ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 142
หัวหน้าคนขุดเหมืองตัวสั่นไม่กล้าโกหก เขาชี้ไปที่ร่างของจิวโมไป๋ที่สลบอยู่
ผู้อาวุโสวูพยักหน้าและพูดกับหัวหน้าคนขุดเหมือง“พาไปตรวจที่ห้องรักษา ถ้ามีอะไรผิดปกติส่งไปโรงพยาบาล ถ้าไม่มีปัญหาอะไร เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วให้พัก 3 วัน และเอาโบนัสพิเศษไป”
หัวหน้าคนขุดเหมืองพยักหน้ารับคำ แววตาไม่ซ่อนความอิจฉาแม้แต่น้อย
เมื่อคนพาร่างจิวโมไป๋ไปที่ห้องพยาบาล และบังเอิญห้องพยาบาล อยู่ไม่ไกลจากห้องเก็บเหล็กดำมากนัก และในเวลานี้กลุ่มผู้บ่มเพาะพลังส่วนหนึ่ง กำลังเข้าไปตรวจสอบโพรงถ้ำลึกไปด้านใน
โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีให้มากนัก จิวโมไป๋ลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ ใช้พลังวิญญาณหยุดการทำงานของกล้องวงจรติดและทำให้คนที่รักษาตัวเองอยู่สลบไป จากนั้นเขาแก้หัตถ์ถอดกระดูก ทำให้กระดูกขากลับเข้าที่ และลอบออกไป จนถึงห้องเก็บเหล็กดำ
จิวโมไป๋หยุดการทำงานของกล้องวงจรติด จากนั้นก็พุ่งเข้าไปจัดการยามรักษาความปลอดภัย เจ็ดคนที่เฝ้าอยู่จนสลบ จิตสัมผัสตรวจพบกุญแจที่ซ่อนไว้ข้างประตู เขาหยิบมันออกมาและ ใช้มันเปิดเข้าไปในห้องเก็บเหล็กดำ จิวโมไป๋ทำลายกล้องวงจรปิดทุกตัวในห้อง และใช้แหวนมิติเก็บของเก็บเหล็กดำทั้งหมด
จากนั้นจิวโมไป๋ก็รีบหลบหนีออกมาอย่างรวดเร็ว โดยไม่สนใจการปกปิดตัวเอง เพราะยังไงก็ซ่อนไม่ได้ ในตอนนี้เองเสียงสัญญาณก็ดังขึ้น
เขาใช้เวลาทั้งหมดเพียงแค่ 38 วินาที ตั้งแต่ออกจากห้องพยาบาล
จิวโมไป๋ชกหมัดจัดการ ยามรักษาความปลอดภัยที่ขวางประตูทางออก จนกระเด็นล้มไปหายามคนอื่น ยามด้านข้างยกปืนกลขึ้นจะยิงด้วยความตกใจ แต่จิวโฒไป๋หันไปเตะกวาดอย่างรุนแรง จนยามคนนั้นล้มลง
จิตสัมผัสของเขาตรวจพบยามสองคน ที่อยู่ไกลออกไปกำลังยกปืนกลขึ้นมา เขาหยิบเหล็กดำขนาดเล็กออกมา สอง ก้อน และขว้างไปจัดการยามทั้ง 2 คน เขาอาศัยจังหวะนี้วิ่งออกจากเหมือง ก่อนจะหันกลับมาโยนยันต์พายุ ระดับ 2 ไปที่ทางเข้าออกเหมืองและหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
พายุหมุนอันรุนแรงเกิดขึ้นขวางทางเข้าออกเหมือง ยามรักษาความปลอดภัยที่วิ่งตามมา ถูกพายุกระแทกกลับไปด้านหลัง คนที่ฝืนวิ่งฝ่าพายุออกไปต่างก็บาดเจ็บสาหัส ยันต์พายุ ระดับ 2 แม้ว่าจะมีขนาดเท่าเดิม แต่ความรุนแรงของมันมากขึ้นกว่าเดิม 3 เท่า ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 5 ลงมา ไม่สามารถผ่าพายุไปได้ และผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 สามารถฝ่าออกมาได้ แต่ไม่สมบูรณ์ อย่างน้อยต้องบาดเจ็บ
