ยุทธเวทผลาญปีศาจ - เล่มที่ 2 บทที่ 47 ผู้ใดได้ไปครอง (4)
ท่ามกลางกำแพงพลังปราณ ดวงตาของสวีหยางอี้ก็เปล่งประกายขึ้นมา เขาค่อยๆ เงยหน้าอย่างเคร่งขรึม
ในที่สุด เขาก็เจอสิ่งที่เขาต้องการเสียที
ท่ามกลางสิ่งล่อลวงอันสวยหรูประหนึ่งกลีบบุหงานานาชนิดโปรยปราย เขาเดินผ่านมันมาโดยไม่มีกลีบบุหงาชนิดใดติดตัวมาสักกลีบ
ตลอดเวลาที่เขาฝึกตนบำเพ็ญเพียรด้วยตัวเองมาสิบกว่าปี เขาไม่เคยสนเรื่องชื่อเสียง เงินทอง และเกียรติยศแม้แต่น้อย
และแล้วการเดินทางตามหาเบาะแสของสิ่งที่เขาต้องการก็หยุดลงเบื้องหน้าข้อเสนอที่แสนธรรมดา
“สหายฝู่หรงสามารถทำตามคำมั่นสัญญาในฐานะของอวี้หลินเว่ยได้ใช่ไหม?” ขณะบรรยากาศในสนามกำลังคุกรุ่น น้ำเสียงเรียบนิ่งของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้น เป็นเสียงดังแผ่วที่เค้นออกมาจากพลังปราณอันน้อยนิด ต้องเงี่ยหูฟังดีๆ ถึงจะได้ยิน
แต่ว่า ขณะที่เสียงนี้ดังขึ้น ทุกตระกูลต่างหุบปากลงทันที ไม่เพียงแต่เท่านี้ เพราะแม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นจู้จีก็ปิดปากเงียบสนิทลงเช่นกัน
เพราะนี่เป็นเสียงของสวีหยางอี้!
เขาในตอนนี้ ถูกห่ากระสุนพิศวงนั่นโจมตีจนสะบักสะบอม แต่ถึงกระนั้นก็ยังกักตุนพลังปราณสำรองไว้สักน้อย
หลังจากฝู่หรงตะโกนขึ้น หัวใจของเธอก็จมดิ่งลงไปที่ก้นเหว
อวี้หลินเว่ยเป็นองค์กรพิเศษองค์กรหนึ่ง พูดง่ายๆ ก็คือเป็นภาคีขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง สำหรับผู้ฝึกตนแล้ว เวลาคือสิ่งมีค่าเสียยิ่งกว่าเงินทอง ระยะเวลาหนึ่งร้อยปี ฟังดูเหมือนยืดยาว แต่ในความเป็นจริง สำหรับผู้ฝึกตนที่หมกมุ่นอยู่กับการฝึกตน เวลาเพียงเท่านี้ถือว่าไม่ยาวนานเลย ดังนั้น เมื่อพวกเขาต้องการหินวิญญาณ พวกเขาจะทำอย่างไร?
ถึงตอนนี้ พวกเขาสามารถไปประกาศขอทำภารกิจกับทางอวี้หลินเว่ยได้ และทางอวี้หลินเว่ยที่เป็นตัวกลางจะหักค่าคอมมิชชั่นจากภารกิจเป็นจำนวนเงินหนึ่งในห้า ซึ่งเมื่อเทียบสถานะของอวี้หลินเว่ยกับทางตู้มหาสมบัติที่มีช่องทางทำธุรกิจครอบคลุม หรือเทียบกับองค์กร CSIB ที่สนิทสนมกับรัฐบาลแห่งหวาซย่าแล้ว องค์กรอวี้หลินเว่ยนับว่ายากจนที่สุด!
การที่ฝู่หรงตะโกนขึ้นมาพล่อยๆ เธอไม่คิดว่าสวีหยางอี้จะตอบรับด้วยซ้ำ! เพราะเธอรู้ดีว่าข้อเสนอที่เธอเสนอไม่มีข้อได้เปรียบเท่าไร!
แต่ว่านึกไม่ถึงเลยว่าวินาทีถัดมา เธอจะได้ยินเสียงแตรสวรรค์เช่นนี้!
