ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 123
จิวโมไป๋กดโทรติดต่อออกไปไม่นาน จี้หยางเฟยก็กดรับทันที
“ติดต่อมาแบบนี้ มีปัญหาอะไรให้ช่วยหรือเปล่าน้องชาย”เสียงปลายสายฟังดูอ่อนแรงเล็กน้อย
จิวโมไป๋ไม่ตอบแต่ส่งบันทึกวีดีโอ ที่เขาต่อสู้กับกลุ่มชายชุดดำทั้งสองกลุ่มไปแทน และพูดอธิบายเหตุการณ์ง่ายๆ แต่รวบรัดให้จี้หยางเฟยฟัง
“น้องชายออกจากที่นั้นได้เลย เดี๋ยวมีคนไปตรวจสอบ”พูดจบปลายสายก็กดตัดสัญญาณติดต่อทันที เหมือนกำลังยุ่งอยู่กับอะไรบางอย่าง
จิวโมไป๋ยักไหล่ เขาปล่อยชายในชุดดำที่นอนสลบไป เดินผ่านร่างหลายร่างที่นอนขวางทางอยู่ ขึ้นรถและขับตรงไปที่เกาะโดดเดี่ยว เมื่อไปถึง รถบรรทุกส่งสัตว์ก็จอดรออยู่ที่ทางก่อนข้ามสะพาน จิวโมไป๋ขับรถไปจอดเทียบข้าง บอกให้พวกเขาขับตามมาจนถึงประตูทางเข้าเกาะโดดเดี่ยว
“ปล่อยพวกมันออกจากกรง ที่ตรงนี้ได้เลย”จิวโมไป๋ชี้ไปที่หน้าประตูทางเข้า ให้พนักงานปล่อยสัตว์ออกจากกรงขัง
“เออ…คุณลูกค้า ถ้าปล่อยตรงนี้…”พนักงานชายที่อยู่ใกล้ที่สุดจะพูดแนะนำ เพราะมีสัตว์หลายชนิดอยู่ร่วมกัน แม้จะไม่มีสัตว์กินเนื้อที่เป็นอันตราย แต่ถ้าพวกมันคลุ้มคลั่งหรือวิ่งหนีไปอาจมีปัญหาได้ โดยเฉพาะนกหลายตัวที่จิวโมไป๋ซื้อมา ถ้าปล่อยพวกมัน ออกมา มันจะบินหนีไปทันที
“ปล่อยพวกมันได้เลยครับ ไม่ต้องห่วง ถ้าเกิดอะไรขึ้น ผมไม่ฟ้องร้อง เอาเรื่องทางคุณแน่”จิวโมไป๋ยิ้ม
พนักงานชายหันไปมองพนักงานคนอื่น ก่อนจะค่อยๆ ทยอยยกกรงสัตว์หลากชนิด ลงจากรถแล้วรถบรรทุก และเปิดกรงปล่อยพวกมันออกมา
ในเวลาเดียวกันจิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัส ปลอบโยนพวกมันให้สงบลง พวกมันเดินอย่างช้าๆ เป็นระเบียบมาหยุดที่หน้าประตู
พนักงานที่กำลังปล่อยสัตว์ต่างก็แปลกใจ ที่ไม่มีสัตว์ตัวไหน ที่แสดงอาการตื่นกลัวหรือพยศสักตัวเดียว จนถึงกรงนก ทันทีที่เปิดกรง พวกมันแต่ละตัว ต่างก็บินไปเกาะเงียบๆที่กิ่งไม้ด้านข้าง
พนักงานมองหน้ากันเล็กน้อย แต่ก็ไม่พูดอะไร พวกเขาช่วยกันขนของลงจากรถบรรทุกต่อ สุดท้ายก็เป็นกล่องใส่รังผึ้งและเมล็ดสมุนไพรหลายถุงกองอยู่ข้างๆทางเข้า
เมื่อเสร็จแล้วพนักงงานร้านขายสัตว์ พากันขับรถบรรทุกออกไป
สัตว์ที่เขาซื้อรวมกันทั้งหมด 150 ตัว ทำให้พวกมันยืนเรียงกันเต็มพื้นที่ทางเข้า
จิวโมไป๋โบกมือเก็บถุงสมุนไพรทั้งหมด และเรียกรถเข็นขนาดใหญ่ยกกล่องใส่รังผึ้งทั้งหมดวางลงที่รถเข็น
