ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 106
ปกติแล้วสามารถพนันผ่านกำไลข้อมือได้ เมื่อลงทะเบียนเข้ามาในโคลอสเซียมเทียนหลง ส่วนพนันมีไว้เพื่อจับกลุ่มพูดคุยเกี่ยวกับการพนัน
จิวโมไป๋เดินเข้ามาในส่วนพนันเขามองหาที่นั่งที่ว่างอยู่มุมหนึ่ง ก่อนจะนำคนอื่นเข้าไป เมื่อหาที่นั่งได้แล้วจิวโมไป๋ก็ผลักกล่องใบหนึ่งให้อูเหวิน
“พี่สามนี่คือธนูเขียวขจีที่ฉันได้มานานแล้ว เอาไปลองใช้ดู”จิวโมไป๋พูดเสียงดังเล็กน้อยให้คนอื่นพอได้ยิน หวังเสี่ยวเปาและเฉินหูได้ฟังแผนตั้งแต่เข้ามาที่นี่ เฉินหูก็รีบพูดเสียงดังพอๆกัน
“โชคร้ายอาวุธที่นายถนัดเสียหาย ไม่อย่างนั้น…”
หวังเสี่ยวเปาตบไหล่อูเหวินเบาๆ”ไม่เป็นไร นายฝึกธนูมาตั้งนาน อย่างน้อยก็ใช้มันต่อสู้ได้ พวกเราสามพี่น้องไม่มีทางทิ้งนายแน่น้องสาม”
อูเหวินแม้จะงุนงงแต่เขาไม่ได้โง่ เขาเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายบอก
“ขอบคุณทั้งสามคนมากที่ยอมเสี่ยงเขาร่วมการต่อสู้เพื่อฉัน”เสียงของอูเหวินค่อยๆเบาลงอย่างรู้สึกผิดจริงๆ ไม่ได้แกล้ง
“ฮ่าๆ ไม่ต้องเสียใจไปน้องสาม แค่ต่อสู้กับสัตว์ป่าอ่อนแอไม่กี่ตัว”เฉินหูหัวเราะเสียงดังราวคนโง่
คนนอกที่ฟังพวกเขาคุยกัน ก็หัวเราะเยาะดูถูกในใจ
“แค่เด็กโง่ไร้ประสบการณ์ 4 คน มาทิ้งชีวิตแท้ๆ”
“ใกล้ประลองแล้วแท้ๆยังมานั่งเอ้อระเหยอยู่ที่นี่อีก คงไม่รู้สินะว่าต้องเอาชีวิตรอดจากสัตว์ป่าระดับการบ่มเพาะพลังเท่ากับตัวเอง”
“พวกเขาคงไม่ได้ศึกษาการต่อสู้ของลานประลองใต้ดินโคลอสเซียมเทียนหลง”
“ฉันพนันว่าจบการต่อสู้ภายใน 3 นาที”
“ฉันว่า 2 นาที”
“…”
การพูดคุยเกี่่ยวกับทั้งสามดังต่อไปเรื่อยๆ อัตราการส่วนการพนันยิ่งเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
เสียชีวิตทั้งหมดใน 1 นาที 1 ต่อ 1
เสียชีวิตทั้งหมดใน 3 นาที 1 ต่อ 0.7
เสียชีวิตทั้งหมดใน 5 นาที 1 ต่อ 0.4
…
รอดชีวิต 2 คน 1 ต่อ 10
…
รอดชีวิตทุกคน 1 ต่อ 76
รอดชีวิตทุกคนและเอาชนะสัตว์ป่าทั้งหมด 1 ต่อ 129
ติ๊ดๆ
เสียงสัญญาณแจ้งเตือนดังขึ้น
“เหลือเวลาอีก 30 นาที พวกเราไปที่ห้องเตียมตัวได้แล้ว”จิวโมไป๋พูดจบก็เดินนำไปก่อน
“เฮ้อน่าเบื่อจริงๆ แค่สู้กับสัตว์ป่าอ่อนแอทำไมพวกเราต้องเสียเวลารอด้วย”เฉินหูพูดเสียงดังน้ำเสียงไม่พอใจ