“นี่มัน…” ผู้นำตระกูลใหญ่คนหนึ่งตกใจจนตาถลน เขาแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยินเมื่อครู่
“ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม?” เขาหันไปถามผู้ช่วยที่อยู่ข้างๆ
“ไม่ครับ…” ผู้ช่วยเม้มปาก แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ จริงอยู่ที่องค์กรอวี้หลินเว่ยเป็นองค์กรขนาดใหญ่ แต่ข้อเสนอของพวกเขาก็ไม่ได้ดีที่สุด! แล้วทำไมสวีหยางอี้ถึงไม่เอ่ยพูดกับจู๋เยว่ ไม่ถาม CSIB ไม่คุยกับตู้มหาสมบัติ ทำไมต้องมาคุยกับอวี้หลินเว่ย?
“เจ้านี่มันบ้าหรือสมองไม่ปกติกันแน่!” เมื่อผู้นำตระกูลได้รับคำยืนยัน ก็ชกเข้าไปที่แผ่นหินข้างล่างอย่างเจ็บใจ “ข้อเสนอของตระกูลหลูของพวกเรามีค่าน้อยกว่าอวี้หลินเว่ยงั้นเหรอ?! การที่องค์กรของพวกมันยื่นข้อเสนอเช่นนี้ขึ้น เกรงว่าคงถึงขีดจำกัดแล้ว! ยาโอสถที่ตระกูลเฉินเสนอ ยันต์อาคมที่ตระกูลหวางเสนอ สิ่งของล้ำค่าที่ตระกูลอื่นๆ งัดออกมาล้วนแต่กินกันไม่ลง! นี่สมองเขามีปัญหารึไง? !”
“ในเวลาแบบนี้ ของดีๆ กองอยู่ตรงหน้าทั้งที แต่ไม่เลือกสิ่งที่ดีที่สุด ทว่ากลับเลือกของอวี้หลินเว่ย!” ผู้เฒ่าผมขาวโพลนทั่วหัวคนหนึ่งถือไม้เท้ากระทุ้งพื้นดัง “ตึ่งๆ” ด้วยดวงตาวาวประกาย
สำหรับหลายๆ ตระกูลแล้ว การพ่ายแพ้ให้แก่ข้อเสนออันเหนือจินตนาการของทาง CSIB หรือตู้มหาสมบัติ นับเป็นเรื่องที่พวกเขายอมรับได้ แต่หากจะต้องพ่ายแพ้ให้เป็นอวี้หลินเว่ยที่เทียบกับสององค์กรข้างต้นไม่ติด อีกทั้งข้อเสนอยังพอๆ กับกับตระกูลใหญ่ๆ แต่กลับทำให้สวีหยางอี้เอ่ยปากพูดขึ้นได้ นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่!
“จริงอยู่ที่องค์กรอวี้หลินเว่ยมีคนให้สวีหยางอี้เลือกมากมายกายกอง! แต่เรื่องค่าเซ็นสัญญาล่ะ! เรื่องทรัพยากรภายในองค์กรล่ะ? ไหนจะคำมั่นสัญญาในอนาคตอีก!” ผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งโบกพัดอย่างเอาเป็นเอาตาย เธอพูดขึ้นอย่างโมโห “ทางอวี้หลินเว่ยจะรับปากไหวเหรอ!”
“ไม่นึกว่าสหายสวีจะเอ่ยปากพูดกับทางอวี้หลินเว่ย!”
ฝู่หรงได้แต่ยืนอึ้ง
วินาทีถัดมา เธอใช้พลังปราณที่เหลืออยู่ตะเบ็งเสียงตะโกนขึ้น “ฉันรับปากว่าทำได้! ฉันรับประกันว่าทำได้! ตอนนี้ท่านประธานถางฟู่แห่งองค์กรอวี้หลินเว่ยกำลังเดินทางมาที่นี่พร้อมกับรุ่นพี่ขั้นจู้จีระดับกลาง! ในส่วนค่าเซ็นสัญญา ท่านประธานถางฟู่ให้คำมั่นสัญญาว่าสามารถเจรจาได้! ทางอวี้หลินเว่ยอาจมีของวิเศษล้ำค่าไม่มาก และก็มีหินวิญญาณที่เก็บตุนไว้อยู่ไม่น้อย ซึ่งจำนวนหินวิญญาณที่เรามีนั้น เพียงพอต่อการฝึกตนของสหายสวีหลังจากนี้อย่างแน่นอน ไหนจะมีค่ายกลหลอมปราณระดับสูงอีก นอกจากนั้น องค์กรอวี้หลินเว่ยยังมีปรมาจารย์ด้านการหลอมอาวุธประจำการอยู่หนึ่งท่านด้วย!”
