ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 173
โรงชำแหละเนื้อสัตว์อยู่ห่างจากตัวเมืองฉางอันกว่า 10 กิโลเมตร เพราะกลิ่นของมันจะรบกวนชาวเมือง พื้นที่โดยรอบโรงชำแหละเนื้อมีป่าไม้สูงล้อมรอบ ทำให้โรงงานชำแหละเนื้อสัตว์เป็นพื้นที่แยกตัวออกมาอย่างสันโดษ มีทางเข้าแค่ 2 ทางด้านหน้ามาจากเมืองฉางอัน และทางด้านหลังมีทางเชื่อมไปที่โรงงานกำจัดขยะที่ไกลออกไปอีก 5 กิโลเมตร
จิวโมไป๋และคนอื่นๆซุ้มอยู่นอกโรงงานชำแหละเนื้อสัตว์ ผู้คุ้มกันของมู่คังรออยู่บนรถยนต์ ที่จอดห่างออกไปเล็กน้อย ถ้าพวกเขาไม่ออกมาภายในเวลา 20 นาที ผู้คุ้มกันจะตามเข้ามาช่วยเหลือทันที
โรงงานชำแหละเนื้อสัตว์ไม่ได้สร้างกำแพง เป็นกำแพงทึบ แต่สร้างเป็นรั้วตะแกรงเหล็ก ทำให้สามารถมองเข้าไปข้างภายได้ รวมถึงสามารถมองตรวจสอบภายนอกจากด้านในได้เช่นกัน
แต่น่าแปลกที่โรงงานชำแหละเนื้อสัตว์ ไม่มียามรักษาความปลอดภัยเดินตรวจเลยแม้แต่คนเดียว
มู่คังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ที่คุ้นเคยเหมือนกับที่สวนสนุกร้าง แต่ที่นี่ดูเหมือนจะน่ากลัวสยองขวัญกว่าสวนสนุกร้างหลายเท่า เขาเผลอกลืนน้ำลาย
คนที่เหลือไม่เคยเจอเหตุการณ์วิญญาณ โดยตรงมาก่อน เคยแค่เหตุการณ์วิญญาณหลอกๆที่จิวโมไป๋สร้าง แต่พวกเขาได้ฟังมู่คังเล่าเรื่องสวนสนุกร้าง ก่อนมาที่นี่ ทำให้พวกเขารู้ถึงความน่ากลัวของมัน
“ทุกคนรอฉันอยู่ที่นี่ ฉันจะไปสร้างข่ายอาคมรอบๆ”จิวโมไป๋กล่าวกับคนอื่นๆ
“น้องเล็กให้ฉันไปด้วยไหม”หวังเสี่ยวเปาถามขึ้น ขณะที่เปิดกล่องใส่อาวุธ ดึงหอกดำที่ถูกดัดแปลงออกมา
เฉินหูใส่ถุงมือเหล็กแล้วยืนมองไปรอบๆ เขาพร้อมที่จะตามไปด้วย
มู่คังจับดาบสั้น อาวุธของตัวเอง เขาก็จะตามไปด้วย
อูเหวินถือกล่องใส่อาวุธด้วยสติที่ไม่มั่นคง เขายังไม่ได้เตรียมตัวด้วยซ้ำ
“พี่สาม พี่เป็นอะไรหรือเปล่า? ถ้าไม่พร้อมกลับไปรอพวกเราที่รถก่อนก็ได้นะ”จิวโมไป๋ถามอูเหวินด้วยความเป็นห่วง ท่าทางของอูเหวินแปลกไปตั้งแต่เมื่อวาน
“ขอโทษที ฉันคิดอะไรอยู่”อูเหวินส่ายหัวก่อนจะยิ้มตอบ และก้มหน้าเปิดกล่องใส่อาวุธ โดยที่พูดอะไร
จิวโมไป๋ถอนหายใจเล็ก ก่อนจะนำทั้งหมด ไปเดินไปตามรอบนอกของโรงงานชำแหละเนื้อสัตว์ เพื่อวาดข่ายอาคม
จิวโมไป๋วาดข่ายอาคม 2 ชั้น ชั้นแรกเป็นข่ายอาคมกักขังวิญญาณ ที่สามารถป้องกันไม่ให้วิญญาณภายในหลบหนีออกไปได้ อีกข่ายอาคมเป็นข่ายอาคมซ่อนพลัง มีความสามารถซ่อนพลังตามชื่อ สามารถปกปิดร่องรอยการใช้พลังวิญญาณ เพื่อไม่ให้สิ่งที่อยู่ภายในโรงงานชำแหละเนื้อสัตว์รู้ตัว