จิวโมไป๋ออกจากเหมืองมาได้ เขาไม่วิ่งผ่านหมู่บ้าน เขาเลือกที่จะวิ่งฉีกไปทางป่าด้านข้าง ขณะกำลังจะเข้าไปในพื้นที่ป่าไม้ คลื่นความร้อนอันรุงแรงก็กระแทกมาจากด้านหลัง จิวโมไป๋หันไปมองเล็กน้อย
เขาก็เห็น ชายอายุ 30 ปี พุ่งออกจากเหมืองแล้วใช้หอกยาวฟันพายุขาดครึ่งอย่างง่ายดาย พายุที่ถูกทำลายลอยขึ้นไปเกิดเป็นเปลวไฟสีแดงลุกไหม้ จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสมองอยู่ ใบหน้าก็เปลี่ยนสี เขาเร่งความเร็วขึ้น
ผู้ใช้หอกหมุนหอกอย่างรวดเร็ว พายุเพลิงถูกม้วนไปตามหอก ก่อนจะแทงตรงออกไปอย่างรุนแรง พายุเพลิงเหมือนวิหกเพลิงพุ่งทะยานไปทางที่จิวโมไป๋อยู่ ต้นไม้แถวนั้นถูกเผาไหม้กวาดทำลายราบเป็นหน้ากอง และลุกไหม้อย่างน่ากลัว
จิวโมไป๋เหงื่อไหลออกมาเป็นสายน้ำ เขาไม่ชักช้าเสียเวลา เขาวิ่งเข้าไปในป่าโดยอาศัยจิตสัมผัส ในใจด่าทอในความโชคร้ายของตัวเอง
เขาไม่คิดเลยว่าคนที่เขาพบจะเป็น หอกผลาญฟ้า เซียวฮั่นหยาง อัจฉริยะผู้ถูกทอดทิ้งของตระกูลเซียวที่นี่
แม้ว่าจะเป็นคนของตระกูลเซียว แต่เซียวฮั่นหยาง เป็นบุคคลที่น่านับถืออย่างมาก ตัวตนของเซียวฮั่นหยาง ไม่มีใครรู้ รู้แต่ว่าเขาใช้แซ่เซียว และเป็นสมาชิกตระกูลเซียวเท่านั้น
แต่ชื่อของเซียวฮั่นหยาง ไม่ถูกจัดเข้าไปในลำดับตระกูลเซียว ตั้งแต่วันที่เขาเกิดจนถึงวันที่เขาจากไป
เซียวฮั่นหยาง ไม่ได้บ่มเพาะเคล็ดบ่มเพาะพลังประจำตระกูลเซียว และเคล็ดวิชาต่อสู้ทั้งหมดที่เขาใช้ ไม่มีวิชาต่อสู้ของตระกูลเซียวเลย แม้แต่วิชาเดียว นอกจากแซ่ตระกูลและที่อยู่อาศัย เซียวฮั่นหยางไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเซียวเลยแม้แต่นิดเดียว
เขาเหมือนเป็นคนนอก ที่อาศัยอยู่ในตระกูลเซียวเท่านั้น
คนของตระกูลเซียว ต่างก็รังเกียจและหวาดกลัวเซียวฮั่นหยาง ในเวลาเดียวกัน
ที่เขาชื่นชมเซียวฮั่นหยาง เพราะในเวลาที่พลังธรรมชาติพลุ่งพล่าน ประตูมิติถูกเปิดออก เซียวฮั่นหยางเขาช่วยเหลือคนธรรมดาอย่างสุดความสามารถ เขาเอาตัวเข้าขัดขวางสัตว์อสูรต่างมิติด้วยตัวคนเดียว เพื่อให้ผู้คนได้หลบหนี สุดท้ายเขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส และ ตกลงไปในประตูมิติ จนเวลาผ่านไปครึ่งปี เขาก็กลับมาพร้อมกับความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น
ตัวตนของเซียวฮั่นหยาง ในตระกูลเซียวก็ไม่เพิ่มขึ้น เขายังเป็นคนนอกที่ใช้แซ่เซียวเหมือนเดิม แม้ในเวลาต่อมาเซียวฮั่นหยางจะสร้างชื่อเสียง จนได้รับฉายาหอกผลาญฟ้า ฉายาอหังการ์ ที่แม้แต่เทพยุทธยังไม่กล้าใช้
เขาก็ยังถูกตระกูลเซียวปฏิบัติเหมือนเดิม สุดท้ายหลังจากประตูมิติเปิดออก 15 ปี เซียวฮั่นหยาง ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ เหลือทิ้งไว้แค่ตำนานเท่านั้น