“สหายสวี!” น้ำเสียงของเธอสั่นเครือจากความตื่นเต้น เธอก้าวเท้าไปด้านหน้าหนึ่งก้าวอย่างลุ้นระทึก “ขอแค่สหายสวีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับองค์กรเรา ทุกอย่างสามารถพูดคุยกันได้!”
นับเป็นเรื่องเธอนึกไม่ถึงเลยจริงๆ !
เป็นครั้งแรกที่สวีหยางอี้ส่งเสียงพูด ไม่นึกว่าจะพูดกับทางอวี้หลินเว่ย!
เมื่อลาภอันหอมหวานอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว ฝู่หรงจึงยื่นข้อเสนอต่อไปออกมาอย่างไม่ตรึกตรอง! และนี่ก็เป็นขีดจำกัดของทางอวี้หลินเว่ยแล้ว!
ถึงแม้ตระกูลอื่นๆ อาจไม่พอใจ แต่ขณะที่องค์กรระดับแนวหน้าของโลกผู้ฝึกตนเอ่ยปากพูดอยู่นั้น พวกเขาต่างไม่กล้าพูดแทรก ตอนนี้ สายตาทุกคนต่างจ้องมองเข้าไปในกำแพงพลังปราณอย่างจดจ่อรอลุ้นกับคำตอบของสวีหยางอี้
สวีหยางอี้นิ่งเงียบลง ขณะที่เขานิ่งเงียบอยู่นั้น ทูจิ้วแทบจะขว้างโทรศัพท์ลงพื้น!
สาขาย่อยของเมืองเฟิงอี้ยากจนขนาดนี้เชียวเหรอ!
ไม่มีเงินปรับปรุงเครื่องส่งสัญญาณหน่อยรึไง!
ในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ ทูจิ้วคิดอยากโทรถามสาขาย่อยถึงงานอดิเรกหรือความสนใจของสวีหยางอี้ แต่กลับติดต่อไม่ได้เสียอย่างนั้น!
รอต่อไปไม่ได้แล้ว… ทูจิ้วสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือกก่อนเอ่ยขึ้นเสียงดังฟังชัด “สหายสวี! นายไม่ลองไตร่ตรองดูสักนิด ทางตู้มหาสมบัติมีทุกอย่าง ทั้งของล้ำค่าหายา ทั้งหินวิญญาณ ต่างก็มีครบครัน! สิ่งที่อวี้หลินเว่ยให้นาย ทางตู้มหาสมบัติของพวกเราก็สามารถให้ได้เช่นกัน! อีกทั้งยังให้เพิ่มได้อีกเท่าตัว!”
แต่การที่องค์กรขาดจินตันเจินเหริน ถือเป็นความเจ็บปวดของทางตู้มหาสมบัติไปตลอดกาล!
อัจฉริยะที่เป็นรองเพียงเมี่ยรื่อ คัมภีร์วิชาเวทระดับจินตัน ทั้งสองล้วนเป็นสิ่งที่ทางตู้มหาสมบัติไม่มี! เมื่อทั้งสองรวมกัน ผลลัพธ์ก็เท่ากับความเป็นไปได้ที่จะบังเกิดจินตันเจินเหริน!
จะให้ยอมแพ้ไปงั้นเหรอ?
ทูจิ้วอย่างเขาไม่มีทางหรอก!
เขาไม่มีเวลาสอบถามข้อมูลกับสาขาย่อยแล้ว… ตอนนี้มีเท่าไหร่ใส่ไปเท่านั้นเลยแล้วกัน!
“ถ้านายตอบตกลง…” เขากัดฟันเปิดฝานาฬิกาข้อมือของตัวเองขึ้นมา “ฉันจะส่งสัญญาณไปหาสาขาย่อยทันที และนายจะได้คุยกับผู้อำนวยการสาขาโดยตรง! ไม่ว่านายอยากได้อะไรก็ได้ทั้งนั้น!”
“สหายสวี… นายต้องรู้ว่าทำไมเทียนเต้าตามหาศัตรูที่นายตามหาไม่เจอ” ทู้จิ้วเอ่ยขึ้นเสียงขรึม แต่ภายในกำแพงพลังปราณกลับไร้ซึ่งสัญญาณตอบกลับ
บรรยากาศเงียบลงอีกสักพัก จนหลายเป็นหลายวินาที ในที่สุดเสียงของสวีหยางอี้ก็ดังขึ้น “ผมรอฟังอยู่”
ทูจิ้วได้ซีนแล้ว!
