ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 133
ชายดุร้ายสะบัดใบหน้างุนงง เขาเงยหน้าขึ้นมองจิวโมไป๋ที่กำลังทำลายถงเหวย เขาล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ เขาอาศัยจังหวะที่จิวโมไป๋เผลอ เขาชักปืนสั้นออกมายิงทันที
ปัง!
จิวโมไป๋ที่ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบอยู่แล้ว โยกหลบอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหายตัวไปโผล่ด้านข้าง และเตะใส่หัวของชายดุร้ายจนสลบไป
จิวโมไป๋เก็บปืนสั้นไว้ในมิติเก็บของ และหยิบแผ่นยันต์ออกมา พร้อมวิ่งออกจากห้องพิเศษอย่างรวดเร็ว
เวลาที่เขา เข้า ออกจากห้องพิเศษใช้เวลาแค่ 1 นาที เท่านั้น เมื่อออกไป ยามรักษาความปลอดภัยของร้านและบอดี้การ์ดของถงเหวย พึ่งจะวิ่งขึ้นมา จิวโมไป๋เห็นกลุ่มคนที่กำลังเข้ามา เขาเหวี่ยงแผ่นยันต์ออกไป แผ่นยันต์ลุกไหม้กลางอากาศ เกิดเป็นพายุหมุน พัดทำลายพื้นที่โดยรอบ และผลักคนกลุ่มนั้นออกไป คนที่อ่อนแอกลิ้งไปไกลเหมือนลูกบอล
จิวโมไป๋พุ่งไปอีกด้าน เขาวิ่งเข้าไปที่หน้าต่างบานหนึ่งที่โถงสุดทางเดิน เมื่อไปถึงเขากระโดดใส่หน้าต่างบานนั้นแตกเป็นชิ้นๆ ออกจากบาร์แห่งนี้ไป
กลุ่มคนที่ถูกพายุขัดขวางไม่ให้ผ่าน มีผู้บ่มเพาะพลังระดับสูงอยู่หลายคน พวกเขาฝืนฝ่าพายุออกมาได้ ด้วยสภาพย้ำแย่ เสื้อผ้าขาดเป็นชิ้นๆ เมื่อพวกเขาวิ่งตามมาจนถึงสุดทางเดิน มองลงไปนอกหน้าต่าง จิวโมไป๋ก็หนีหายออกไปไกลแล้ว
หัวหน้าบอดี้การ์ดของถงเหวยกัดฟันอย่างโกรธแค้น เขาหันไปตบใบหน้าของบอดี้การ์ดด้านข้าง และตะคอกเสียงดัง
“พวกแกดูแลนายน้อยยังไง ถึงปล่อยให้คนนอกบุกเข้ามาทำร้ายนายน้อยได้!”
บอดี้การ์ดรอบข้างต่างหน้าซีด ไม่กล้าพูดอะไรซักคำ
“นายน้อยสั่งให้พวกเราไปหาผู้หญิงสวยๆ ทุกคนต้องพาสาวสวยมาให้ได้ 1 คน ถ้าพวกเราพามาไม่ได้ นายน้อยจะหักขาพวกเราทุกคน”บอดี้การ์ดคนที่ถูกตบหน้าพูดขึ้น”พวกเราเลยไปที่ห้อง บันทึกภาพ เพื่อหาผู้หญิงให้นายน้อย”
หัวหน้าบอดี้การ์ดชี้ไปทางคนพูด สุดท้ายเขาก็เงียบลง ก่อนจะหันไปทางกลุ่มยามรักษาความปลอดภัยของร้าน
“พวกแกต้องบอกมาให้ได้ ว่าทำไมถึงมีคนบุกเข้ามาทำร้ายนายน้อยของเราได้ ถ้าพวกแกหาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้ละก็…”หัวหน้าบอดี้การ์ดทำท่าบาดคอ
กลุ่มยามรักษาความปลอดภัยของร้านเงียบเหมือนคนตายไม่กล้าพูด เพราะพวกเขารู้ดีว่ากลุ่มของพวกเขาเป็นคนของอีกฝ่าย การที่นายน้อยบาดเจ็บแบบนี้ ชีวิตของพวกเขาจบลงไปแล้ว
หัวหน้าบอดี้การ์ดหันมาสั่งบอดี้การ์ดด้วยรอยยิ้มอย่างโหดเหี้ยม
“ส่งคนออกค้นหาให้ทั่ว สืบหามาให้ได้ว่าใครเป็นคนทำ ถ้าหามาไม่ได้ละก็ ไม่ใช่แค่ขา ของพวกแกแน่ที่ถูกหัก!”