“ไปเร็ว รีบสู้แล้วรีบกลับ”หวังเสี่ยวเปาพูดก่อนจะเดินแซงเฉินหูไป
อูเหวินเดินตามหลังเงียบๆ พวกเขาเดินไปตามส่วนต่างๆของการประลอง แต่ไม่แม้แต่เฉียดไปที่สนามต่อสู้ มันยิ่งทำให้คนที่จับตาดูอยู่ดูถูกพวกเขามากกว่าเดิม อัตราส่วนเดิมพันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกระทั้งพวกเขาเข้าไปในห้องเตรียมตัวต่อสู้ จิวโมไป๋ก็ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบห้อง เมื่อไม่พบกล้องแอบถ่ายหรืออุปกรณ์ดักฟัง เขาก็ถอนหายใจออกมา
บรรยากาศในห้องก็ผ่อนคลายลง
อูเหวินที่เงียบมาตลอดก็ทรุดตัวก้มหัวลง
“พี่ใหญ่ พี่รอง น้องเล็ก ฉันขอโทษที่ทำให้ทุกคนเดือดร้อน”อูเหวินพูดขอโทษด้วยน้ำเสียงสั่นเทา แววตาแดงกล่ำ ในใจเขารู้สึกผิดอย่างมาก เขารู้ดีการต่อสู้ที่นี่มันเสี่ยงขนาดไหน แต่ทั้งสามก็ยังมาช่วยเขา ทั้งๆที่รู้ว่ามันเสี่ยงอันตรายอย่างมาก
“น้องสามลุกขึ้นมา”หวังเสี่ยวเปาประคองอูเหวินลุกขึ้น
“พี่สามพวกเรารู้ว่าที่นายเข้าประลอง เพราะต้องการเงินไปช่วยบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าที่นายเคยอยู่ พวกเราไม่โทษนายเรื่องนั้น”จิวโมไป๋พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง”แต่ที่พวกเราโกรธก็คือ นายทำอะไรโดยไม่ปรึกษาพวกเราก่อน”
อูเหวินก้มหน้ารู้สึกผิด
จิวโมไป๋ถอนหายใจเฮือกใหญ่ นิสัยเก็บทุกอย่างไว้คนเดียวของพี่สาม ยังไงก็แก้ไม่หายจริงๆ
เวลาผ่านไปครู่หนึ่งจิวโมไป๋ก็ตบไหล่อูเหวินเบาๆ”พี่สามถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกพวกเราก่อน อย่างน้อยพวกเราก็ได้รับรู้ปัญหาของนาย ไม่ใช่แบกทุกอย่างไว้บนบ่าของนายคนเดียว แม้พวกเราไม่อาจช่วยนายแก้ปัญหาได้ แต่อย่างน้อยพวกเราก็รับฟังปัญหาของนายได้”
“ขอบคุณน้องเล็ก”อูเหวินกล่าวขอบคุณอย่างตื้นตันใจ
“เหลือเวลาอีกไม่มากแล้วเรามาวางแผนกันก่อน”หวังเสี่ยวเปาที่ตอนนี้เปิดกล่องหยิบทวนเหล็กดำออกมาถือ
“ไม่ต้องคิดให้ปวดหัว ฟังน้องเล็กก็พอแล้ว”เฉินหูเล่นถุงมือแห่งพลังของเขาอย่างเฉยชา ไม่ได้เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น
อูเหวินเห็นดังนั้นเขาก็เปิดกล่องของตัวเองเขาก็พบธนูสีเขียว และกระบอกใส่ลูกธนู 100 ดอก เขาหยิบธนูเขียวขจีออกมาง้าง นัยน์ตาของเขาพลันเปล่งประกาย