ดวงตาของเขาเป็นประกายทันที ที่แท้… เขาก็ติดอยู่ตรงนี่เอง!
ถึงแม้เจ้าหน้าที่พิเศษของสามองค์กรใหญ่จะมีระดับตบะไม่สูงมาก แต่พวกเขามีข้อมูลที่เกิดขึ้นในโลกมากมายอยู่ในกำมือ! เพียงแค่แวบเดียว ทูจิ้วก็รับรู้ได้ในทันทีว่าทำไมอวี้หลินเว่ยที่ไม่มีข้อได้เปรียบอะไรถึงได้รับความสนใจจากสวีหยางอี้ เพียงเพราะอวี้หลินเว่ยมีข้อมูลที่พวกเขาตู้มหาสมบัติไม่มี!
ซึ่งก็คือการตามหาศัตรูตัวฉกาจที่สังหารพ่อแม่ของสวีหยางอี้
“เพราะถูกจำกัดสิทธิ์การเข้าถึง!” เขาพูดออกมาอย่างไม่ลังเล “สหายสวี นายต้องรู้ว่าหากไม่ใช่ระดับหัวกะทิในระดับจินตันก็ไม่มีทางเข้าถึงข้อมูลพวกนี้… จริงอยู่ที่ในลิสต์หมายนำจับปีศาจของประเทศหวาซย่าจะมีปีศาจระดับ A เป็นระดับสูงสุด… แต่ในความเป็นจริง นอกจากหมายนำจับปีศาจระดับ A แล้ว สูงขึ้นไปอีกยังมีหมายนำจับปีศาจระดับ S ! แม้กระทั่งดับเบิล S ! หรือทริปเบิล S ก็ยังมี!”
“มีเรื่องพรรค์ด้วยรึ?!” “หมายนำจับระดับ S … จูหงเสวี่ยในหมายนำจับปีศาจระดับ A มีตบะสูงถึงขั้นจู้จีระดับสมบูรณ์เชียวนะ หรือว่าระดับ S จะมีระดับสูงถึงขั้นจินตันเลย?!” “แล้วระดับดับเบิล S ก็เป็นจินตันระดับกลาง แล้วทริปเบิล S ก็คือระดับปลายงั้นเหรอ?!”
บรรยากาศในตอนนี้เกิดฮือฮาขึ้นมาทันที ทุกคนในประเทศหวาซย่าต่างรู้จักปีศาจใจลิสต์รายชื่อ “ปีศาจตัวฉกาจ” หนึ่งร้อยตัวที่บ้าระห่ำที่สุด แข็งแกร่งที่สุด และสามารถฆ่าล้างบางมวลมนุษย์ได้!
ลิสต์รายชื่อปีศาจลำดับที่เก้า จูหงเสวี่ยแห่งเมืองเฟิงอี้ จำนวนคนที่ฆ่าเริ่มต้นที่ห้าแสนคนในบริเวณสี่เมือง ทั้งๆ ที่มีการจัดสร้างวัดราชาจิ้งจอกที่มณฑณเหอกู่เพื่อสักการะให้แล้ว แต่ความดุร้ายก็ยังไม่ลดลง มีชื่อเสียงจากเหตุการณ์หิมะหมื่นลี้ย้อมโลหิต จูหงเสวี่ยเกิดขึ้นในยุคสมัยของจักรพรรดิเต้ากวง รายละเอียดไม่แน่ชัด รังอาศัยในปัจจุบันอยู่ที่ห้างข่ายเต๋อที่อยู่ตรงข้ามเทียนเต้าสาขาย่อยของเมืองเฟิงอี้ ระดับตบะอยู่ในขั้นจู้จีระดับสมบูรณ์
ลิสต์รายชื่อปีศาจลำดับที่สิบ ตี๋ทิง[1]เมืองโมวตู จำนวนคนที่ฆ่าเริ่มต้นที่สามแสนคน เกิดในช่วงยุคสมัยเฉียนหลง รายละเอียดไม่แน่ชัด รังอาศัยปัจจุบันอยู่ที่ตำหนักตี๋ทิงใต้แม่น้ำหวงผู่ในเมืองโมวตู ระดับตบะ… จู้จีระดับสมบูรณ์
ลิสต์รายชื่อปีศาจลำดับที่สิบสาม อีมู่อู่[2] จังหวัดจิงตู จำนวนคนที่ฆ่าเริ่มต้นที่สามแสนคน ปีที่เกิดและรังอาศัยไม่ระบุแน่ชัด คอยรับใช้ให้กับตระกูลหมิงที่เป็นตระกูลฝึกตนด้วยวิถีปีศาจ
รายชื่อปีศาจที่ได้ยินจนคุ้นหูสามารถเป่าผู้ฝึกตนขั้นเลี่ยนชี่จนกลายเป็นเถ้าธุลีได้เลยทีเดียว แค่ได้ยินชื่อ ไม่ว่าใครก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาแล้ว ต่อให้เป็นหั่วหยุนก็ตาม
ปีศาจพวกนี้… เป็นปีศาจร้ายที่หลบซ่อนจากสังคมมวลมนุษยชาติ! พวกมันเป็นปีศาจบรรพกาลที่พลังใกล้เคียงกับผู้ฝึกตนขั้นจินตัน!
