ยุทธเวทผลาญปีศาจ - เล่มที่ 2 บทที่ 41 ศึกราชสีห์ชิงอำนาจ (6)
ลมพัดโฉบผืนพงไพรยามวิกาล เกาทัณฑ์ทหารแห่งรัตติกาลพวยพุ่ง รุ่งอรุณไล่ตามวิถีลูกธนู กลับพบเสียบปักอยู่คาหิน
“ซู่!” และในตอนนี้เอง อณูปราณอันน่ากลัวของผู้ฝึกตนระดับต้นได้ระเบิดออกมาจากกระบอกปืนของฉู่เจาหนาน!
ภายในเวลาสองวินาที ริ้วสายของอณูลมปราณนับพันนับหมื่นสายลอยไปจับตัวรวมกันด้านหน้ากระบอกปืนอย่างรวดเร็ว และควบแน่นกลายเป็นลูกธนูขนาดใหญ่หนึ่งลูก!
ยังไม่ทันมีใครตอบสนอง ลูกธนูดอกนั้นก็พุ่งเสียดอากาศแผดเสียงแหลมโจมตีเข้าใส่สวีหยางอี้!
เพียงชั่วพริบตา ศิลาหินอีกยี่สิบแท่นจากที่เหลืออยู่เก้าสิบแท่นก็พังทลายลงทันที!
พังทลายภายในชั่ววินาที! และไร้ซึ่งรอยแตกร้าวปรากฏขึ้นก่อนแม้แต่น้อย! บ่งบอกถึงแรงระเบิดพลังปราณของฉู่เจาหนานที่เหนือกว่าผู้ชนะยี่สิบคนจากรุ่นก่อนๆ!
“ย้าก!” เสียงคำรามตะเบ็งออกมาจากกลางทรวงของสวีหยางอี้ เศษหินรอบตัวระเบิดกระจายออกมาเป็นวงกว้างราวกับคลื่นพลังไร้รูปทรง!
“วรยุทธ์กระบวนท่าที่เก้าสิบ… สังเวยชีพ!”
“เขา… จะเข้าปะทะกับพลังนี้งั้นเหรอ?” ดวงตาของผู้ฝึกตนขั้นเลี่ยนชี่ระดับต้นคนหนึ่งเปล่งประกาย “เขาคิดว่าจะรับไหวเหรอ?”
“ก็ไม่แน่” เพื่อนที่อยู่ข้างๆ มองไปยังสังเวียนตาเขม็ง “กระบวนท่าสังเวยชีพจะปลุกพลังที่ซ้อนเร้นอยู่ในตัวเองออกมา และจะลืมความเจ็บ ปวดไปชั่วขณะ แต่ก็เผาผลาญพลังไปมากเช่นกัน เพียงหนึ่งห้วงลมหายใจก็สามารถสูบทะเลลมปราณของผู้ฝึกทั่วไปได้จนแห้งเหือด แต่กระบวนท่านี้ยังมีประโยชน์อีกอย่างที่แอบซ่อนอยู่”
“กระบวนท่าสังเวยชีพสามารถเพิ่มพลังให้กับกระบวนท่าอื่นๆ ในวิชาวรยุทธ์ร้อยกระบวนท่า นี่เป็นหนึ่งในสิบกระบวนท่าสุดท้ายที่สามารถใช้ได้เป็นเวลานาน…” หั่วหยุนที่มองดูสถานการณ์อยู่ ภาพทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนสังเวียนฉายอยู่บนกำแพงพลังปราณรอบด้านอย่างชัดเจน เขาพูดขึ้นเหมือนกำลังคิดบางอย่างอยู่ “นายน่าจะไม่ใช่พวกมุทะลุ ทำให้ฉันเห็นหน่อย… นายจะทำอะไรกันแน่…”
เงามัวของลูกธนูยาวสามเมตรพวยพุ่งเสียดอากาศแหวกลมเคล้าเสียงแผดแหลมลงสู่พื้นด้านล่าง!
“พรึบๆๆ!” ชายเสื้อลายพรางของสวีหยางอี้โบกสะบัด สีหน้าไร้ความหวาดหวั่น มีเพียงความหนักแน่นนิ่งสงบอื่นสิ่งอื่นใดเปรียบ!
