็หายพรึบ!
เพิ่งจะสิ้นเสียงพูดของหลัวซานเฟิง ชนิดที่คำสุดท้ายของประโยคยังติดอยู่ที่ริมฝีปาก เขาก็รู้สึกเสียวปลาบขึ้นมาทันที น้ำเสียงจากคำพูดหยั่งเชิงของทั้งสองก่อนหน้านี้สูงขึ้นจนทุกคนทั่วทั้งสนามได้ยินคำสุดท้าย!
เร็ว!
เร็วมาก!
อีกฝ่ายไม่คิดจะพูดให้เสียเวลา เพราะหลังจากหั่วหยุนกับอิ่งซาพยักหน้าให้กัน เสียง “ฟุบ” ก็ดังขึ้นทันที เหลือไว้เพียงฝุ่นควันอยู่ตรงที่เดิม ส่วนร่างคนกลับพุ่งเข้าหาหลัวซานเฟิงอย่างรวดเร็วดุจเสือร้ายหลุดจากกรง!
“เร็วมาก!” เสียงร้องตกใจดังระนาวจากที่นั่งคนดูรับหมื่น ผู้เฒ่าผมสีดอกเลาคนหนึ่งลุกพรวดจากที่นั่งในขณะที่มือถือแก้วชาอยู่ เขาจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นบนแท่นสังเวียนอย่างตกตะลึง!
“ความเร็วนี้มัน…” เด็กวัยสิบขวบในชุดแบบเด็กๆ คนหนึ่งจับราวที่นั่งไว้แน่นก่อนประคองตัวเองนั่งลง เส้นเลือดที่ปูดโปนขึ้นมาบ่งบอกถึงจิตใจอันว้าวุ่นของเขาอย่างชัดเจน
ดวงตาของฉู่เจาหนานวาวประกายขึ้นในบัดดล มือพลันก็เลื่อนไปยังปืนที่เหน็บอยู่ข้างเอวอย่างไม่รู้ตัว แต่ว่าสุดท้ายก็ไม่ได้จับมัน
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก ก่อนเลียริมฝีปากอย่างตื่นเต้น “ฉันรู้… ฉันรู้แล้วว่า… นายมันโคตรเก่ง… แม่งเก่งกว่าที่ฉันคาดเอาไว้อีก…”
“แต่ว่านายก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ฉันอยู่ดี!”
ทุกคนต่างคิดไม่ถึงว่าการประลองรอบแรกก็จะเป็นศึกระหว่างนักเรียนเกรด A ห้าตัวกับนักเรียนเกรด A สามตัวเสียแล้ว พวกเขาคิดว่าความดุเดือดคงประมาณสายอัสนีจากฟากฟ้าปะทะกับเพลิงอัคคีจากพื้นพิภพ แต่ก็นึกไม่ถึงว่าสายอัสนีจากฟากฟ้าจะรวดเร็วขนาดนี้!
เดิมทีทุกคนคิดว่าหลังจากรุ่นพี่ขั้นจู้จีประกาศเริ่มการประลองขึ้น ทั้งสองคนจะหยั่งเชิงกันสักพัก แต่นึกไม่ถึงว่าจะดุเดือดตั้งแต่เริ่มต้น ขณะที่พวกเขายังไม่ทันได้ปรับอารมณ์ สถานการณ์บนสังเวียนก็แปรเปลี่ยนไปแล้ว!
ไม่มีใครส่งเสียงขึ้น ทุกคนต่างมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างอึ้งงัน บางคนที่คิดจะท้าพนันเมื่อครู่ เมื่อเห็นความเร็วเช่นนี้แล้วก็ถึงกลับสะดุ้งโหยงขึ้นทันทีประหนึ่งถูกเข็มทิ่มก็ไม่ปาน!
ก่อนหน้านี้หลัวซานเฟิงยังคงมีท่าทางเย้ยหยัน แต่ตอนนี้ สีหน้ากลับเคร่งเครียดลงทันที!
เร็วมาก… เป็นความเร็วที่น่ากลัวจริงๆ !
นี่มันไม่ใช่ความเร็วของขั้นเลี่ยนชี่แล้ว!