จิวโมไป๋เดินกลับไปเปิดประตูรถ เสี่ยวไป๋กระโดดออกมาตัวแรก มันส่ายหางไปมาเล็กน้อยกับความรู้สึกที่คุ้นเคย เสี่ยวเหมยลงจากรถ มันมองไปรอบๆอย่างแปลกใจ เพราะพลังธรรมชาติของที่นี้ ดูเหมือนจะสูงกว่าที่อื่น มันมองไปที่ประตูเหล็กด้วยความสงสัย ถ้าพลังธรรมชาติที่เล็ดลอดออกมายังมากขนาดนี้ พลังธรรมชาติในเกาะต้องมากกว่าอย่างแน่นอน ดวงตาของมันเป็นประกายแวววับ
จิวโมไป๋เข้าไปยกกรงนกอินทรี มืออีกข้างก็หยิบเสี่ยวหวงขนาดเล็กที่ยังนอนหลับอยู่ออกมา เดินไปเปิดประตูเหล็กทางเข้าเกาะโดดเดี่ยว เขาดึงรถเข็น แล้วก็ใช้จิตสัมผัสชักนำสัตว์ทุกตัวผ่านประตูเข้าไปในเกาะ
เสี่ยวเหมยไม่รอช้ามันพุ่งตัวเข้าไปเป็นตัวแรก ทันทีที่สัมผัสพลังธรรมชาติที่หนาแน่น มันอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงร้องด้วยความตื่นเต้น
เสี่ยวไป๋ที่วิ่งตามมา อดไม่ได้ที่จะหันหัวหนีไปอีกทาง ขนสีขาวของมันสั่นระริกเบาๆ เสี่ยวเหมยที่กำลังตื่นเต้นอยู่ มันไม่สนใจศัตรูของมันแม้แต่น้อย เพราะพลังธรรมชาติที่หนาแน่น ทำให้ระดับพลังของมันค่อยๆพื้นตัวขึ้น แม้จะช้า แต่ก็สามารถสัมผัสได้ว่าความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นทุกๆวินาที
จิวโมไป๋พาสัตว์ทั้งหมดเข้ามา เขาก็ปิดประตูเหล็ก ก่อนจะวางเสี่ยวหวงและลูกอินทรีลงและปลุกพวกมัน
เสี่ยวหวงตื่นขึ้นมันมองรอบๆอย่างมึนงง แต่พอเห็นจิวโมไป๋มันก็ร้องมอ วิ่งมาหาจิวโมไป๋อย่างดีใจ ลูกนกอินทรีตื่นขึ้นมามันยืนนิ่งเงียบ ราวกับไม่สนใจสิ่งต่างๆ จิวโมไป๋มองแต่ไม่พูดกับมัน
เขายิ้มเล็กน้อยพลางลูบหัวของเสี่ยวหวงเขาๆ ก่อนจะมองสัตว์ 150 ตัว
“จากนี้ก็ดูว่าใครจะได้รับประโยชน์ไปบ้าง”จิวโมไป๋สูดลมหายใจ ตั้งสมาธิ และท่องเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณที่เรียกว่า เคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณเบิกเนตรปัญญา เป็นเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณที่สามารถ เพิ่มการปัญญาให้แก่สิ่งมีชีวิตได้ จิวโมไป๋ท่องเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณเสียงดังให้สัตว์ทุกตัวในบริเวณนั้นได้ยิน เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยหันกลับมามองด้วยความสนใจ
คลื่นสีขาวนวลค่อยๆกระจายรอบร่างของจิวโมไป๋อย่างช้าๆ เสียงของเขาทุ้มต่ำ อ่อนโยนราวกับว่ากำลังปลอบประโลมแด่สรรพชีวิตทั้งมวล สัตว์ทุกตัวที่ได้ยินค่อยๆ หลับตาลงราวกับกำลังทำสมาธิ แม้แต่ผึ่งที่อยู่ในกล่องต่างก็หยุดนึ่งราวกับว่ามันกำลังฟังอยู่
