ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 112
จิวโมไป๋เดินไปที่ห้องพักของหนิงหานเป๋ย เขาไม่ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบว่าอีกฝ่ายอยู่ในห้องหรือไม่ เพราะตอนนี้หนิงหานเป๋ยได้รับวิญญาณชายหลังประตู ได้เข้าสู่เส้นทางปรมาจารย์แล้ว ประสาทสัมผัสการรับรู้จะเฉียบคมขึ้น โดยเฉพาะหนิงหายเป๋ยที่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง หนิงหานเป๋ยจะต้องรับรู้ถึงการใช้จิตสัมผัสของเขาได้อย่างแน่นอน เขาไม่อยากให้เกิดการผิดใจกันขึ้นมา
จิวโมไป๋เคาะประตูห้องเบาๆ ไม่นานประตูห้องก็เปิดออก หนิงหานเป็นที่ภายนอกดูปกติธรรมดา แต่ดวงตาเป็นประกายล้ำลึกยากหยั่งถึง
“เข้ามาก่อนครับคุณจิว”หนิงหานเป๋ยหมุนตัวหลบให้จิวโมไป๋อย่างสุภาพเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จิวโมไป๋ก้มหน้าขอบขอบคุณเล็กน้อย เดินเข้าไปข้างใน หนิงหานเป๋ยพาเขาไปนั่งเก้าอี้ที่ตั้งอยู่กึ่งกลางห้อง
ยังไม่ทันทีหนิงหานเป๋ยจะได้พูด จิวโมไป๋ก็พูดขึ้นก่อน
“พี่หนิงคงจะสงสัยว่าทำไมการบ่มเพาะของพี่ในตอนนี้ ดูจะแตกต่างจากการบ่มเพาะตำหนักยุทธ์ของคนอื่นใช่ไหม”จิวโมไป๋พูดเข้าตรงประเด็น ไม่ให้หนิงหานเป๋ยได้มีโอกาสได้ถามคำถาม เพราะเขาไม่สามารถพูดได้ว่าเขารู้เงื่อนไข ในการได้รับชายหลังประตูได้ยังไง เขาไม่อยากจะโกหกอีกฝ่าย เขาจึงต้องพูดเลี่ยงคำถามก่อน
“ใช่ครับ”หนิงหานเป๋ยเองก็ไม่ได้โง่ เขารู้ว่าคนตรงหน้าไม่อยากพูด เขาจึงพยักหน้ารับง่ายๆ
จิวโมไป๋ยิ้มเล็กน้อยก่อนพูด“อย่างที่ทุกคนรู้กันว่า เคล็ดวิชาการบ่มเพาะในโลกมีหลายประเภท ในกว่าร้อยประเทศทั่วโลก มีทักษะการบ่มเพาะพลังแตกต่างกันไป ตัวอย่างก็ประเทศของเราจะเป็นการบ่มเพาะลมปราณ และประเทศฝั่งตะวันตกจะเป็นการบ่มเพราะพลังอัศวินหรือการบ่มเพาะพลังเวทย์ แต่ทั้งหมดจะอยู่ในตำหนักยุทธ์”จิวโมไป๋พยายามอธิบายรวบรัด“ถ้ามองดีๆแล้ว เคล็ดการบ่มเพราะที่อยู่ในตำหนักยุทธ์ จะถูกจัดในรูปแบบพลังงานสะสม และพลังงานที่สะสมจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับรากฐานของร่างกาย เพื่อข้ามขีดจำกัดของร่างกายในแต่ละขั้น”
หนิงหานเป๋ยก้มหน้าลงเล็กน้อยเหมือนเขาจะพอเข้าใจอะไรบางอย่าง