หัวหน้าบอดี้การ์ดพูดจบ ก็กดลงที่กำไรข้อมือของตัวเอง เพื่อรายงานบางอย่างออกไป
จิวโมไป๋ วิ่งเขาซอยเล็กๆด้านข้าง ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูเหมือนนักเที่ยวคนอื่น และใช้ผงสีเทามาทาตัว ทำให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแทน ก่อนจะใช้เคล็ดเปลี่ยนใบหน้า ให้เป็นชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม อายุประมาณ 30 ปี เมื่อเสร็จแล้วจิวโมไป๋ไม่เสียเวลา เขาหยิบขวดเหล้าเล็กๆจากแหวนมิติเก็บ เปิดฝาออกและโบกมือเบาๆ พลังจิตวิญญาณสีเงินปนทอง ระเหยเหล้าอย่างรวดเร็ว เหลือกลิ่นที่รุนแรงของมัน จิวโมไป๋พรมกลิ่นเหล้า ที่ใบหน้าและลำตัว และบางส่วนกลายเป็นกลุ่มก้อนเล็กๆ จิวโมไป๋เอามาไว้ในปาก
เมื่อเสร็จแล้ว เขาก็แกล้งทำเป็นเมามาย เดินโซเซออกมาจากซอย
ปะปนไปกับผู้คน จิวโมไป๋เดินไปที่โรงแรมเล็กๆ ไม่โดดเด่นที่อยู่ห่างออกมาจากบาร์แห่งนั้นเล็กน้อย
และเป็นเวลาเดียวกัน กับที่มีกลุ่มคนวิ่งออกมาจากบาร์ พวกเขาแยกตัวค้นหาผู้คนทั้งหมดทันที กลุ่มนักเที่ยวร้องออกมาไม่พอใจ แต่ก็เลือกที่จะเงียบไปในที่สุด เพราะกลัวถูกทำร้าย ยอมให้ตรวจค้นแต่โดยดี แต่ก็ไม่พบอะไร จนกระทั้งมาถึงจิวโมไป๋
จิวโมไป๋แกล้งทำเป็นง่วงตาปรือ เมาเหล้าใกล้หลับเต็มที บอดี้การ์ดที่เข้ามาตรวจสอบจิวโมไป๋ ย่นคิ้ว
“ดื่มหรืออาบเหล้ากันแน่ กลิ่นแรงขนาดนี้”บอดี้การ์ดคนนั้นค้นตัวไม่พบอะไร จิวโมไป๋ยอมให้ตรวจโดยดี เพราะของทั้้งหมดเก็บไว้ในแหวนมิติเก็บของ
เมื่อตรวจหมดแล้ว บอดี้การ์ดยังคงสงสัยไม่เลิก เขาเรียกบอดี้การ์ดอีกคน เอาเครื่องวัดระดับแอลกอฮอล์มาตรวจ
สุดท้ายผลก็ออกมาว่า มีระดับแอลกอฮอล์เกินกำหนดไปหลายขั้น
บอดี้การ์ดก็เลิกสงสัยปล่อยจิวโมไป๋ไป
จิวโมไป๋ที่ถูกปล่อยตัวแกล้งเดินโซเซ ไปที่โรงแรมด้านหน้าต่อ
โรงแรมแห่งนี้ เบื้องหลังเป็นโรมแรมที่พ่อของถงเหวย ถงป่ายหงมักจะใช้ประชุม สั่งงานกลุ่มสัตว์ร้ายและมีห้องเก็บข้อมูลสำคัญ ที่กลุ่มสัตว์ร้ายเก็บข้อมูลที่ไม่สามารถบันทึกลงในกำไรข้อมือได้
จิวโมไป๋เดินเข้าไป พนักงานต้อนรับทำตามหน้าที่เช็คอินจิวโมไป๋ เข้าพักห้องชั้นที่ 3
ทันทีที่เข้าห้อง จิวโมไป๋ก็เปิดกำไรข้อมือ เขาเชื่อมต่อกำไรข้อมือของถงเหวย ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล และเชื่อมต่อเข้าระบบโรงแรม และแฮ๊คระบบโรงแรมได้อย่างง่ายดาย
“เหลือเชื่อจริงๆ”จิวโมไป๋ส่ายหัวเบาๆ เขาไม่คิดว่ามันจะง่ายขนาดนี้ โชคดีที่เขามาที่โรงแรม ก่อนที่ถงเหวยจะถูกพาตัวออกไปรักษา ทำให้เขาสามารถใช้สิทธิ์ของถงเหวยในการเข้าระบบของโรงแรม แฮ๊คระบบโดยใช้ตัวตนของถงเหวยได้โดยตรง ไม่อย่างนั้นคงไม่ง่ายขนาดนี้
จิวโมไป๋บันทึกข้อมูลทุกอย่างของโรมแรมและวีดีโอจากกล้องวงจรติด งบการเงินทั้งหมดส่งไปยังกำไลมือของถงเหวย
จากนั้นเขาก็แก้ไขระบบการเชื่อมต่อสัญญาณ กำไลข้อมือของถงเหวยและระบบของโรงแรมให้สูงขึ้น ทำให้สามารถเข้าดูข้อมูลทุกอย่างของโรมแรม ได้จากทุกที่ โดยไม่ต้องอยู่ในรัศมีของโรงแรม เมื่อมีข้อมูลใหม่ๆมันจะถูกส่งไปยังกำไลข้อมือของถงเหวยทันที หรือก็คือ ข้อมูลของโรงแรมและบันทึกวีดีโอจากกล้องวงจรติดทั้งหมดของโรงแรม จะไปอยู่ที่ถงเหวย
หลังจากนั้นเขาก็ทำการแก้ไขปกปิดข้อมูลทุกอย่างจนสะอาดเรียบร้อย แต่เพราะมีการเชื่อมต่อสัญญาณรับข้อมูล ทำให้ไม่สามารถปกปิดได้ 100% แต่ก็สามารถหลอกคนอื่นได้จนกว่าจะมีใครพบ และถึงจะตามสืบก็จะพบว่าข้อมูลถูกส่งไปที่ถงเหวย
ในกำไลของถงเหวย เขาทำการแฮ๊คเชื่อมต่อสัญญาณ มาที่กำไลข้อมือไร้ตัวตนของเขาเช่นกัน และกำไลข้อมือของเขา ถูกปรับแต่งให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้นยากแก่การตรวจสอบ ถึงแม้จะเกิดความผิดพลาดมีคนค้นพบ เขาสามารถหาวิธีเปลี่ยนจุดรับสัญญาณข้อมูลได้ หรือทำลายหลักฐานได้
เมื่อทำทุุกอย่างเสร็จเรียบร้อย รอเวลาครู่หนึ่ง จิวโมไป๋ก็ลบกลิ่นเหล้าออกจากร่างกาย และใส่ชุดดำมิดชิดทั้งตัวและเสื้อคลุมสีดำเหมือนเดิม
จิวโมไป๋ลอบออกจากหน้าต่างโรงแรมด้านหลัง เขาไม่ปกปิดตัวตนจากกล้องวงจรติดเสียด้วยซ้ำ
ชั้นที่ 9 ชั้นบนสุดเป็นชั้นปิดตาย มีทางเข้าออกแค่ทางเดียว ต้องเข้าผ่านทางชั้น 8 เท่านั้น
ชั้น 2-5 จะเป็นส่วนบริการลูกค้าบังหน้า ชั้น 6-8 จะเป็นชั้นที่ให้กลุ่มสัตว์ร้ายพัก เพื่อป้องกันชั้นที่ 9 ที่เก็บข้อมูลสำคัญ