เห็นเพียงเงาร่างโฉบผ่านเลือนรางเท่านั้น! นี่มันหมัดความเร็วแสงของพวกโกลด์เซนต์[1]หรือไง? เขาจะโจมตีมากจากด้านซ้าย? หรือด้านขวา? เล็งที่หน้าอก? หรือท้องน้อย?
ในห้วงแห่งความว้าวุ่นหวั่นไหว ความคิดมากมายถั่งท้นเข้ามาในห้วงสมองของเขาอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของเขาพลันเบิกกว้างถึงขีดสุดในเสี้ยววินาที!
เพียงเสี้ยววินาที เหงื่อกาฬบนหน้าผากของเขาก็ไหลลงมาดุจหยาดฝน! และอีกเสี้ยววินาทีถัดมา เขาก็กระจ่างแจ้งแล้ว!
อีกฝ่าย… เหมือนวัวตัวผู้ก็ไม่ปาน! เขาวิ่งเข้ามาปะทะตรงๆ !
เป็นการประชันพลังปราณอย่างซึ่งๆ หน้า!
“XXXแม่!” เขาตะโกนขึ้นเสียงดัง พลันยกแขนทั้งสองข้างตั้งการ์ดและย่อตัวลงพร้อมกับตะเบ็งเสียงขึ้น “ท่าที่เก้าสิบแปด… กระดองแห่งบาป!”
อณูพลังปราณสีขาวนวลรอบๆ ตัวไหลมาที่แขนทั้งสองข้างของเขาทันที และวินาทีถัดมาก็ควบแน่นกลายเป็นโล่กระดองเต่าโปร่งแสงปรากฏอยู่เบื้องหน้าราวกับภาพมายา
นักเรียนอาจได้เรียนศาสตร์วิชาในเทียนเต้าไม่มากนัก แต่ก่อนจบออกมา ด้วยพลังปราณเพียงเท่านั้น อย่างมากสุดก็ได้เรียนแค่สิบกระบวนท่าสุดท้าย และกระดองแห่งบาปก็เป็นกระบวนท่าป้องกันหนึ่งในนั้น เพียงแต่สามารถป้องกันได้แค่การโจมตีประชันหน้าโดยตรงเท่านั้น
สวีหยางอี้พุ่งเข้าจู่โจมด้านหน้าด้วยความเร็วเต็มอัตรา ในช่วงเวลานี้ จิตสังหารของเขาฟุ้งกระจายท่วมท้น สิบกว่าปีมานี้ เขาเพิ่งได้มีโอกาสทำการบรรลุตบะเป็นครั้งแรก อีกนิดเดียวแล้วแท้ๆ แต่กลับถูกคนขัดขวาง
ถึงเขาไม่ได้พูดอะไรขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ทำอะไรเลย!
กลัว?
กำลังกลัวงั้นเหรอ?
ผู้ที่แข็งแกร่งไม่เคยสนใจว่าจะเป็นที่หวาดกลัวหรือไม่! ผู้ที่แข็งแกร่งมีแต่ต้องเป็นที่น่าเกรงขาม!
ในเมื่อกลัวแล้ว… ก็จงแสดงมันออกมาให้ฉันเห็นหน่อยแล้วกัน!
หรือ… กลัวให้มันมากกว่านี้หน่อย!
ความเร็วของเขาในช่วงเวลานี้ปลดปลดปล่อยออกมาถึงขีดสุดจนกระทั่งได้ยินเสียงลม ทำให้หลัวซานเฟิงไม่มีโอกาสได้โจมตี เพราะเขารับรู้ความเร็วที่เหนือความคาดหมายของอีกฝ่ายได้ตั้งแต่เริ่มต้น ดังนั้นจึงคู้ตัวเตรียมป้องกัน!
มุมปากของสวีหยางอี้ผุดยิ้มขึ้นอย่างเยือกเย็น ไรฟันขบกันแน่น เขากำหนดแรงขับเคลื่อนมหาศาลให้รวมอยู่ที่เท้าขวา เสียง “เปรี้ยงปร้าง” เสียดแก้วหูดังกังวานไปทั่วสนาม จากนั้นเท้าข้างนั้นก็เตะออกไปพร้อมแรงลม!
เศษหินแตกกระจายลอยว่อน!
ด้วยแรงขนาดนั้น… ทำให้ตอนที่รองเท้าคอมแบทของเขาไถลไปกับพื้นกลายเป็นร่องลึกประมาณหนึ่ง!
นาทีนี้ ดวงตาของฉู่เทียนอีเบิกกว้าง เขาจ้องมองทั้งสองคนอยู่อย่างเยือกเย็น
นาทีนี้ ไม่มีผู้ฝึกตนคนใดพูดคุยกันแม้แต่คนเดียว พวกเขาต่างจับจ้องสวีหยางอี้ที่พุ่งเข้าโจมตีด้วยแรงมหาศาล และหลัวซานเฟิงที่ตั้งท่าป้องกันเต็มรูปแบบ
นาทีนี้ หั่วหยุนและอิ่งซาต่างหรี่ตาลง
ส่วน ติงเซียง ทูจิ้วและฝูหรงต่างจับมือกัน
ไม่มีใครรู้เกรดจบการศึกษาของสวีหยางอี้… มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้!
เพราะพวกเขารู้ จึงจับตาดูเป็นพิเศษ!
ลูกเตะอันปราศจากลีลากระบวนท่า การประชันกำลังโดยปราศจากชั้นเชิง สุดท้ายหอกจะเสียบทะลุโล่หรือโล่จะต้านทานหอก?
“ตู้ม!” เสียงอันสั่นคลอนหัวใจผู้คนดังกึกก้องทั่วสนาม
สายลมหยุดนิ่ง ผู้คนหยุดชะงัก
เสียงลมกรรโชกที่เหมือนกระชากใจคนจนหลุดออกเมื่อครู่หยุดคำรามลง เท้าขวาของสวีหยางอี้ปะทะเข้ากับโล่เต่าแห่งบาปของหลัวซานเฟิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คล้ายกับเวลาหยุดชะงักลงในช่วงนาที!
ผลลัพธ์เป็นอย่างไร?
ความคิดนี้ยังไม่ทันผุดขึ้นมาในห้วงงสมองทุกคน วินาทีถัดมา เสียงร้องอันน่าอนาจก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของหลัวซานเฟิงที่ลอยกระเด็นไปทางด้านหลัง!
“อ้าก!!!!!” เสียงร้องแผดแหลมดังออกจากปากคนที่กระเด็นลอยไปคนนั้น แต่เนื่องจากถูกเตะกระเด็นด้วยความเร็วสูง ทำให้เสียงร้องยังคงดังสะท้อนอยู่ในอากาศ เสียง “ปึ่ง” ดังสนั่นราวกับดาวตกพุ่งชน ตัวเขาผู้นั้นพุ่งไปกระแทกกับผนังหินของที่นั่งคนดูเข้าอย่างจัง!
“โครม!” ตรงกลางหินหยกเส้นผ่าศูนย์กลางยาวสิบเมตรยุบลงไปเหมือนถูกกระสุนปืนใหญ่ยิง รอยแตกร้าวเป็นร่างแหดุจใยแมงมุมแผ่ขยายขึ้นทั่วหินยาวสิบเมตรก้อนนี้ทันที!
“เอือก!” ใบหน้าของหลัวซานเฟิงตกตะลึง แต่ยังไม่ทันตอบสนองใดๆ เลือดที่คั่งอยู่เต็มปากก็ทะลักออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่!
ไม่เพียงแต่หินหยกที่แตกระแหงเป็นใยแมงมุม… แต่ทุกคนก็ตาลายเป็นใยแมงมุมเช่นกัน!
ทั่วทั้งสนามเงียบกริบ!
ดวงตาหั่วหยุนกับอิ่งซาวาวประกายขึ้นทันที จากนั้นหั่วหยุนก็ยกมือขึ้นพลางเอ่ย “สวีหยางอี้จากนครอวี๋หยางเป็นฝ่ายชนะ”
เงียบกริบ บรรยากาศยังคงเงียบกริบ
ดวงตาอันเร่าร้อนของติงเซียงเมื่อครู่ บัดนี้ดูเคร่งขรึมลงทันที ของฝูหรงและทูจิ้วก็เช่นกัน มิหนำซ้ำ…
ผู้ฝึกตนในขั้นเลี่ยนชี่ระดับปลายอย่างพวกเขาทั้งสามคน… ต่างลุกขึ้นยืนทั้งหมด!