“แต่… นอกจากการบ่มเพาะพลังแล้ว ยังมีการบ่มเพาะจิตวิญญาณ… ซึ่งเป็นการบ่มเพาะที่ลึกซึ้งยากกว่าการบ่มเพาะพลัง การบ่มเพาะจิตวิญญาณจะถูกเรียกอีกอย่างว่าการบ่มเพาะเส้นทางปรมาจารย์”จิวโมไป๋หยุดมองหนิงหานเป๋ย“จากที่พี่หนิงบอกว่า ครอบครัวของพี่หนิงสืบทอดเคล็ดวิชาหมอผี เคล็ดวิชาบ่มเพาะของหมอผีจะเป็นการบ่มเพาะจิตวิญญาณ ทำให้หมอผีถูกจัดให้อยู่ในเส้นทางปรมาจารย์”
“ไม่แปลกใจเลย ที่ฉันไม่สามารถสร้างตำหนักยุทธ์ได้”หนิงหายเป๋ยเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาไม่สามารถสร้างตำหนักยุทธ์ได้
“แต่เพาะความยากในการบ่มเพาะจิตวิญญาณ จะต้องอาศัยพรสวรรค์ในการฝึกจิตวิญญาณและความพยายามอย่างมาก ทำให้มีผู้บ่มเพาะจิตวิญญาณน้อยมาก”จิวโมไป๋พูดสรุปปิดท้าย
หนิงหานเป่ยนั่งฟังจิวโมไป๋พูดต่อ
“วิธีเริ่มต้นบ่มเพาะจิตวิญญาณในตอนนี้มี 2 วิธี คือ หนึ่งค่อยๆใช้เคล็ดวิชาบ่มเพาะจิตวิญญาณ สะสมไปเรื่อยๆจนสามารถ จนก่อตัวหมอกทองแดงในทะเลสติ ซึ่งวิธีนี้มันต้องใช้ความพยายามและอุสาหะอย่างมาก อาจต้องใช้เวลา 5-10 ปีกว่าจะสำเร็จ วิธีที่สองคือการช่วยเหลือวิญญาณเป็นกลาง หรือกำจัดวิญญาณร้าย วิธีนี้จะเป็นการได้รับส่วนแบ่งพลังวิญญาณของวิญญาณที่เราช่วยเหลือหรือกำจัดไป วิธีนี้จะย่นระยะเวลาอย่างมาก ถ้าขยันจริงๆเพียงไม่กี่เดือนก็อาจจะสามารถก่อตัวหมอกทองแดงได้”
จิวโมไป๋หยุดพูดเล็กน้อย เขาไม่พูดถึงการใช้แก่นพฤกษา เพราะยังไม่ถึงเวลาที่ต้องบอกอีกฝ่าย จิวโมไป๋พูดอีกครั้ง
“แต่วิธีของพี่หนิง พิเศษกว่าเล็กน้อยคือ พี่ได้รับการยอมรับจากวิญญาณเป็นกลาง ทำให้พวกเขาเป็นผู้ติดตาม มันทำให้พี่หนิงได้รับพลังวิญญาณทั้งหมดของวิญญาณตนนั้น ทำให้ภายในทะเลสติก่อเกิดหมอกทองแดงเริ่มต้นทันที นอกจากนั้นยังจะสามารถใช้ความสามารถของวิญญาณดวงนั้นได้ แต่ต้องได้รับความเชื่อใจจากวิญญาณดวงนั้นมากขึ้น ยิ่งเชื่อใจ พลังที่ได้รับยิ่งแข็งแกร่ง พี่หนิงโชคดีจริงๆ”
“เอ่อ”หนิงหานเป๋ยเหมือนจะอยากพูดอะไรแต่ก็ไม่กล้าพูด
จิวโมไป๋เดาใจอีกฝ่ายได้ เขายิ้มแล้วพูดต่อ“ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ ผมเน้นไปที่การบ่มเพาะพลัง ไม่ได้บ่มเพาะพลังจิตวิญญาณเท่าไหร่ พี่หนิงได้รับวิญญาณดวงนี้ไปมันก็เป็นเรื่องดี”
พูดจบจิวโมไป๋ก็กดกำไรข้อมือของตัวเอง ในตอนนั้นเองกำไรข้อมมือของหนิงหานเป๋ยก็ส่งเสียงดังขึ้นมา