เขากลัวว่าวิญญาณร้าย ภายในโรงชำแหละเนื้อสัตว์จะรู้ตัว ว่าเขาสร้างข่ายอาคมปิดตายโรงชำแหละ และหาวิธีหลบหนีไป ทำให้เขาไม่สามารถตามจับมันได้อีก
จิวโมไป๋ใช้วัตถุดิบสำหรับสร้างข่ายอาคม ผสมลงไปกับพลังวิญญาณสีทอง เสริมความแข็งแกร่งของข่ายอาคม
มู่คังและเฉินหูดูจะสนใจวิธีสร้างข่ายอาคมของจิวโมไป๋เป็นอย่างมาก แต่จิวโมไป๋บอก เขายังไม่สามารถสอนพวกเขาได้ เพราะระดับการบ่มเพาะจิตวิญญาณของทั้งสองน้อยเกินไป
เมื่อทุกอย่างพร้อม
จิวโมไป๋ก็เปิดข่ายอาคม แต่ทุกอย่างเงียบสงบไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ทุกคนที่รอดูฉากเหนือธรรมชาติ ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
“ฉันใช้ข่ายอาคมซ่อนพลัง ปิดบังเอาไว้ ทำให้เมื่อข่ายอาคมทำงาน มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”จิวโมไป๋อธิบาย เมื่อเห็นท่าทางของคนอื่น
เมื่อพร้อมแล้ว พวกเขาเข้าโรงงานชำแหละเนื้อสัตว์ทางด้านข้าง จิวโมไปห้ามไม่ให้ใช้จิตสัมผัส เขายังไม่อยากให้สิ่งที่อยู่ภายในโรงชำแหละรู้ตัว เขาจำรายงานของเหตุการณ์วิญญาณ โรงงานเนื้อมนุษย์ได้ว่า ความสามารถของอาณาเขตวิญญาณของ ปีศาจนักชำแหละ คือ การควบคุมศพมนุษย์ มาเป็นคนงานโรงชำแหละ
คนงานโรงชำแหละ มีลักษณะเหมือนกับซอมบี้หรือผีดิบ แต่จะแตกต่างกันคือคนงานโรงชำแหละ จะเป็นเศษเสี้ยววิญญาณของปีศาจนักชำแหละ ทำให้มันมีความคิดอ่านเหมือนปีศาจนักชำแหละแทบจะทุกอย่าง
แต่คนงานโรงชำแหละจะอ่อนแอกว่าปีศาจนักชำแหละตัวจริง เพราะคนงานโรงชำแหละจะไม่สามารถใช้ความสามารถบางอย่าง ของปีศาจนักชำแหละได้ และความแข็งแกร่งของร่างกายจะขึ้นอยู่กับร่างกายศพที่มันควบคุม
จิวโมไป๋พาคนอื่นลอบเข้าไปทางหน้าต่างชั้นสอง พวกเขาจะไม่ปะทะโดยตรง เพื่อออมแรง ใช้กำลังให้น้อยที่สุด
เขาจำได้ว่าคนงานโรงชำแหละ จะไม่มีความเหนื่อยล้า พวกมันสามารถต่อสู้ต่อไปแม้ร่างกายจะถูกทำลายจนไม่เหลือสภาพสมบูรณ์ จุดอ่อนมีเพียงตัดหัว หรือใช้พลังวิญญาณทำลายพวกมันโดยตรง
แต่มีอีกวิธีคือ ใช้พลังธาตุ พลังธาตุจะสามารถทำลายวิญญาณพวกนี้ได้ โดยที่ไม่ต้องโจมตีโดนจุดอ่อน แต่วิธีนี้ทุกคนไม่สามารถทำได้ ต้องเป็นคนที่สามารถตระหนักกฏแห่งธาตุ
ในการกวาดล้างโรงงานชำแหละเนื้อสัตว์ในอดีต คนของหน่วยลับไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับวิญญาณเลย ทำให้เกิดการต่อสู้ยืดเยื้อกินเวลา แม้ในที่สุดก็สามารถกำจัดปีศาจนักชำแหละได้ แต่คนของหน่วยลับได้สูญเสียกำลังคนไปเป็นจำนวนมาก