ไม่ใช่แค่พวกเขาที่เงียบกริบ ยังมีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่อ้าปากค้าง ทั้งคนแก่หงำเหงือก ทั้งหญิงสาววัยละอ่อน ทั้งชายวัยกลางคนที่หยุดแกะถั่ววอลนัทในมือ ทั้งเด็กน้อยที่คาบอมยิ้มอยู่มุมปาก…
พวกเขาทุกคนต่างมองดูหินหยกก้อนใหญ่ที่ยุบลงไป และหลัวซานเฟิงที่ติดแหงกอยู่ตรงกลางในสภาพเลือดกลบปากไร้เรี่ยวแรง สายตาพวกเขาราวกับเห็นผีก็ไม่ปาน
เมื่อครู่… เกิดอะไรขึ้น?
เตะทีเดียว? แค่เตะทีเดียวงั้นเหรอ?!
อีกฝ่ายเป็นถึงนักเรียนเกรด A สามตัว คะแนนประเมินจากโรงเรียนสาขาย่อยก็สูง แต่กลับถูกเตะแค่ทีเดียวงั้นเหรอ?
พวกเขาหมายจะเฝ้ารอปรากฏที่ยิ่งใหญ่คล้ายกับดาวอังคารพุ่งชนโลก และผลที่ออกมาก็เป็นดาวอังคารพุ่งชนโลกจริงๆ แต่โลกกลับเตะกลับแค่ครั้งเดียว?
ทั้งๆ ที่ใช้กระบวนท่าป้องกันแล้ว แต่ก็แพ้ลูกเตะแค่ครั้งเดียว?
“พระเจ้า…” มือของชายวัยกลางคนในขั้นเลี่ยนชี่ระดับกลางที่ถือเครื่องดื่มม่ายตง[2]อยู่สั่นระริก “นี่มันแค่สิบวินาทีเอง… ไม่สิ… แค่ห้าวิ? เอ๊ะ หรือสามวิ? นี่มันเป็นไปได้ยังไง อีกฝ่ายเป็นถึงนักเรียนเกรด A สามตัว!”
“ลูกเตะนี้อัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาล!” อีกด้านหนึ่ง หญิงสาวในขั้นเลี่ยนชี่ระดับต้นอุทานออกมาพร้อมกับมองดูหินก้อนนั้นตาค้าง
ในห้วงสมองของเธอวิเคราะห์ประมวลผลไปแล้วหลายครอบ แต่กลับพบว่า….
ลูกเตะนี้ใช้พลังไปแค่ 50% ทำเอาเธอไปต่อไม่ถูกเลยทีเดียว!
“ความแตกต่างระหว่างเลี่ยนชี่ระดับกลางด้วยกัน… ห่างชั้นกันขนาดนี้เลยเหรอ?”
คำถามนี้ ตัวเธอเองยังไม่กล้าถามและไม่กล้าตอบ
ร่างที่นั่งตัวโก่งอยู่อย่างแน่นิ่งของฉู่เทียนอีก่อนหน้านี้หยัดตัวขึ้นทันที พลันจ้องมองสวีหยางอี้ตาเขม็ง!
จัดการนักเรียนเกรด A สามตัว… ด้วยการเตะแค่ครั้งเดียว!
ไม่นึกว่าภาพเหตุการณ์ที่กลับตาลปัตรจากที่คิดไว้จะปรากฏขึ้นสู่สายตาเขา!
ฟางถานเซิงที่อยู่ข้างๆ เขาในตอนนี้ตกอยู่ในสภาพเหมือนคนอื่น ก็คือยืนอยู่เงียบๆ สถานะของเทียนเต้าอยู่เหนือกว่าตระกูลผู้ฝึกตน ทั้งรูปแบบการสอนและทรัพยากรก็ครบถ้วนกว่ามาก ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้ฝึกตนจากหลายตระกูลต่างพากันมาร่ำเรียนที่เทียนเต้า ดังนั้นบรรดาอันดับหนึ่งจากทุกๆ นคร ล้วนเป็นสุดยอดฝีมือท่ามกลางเหล่ายอดฝีมือกันทั้งนั้น!