“กระบวนท่าที่เก้าสิบเจ็ด… กระดองแห่งบาป!”
“แขวก!” ชุดลายพรางตามเรือนร่างของเขาขาดกระจุย เศษผ้ากระจายว่อน เผยให้เห็นหมัดกล้ามเนื้อกำยำล่ำสัน เส้นเลือดขดเคี้ยวรวมกันเป็นรูปกิเลนตรงแผงอก
“ตู้ม!” วินาทีต่อมา ลูกธนูขนาดใหญ่ก็พุ่งโจมตีลงพื้นด้านล่าง คลื่นพลังที่เกิดจากแรงกระทบพุ่งพวยจากพื้นสังเวียนจนมองเห็น!
ฝุ่นควันสีเหลืองดินลอยโขมง ผู้ฝึกเซียนระดับต้นมากมายต่างพากันหน้าถอดสี!
นี่คือพลังทำลายของพลังยุทธเวท!
นี่คือพลังทำลายของผู้ฝึกตนที่แท้จริง!
รอยแตกแยกเป็นร่องลึกหลายเมตรแผ่ขยายคล้ายใยแมงมุมไปทั่วภาคพื้น ไม่นึกว่าพลังโจมตีเพียงครั้งเดียวจะสร้างความเสียหายได้รุนแรงเช่นนี้!
“โครม…” ตอนนี้ ศิลาหินเหล่านั้นได้พังทลายหายไปในที่สุด
ฝุ่นควันลอยฟุ้งตลบ อนุภาคแสงจากพลังปราณสีขาวนับไม่ถ้วนที่ลอยอยู่ในอากาศค่อยๆ สลายหายไป ภาพที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ผู้ฝึกเซียนมากมายที่เพิ่งเริ่มต้นฝึกตนจดจำได้ขึ้นใจ
“เป็นอย่างไรบ้าง?” หลัวซานเฟิงมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตึงเครียด เขานึกไม่ถึงว่าการโจมตีของฉู่เจาหนานจะน่ากลัวปานนี้ หากเป็นเขาคงรับไม่ไหวเป็นแน่
แล้วเจ้าคนที่โค่นตัวเขาได้ล่ะ?
จะรับได้ไหม?
สายตานับไม่ถ้วนล้วนจับจ้องไปตรงกลางสังเวียน หลังจากฝุ่นควันเลือนหาย ทันใดนั้น พวกเขาก็มองเห็นสวีหยางอี้ยังคงยืนยกแขนสองข้างตั้งการ์ดป้องกันการโจมตีนี้อยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม!
สภาพตั้งแต่หัวจรดเท้าของเขายับเยิน ร่างกายท่อนบนที่ปล่อยเปลือยมีรอยบาดแผลลึกเห็นกระดูกเต็มไปหมด!
เลือดสดทั่วทั้งร่างไหลลงตามร่างหาย เนินอกเต้นกระเพื่อมอย่างรุนแรง แต่ถึง กระนั้น…
เขาก็ยังคงยืนอยู่!
ไม่ล้ม!
“แค่นี้เองเหรอ?” สวีหยางอี้ปรับลมหายใจพลางลดแขนทั้งสองข้างลง เขาสำลักเลือดออกมา ก่อนจะใช้มือปาดมันออก ดวงตาจ้องมองไปยังฉู่เจาหนาน “แค่นี้เองเหรอ?”
“ให้ตายเถอะ!” เกาเย่อุทานขึ้น เมื่อเขาลดแขนทั้งสองข้างลงก็เห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน ไม่สิ ทุกคนต่างเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน บาดแผลตามร่างกายของสวีหยางอี้ดูสาหัสจนน่าตกใจ แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้อยู่ตรงจุดอันตราย!
จุดอันตรายไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่จุดเดียว!
เขาต้านทานการโจมตีนี้ไว้!
มือทั้งสองข้างของเกาเย่กำหมัดแน่น ดวงตาถลึงกว้าง เขาแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าการกระบวนท่าสังเวยชีพที่ประสานกับเต่าแห่งบาปเหมือนกับตัวเอง เขาผู้นั้นจะต้านทานไว้ได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ตัวเขาเองกลับสามารถต้านทานการโจมตีธรรมดาที่ไม่ได้ใช้พลังยุทธเวทของฉู่เจาหนานไม่ได้!