จิวโมไป๋ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เหมือนในอดีต เขาพยายามประหยัดแรงของทุกคนให้มากที่สุด
พวกเขาเข้าไปในโรงงานจากหน้าต่างชั้นสอง จิวโมไป๋พาพวกเขาผ่านทางเล็กๆ เพื่อลงไปด้านล่าง
เขาจำห้องที่ปีศาจนักชำแหละอยู่ได้ เพราะเหตุการณ์วิญญาณโรงงานเนื้อมนุษย์กลายเป็น เหตุการณ์วิญญาณตัวอย่างที่คนอื่นต้องศึกษา ทำให้เขาจำเส้นทางได้ดี
ในตอนนี้ยังมีเวลากว่า 1 เดือน ก่อนที่ปีศาจนักชำแหละจะถูกกำจัด เขาไม่รู้ว่าวิญญาณแค้น จะกลายเป็นปีศาจนักชำแหละหรือยัง เขาต้องไม่ประมาท
แต่เมื่อพวกเขาลงไปด้านล่างกลิ่นเหล็กเหม็นเลือดปะทะเข้าจมูก
“กลิ่นอะไร เหม็นชะมัด”มู่คังเบ้หน้ากระซิบแผ่วเบา เขาเป็นคุณชายที่ไม่เคยได้รับความยากลำบากมาก่อน เขาไม่คุ้นเคยกับกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนแบบนี้
คนอื่นๆก็ไม่คุ้นชินเหมือนกัน พวกเขาย่นจมูกยกมือขึ้นมาปิดโดยไม่รู้ตัว มีเพียงจิวโมไป๋ที่ไม่มีอาการอะไร
จิวโมไป๋มองไปรอบๆ ไม่เห็นการเคลื่อนไหวอะไร เขาก็พาคนอื่นเข้าไปด้านใน กลิ่นเหม็นยิ่งแรงขึ้นเรื่อยๆ มู่คังหน้าเสียไปเล็กน้อย แต่ก็ยังฝืนตามหลังคนอื่นๆ
เคร้ง
เสียงโซ่กระทบกันดังขึ้นในความมืด ทุกคนหยุดเท้าลง มองสบตากันเล็กน้อย จิวโมไป๋ย่อตัวลงค่อยๆย่องไปทางต้นเสียง คนอื่นๆทำตามจิวโมไป๋ เดินตามหลังไม่ห่าง
จนมาถึงห้องหนึ่งที่มีขนาดใหญ่ กลิ่นเลือดหนาแน่นกระทบจมูกทำให้ทุกคนต้องกลั่นใจสะกดสภาวะสะอิดสะเอียน
ป้ายหน้าห้องเขียนว่า ห้องเชือด
จิวโมไป๋มองผ่านช่องว่างประตูเหล็กเลื่อนประมาณ 1 นิ้ว เข้าไปใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย หมัดเผลอกำแน่นโดยไม่รู้ตัว
เฉินหูที่อยากรู้เขาชะโงกหัวมาต่ำกว่าจิวโมไป๋ มองผ่านเข้าไปเห็นร่างของหมูถูกแขวนอยู่บนโซ่เหล็กหลายตัว ร่างของหมูที่ถูกกลับหัวมาด้านล่าง ลำคอถูกปาดเป็นร่องลึกขนาดใหญ่ เลือดสีแดงสดจากลำคอ ไหลตกลงไปที่รางใส่เลือดไหลออกไปตามรางยาว
เฉินหูขมวดคิ้วและถามด้วยความสงสัย
“ทำไมกินเลือดหมูถึงแปลกแบบนี้”เขาถามเพราะกลิ่นเลือดหมูไม่เหมือนที่เขาเคยได้กลิ่น
“พี่รองลืมที่ฉันบอกแล้วเหรอ ว่าให้ใช้พลังจิตวิญญาณไว้ที่ดวงตาตลอดเวลา”จิวโมไป๋พูดกระซิบบอก เขาถอนตัวออกจากประตูเลื่อนเหล็ก ให้คนอื่นได้เข้ามาดูแทน
“ถ้าเห็นอะไรแล้วอย่าส่งเสียงดัง”จิวโมไป๋กล่าวเตือนอีกครั้ง