จี้หยางเฟยที่เป็นรุ่นต่อมา เขาเคยท้าสู้กับเซียวฮั่นหยาง และก็ได้รับความพ่ายแพ้ไป แม้ภายหลังจี้หยางเฟยจะกลายเป็นผู้บ่มเพาะพลังไร้ผู้ต่อกร แต่เขาก็ไม่มีโอกาสต่อสู้แก้มือกับเซียวฮั่นหยาง เพราอีกฝ่ายจากไปแล้ว
ในตอนนี้เซียวฮั่นหยาง เป็นผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 และเป็นใช้ธาตุไฟ เขาสังเกตไฟที่เซียวฮั่นหยางใช้ มันรุนแรงกว่าไฟปกติ แต่เพราะต้องหลบหนี ทำให้เขาไม่สามารถตรวจสอบได้
จิวโมไป๋หลบหนีไปตามต้นไม้หนาแน่น เพราะจิตสัมผัสที่แข็งแกร่ง ทำให้เขาสามารถหาช่องทางพุ่งผ่านไปได้ โดยไม่ติดขัด แต่เซียวฮั่นหยางที่ตามมาก็ไม่ได้ทิ้งห่างมากนัก เพราะระดับการบ่มเพาะพลังสูงส่ง แม้ไม่มีจิตสัมผัส แต่ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ที่เฉียบคม ทำให้เซียวฮั่นหยางสามารถตามตัวจิวโมไป๋ได้
เมื่อถูกปิดกันขวางทาง เซียวฮั่นหยางก็จะใช้หอกเพลิงทำลายทางที่ขวางหน้าอย่างง่ายดาย จิวโมไป๋เห็นเศษไม้ที่ถูกเผาไหม้กระจัดกระจายไปรอบๆ เขาก็โยนยันต์พายุระดับ 2 เข้าใส่ เกิดพายุลุกไหม้ท้วมร่างของเซียวฮั่นหยาง
แต่เซียวฮั่นหยางก็ปัดพายุเหล่านั้น กระเด็นออกไปได้ง่ายๆไม่กินแรง เขาก็พุ่งตามจิวโมไป่อีกครั้ง
จิวโมไป๋หลอกล่อไปตามที่ต่างๆ เพื่อสลักเซียวฮั่นหยางให้หลุด แต่ก็ไม่หลุด จนเขาหันไปเห็นหน้าผาสูง จิตสัมผัสของเขาตรวจพบว่า บนหน้าผามีก้อนหินจำนวนมาก เขาไม่รอช้า เร่งพลังอย่างเต็มที่ หมัดของเขากลายเป้นเกล็ดมังกร จิวโมไป๋พุ่งเข้าหาหน้าผาและชกเต็มแรง
ตูม! หน้าผาสั่นคลอนอย่างรุนแรง
เปรี้ยง! เสียงแตกหักดังขึ้นพร้อมกับ ดินที่เกาะตัวบนยอดหน้าผาแตกออก ทำให้ก้อนหินที่อยู่ด้านบนกลิ้งตกลงมา จิวโมไป๋หลังจากชกหมัดออกไป เขาก็วิ่งผ่านไปในทันที
เซียวฮั่นหยางเห็นทั้งหมดอยู่แล้ว เขาไม่มีท่าทีตกใจ หอกในมือเหมือนแตกตัวได้ หอกนับไม่ถ้วนทิ้มแทง ใส่ก้อนหินที่ตกลงมา แตกกระจายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
แต่เพราะเซียวฮั่นหยางมัวแต่เสียเวลาทำลายก้อนหิน ทำให้ระยะห่างเพิ่มขึ้น จิวโมไป๋วิ่งไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็ถึงจุดที่เขาวางแผนไว้ เขาเร่งความเร็วพุ่งตัวไปทันที เซียวฮั่นหยางพุ่งตามมาด้านหลังแปลกใจเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงวิ่งตาม จิวโมไป๋หลบหนีไปจนถึงน้ำตกขนาดเล็ก เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย กระโดดลงไปทันที
ตูม!
เซียวฮั่นหยางพุ่งตามมาถึง เขากวาดตามองรอบๆไม่มีที่ให้หลบซ่อนตัวได้ เขายืนรออยู่ครู่ใหญ่ จิวโมไป๋ก็ไม่โผล่ขึ้นมา เซียวฮั่นหยางก็ส่ายหน้าเบาๆ กดกำไลข้อมือ ติดต่อขอกำลังค้นมาตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมด