ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 175
เสียงของมู่คังดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบเชียบ คนงานโรงชำแหละ 3 คน ที่อยู่ภายในห้องชำแหละหันมาทางต้นเสียง พวกมันยกมีดชำแหละขึ้นและพุ่งเข้าหากลุ่มของพวกเขาทันที
หมอกสีแดงเลือดค่อยๆปกคลุมทั่วห้องชำแหละ ดวงตาของคนงานโรงชำแหละกลายเป็นสีแดงเลือด ร่างของพวกมันปกคลุมไปด้วยหมอกสีเลือดน่าสะพรึงกลัว อุณหภูมิที่ติดลบเพื่อแช่แข็งเนื้อและเครื่องในที่เย็น หนาวเย็นยิ่งกว่าเดิม
จิวโมไป๋หยิบยันต์ขึ้นมา 7 แผ่น โยนไปให้ทุกคนร่วม ก่อนจะเกิดม่านบางๆป้องกันหมอกสีเลือด
หวังเสี่ยวเปา หันไปมองอูเหวินเล็กน้อย พวกเขาทั้งสองพุ่งเข้าไปจัดการตัวที่อยู่ซ้ายสุด หอกเหล็กแทงเข้าใส่ร่างของคนงานโรงชำแหละอย่างแรง แต่มันยกแขนขึ้นมาป้องกันอย่างรวดเร็ว หอกเหล็กแทงเข้าไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแตกต่างจากการต่อสู้ที่ผ่านๆมาอย่างสิ้นเชิง
อูเหวินอ้อมไปด้านข้างฟันมีดสั้นเฉือนเอ็นร้อยหวายที่ข้อเท้าคนงานโรงชำแหละ แต่ก็ไม่เข้า เหมือนมีม่านพลังบางอย่างป้องกันเอาไว้
“ระวัง ความแข็งแกร่งของพวกมันอยู่ขั้นที่ 4 ปลาย และมีพลังบางอย่างที่ทำให้การโจมตีธรรมดาเบาลง ต้องใช้พลังวิญญาณเสริมความแข็งแกร่งลงไปในอาวุธ”จิวโมไป๋พูดเตือนคนอื่นๆ เพราะเขาสัมผัสได้ถึงอาณาเขตวิญญาณของปีศาจนักชำแหละ สัญชาตญาณในการต่อสู้ของคนงานโรงชำแหละจะเพิ่มขึ้น มันไม่โง่ยืนรับการโจมตีตรงๆอีกแล้ว รวมทั้งความแข็งแกร่งของร่างกายที่ทนทานต่อการโจมตี
จิวโมไป๋บอกคนอื่น ส่วนตัวเขาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว เข้าไปฟันกระบี่เลือนเร้นใส่คนงานโรงชำแหละตรงกลาง แต่มันยกมีดชำแหละฟันสวนกลับ เหมือนต้องการแลกการโจมตี
จิวโมไป๋รู้ได้ทันที ว่าปีศาจนักชำแหละกำลังควบคุมคนงานโรงชำแหละพวกนี้ด้วยตัวเอง
ดูเหมือนว่าการที่เขาช่วยตัวประกันออกไปก่อน จะเป็นการขัดขวางการพัฒนาของมัน ทำให้มันต้องหยุดการพัฒนา
จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบห้องด้านล่าง เขาก็พบว่าคนงานโรงชำแหละที่เฝ้าอยู่ด้านล่างทยอยกันขึ้นมา
จิวโมไป๋ตัดสินใจจบการต่อสู้ทันที เขาใช้ย่างก้าวประกายภูต หลบมีดชำและที่ฟันลงมา กระบี่เลือนเร้นห่อหุ้มพลังวิญญาณแทงออกไปทะลุลำคอของคนงานโรงชำแหละ และตัดออกหัวของมันก็ขาดกระเด็น ร่างของเขาก็หมุนตัวฟันใส่คนงานโรงชำแหละอีกตัวที่เหลือ แต่มันยอมเสียสละแขนทั้งสองข้างที่ยกขึ้นมากันคมกระบี่
คมกระบี่ตัดแขนทั้งสองข้างลง แต่แรงฟันกระบี่นั้นเบากว่าอาวุธประเภทอื่นอยู่แล้ว ทำให้คมกระบี่ฟันเข้าลึกครึ่งคอก็หยุดลง คนงานโรงชำแหละพยายามเกร็งคอยึดกระบี่ไม่ให้จิวโมไป๋ดึงกลับ
คนงานโรงชำแหละที่หวังเสี่ยวเปาและอูเหวินกำลังสู้อยู่ เปลี่ยนเป้าหมายพุ่งเข้าหาจิวโมไป๋
แต่จิวโมไป๋เหมือนจะรู้อยู่แล้ว เขาไม่ตกใจ มืออีกข้างยกขึ้นมารับหมัดของคนงานโรงชำแหละ แรงปะทะทำให้ร่างของจิวโมไป๋ลอยขึ้นเหมือนจะกระเด็นออกไป แต่จิวโมไป๋ใช้โอกาสนี้หมุนตัวดึงกระบี่ที่ติดอยู่ออกมา และฟันชำไปที่คอของคนงานโรงชำแหละที่คอใกล้ขาดจนหลุดออก และแทงกระบี่ไปที่กลางอกของคนงานโรงชำแหละที่ชกเขา ทำให้มันกระเด็นกลับไป
ในจังหวะนี่เอง หวังเสี่ยวเปาก็ใช้หอกแทงเข้าที่คอด้านหลังของคนงานโรงชำแหละ และหมุนหอกเฉือนคอคนงานโรงชำแหละออกมา
จิวโมไป๋มองไปหวังเสี่ยวเปา ที่สามารถใช้พลังวิญญาณห่อหุ้มอาวุธได้แล้ว โดยไม่ต้องเสียเวลารวบรวมพลัง สามารถใช้ออกได้อย่างใจคิด การฝึก 1 วันดูเหมือนหวังเสี่ยวเปาจะซึมซับไปได้เป็นอย่างดี
เมื่อสังเกตหวังเสี่ยวเปา เขาก็พบว่าในตอนนี้ระดับจิตวิญญาณของหวังเสี่ยวเปาอยู่ที่ระดับทองแดง ตอนไหนเขาก็ไม่รู้
แม้จะช้าไปบ้าง เพราะไม่ได้ฝึกอย่างจริงจัง แต่ก็เร็วกว่าเฉินหูและอูเหวินที่ฝึกพร้อมกัน
ในระหว่างที่พวกเขาพึ่งกำจัดคนงานโรงชำแหละทั้ง 3 ไปได้
ก็มีเสียงเดินย่ำเท้าเข้ามา พร้อมกับร่างของคนงานโรงชำแหละ สิบกว่าคนเข้ามาในห้องชำแหละ
จิวโมไป๋เตรียมพร้อมอยู่แล้ว เขายกมือขึ้น ข่ายอาคมบนพื้นที่เขาลอบวาดเอาไว้ ส่องแสงสีทอง กลายเป็นเชือกแสงมัดคนงานโรงชำแหละทุกตัว โดยที่เขาไม่สนว่าจะใช้พลังวิญญาณมากเกินไป
เมื่อเห็นว่าจิวโมไป๋สามารถหยุดคนงานโรงชำแหละได้อย่างง่ายดาย หวังเสี่ยวเปา เฉินหู อูเหวิน และมู่คังที่พึ่งฟื้นตัวหลังทำใจ พวกเขารีบเข้าไปจัดการคนงานโรงชำแหละที่ขยับไม่ได้ทันที
แต่มีเพียงแค่อูเหวินและหวังเสี่ยวเปาเท่านั้น ที่สามารถจัดการพวกมันได้เร็ว
มู่คังช้ากว่าคนอื่นเล็กน้อย เพราะเขายังไม่ชำนาญในการใช้พลังวิญญาณ แต่เฉินหูดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เพราะเขาไม่มีอาวุธมีคม และการใช้พลังวิญญาณของเขาอ่อนด้อยที่สุด
เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยที่ยืนอยู่บนผนังไม่ยอมลงมา พวกมันขยับตัวเข้าไปช่วยจัดการคนงานโรงชำแหละ
แต่ในตอนนั้นเองหมอกเลือดสีแดงพลันเข้มขึ้น จนหมอกเกือบกลายเป็นของเหลว คนที่ต่อสู้อยู่เผลอกลั่นหายใจอย่างสะอิดสะเอียน
จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบปีศาจนักชำแหละ แต่เขาก็ชะงักเล็กน้อยเพราะมันไม่ได้อยู่ที่ห้องด้านล่างแล้ว
พื้นห้องชำแหละที่เปียกชุ้มไปด้วยของเหลวสีแดงเลือด ก็มีร่างกำยำสูง 3 เมตร โผล่ขึ้นมา ร่างกายของมันแดงก่ำชุ้มไปด้วยเลือดดวงตาดำสนิท เหมือนไม่มีความรู้สึก มีดชำแหละในมือของมันส่งกลิ่นอายเคียดแค้นชิงชังราวสาปแชงทุกสิ่ง
ทุกคนหยุดยืนนิ่งเต็มไปด้วยความกลัว เมื่อพบกับจิตสังหารที่กระหายในการฆ่า สัญชาตญาณบอกให้พวกเขารีบวิ่งหนีไป
จิวโมไป๋มองไปที่วิญญาณร้ายสีเลือด เขาก็ลดความตึงเครียดลงเล็กน้อย เพราะวิญญาณร้ายตรงหน้า ยังไม่พัฒนาเป็นปีศาจนักชำแหละ
กระบี่เลือนเร้นในร่างของเขา สั่นไหวอย่างรุนแรง มันอยากจะออกมาสังหารวิญญาณร้ายสีเลือดตรงหน้า
…
ส่วนลึกใต้เกาะโดดเดี่ยว
ส่วนลึกสุดของเขาวงกตโครงกระดูก ใต้หน้าผาอันมืดสนิทถูกปกคลุมไปด้วยเศษผงสีขาว เหลืองและดำ ที่ละเอียดเหมือนเม็ดทรายบนชายหาด
เปรี๊ยะ เสียงพลังงานบางอย่างปะทะกันเบาๆ เศษผงนูนขึ้นก่อนจะแหวกออกเป็นมือกระดูกสีเขียวมรกตโผล่ขึ้นมา มือกระดูกจับด้านข้างก่อนจะดึงร่างโครงกระดูกสีเขียวเข้มขึ้นมา ดวงตาทั้งสองข้างของหัวกะโหลก มีแสงไฟพลังงานสีเขียวสว่าง เต็มไปด้วยพลังชีวิต เมื่อมันยกตัวขึ้นมา ตรงซี่โครงกระดูกอกซ้ายมีก้อนสีเขียวเข้ม ส่องแสงสว่าง และก้อนพลังงานสีเขียวเชื่อมต่อกับใยพลังงานเกาะตามโครงกระดูกกระจายไปทั่วร่าง ทำให้แม้อยู่ในความมืดมิด แต่จะเห็นเส้นแสงเหมือนเส้นเลืิอดสีเขียวสว่างในความมืด
โครงกระดูกสีเขียว ยืนขึ้นช้าๆมันกวาดตาผ่านความมืดไปรอบๆ และค่อยๆเดินไปที่หน้าผา มันใช้มือกระดูกที่ดูบอบบางแทงเข้าไปในหน้าผาอย่างง่ายดาย และค่อยๆปีนขึ้นไปบนหน้าผา
ใช้้เวลาเพียงเล็กน้อยโครงกระดูกสีเขียวโผล่ขึ้นมาฝั่งตรงข้ามกับประตูยักษ์ โครงกระดูกสีเขียวหันไปมองไปยังประตูยักษ์เล็กน้อย ร่างของมันก็สั่นระริกด้วยความหวาดกลัว มันหันหัวกระโหลกหนีทันที
กล๊อบแกล๊บ โครงกระดูกที่อยู่บนหน้าผาหันมาทางโครงกระดูกสีเขียวพร้อมกัน พวกมันพุ่งเข้าใส่อย่างไม่คิดชีวิต
โครงกระดูกสีเขียวหันมามองพวกมันก่อนจะใช้มือกระดูก จับคือโครงกระดูกสีดำที่เขามาตัวแรก ก่อนจะดึงกระดูกสันหลังของมันออกมา และใช้กระดูกสันหลังฟาดโครงกระดูกตัวอื่นๆที่เข้ามา ทุกครั้งที่ทำลาย โครงกระดูกที่ถูกทำลายจะกลายเป็นเศษผงเหมือนเม็ดทราย กระดูกสันหลังในมือของโครงกระดูกสีเขียวจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
โครงกระดูกสีเขียวเดินไปทางประตูเล็กเพื่อเข้าไปยังทางเข้าเขาวงกต
—