“นี่มัน เป็นไปไม่ได้!” ฉู่เจาหนานสีหน้าถอดสีขึ้นเป็นครั้งแรก เขามองสวีหยางอี้อย่างตกใจ อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บแล้ว ถึงไม่หนักแต่ก็ไม่เบาเหมือนกัน!
ทว่า… การโจมตีนี้ ฉู่เจาหนานได้ระเบิดพลังที่สามารถฆ่าชีวิตอีกฝ่ายได้ออกมา!
“แบบนี้ นายโค่นฉันไม่ได้หรอก” สวีหยางอี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก แม้กระดูกทุกท่อนจะเจ็บปวดอย่างรุนแรง แต่เลือดทุกหยดและเซลล์ทุกอณูกลับเต้นผล่าน!
นั่นเป็นพลังที่ตัวเขาตั้งหน้าตั้งตารอมานานแสนนาน
นั่นเป็นคู่ต่อสู้ระดับพระกาฬที่ปลุกเร้าหัวใจลูกผู้ชาย!
หัวใจกำลังเต้นโครมอยู่ในทรวงอก เลือดทุกหยดกำลังพุ่งพล่านอยู่ในหลอดเลือด เซลล์ทุกอณูกำลังกระหายการต่อสู้ในระดับเดียวกัน!
“ฟู่…” สวีหยางอี้พ่นลมหายใจลงพื้น จากนั้นก็กำหมัดชูกลางอากาศ ใบหน้าที่อาบโชนไปด้วยเลือดผุดรอยยิ้มขึ้นมา “เข้าคนแซ่ฉู่ ถึงตาฉันแล้ว”
รูม่านตาฉู่เจาหนานหดลงฉับพลัน นาทีนี้ เขารู้สึกเหมือนสวีหยางอี้เมื่อครู่ไม่มีผิด รู้สึกถึงพลังคุกคามราวกับเข็มจำนวนมหาศาลกำลังทิ่มแทงเข้ากระดูก!
เขาตีลังกากลับหลังอย่างแทบไม่ต้องคิด พร้อมกับเปล่งเสียงตะโกน “เมฆาทะยาน!”
เขาชกฝ่ามือร่ายมนตร์ ปืนที่มีเพียงหนึ่งกระบอกก่อนหน้าแบ่งตัวกลายเป็นสองกระบอกทันที จากนั้นก็เล็งยิงลงไปข้างล่างอย่างเต็มแรง
“ตู้ม!” เศษหินกระจุยกระจาย ดูเหมือนแรงถีบ[1]ของปืนที่เกิดขึ้นทำให้เขากระเด็นไปด้านหลังทันที!
แต่ยังไม่ทันรอให้เขาล้มลงไป มวลพลังปราณอันบ้าคลั่งรุนแรงดั่งราชันย์มังกรคลั่งก็พุ่งเข้ามาด้านหน้าเขาแล้ว!
เร็วมาก!
เขายังคิดไม่ทันตก สะบักไหล่ก็รู้สึกเหมือนถูกค้อนยักษ์ทุบใส่อย่างจัง เลือดสดกระอักออกมาจากปากอย่างกลั้นไม่อยู่!
ไม่ทันให้เขาตอบสนอง หมัดก็พุ่งตรงเข้ามาที่ท้อง กำลังของหมัดนี้ทำเขากระเด็นลอยไปหลายเมตร ทิ้งไว้เพียงเลือดกระเซ็นลอยอยู่กลางอากาศ!
วินาทีถัดมา ไหล่ขวา แขนซ้าย ขาขวาของเขา… ก็ถูกเจ้าค้อนยักษ์ในคราบมนุษย์โจมตีใส่ร่างกายเขาอย่างระรัว ชนิดที่ไม่เว้นช่วงให้เขาได้หยุดคิด!
“นี่มัน…” นาทีนี้ ติงเซียง ฝูหรง ทูจิ้วลุกพรวดขึ้นพร้อมกัน ไม่ใช่แต่เฉพาะพวกเขา เพราะคนที่คุ้นเคยกับวรยุทย์ร้อยกระบวนท่าทั้งหลายต่างมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตะลึงงัน
เงาร่างวิบไหวอันยากจะมองทันแฉลบผ่านร่างฉู่เจาหนานไปมา โดยที่ฉู่เจาหนานแทบขยับไม่ได้เหมือนถูกตรึงไว้ให้อยู่กับที่!
“นี่ นี่มันเป็น ไปได้อย่างไรกัน!” เกาเย่ หลัวซานเฟิง และอันดับหนึ่งคนอื่นๆ ต่างส่งเสียงตกใจสุดขีดออกมา สาเหตุไม่ใช่อื่นใด เพียงเพราะพวกเขาคุ้นเคยกับกระบวนท่านี้เป็นอย่างดี ซ้ำยังเห็นครูฝึกสาธิตให้ดูมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ตัวพวกเขากลับใช้มันไม่ได้!
เงาพริบตา กระบวนท่าที่แปดสิบเก้า!
“ใช่แล้ว… ใช่แล้ว…” หลังจากนั้นไม่กี่วินาที หลัวซานเฟิงก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “พวกเราสามารถเรียนรู้ได้ทุกกระบวนท่า ลำพังคนที่ใช้กระบวนท่าที่เก้าสิบอย่างสังเวยชีพได้ก็หายากแล้ว แล้วคนอย่างเขาคนนั้น จะไม่สามารถใช้กระบวนท่าที่แปดสิบได้อย่างไร?”
“ฟุบ…” ในที่สุด ร่างของสวีหยางอี้ก็เผยออกมาในเวลาเดียวกับที่ฉู่เจาหนานสำลักเลือด ในช่วงที่เขาหยุดเคลื่อนไหวลง ร่างที่ซวนเซของฉู่เจาหนานก็กลับมายืนอย่างมั่นคง
ทั่วทั้งสนามเงียบกริบ
เนินอกของฉู่เจาหนานกระเพื่อมขึ้นลงยวบๆ ราวกับกระบอกสูบลม เขาในตอนนี้มีสภาพสาหัสกว่าสวีหยางอี้ยิ่งนัก ดวงตาที่แดงก่ำไปด้วยเลือดมองเห็นทุกอย่างอย่างชัดเจน ความกระหายต่อสู้อันบ้าคลั่งระเบิดขึ้นในใจอย่างกลั้นไม่อยู่!
ด้านหลังฉู่เจาหนาน.มีหลุมอยู่หลุมหนึ่ง
หลุมลึกครึ่งเมตร เหมือนกับถูกมังกรคลั่งในคราบมนุษย์พุ่งเข้าใส่ด้วยพลังที่เกินต้านทาน ทำเอาเขานึกหวาดหวั่นถึงแรงโจมตีอันน่าสะพรึงกลัวของสวีหยางอี้ที่พุ่งเข้ามาในตอนนั้น
“แข็งแกร่งมาก… ฉันประเมินเขาต่ำไป…” เขากัดฟันกรอด หยาดเลือดไหลตามมือลงสู่กระบอกปืน แสงสีฟ้าบนปืนสดใสขึ้น ทว่าสีหน้าของเขากับซีดเผือดกว่าเดิม
“แครก… แครก…” ณ ช่วงเวลานี้ เสียงแตกร้าวดังชัดลอยเข้ามากระทบโสตทุกคน สีหน้าทุกคนพลันตกใจขึ้นทันที
ใช่ว่าทุกคนไม่เคยได้ยินเสียงแตกร้าว ทว่าครั้งนี้… กลับดังชัดเจนเป็นพิเศษ!
“นั่นมันของหลี่เฟิง!” สายตาอันปราดเปรียวของอิ่งซามองไปยังศิลาหินแท่นหนึ่งอย่างไม่อยากเชื่อ เสียง “แกรบ” ดังขึ้น ที่รองแขนบนบัลลังก์อันหรูหราแตกละเอียดในพริบตา
“หลี่เฟิง?!” หั่วหยุนที่ได้ยินเช่นนั้นแทบจะลุกพรวดทันที ทว่าเขาบังคับตัวเองไว้ได้ และได้แต่มองดูอย่างไม่อยากเชื่อเช่นกัน
ศิลาหินของ “หลี่เฟิง” แท่นนั้นมีรอยแตกร้าวปกคลุมไปทั่ว และในเวลาเดียวกับที่ทั้งสองตกตะลึง อณูแสงสีขาวเรืองละออก็สลายหายไปในอากาศ
ไม่ใช่แค่ศิลาหินแท่นนี้… คราวนี้ ศิลาหินทั้งสามสิบสองต่างสั่นคลอนขึ้นพร้อมกัน! ประหนึ่งเทือกเขาสูงทั้งสามสิบสองแห่งเคลื่อนตัวสั่นไหว! เสียงแตกร้าวดังขึ้นชัดเจนทั่วทั้งสนาม!
“อึก… อัก…” ลูกกระเดือกกระเพื่อมขึ้นลง อิ่งซาลุกขึ้นยืนเป็นครั้งแรก เขาเอื้อมมือข้างหนึ่งออกไปคว้าอณูแสงพลังปราณที่ลอยผ่านตัวเองไป สีหน้าหลากอารมณ์ของเขาได้แต่มองลอดผ่านอณูแสงพลังปราณลอยสะพรั่งกลางอากาศไปยังสวีหยางอี้ที่เลือดอาบโชนไปทั่วตัว
“หลี่เฟิง ผู้ชนะในการประลองสี่มณฑลทางตอนใต้ของนายปีที่แล้ว…” หั่วหยุนอดนึกหวาดหวั่นขึ้นมาไม่ได้ “ลูกศิษย์ของกู่ซ่งเจินเหริน… ผู้อำนวยการเทียนเต้า สาขาเจียงจู… นี่มัน…”
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของอิ่งซากระตุกขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงแหบสลด “จางหลานชุน… ผู้ชนะจากสามมณฑลทางตอนเหนือ… ขั้นจู้จีระดับปลาย… รองผู้บัญชาการ ‘นักล่าปีศาจ’ ของ CSIB…”
รายชื่อคุ้นหูของแต่ละคนที่เขารู้จักสลายกลายเป็นอณูแสงพลังปราณผ่านหน้าเขาไป
พวกเขาต่างนึกไม่ถึงว่าประลองของมณฑลหนานทง ณ ที่แห่งนี้จะมีคนทำลายศิลาหินมากมายรวดเดียวได้ขนาดนี้!
“…” ตอนนี้ เสียงแตกร้าวก็หยุดลงไปเรียบร้อยแล้ว ทว่าอยู่ๆ เสียงเบาแผ่วแต่ดังไปทั่วสนามเสียงหนึ่งก็ลอยมาอีกระลอก
นาทีที่เสียงนี้ดังลอยมา ผู้เฒ่าคนหนึ่งได้เงยหน้าขึ้นไปมาศิลาหินแท่นที่สูงที่สุดก้อนนั้น “นี่ นี่ นี่มัน หรือว่า…”
“เป็นไปไม่ได้!” ผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังโบกพัดกระดาษอยู่ในมือหยุดชะงัก พร้อมกับมองตามไปด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
“หื้ม…” หั่วหยุนกับอิ่งซาต่างรู้สึกเหมือนบรรยากาศรอบๆ หนาวเย็นหนาวลงฉับพลัน และวินาทีต่อมา ก็ร้อนระอุขึ้น พวกเขามองไปยังต้นเสียง
สายตาของเซียงติง ฝูหรง ทูจิ้ว ฉู่เทียนอีและทุกคนต่างมองไป ณ ที่เดียวกัน!
ศิลาหินไร้นาม!
ศิลาหินไร้นามแท่นที่สูงที่สุด ศิลาหินที่สร้างขึ้นเพื่อเมี่ยรื่อโดยเฉพาะ… กำลังสั่นคลอน!
แม้ไม่มีรอยแตกร้าวใดๆ และยังคงเลื่อมใสมันวาวดุจกระจก แต่ว่า…
มันสั่นคลอนถึงสามครั้ง
สั่นคลอนจนเห็นได้ชัดถึงสามครั้ง!
——————————————————————————–
[1] แรงถีบ หรือแรงรีคอยล์ คือแรงปฏิกิริยาส่วนกลับที่เกิดขึ้นเมื่อหัวกระสุนเคลื่อนไปข้างหน้า แรงปฏิกิริยานี้จะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขนาดของกระสุนและน้ำหนักของปืน