“ผมส่งวิธีการใช้จิตวิญญาณในวิธีต่างๆเอาไปลองใช้ดูก่อน อีกไฟล์หนึ่งเป็นเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณหัวใจพิสุทธิ์ พี่หนิงฝึกฝนเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณประจำตระกูลอยู่แล้ว เอาเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณนี้ไปศึกษาเล่นๆก็ได้ เอาไว้เป็นแนวทางการปรับปรุง”
“ขอบคุณครับคุณจิว”หนิงหานเป๋ยก้มหัวขอบคุณอย่างสุดซึ้ง เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะดีกับเขาแบบนี้
จิวโมไป๋ยิ้ม ก่อนจะแนะนำการใช้จิตวิญญาณให้หนิงหานเป๋ยฟังคร่าวๆ จนเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง
“พี่หนิงอยากร่วมมือกับผมก่อตั้งบริษัทโลกเสมือนไหมครับ”
หนิงหานเป๋ยชะงักเล็กน้อยเงยหน้าขึ้นมามองจิวโมไป๋
“อะไรนะครับ”หนิงหานเป๋ยถามด้วยความอย่างตกใจ
“พี่หนิงคงรู้แล้วว่าผมเรียนสายเทคโนโลยี่โลกเสมือน ตอนนี้ผมมีเงินเก็บจำนวนหนึ่งอยู่ ผมเลยคิดจะเปิดบริษัทโลกเสมือน แต่เพราะผมยังเรียนไม่จบ ผมไม่สามารถสามารถดูแลบริษัทได้ ผมจะจ้างคนมาเป็น CEO ค่อยทำงานบริหารบริษัท แต่ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเทคนิคเป็นตำแหน่งที่สำคัญที่สุด ผมยังไม่มีใคร พี่หนิง พี่เคยเป็นรองหัวหน้าทีมวิจัยของบริษัทถังหยาง บริษัทโลกเสมือนอันดับ 2 ของประเทศมาก่อน ด้วยความสามารถของพี่หนิง พี่เป็นหัวหน้าฝ่ายเทคนิคของผมได้แน่”
จิวโมไป๋ไม่ปล่อยให้หนิงหานเป๋ยได้ตั้งตัว เขาพูดเชิญชวนด้วยความจริงใจ”ผมถามพ่อกับแม่ของผมแล้วว่าพี่หนิงสมัครงานที่ไหนไม่ได้เลย ด้วยความสามารถของพี่ ทำไมถึงไม่มีบริษัทไหนรับเข้าทำงาน ผมไม่ขอพูดถึงสาเหตุ เพราะพี่คงรู้อยู่แล้ว มาอยู่ช่วยงานบริษัทผมก่อน ถ้าในอนาคตพี่อยากจะออก ก็สามารถออกไปได้ตลอดเวลา”
หนิงหานเป๋ยเงียบไปครู่หนึ่ง ที่ไม่มีคนรับเขาทำงานเพราะอิทธิพลของถังหมินหยุนนายน้อยตระกูลถ้ง เขารู้ดีว่าไม่มีทางที่เขาจะได้เข้าทำงานแน่ๆ ที่เขาทำอยู่ทุกวันนี้เพื่อหาโอกาส แม้จะเป็นโอกาสอันน้อยนิดก็ตาม เงียบอยู่นานก่อนที่เขาจะตัดสินใจพูดออกมา
“ขอบคุณที่เห็นความสามารถของผม ผมจะช่วยคุณทำงานอย่างเต็มที่ ผมจะไม่ปล่อยให้คุณผิดหวัง”หนิงหานเป๋ย ลุกขึ้นก่อนจะยื่นมือขวาไปข้างหน้าด้วยท่าทางจริงจัง
จิวโมไป๋ยิ้มอย่างแผ่วเบา เขาลุกขึ้นยืน ก่อนจะยื่นมือขวาออกมาจับมือเช็คแฮนด์กับหนิงหานเป๋ย