จิวโมไป๋ปีนขึ้นไปชั้นที่ 8 จิตสัมผัสของเขาตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ชั้นที่ 6 7 และ 8 มีคนทั้งหมด 30 คน เกือบทุกคนเป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 3 ปลาย และมี 5 คนที่ ขั้นที่ 4 ต้น
แผนดึงความสนใจ เป็นไปได้ด้วยดี กลุ่มคนส่วนใหญ่ถูกดึงออกไป เพื่อตามหาคนร้าย และผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่ง ที่คอยเฝ้าชั้นที่ 8 ก็ถูกดึงตัวออกไป
ทำให้เขาสามารถ จัดการอะไรได้ง่ายขึ้น แต่ต้องแข่งกับเวลา
จิวโมไป๋ปีนไปที่หน้าต่างใกล้ทางขึ้นชั้น 9 ที่สุด เขาใช้พลังวิญญาณเปิดหน้าต่างจากด้านใน แต่ก็เปิดไม่ได้ เพราะเป็นการล๊อคปิดตาย จิวโมไป๋จึงดึง มีดผนึกโลหิตออกมา ค่อยๆตัดกรอบหน้าต่างอย่างช้าๆแผ่วเบา
โดยที่ไม่มีใครพบ เมื่อกรอบหน้าต่างหลุดออกมาจิวโมไป๋ใช้กำลังแขน โยนกรอบหน้าต่างไป บนต้นไม้ห่างออกไป เกือบ 30 เมตร และพุ่งเข้าไปจัดการยาม 3 คนที่เฝ้าทางขึ้นชั้น 9 ให้สลบ
เขาไม่เสียเวลาทำลานลักฐาน เพราะเขารู้ว่ากล้องวงจรจะจับภาพเขาได้แน่ การตรวจสอบเดินยามรักษาความปลอดภัยเข้มงวดอย่างมาก ถึงจะทำลายกล้องวงจรปิดก็ไร้ผล และเขาก็ไม่มีทางที่จะจัดการคนทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วแน่
เขาจึงตัดสินใจบุกเร็ว คว้าหลักฐาน แล้วรีบออกมา
ไม่เสียเวลาอีก จิวโมไป๋ขึ้นไปที่ชั้น 9 ทันที และเสียงสัญญาณบุกรุก ก็ดังขึ้น
เขาตรงเข้าห้องลับ และทำเป็นค้นห้องและทำลายกล้องวงจรปิด ในห้องทั้งหมด และใช้พลังวิญญาณ เปิดพื้นที่ใต้โซฟา เขาเอาแฟ้มเอกสาร ออกมาเปิดและถ่ายรูปบันทึกเอกสารทั้งหมด ก่อนจะเก็บพวกมันใส่ลงที่เดิม และปกปิดเหมือนกับว่าเขาหาอะไรไม่พบ
จากนั้นจิวโมไป๋ก็ทำการเผาห้อง เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะพุ่งออกไป
เมื่อออกจากห้องลับ เขาก็พบกลุ่มคนกำลังยืนถืออาวุธมีคมครบมือ และบางคนถือปืนเล็งตรงมาที่จิวโฒไป๋ กลุ่มคนพวกนี้ฝึกฝนมาอย่างดี พวกเขาไม่รีบร้อน ยืนอยู่ในจุดที่สามารถป้องกันทางเข้าออกได้ เพราะพวกเขารู้ว่าทางออกมีทางเดียว ผู้บุกรุกไม่สามารถออกทางอื่นได้แน่
จิวโมไป๋ยิ้มแผ่วเบา เขาเร่งประสามสัมผัสให้ตื่นตัวถึงขีดสุด ผิวหนังใต้เสื้อผ้าปกปิดมิดชิด ค่อยๆปรากฏเกล็ดมังกรทอง