“ธนูดี!”อูเหวินอดไม่ได้ที่จะร้องชื่นชม เขาฝึกยิงธนูมาตั้งแต่เด็กแม้บ้านเด็กกำพร้าของเขาจะยากจน แต่โชคดีที่ป้าผู้อํานวยการ เป็นครูสอนยิงธนูมาก่อน ทำให้มีอุปกรณ์ยิ่งธนูที่บ้านเด็กกำพร้า ด้วยพรสวรรค์การยิ่งธนูของเขา ทำให้เขาได้รับการฝึกยิ่งธนูจากป้าผู้อํานวยการโดยตรง
ไม่แปลกที่ฝีมือการยิ่งธนูของเขาจะแข็งแกร่งมาก
เห็นว่าทุกคนพร้อมแล้วจิวโมไป๋ก็อธิบายแผนการต่อสู้
“แผนไม่มีอะไรมาก เราแสดงความอ่อนแอไปแล้ว ผู้จัดงานประมูลจะต้องเตรียมสัตว์ป่าที่ระดับเดียวกับเราเอาไว้ แต่พวกมันจะอ่อนแอกว่าปกติ เพื่อเพิ่มเวลาการรอดชีวิตให้กับเรา มันเป็นโอกาสให้เราเอาชนะได้มากขึ้น”ทั้งสามฟังดังนั้นก็สบตากันเล็กน้อยก่อนจะฟังต่อ
“เมื่อเริ่มประลองพวกเราต้องหามุมปิด ที่แคบที่สุด ฉันและพี่รองจะเป็นคนปะทะสัตว์ป่าเอง พี่ใหญ่อยู่ตรงกลาง พี่สามอยู่หลังสุดคอยยิงธนูสนับสนัน”เมื่อพูดถึงตรงนี้จิวโมไป๋ก็หยิบขวดโอศถออกมา ใบหน้าของเขาฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมา
“ถ้าจวนตัวจริงๆ…”
…
อีก 11 นาทีก่อนต่อสู้
รอดชีวิตทุกคนและเอาชนะสัตว์ป่าทั้งหมด 1 ต่อ 140
“จุๆดูถูกกันเกินไปแล้ว”เฉินหูพูดอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นอัตราเดิมพัน
“รีบลงเงินเร็วเข้า อีก 1 นาทีจะปิดรับเดิมพันแล้ว”จิวโมไป๋พูดเตือนก่อนจะใส่เงินลงไป 1,000,000,000ล้านเครดิสโดยไม่มีใครเห็น
หึหึ เหลืออีกแค่ 10 นาที ถึงจะรู้ตัวก็เปลี่ยนสัตว์ป่าก็ไม่ทันแล้ว
แม้เงินจำนวนนี้จะไม่สามารถทำให้ตระกูลเซียวสั่นคอนได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้ตระกูลเซียวเสียเลือดเนื้อชิ้นใหญ่ก็พอ…
…
“หัวหน้ามีคนลงเงินเดิมพันว่าทีมนี้รอดชีวิตทุกคนและเอาชนะสัตว์ป่าทั้งหมด 1.015พันล้านเครดิต”ในห้องที่มีหน้าจอนับไม่ถ้วนชายคนหนึ่งพูดบอกหัวหน้าตนเองเสียงดัง
หัวหน้ามองหน้าจอพลางหัวเราะเบาๆเขาไม่สนใจเหลือบดูเลยแม้แต่น้อย
“หึ คงเป็นลูกหลานโง่ๆของตระกูลชั้นกลางและล่าง หลายคนรวมตัวกันลงเดิมพันด้วยกัน หวังชนะเงินเดิมพันก้อนใหญ่ ไม่ต้องสนใจ”
“แต่…หัวหน้า”พนักงานคนนั้นพยายามจะบอกว่ามีคนเดิมพันคนเดียว 1 พันล้านเครดิต แต่เขาก็ต้องเงียบปากลงเพราะหัวหน้าส่งสายตาไม่พอใจมาให้ตนเอง
เฮ้อ…หวังว่าจะไม่เกิดอะไรขึ้นหรอกนะ
