ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 132
จิวโมไป๋เปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นชุดธรรมดาไม่มีลักษณะเด่น ก่อนจะใช้เคล็ดวิชาเปลี่ยนใบหน้า ให้เป็นผู้ชายใบหน้าธรรมดา ก่อนจะหยิบแผ่นยันต์ออกมาสองใบ ใบแรกยันต์หมอกลวงตา และอีกใบเป็นยันต์ระงับกลิ่นอาย เมื่อเผาแผ่นยันต์ทั้งสอง จิวโมไป๋ก็ค่อยๆลอบออกจากบ้านโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว
จิวโมไป๋หลบหลีกกล้องวงจรปิดไปตามซอกซอย เมื่อมีจังหวะเขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้า ใบหน้า และส่วนสูง ตอนนี้เขาอยู่ในขั้นที่ 2 กล้ามเนื้อกลาง เขาสามารถเปลี่ยนใบหน้าและคงสภาพได้นานขึ้น เกือบ 40 นาที และสามารถเปลี่ยนใบหน้าได้ตลอดเวลา ไม่สร้างภาระแก้กล้ามเนื้อ ทำให้ง่ายแก่การปลอมตัว
เมื่อมาถนนใหญ่ จิวโมไป๋ขึ้นรถโดยสารประจำทาง ไปลงเขตรอบนอก เป็นถนน 4 เลน ผู้คนเริ่มน้อยลง จิวโมไป๋เดินไปที่ซอยด้านข้าง เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นสีดำมิดชิดมีถุงมือยาว หมวก ผ้าปิดหน้าเห็นแค่ดวงตา และใส่เสื้อคลุมสีดำอีกหนึ่งชั้น จิวโมไป๋วิ่งด้วยกำลังกายไปตามซอยเล็กๆ พยายามหลบมุมกล้องวงจรปิดให้ได้มากที่สุด เกือบ 10 นาที เขาก็มาถึงชานเมืองด้านนอกสุด
พื้นที่ส่วนนี้มีอาณาเขตขนาดเล็ก มีตึกสูงสร้างขึ้นหลายสิบตึก นอกจากนั้นจะเป็นอาคารสูงแค่ไม่กี่ชั้น ส่วนมากจะเป็นร้านอาหาร บาร์เหล้า เขตนี้เต็มไปที่ด้วยแสง สี และความคึกคัก พื้นที่เขตนี้ทั้งหมด เป็นเขตคุ้มครองของกลุ่มสัตว์ร้าย พวกเขาเป็นกลุ่มผู้บ่มเพาะพลังใต้ดิน ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับที่ 3 ของเมืองเทียนซู
ความแข็งแกร่งของกลุ่มสัตว์ร้าย แตกต่างจากกลุ่มเลือดมังกรของเย่จื่อหยวน ที่เป็นแค่กลุ่มของนักศึกษามหาวิทยาลัย พวกเขาเป็นแค่กลุ่มขนาดเล็ก พวกเขามีอิทธิพลแค่ในมหาวิทยาลัย และพื้นที่เล็กๆในเมืองเทียนซู ไม่สามารถยึดครองพื้นที่ทั้งเขตได้ เหมือนกลุ่มใหญ่
กลุ่มสัตว์ร้าย เป็นกลุ่มผู้บ่มเพาะพลังสีดำอย่างแท้จริง พวกเขาก่อเรื่องชั่วร้ายมากมาย และคนที่อยู่เบื้องหลังของกลุ่มสัตว์ร้าย คือตระกูลเซียว โดยมีพ่อของถงเหวย นายตำรวจยศผู้บันชาการ เป็นเป็นผู้ดูแลให้ความช่วยเหลือและออกคำสั่งกลุ่มสัตว์ร้ายอย่างลับๆ
ทำให้อิทธิพลของกลุ่มสัตว์ร้ายขยายอย่างรวดเร็ว จนไม่มีใครกล้าดูแคลน
จิวโมไป๋เดินมาถึงถนนเส้นเดียวที่ตรงไปในพื้นที่ความบันเทิง เขามองดูโรงแรมและอาคารสูงหลายสิบหลังรอบอาคารมีร้านอาหารผับบาร์ คาสิโน ผู้คนนักเที่ยวต่างเดินไปมาเต็มถนน ดูเป็นเขตเศรษฐกิจที่คึกคัก
ทั้งหมดเป็นแหล่งเงินของกลุ่มสัตว์ร้าย บ่งบอกได้ถึงอิทธิพลอันแข็งแกร่งของอีกฝ่าย
จิวโมไป๋ค่อยๆเดินไปตามถนน ระหว่างทางผู้คนที่เห็นเขาต่างก็แหวกทาง ถอยหนีด้วยความกลัว จนเขามาถึงบาร์เหล้าแห่งหนึ่ง เป็นบาร์เหล้าระดับสูง มียามรักษาความปลอดภัยเฝ้าดูแลความปลอดภัยด้านหน้าหลายสิบคน จิวโมไป๋ก้มดูกำไลข้อมมือ เขาจำตำแหน่งของถงเหวย เขาก็เดินตรงเข้าไปที่ทางเข้า
ยามรักษาความปลอดภัยน้องใหม่ เห็นชายแต่งตัวชุดดำมิดชิด เขาก็รีบเข้าขวางทันที โดยที่ยามรักษาความปลอดภัยรุ่นพี่ รอดูอยู่รอบนอก
“แกเป็นใคร! ที่นี้ไม่ให้คนนอกเข้า ถอยกลับไปซะ!”