แต่ไม่นึกว่าเหนือพวกมันขึ้นไปยังมีปีศาจระดับ S อีก!
สวีหยางอี้ที่นั่งสมาธิหลับตาอยู่ด้านในกำแพงพลังปราณถึงกับหนังตากระตุกขึ้นทันที
เนิ่นนานหลายปี… ในที่สุดก็พบเจอเบาะแสอันนิดน้อยสักที!
แต่ว่าต่อให้หาปีศาจระดับ S เจอ… แล้ว จะทำอะไรได้
ถึงแม้ตัวเขาในตอนนี้จะมีความสามารถโดดเด่นที่สุด แต่ก็ยังอ่อนแอเกินไป
หัวใจที่เต้นระทึกอย่างรุนแรงถูกเขาสะกดไว้ ตอนนี้เขาถึงได้รู้ว่าเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายเขาอุ่นผ่าวยิ่งนัก
“ผมขอดูรายชื่อปีศาจระดับ S ได้ไหม?” สวีหยางอี้เม้นปากแน่นก่อนเอ่ยถามเสียงขรึม
“เขาให้ดูไม่ได้หรอก!” ในตอนนี้ เสียงแหลมๆ ของติงเซียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เพราะข้อมูลพวกนี้อยู่ภายใต้องค์กร CSIB ของพวกเรา! ฉันสามารถรายงานเรื่องนี้ไปยังเบื้องบนได้เลยทันที! สหายสวี เชื่อฉันเถอะ CSIB คือทางเลือกที่ดีที่สุดของนายแล้ว! เรื่องเงื่อนไขต่างๆ พวกเราพูดคุยกันได้! นายควรจะรู้ไว้ว่าสิทธิ์ในการจัดทำลิสต์รายชื่อปีศาจแต่ละครั้งเป็นสิทธิ์ของพวกเรา CSIB นะ!”
“สหายสวี ไม่นานนายก็จะย่างเท้าเข้าสู่สังคมแล้ว แล้วนายก็จะรู้ทันทีว่าองค์กร CSIB ของพวกเรามีอำนาจมากแค่ไหนในโลกของผู้ฝึกตน ติงเซียงคนนี้ของรับประกันตรงนี้เลยว่า ถ้านายเข้าร่วมกับ CSIB ของพวกเราตอนนี้ อีกสิบนาทีนายจะได้เห็นรายชื่อหมายนำจับปีศาจระดับ S ทันที!”
“แต่ว่า!” บรรยากาศดำเนินมาจนถึงจุดระเบิดแล้ว ติงเซียงยังพูดไม่ทันจบ ฝู่หรงก็ตะโกนขึ้นเสียงดัง “สหายสวี แต่นายต้องรู้ก่อนนะว่า CSIB ได้ข้อมูลพวกนั้นมาจากไหน? ทั้งหมดล้วนได้มาจากผลงานของพวกเราอวี้หลินเว่ยทั้งนั้น!”
“CSIB ทำงานกับพวกเรา และพวกเราก็เป็นคนจ่ายค่าตอบแทนให้นักล่าปีศาจ ซึ่งพวกเราถือว่าเป็นองค์กรที่คอยขับเคลื่อนให้กับเหล่านักล่าปีศาจ ในแต่ละเดือนพวกเราจะได้รับข้อมูลใหม่ๆ ของพวกปีศาจอยู่เรื่อยๆ ทุกท่านที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ต่างรู้ดีว่าหลักสูตรการสอนของ CSIB กับเทียนเต้าล้วนมีประสิทธิภาพ แต่ร่างปีศาจที่นำมาเป็นตัวอย่างทดลองพวกนั้น ล้วนได้มาจากพวกเราอวี้หลินเว่ยที่ต้องเสี่ยงชีวิตล่ามันมากับมือ!”
“ฝู่หรง!” เจ็บใจเป็นยิ่งนัก ติงเซียงนึกไม่ถึงว่าฝู่หรงจะพูดข้อมูลลับที่ร่วมมือกันออกมาแบบนี้ แม้ไม่ค่อยสำคัญ แต่ก็ทำเอาเลือดขึ้นหน้าได้ดีทีเดียว!
ติงเซียงมองจ้องหน้าอีกฝ่ายอย่างโมโห “แล้วมันยังไงกัน! ครั้งที่แล้ว พวกเรา CSIB ก็เป็นฝ่ายให้เงินสนับสนุนวิจัยสายพันธุ์ใหม่ครั้งนั้นไปไม่ใช่เหรอ! จำนวนเงินเป็นสิบๆ ล้านเลยนะ!”
“ฉันแค่พูดความจริงเท่านั้น! ในองค์กรใหญ่ มีองค์กรไหนบ้างไม่รู้เรื่องปีศาจระดับ S ในเมื่อทูจิ้วปริปากพูดเรื่องนี้ออกมาแล้ว งั้นฉันก็จะพูดให้ชัดเจนเลยแล้วกัน! ปีศาจที่สหายสวีต้องการตามหา มีเพียงพวกอวี้หลินเว่ยเท่านั้นที่สามารถตามเจอเป็นกลุ่มแรก แต่เดี๋ยวเธอก็คงจะบอกว่า ‘พวกเรา CSIB สามารถใช้ดาวเทียมระบุตำแหน่งได้’ หึ! อย่ามาล้อเล่น! พวกเธอมีแค่ดาวเทียมต้าฉีเซเว่นแค่ดวงเดียว พวกเธอยอมจะใช้งานดาวเทียมที่โคจรสำรวจต่อเนื่องเป็นเวลาสิบปีเพียงเพื่อสหายสวีคนเดียวขนาดนั้นเลยเหรอ?!”
“อีกอย่างดาวเทียมดวงอื่นก็หาปีศาจไม่เจอด้วย” ทูจิ้วพูดเสริมขึ้น ณ เวลานี้ดวงตาของเขากับฝู่หรงเป็นประกายขึ้นมาทันที พวกเขาทั้งสองต่างรู้กัน เพียงชั่วพริบตาแผนการก็บังเกิดขึ้น ในเมื่ออำนาจการจัดทำลิสต์รายชื่อปีศาจเป็นของ CSIB ถ้างั้นพวกเขาทั้งสองต้องร่วมมือกันจัดการคนที่เป็นอำนาจสูงสุดไปให้พ้นทางเสียก่อน!
——————————————————————————– [1] ตี๋ทิง Diting เป็นสัตว์ในตำนานของพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์ เป็นสัตว์ที่สามารถรับรู้ข้อมูลได้ทั้งจักรวาล หูของมันเปรียบเมหือนคลื่นวิทยุที่สามารถแยกแยะความดีความเลวได้ ลักษณะของมันมีหัวเป็นเสือ ลำตัวเป็นมังกร หางเป็นสิงโต เขาเป็นยูนิคอร์น หูเหมือนสุนัข เท้าเป็นนกคีรีน
[2] อีมู่อู่ Yi Mu Wu คือกลุ่มปีศาจห้าตัวที่อยู่กันเป็นกลุ่มก้อน ไม่แยกออกจาก มีเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่มีดวงตาดวงใหญ่หนึ่งดวง ที่เหลืออีกสี่ตัวจำเป็นต้องมองผ่านดวงตาของปีศาจตัวนั้น พวกมันใช้จมูกตามหากลิ่นมนุษย์ที่หลับใหล เมื่อเจอเป้าหมาย พวกมันจะสูดดูดกลิ่มมนุษย์คนนั้นทีละตัว มนุษย์ที่ถูกสูดดมจะค่อยๆ เจ็บป่วยลงเรื่อยๆ และตายลงในที่สุด