ที่จิวโมไป๋ท่องเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณเบิกเนตรปัญญา ให้สัตว์ทั้งหมดฟัง เพื่อให้พวกมันได้ก่อเกิดต้นอ่อน แห่งสติปัญญา แม้ว่ามันจะไม่สามารถเปิดปัญญาเหมือนเสี่ยวหวงได้ แต่มันก็สามารถทำให้สัตว์เหล่านี้ฉลาดกว่าสัตว์ป่าธรรมดาทั่วไป พวกมันสามารถอาศัยอยู่ในเกาะโดดเดี่ยวได้ โดยไม่ตายอย่างง่ายๆ ถ้าโชคดีพวกมันอาจเปิดปัญญาได้ในอนาคต
เคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณเบิกเนตรปัญญา เป็นเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณสายพุทธศาสนา เป็น 1 ใน 10 เคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณ ที่ถูกจัดให้เป็นเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุด
แต่เคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณเบิกเนตรปัญญา แตกต่างจากเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณอื่น เพราะเป็นเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณของผู้ให้ มันไม่ได้ทำให้ผู้บ่มเพาะแข็งแกร่งขึ้นเลย แต่ทำให้ผู้อื่นเกิดสติ ปัญญา หรือการหลุดพ้น ปล่อยวาง
ผู้ฝึกเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณเบิกเนตรปัญญา ที่เขาเคยพบคือที่มิติระดับกลาง ในตอนนั้นมีการต่อสู้ระหว่างสำนักกว่าพันคน ใกล้ๆหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง ซึ่งพลังการต่อสู้รุนแรงมาก ผลกระทบจากการต่อสู้ กำลังจะไปถึงชาวบ้านธรรมดาที่ไม่เกี่ยวข้อง ศิษย์สํานักพุทธในชุดเหลืองน้ำตาล องค์หนึ่งที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ เดินผ่านการต่อสู้ระหว่างสำนักอย่างง่ายดาย ราวกับไม่มีการต่อสู้ตรงนั้น เขาเดินเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้าน ด้วยวิธีอะไรก็ไม่มีใครทราบได้ การต่อสู้ทำลายหมู่บ้านแห่งนั้นไป แต่ชาวบ้านและสัตว์เลี้ยงทุกตัวรอดชีวิตทั้งหมด และไม่มีการบาดเจ็บใดๆทั้งสิ้น
เมื่อทุกอย่างสงบลง ศิษย์สํานักพุทธองค์นั้นก็จากไปตอนไหนไม่มีใครรู้
นี้เป็นเหตุผลที่จิวโมไป๋ยอมเสียเวลาฝึกฝนเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณเบิกเนตรปัญญาอยู่หลายปี จนแทบเสียสติ เขาถึงกับออกเดินทางไปที่สำนักพุทธหลายแห่ง เพื่อทำความเข้าใจ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก สุดท้ายเขาฝึกได้แค่ขั้นพื้นฐานเท่านั้น เขาจนปัญญาที่จะพัฒนาต่อ
พูดได้ว่าเป็นเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณเบิกเนตรปัญญา ยากแก่การฝึกและยากแก่การเอาไปใช้ จิวโมไป๋ที่เก่งในเรื่องการฝึกฝนและแก้ไขเคล็ดวิชาต่างๆ เมื่อศึกษาเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณเบิกเนตรปัญญา เขาก็สำเร็จได้เพียงขั้นพื้นฐานที่สุด มีประโยชน์แค่ช่วยให้สัตว์ฉลาดขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้น
จิวโมไป๋ท่องเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณเบิกเนตรปัญญาช้าๆ 10 รอบ สัตว์ทุกตัวหลับตานิ่งสงบ แม้แต่เสี่ยวหวง เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยก็หลับตาลง จนเวลาผ่านไป ทั้งสามก็ลืมตาขึ้นก่อนและในเวลาต่อมาสัตว์ตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆลืมตาขึ้น ดวงตาของพวกมันเป็นประกายเล็กน้อย ไม่ได้เป็นแววตาของสัตว์ไร้ปัญญาอีกต่อไป
ลูกนกอินทรีลืมตาช้าที่สุด แต่เมื่อมันลืมตาขึ้น ดวงตาของมันทอประกายงดงาม ราวกับว่าสติปัญญาของมันยกระดับขึ้นครั้งใหญ่
จิวโมไป๋ยิ้มพอใจ เขาหยิบกรงลูกนกอินทรีขึ้นอีกมือดึงรถเข็นรังผึ้ง พาสัตว์ทั้งหมดเดินไปทั่วเกาะ ในระหว่างทางจิวโมไป๋ก็ปลูกเมล็ดสมุนไพรต่างๆกระจายออกไป เห็นจุดไหนเหมาะสำหรับผึ้งทำรังเขาก็วางกล่องใส่รังผึ้งไว้ ให้พวกมันค่อยๆสร้างรังผึ้งใหม่ สัตว์ที่ตามมาก็ค่อยๆ เดินแยกไปอยู่ตามที่พวกมันต้องการ เมื่อเดินทั่วทั้งเกาะโดดเดี่ยว สัตว์ 150 ตัวก็กระจายไปจนหมด จิวโมไป๋พาเสี่ยวไป๋ เสียวเหมย เสี่ยวหวง และลูกนกอินทรี ขึ้นเขาไปที่สำนัก
เมื่อไปถึง จิวโมไป๋ให้เสี่ยวหวงอยู่ที่ลานหน้าบ้านหลังเดิมที่เขาเคยอยู่ เขาสอนเคล็ดบ่มเพาะของสัตว์อสูรที่เขาเคยเห็น เรียกว่าเคล็ดบ่มเพาะพลังกายาอสูรคลั่ง ให้เสี่ยวหวงได้บ่มเพาะ
เสี่ยวหวงฝึกอย่างตั้งใจ เมื่อมันฝึกไปได้หนึ่งรอบ มันก็ร้องออกมาอย่างตื่นเต้น
จิวโมไป๋มองเสี่ยวหวงอย่างแปลกใจ เสี่ยวหวงฉลาดกว่าที่เขาคิดไว้มาก สอนแค่รอบเดียวมันสามารถเข้าใจได้ในทันที และยังเริ่มบ่มเพาะสำเร็จได้ในครั้งเดียว น่าเสียดายที่สายเลือดของมันอ่อนแอจนเกินไป ถ้ามีโอกาสเขาต้องหาวิธีช่วยให้สายเลือดของเสี่ยวหวงแข็งแกร่งขึ้น
จืวโมไป๋ถือลูกนกอินทรีเดินเข้าบ้าน ตามมาด้วยเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมย
ที่จิวโมไป๋ไม่สอนเคล็ดบ่มเพาะให้เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมย เพราะทั้งสองไม่ใช้สัตว์ที่เปิดปัญญาธรรมดา พวกมันได้สืบทอดความทรงจำและเคล็ดบ่มเพาะพลัง ผ่านสายเลือดของบรรพบุรุต เขาสังเกตได้ว่า ทั้งสองบ่มเพาะ เคล็ดบ่มเพาะพลังที่เหมาะสมที่สุดของพวกมัน แตกต่างจากเสี่ยวหวง ที่มันเป็นวัวธรรมดา ไม่มีสายเลือดที่แข็งแกร่ง ทำให้ไม่มีทรงผ่านความทรงจำทางสายเลือด เขาจึงสอนเคล็ดบ่มเพาะให้มัน