จิวโมไป๋ไม่หยุดเดิน เขาชกหมัดใส่ยามรักษาความปลอดภัยคนนั้นอย่างแรงจนกระเด็นออกไป ยามรักษาความปลอดภัยรุ่นเก่าตกใจ พวกเขารีบหยิบกระบองเหล็กพกพาออกมาทันที
จิวโมไป๋ไม่เสียเวลาอยู่ที่นี่นาน เข้าพุ่งเข้าไปชกยามรักษาความปลอดภัยด้วยความรวดเร็ว ยามคนนั้นเป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 4 ต้น เขารีบป้องกันการโจมตี แต่จิวโมไป๋เหมือนรู้อยู่แล้ว เขาม้วนตัวเตะด้านข้างอย่างแรง ทำให้ยามรักษาความปลอดภัยคนนั้นล้มใส่คนอื่นๆ จิวโมไป๋อาศัยจังหวะนั้นเองพุ่งเข้าไปในบาร์ ทำให้ลูกค้านักเที่ยวกรีดร้องด้วยความตกใจ
เมื่อเข้าไปก็พบกลุ่มยามรักษาความปลอดภัย กำลังวิ่งขึ้นบันได จิวโมไป๋จัดการเตะใส่อย่างแรง จนยามรักษาความปลอดภัยด้านหน้าล้มลงไปตามบันได ชนกับยามและนักเทียวล้มลงไป จิวโมไป๋พุ่งกระโดดตัวออกไปด้านข้าง เขาอาศัยผู้คนที่ชุลมุนตกใจ แหวกทางไปจนถึงอีกด้าน และกระโดดขึ้นไปชั้นสอง ตรงไปยังห้องพิเศษของถงเหวย
ก่อนหน้านั้นเล็กน้อย
“ส่งคนไปจัดการไอ้เจ้าสารเลวนั้น และครอบครัวของมัน ให้พิการจนขยับตัวไม่ได้!”ถงเหวยกึ่งนั่งกึ่งนอนบนโซฟา มือของเขาถือแก้วเหล้า เขาชี้สั่งงานชายฉกรรจ์หย้าตาดุร้ายที่นั่งด้านข้าง”อย่าทำอะไรน้องสาวของมัน รอจนถึงพรุ่งนี้ หาวิธีลักพาตัวน้องสาวของมันมา หึ ฉันจะจัดการให้สาสม แล้วจะส่งวิดีโอ ไปให้ครอบครัวของมันดู ฮ่าๆ”
ถงเหวยกัวเราะอย่างโรคจิต แต่ในตอนนั้นเอง
ปัง! เสียงถีบประตูดังลั้น
“ใคร!”ชายดุร้ายผุดลุก ร้องคำร้ามเสียงดัง แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร รองเท้าก็กระแทกเต็มใบหน้าอย่างรุนแรง จนหน้าหันไปอีกด้าน
จิวโมไป๋เหมือนพญายมราชในชุดดำ ไอสังหารแผ่กระจายไปทั่วร่าง เขายืนอยู่กลางห้องหันมามองถงเหวยอย่างช้าๆ
จนถงเหวยชะงักค้างไม่กล้าขยับ
ปัก หมัดหนักชกใบหน้าอย่างแรง ร่างของถงเหวยกระแทกทำลายโซฟาหน้านุ่มไม่เป็นชิ้น ทำให้ชิ้นส่วนเหล่านั้นบาดตามร่างกายจนเจ็บปวด จมูกบนใบหน้าของถงเหวยหักจนบี้แบน กระโหลกศรีษะราว จนตาลอย
จิวโมไป๋เดินมาหยิบถงเหวย โยนไปกระแทกพนังอย่างแรง ร่างร่วงตกลงไปบนพื้น ถงเหวยในตอนนี้ใกล้สิ้นสติเต็มที
จิวโมไป๋ยังไม่ยอมปล่อย เขาเดินมายืนเหนือร่างถงเหวย
หัตถ์ถอดกระดูก!!!
“อ๊าาาาากกกกกก!”ถงเหวยกรีดร้องราวเสียงภูติผีจากนรก กระดูกทั่วร่างบิดเบี้ยวไม่เป็นชิ้นดี หัตถ์ถอดกระดูกปกติก็โหดร้ายเจ็บปวดอยู่แล้ว เมื่อถูกใช้ตอนที่ กระดูกทั่วร่างกายแตกไม่เป็นชิ้นดี มันยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดอีกหลายเท่า
ถงเหวยกรีดร้องโหยหวนไม่หยุด เพราะความเจ็บปวดทำให้สติสัมปชัญญะครบถ้วนสมบูรณ์ มันยิ่งทำให้ถงเหวยทรมาณจนแทบอยากจะฆ่าตัวตาย