เฉินหูและคนอื่นๆประหม่าเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำเตือน พวกเขาใช้พลังจิตวิญญาณไว้ที่ดวงตา ภาพเบื้องหน้าพลันเปลี่ยนไป ศพหมูที่ห้อยอยู่ กลายเป็นศพมนุษย์ที่ถูกโซ่ห้อยขากลับหัวลงด้านล่าง ลำคอมีถุูกปาดเลือดสีแดงสด ที่เหลือในร่างค่อยๆหยดลงไปบนรางน้ำเลือดไหลลงไปยังที่อื่น
ใบหน้าของทุกคนพลันซีดเผือก ยังดีที่จิวโมไป๋เตือนเอาไว้ก่อน พวกเขาจึงไม่ร้องออกมา แต่มู่คังเหมือนจะไม่ไหว เขาฝืนบังคับร่างเดินไปที่มุมๆหนึ่งแล้วอ้วกออกมาด้วยเสียงที่เบาที่สุด ด้วยท่าทางทรมาน
“น้องเล็กที่นี่”หวังเสี่ยวเปาถามเสียงเบา
“อย่างที่ฉันได้บอกก่อนแล้วว่า ในช่วงหลายวันมานี้ มีเหตุการณ์คนหายจำนวนมากเกิดขึ้น เบาะแสที่ฉันสืบชี้มายังที่นี่ ฉันจึงคิดว่าที่นี่ มีเหตุการณ์ที่เหมือนกับสวนสนุกร้าง”จิวโมไป๋อธิบาย
“ฉันไม่คิดว่าคนที่หายตัวไปจะถูกทำให้เป็นแบบนี้”จิวโมไป๋โกหกไม่บอกตรงๆ
ทั้งสามได้ยินก็ใบหน้าเปลี่ยนไป เฉินหูที่ใจกล้าลอบมองเข้าไป เขาพยายามนับร่างบนโซ่เหล็กทั้งหมด เขานับศพมนุษย์ได้กว่า 100 ร่าง และจากแผนที่ที่จิวโมไป๋เคยให้พวกเขาดู ห้องเชือดมีมากกว่า 10 ห้อง ถ้านับแบบน้อยที่สุด ห้องหนึ่งมี 100 ร่าง หมายความว่ามีศพมนุษย์มากกว่า 1,000 ร่าง
อูเหวินที่สติเริ่มกับมา ได้ยินดังนั้นแววตาของเขาก็เปลี่ยนไปเป็นโกรธแค้น
มันหมายความว่า จะต้องมีมากกว่า 1,000 ครอบครับที่ต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัว ถ้าเสาหลักของครอบครัวหายไป ครอบครัวนั้นจะเป็นยังไง
คลืนน
เสียงเลื่อนประตูเลื่อนเหล็กดังขึ้น พร้อมกับชายร่างกำยำในชุดเสื้อกล้ามสีขาวสกปรก ด้านหน้ามีผ้ากันเปื้อนที่ชุ้มไปด้วยเลือด มีทั้งเลือดเก่าที่แห้งไปแล้วจนดำ และเลือดใหม่ที่ยังแดงสดอยู่ มันกำลังลากร่างของหญิงสาวคนหนึ่งออกจากห้องด้านข้าง
“ได…ได้โปรดปล่อยฉันไป! ใครก็ได้ ใครก็ได้ช่วยด้วย!”หญิงสาวเห็นร่างมนุษย์ที่ห้อยกลับหัว เธอก็กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง เธอพยายามดิ้นรน แต่ก็สู้แรงของชายร่างกำยำไม่ได้ เธอถูกดึงมาที่เครื่อง ที่มีโซ่ห้อยลงมา ใบหน้าของหญิงสาวกลายเป็นว่างเปล่า เธอกลัวจนสติหลุดไปแล้ว
“น้องเล็ก นายบอกว่า นายสร้างข่ายอาคมป้องกัน ไม่ให้พวกนี้หนีออกไปได้ ถ้าฉันจะ…”
จิวโมไป๋ยกมือขึ้นก่อนที่อูเหวินจะพูดจบ
“แผนสามารถเปลี่ยนได้ตลอด”จิวโมไป๋มองตรงไปยังคนงานโรงชำแหละ กระบี่เลือนเร้นในร่างของเขาสั่นระริก
—