ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 104
ไม่ถึง 15 นาที หนิงหานเป๋ยก็มาถึงสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า จิวโมไป๋ยืนรออยู่หน้าประตูไม่ปล่อยให้เนี่ยฟูหานเจอชายหลังประตูก่อน แต่เมื่อหนิงหานเป๋ยเห็นชายหัวล้านเขาก็ตกใจ พลางถอยไปด้านหลังหลายก้าว จิวโมไป๋ไม่ปล่อยให้บานปลายเขาอธิบายทุกอย่างให้ หนิงหานเป๋ยฟัง โดยละเว้นเรื่องเกี่ยวกับเซียวหนานจิ้น เขาไม่อยากให้ใครรู้
หนิงหานเป๋ยเงียบไปครู่หนึ่ง เขาไม่ได้เป็นคนโง่ พอได้ฟังเขาก็เข้าใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่พอเห็นเด็กเล็กสิบกว่าคนในห้องที่กำลังกินขนมกันอย่างมีความสุข ใจของเขาก็อ่อนลง
ชายหัวล้านและลูกน้องที่ยืนฟังอยู่ก้มหัวลงด้วยความอับอาย เพราะพวกเขาผิดจริงๆ ที่รับทำงานโดยไม่สนวิธีการ ก่อนจะพูดขอโทษหนิงหานเป๋ย
“พวกเราขอโทษจริงๆ”
เพราะพื้นเพจิตใจของหนิงหานเป๋ยเป็นคนจิตใจดีอยู่แล้ว เขาพยักหน้าให้อภัยอย่างง่ายดาย จิวโมไป๋ที่ยืนดูอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นห่วงในความใจอ่อนของอีกฝ่าย
แต่เพราะมีเรื่องด่วนกว่าให้ทำ เขาปล่อยเรื่องนิสัยของหนิงหานเป๋ยลง แล้วอธิบายเหตุการณ์ที่พวกชายหัวล้านได้เจอแบบคร่าวๆให้หนิงหายเป๋ยฟัง
“ที่ผมเรียกพี่หนิงมาที่นี่เพราะอยากให้พี่หนิงช่วย…”จิวโมไป๋ชะงักเล็กน้อยเพราะยังไม่มีข่าวเหตุการณ์วิญญาณออกมา การที่เขาพูดออกไปมันคงไม่ดีเขาจึงเปลี่ยนคำอธิบายเล็กน้อย
“พี่หนิงช่วยผมไล่ผีได้ไหมครับ ไม่ต้องกลัวนะครับผีที่ผมจะให้ช่วย ไม่เป็นอันตราย…”
“คุณจิวรู้ได้ไงครับ ว่าผมไล่ผีได้”ยังไม่ทันที่จิวโมไป๋พูดจบ หนิงหานเป๋ยก็พูดขึ้นด้วยท่าทางตกใจ
จิวโมไป๋ชะงักเล็กน้อย
หนิงหานเป๋ยเกาหัวก้มหน้าท่าทางเขินอายปนเศร้า เขาพูดเสียงเบา
“พ่อผมเป็น เอ่อ…เขาเป็นหมอผี ทำให้ผมมีความรู้เรืองภูทผีติดตัวมาบ้าง ไม่คิดเลยว่าคุณจิวจะรู้ว่าผมไล่ผีได้”
จิวโมไป๋เหมือนเข้าใจบางอย่าง เขาไม่แปลกใจว่ามีหมอผีในโลก เพราะหมอผีก็เหมือนผู้ฝึกวิทยุธ ที่สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ หมอผีฝึกฝนแตกต่างจากนักเวทย์ของทวีปตะวันตก จอมเวทย์จะบ่มเพาะพลัง แต่หมอผีจะเน้นเรื่องวิญญาณ ทำให้เมื่อถึงยุครุ่งอรุณ พลังธรรมชาติค่อยๆหนาแน่นขึ้น หมอผีส่วนมากจะบ่มเพาะพลังวิญญาณในเส้นทางปรมาจารย์
เมื่อได้ยินที่หนิงหานเป๋ยพูด เขาก็เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายไม่บ่มเพาะพลัง จนอ่อนแอแบบนี้ ในอนาคตเส้นทางปรมาจารย์เปิดออก หนิงหายเป๋ยจึงแข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด เพราะรากฐานการบ่มเพาะวิญญาณของเขาแข็งแกร่งอยู่แล้ว
แต่ก็ไม่น่าจะแข็งแกร่งถึงขนาดทำข้อตกลงวิญญาณได้ถึง 3 ตน
จิวโมไป๋เหม่อเล็กน้อยเมื่อใช้ความคิด ทำให้หนิงหานเป๋ยรู้สึกอึดอัด เขากลัวจิวโมไป๋ไม่เชื่อจึงรีบพูดอย่างรวดเร็ว
“คุณอาจไม่เชื่อ แต่เพราะผมเกิดมาพร้อมดวงตาหยิน-หยาง ทำให้สามารถมองเห็นวิญญาณ และพลังลี้ลับได้”หนิงหานเป๋ยหยุดพูดเล็กน้อยก่อนชี้มือไปทางร่างของคนสามคนที่นั่งอย่างอ่อนแรง นัยน์ตาของเขาแวววาววูบหนึ่งก่อนพูดว่า”ทั้ง 3 คนเป็นคนที่ถูกผีทำร้ายใช่ไหม พลังของพวกเขาลดลงไปครึ่งหนึ่ง ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต รากวิญญาณก็ไม่เสียหาย ผีที่ทำลายพวกเขาต้องไม่ใช่วิญญาณร้าย”
ชายหัวล้านที่ยืนฟังตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่แปลกใจอะไร เพราะท่าทางของทั้งสาม ซีดขาวไร้เรี่ยวแรงขนาดนั้นเป็นใครก็มองออก
แต่จิวโมไป๋ตกใจจริงๆ เพราะสิ่งที่หนิงหานเป๋ยพูดมานั้นถูกต้อง แต่เกี่ยวกับรากวิญญาณ เขาไม่รู้เพราะจิตสัมผัสของเขายังอ่อนแอตรวจสอบรากวิญญาณไม่ได้ แต่เขาเคยอ่านบันทึกมา วิญญาณหลังประตูไม่ทำร้ายรากวิญญาณของคนที่มันทำร้าย มันแค่ดูดพลังเท่านั้น
ดวงตาหยิน-หยาง จากที่เขาเคยได้ยินเป็นหนึ่งใน ดวงตาที่แข็งแกร่งที่สุด และลึกลับที่สุด ข้อมูลรายละเอียดเขาไม่ได้ศึกษามากนัก แต่ที่เขารู้ก็คือ ผู้มีดวงตาหยิน-หยาง ในขั้นลมปราณจะอ่อนแออย่างมาก มีพลังสะกดวิญญาณ และเห็นพลังงานลึกลับได้ง่ายกว่า ดวงตาธรรมดาเล็กน้อย ไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่เมื่อเข้าสู่ระดับเทพยุทธ์จะก่อเกิด เต๋าหยิน-หยาง อันทรงพลังขึ้นมาทันที
ความแข็งแกร่งของผู้ครอบครองดวงตาหยิน-หยางจะถูกยกระดับครั้งใหญ่อีกครั้ง
จิวโมไป๋อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
“ฮ่าๆ พี่หนิงผมเชื่อที่พี่พูด ตอนนี่ก็ดึกแล้วพวกเรารีบจัดการเถอะ เด็กๆจะได้นอน”จิวโมไป๋พูดก่อนจะหันไปพูดกับชายหัวล้าน
“รอที่นี่ก่อนอย่าออกไปไหนคนเดียว”
ชายหัวล้านพยักหน้า
หนิงหานเป๋ย สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ท่าทางของเขากลายเป็นจริงจังขึ้นมา เขาเดินตามจิวโมไปไปอย่างรวดเร็ว
เดินผ่านโค้งข้างหน้า มีห้องหลายห้องสองฝั่งทางเดินเป็นห้องนอนเด็ก ตอนนี้ทุกห้องเปิดประตูเปิดไปสว่างโร่ จิวโมไป๋เลือกห้องที่อยู่ด้านในสุด เป็นห้องสันทนาการขนาดใหญ่ เขากดปิดไฟด้านในห้องแล้วปิดประตูห้อง ก่อนจะปิดไฟทางเดิน และหันหลังให้ประตู หนิงหานเป๋ยเหมือนรู้อยู่แล้วเขาหันหลังตามทันที
เหลือเพียงแสงไฟส่องออกมาจากห้องอื่น ที่เปิดประตูทิ้งไว้เท่านั้น
บรรยากาศค่อยๆเงียบลงอย่างช้าๆ จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบในห้องอย่างเต็มที่ ไม่พลาดเหมือนตอนที่เข้ามา ไม่นานเขาก็สัมผัสพลังวิญญาณที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นด้านหลังประตู ในเวลาเดียวกันหนิงหานเป๋ยก็ขยับมือสะกิดแขนจิวโมไป๋เบาๆ
จิวโมไป๋พยักหน้าตอบรับ บรรยากาศค่อยๆหนักขึ้นเรื่อยๆ
แต่ในตอนนั้นเองกำไลข้อมมือของจิวโมไป๋ก็สั่นเบาๆ
จิวโมไป๋ชะงักเล็กน้อยก่อนก้มมองกำไลข้อมือ เขาเงยหน้ามาก้มหัวข้อโทษหนิงหานเป๋ย ก่อนจะเดินออกมาเล็กน้อย เพื่อกดรับสาย
“น้องเล็กแย่แล้ว น้องสามแอบไปลงแข่งต่อสู้ใต้ดินที่โคลอสเซียมเทียนหลง“
“อะไรนะ! พี่สามลงสมัครต่อสู้ไปแล้วหรือยัง”เสียงของจิวโมไปสั่นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเขาพูดออกมา
เสียงปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะ พูดอีกครั้ง”ลงสมัครไปแล้ว”
“ไปรอผมที่โคลอสเซียมเทียนหลง ผมจะรีบตามไป”
“ได้”
จิวโมไป๋กดวางสาย ก่อนหันมาทางหนิงหานเป๋ยแววตาของเขาซับซ้อนเล็กน้อยก่อนที่เขาจะพูด
“พี่หนิงผมต้องรีบไปทำธุระสำคัญ พี่ไปบอกให้คนข้างในให้พาเด็กๆไปนอนโรงแรมก่อน พรุ่งนี้พวกเรากลับมาใหม่”
หนิงหานเป๋ยเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้น”คุณจิว ไม่ต้องกังวล ผมช่วยพอปราบผีมาหลายครั้ง และหลายครั้งที่ผมต้องไล่ผีด้วยตัวเอง ผีร้ายผมก็เคยปราบมาแล้ว ผีตนนี้ไม่ใช้ผีร้ายไม่ทำอันตรายผมได้หลอก”
จิวโมไป๋ลังเลครู่หนึ่งก่อนหยิบยาเพิ่มพลังออกมา 2 ขวดยื่นให้หนิงหานเป๋ย”นี่ยาเพิ่มพลัง ถ้าพี่หนิงพลาดก็รีบดื่มมัน และผีตนนี้พี่ห้ามพูดกับมันเด็ดขาด ห่วงของมันคือรูปถ่ายของภรรยาของเขา พี่หนิงควรหาที่ห้องจัดเลี้ยง รูปถ่ายอยู่ที่หลังรูปภาพวาดสีน้ำมัน รูปดอกกุหลาบสีแดง16ดอก ในอาณาเขตวิญญาณ หลังประตูทุกบาน ห้องด้านในจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ พี่หนิงไม่จำเป็นต้องเข้าไปในห้อง เมื่อเปิดแล้ว ถ้าไม่ใช้ห้องจัดเลี้ยงปิดแล้วเปิดใหม่ห้องจะเปลี่ยนไปเอง ไม่ต้องเสียเวลาเข้าไป”
หนิงหานเป๋ยรับยาเพิ่มพลังมา อย่างงุนงง
จิวโมไป๋พยักหน้าเบาๆก่อนจะวิ่งออกไปทันที เขาไม่สามารถเสียเวลาได้