…
บนลานต่อสู้ที่จำลองซากประหลักหักพัง มีพื้นที่กว่า 500 ตารางเมตร นอกลานประลองเป็นที่นั่งนับหมื่น ที่นังไม่หนาแน่นแต่ก็มีคนดูมากกว่าครึ่ง
บนลานประลอง จิวโมไป๋ที่ถือพลองผ่านฟ้าบนมือ เขาใช้จิตสัมผัสหาพื้นที่ต่อสู้เขาก็พบพื้นที่ช่องแคบที่เกิดจารการทับถมของตัวอาคาร เหมาะสำหรับการยืน 2 คน และมีช่องว่างพอให้หวังเสี่ยวเปาใช้หอกสนับสนุน
เขาส่งสัญญาณบอกทั้ง 3 คน
เพียงครู่เดียวกรงขนาดกลาง 4 กรงก็ขึ้นมาจากช่องทางด้านล่างภายในกรงทั้ง 4 มี หมาป่า 2 ตัว เสือ 1 ตัว และกระทิง 1 ตัว ระดับการบ่มเพาะพลังของพวกมันคือ ขั้นกล้ามเนื้อต้น 1 ขั้นกล้ามเนื้อกลาง 2 และ ขั้นกล้ามเนื้อปลาย 1
พูดได้ว่าระดับการบ่มเพาะพลังของจิวโมไป๋น้อยที่สุด ตามมาด้วยหวังเสี่ยวเปาและเฉินหูที่อยู่ขั้นกล้ามเนื้อกลาง และคนที่ระดับการบ่มเพาะสูงที่สุดคืออูเหวินขั้นกล้ามเนื้อปลาย
ไม่มีพิธีอะไร ทันทีที่กรงเปิดออก สัตว์ป่าทั้ง 4 ก็ขู่คำรามเสียงดังสนั่น พุ่งเข้าใส่พวกเขาทั้ง 4 ทันที
จิวโมไป๋เห็นกระทิงขั้นกล้ามเนื้อปลาย แล้วขมวดคิ้ว ถ้าพวกเขาตั้งรับมันโดยตรง พวกเขเาป็นอันตรายแน่ แต่เขาต้องวิ่งไปตามแผนเพื่อไม่ให้แผนเสียหาย
เมื่อถึงช่องแคบที่เกิดจากสิ่งก่อสร้าง อูเหวินที่เร็วที่สุดเขากระโดดขึ้นไปใช้ธนูยิงใส่หมาป่าทั้ง 2 ที่กำลังตามหลังพวกเขามา ลูกธนูแหลมคมปักใสร่างของหมาป่าอย่างแม่นยำ พวกมันชะงักร่างลงก่อนจะกรีดร้องคำรามเสียงดัง นัยน์ตาสัตว์ป่าแดงกล่ำแฝงความบ้าคลั่ง พวกมันก็กระโดดเข้าใส่หวังเสี่ยวเปาที่ช้าที่สุด แต่ก่อนที่จะถึงตัว พลองยาวก็ฟาดลงกลางหลังหมาป่าตัวหนึ่งอย่างแรง จนมันล้มลงไป
จิวโมไป๋หมุนควงพลองผ่านฟ้าฟาดใส่หมาป่าอีกตัว แต่มันไหวตัวหลบได้ทัน สมแล้วที่อาศัยอยู่ในโคลอสเซียมเทียนหลง ประสบการณ์ต่อสู้กับมนุษย์สูงมาก การเอาชนะมันไม่ใช่เรื่องง่าย
ขณะที่เขายืนสู้กับหมาป่า อูเหวิน หวังเสี่ยวเปา และ เฉินหู เขาประจำที่ จิวโมไป๋ก็ค่อยๆถอยมาอย่างช้าๆ แต่ในตอนนั้นเอง เสือที่หายตัวไปทันทีที่เปิดกรง ก็กระโจนมาจากด้านขวาในมุมอับสายตา หมาป่าที่รอจังหวะอยู่ก็แยกเขี้ยกระโดดเขาขย้ำแทบจะพร้อมกัน…
—-
ทิ้งไว้นาน เลยจำสลับกันผมแก้ใหม่แล้วนะครับ
พี่ใหญ่ หวังเสี่ยวเปา
พี่รอง เฉินหู
พี่สาม อูเหวิน
น้องเล็ก จิวโมไป๋