ทว่า… สุดยอดฝีมือกลับถูกจัดการง่ายๆ ขนาดนี้เชียวหรือ?
ทั้งระห่ำ ทั้งป่าเถื่อน ฉีกทุกกฎเกณฑ์ในบัดดล!
ฉุ่เจาหนานสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งเฮือก มือขวาพลันเลื่อนลงไปจับปืนเป็นครั้งแรก
“นายมันช่าง… คู่ควร… กับการที่ฉันต้องใช้มันจริงๆ”
“ตอนนี้ฉันอยากรู้เหลือเกินว่ากระสุนของฉันกับร่างกายของนาย อะไรจะเร็วกว่ากัน? แล้วใครแข็งแกร่งกว่ากัน?”
แต่คนที่ตื่นตะลึงที่สุดกลับไม่ใช่พวกเขาที่กล่าวมาข้างต้น
ทว่ากลับเป็นบรรดาอันดับหนึ่งทั้งสิบสองคนที่เหลือ สีหน้าของพวกเขาในตอนนี้ดูหลากอารมณ์เป็นยิ่งนัก เว้นแต่ฉู่เจาหนาน!
ข้อมูลของคนอื่นที่พวกเขาพอจะรู้ก็คือพวกเขาล้วนเป็นอันดับหนึ่ง ถึงแม้คะแนนประเมินของสวีหยางอี้จะได้เกรด A ห้าตัว แต่มาตรฐานการประเมินของแต่ละโรงเรียนอาจจะไม่เหมือนกันก็เป็นได้ ถึงต่อให้เหมือนกัน พวกเขาต้องกลัวด้วยเหรอ? ถึงอย่างไร ณ ตรงนี้ คนที่แย่ที่สุดก็ได้เกรด A ถึงสองตัว และคะแนนก็ไม่ได้หมายถึงทุกอย่างเสมอไป!
แต่ถึงกระนั้น ทุกคนต่างคิดไม่ถึงว่าหลัวซานเฟิงที่ได้เกรด A ถึงสามตัว จะแพ้ย่อยยับด้วยการโจมตีแค่ครั้งเดียวแบบนี้!
ช่างดูเหมือนการต่อสู้กันระหว่างผู้ใหญ่กับเด็กเสียไม่มี!
“นี่มัน…” วัยรุ่นหน้าตกกระคนหนึ่งอ้าปากตกตะลึงอยู่หลายรอบ ซึ่งก็คือคนที่ล้อสวีหยางอี้เมื่อวาน เขาเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ได้แต่พูดว่า “น่ะ… นี่มัน…”
“นี่มันล้อกันเล่นใช่ไหม?” วัยรุ่นหัวโล้นข้างๆ เขาพูดขึ้นอย่างกระอึกกระอัก พวกเขาพอจะประเมินศักยภาพของหลัวซานเฟิงออก คนผู้นี้จัดว่าเป็นอันดับต้นๆ ของบรรดาอันดับหนึ่งได้อย่างไร้ข้อกังขา แต่นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าจะถูกเตะกระเด็นแค่ทีเดียว!”
การต่อสู้ที่ยืดเยื้อเหมือนที่คิดไว้ก่อนหน้านี้ไม่เกิดขึ้น ทำให้ไม่รู้ศักยภาพที่แท้จริงของทั้งสองฝ่าย เพียงเพราะอีกฝ่าย…
พ่ายแพ้ด้วยการโจมตีแค่ครั้งเดียว!
“มังกรพิโรธในคราบมนุษย์งั้นเหรอ?” ผู้หญิงคนหนึ่งกำหมัดกัดฟันแน่น
ความรู้สึกตกใจถึงขีดสุด บัดนี้แผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของพวกเขา พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อภาพที่ตัวเองเห็น!
ขนาดหลัวซานเฟิงยังมีสภาพนี้… แล้วพวกเขาจะมีสภาพไหน?
——————————————————————————–
[1] โกลด์เซนต์ เป็นกลุ่มตัวละครในการ์ตูนเรื่อง เซนต์ เซย์ย่า
[2] ม่ายตง เป็นยี่ห้อเครื่องดื่มเกลือแร่ของประเทศจีน