ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 186
เมื่อจบการประมูลจิวโมไป๋ และคนของตระกูลฉิน ออกจากห้องไปจ่ายเงิน รับสินค้าประมูล
อูเหวินและคนอื่นๆไม่ได้ประมูลสินค้า พวกเขาไปรอที่หน้าโรงประมูล อูเหวินจงใจเดินผ่านห้องพิเศษของดยุกเซราส แต่ก็พบว่าพวกเขาจากไปตั้งแต่ช่วงต้นการประมูล
อูเหวินผิดหวังเล็กน้อย แต่ไม่เสียใจเขาได้แลกหมายเลขติดต่อมาแล้ว เขาไม่พลาดเหมือนก่อนหน้า
จิวโมไป๋อุ้มเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยกลับไปหาคนอื่น คนของตระกูลฉินแยกกลับไปทันที เพราะมีธุระต้องรีบจัดการ
พวกเขามีเรื่องผิดใจกับ 2 ตระกูลราชวงศ์ในช่วงเวลานี้ พวกเขาต้องวางแผนเตรียมรับมือ
จิวโมไป๋และอื่นๆพากันกลับไปที่คฤหาสน์มู่คัง
จิวโมไป๋พาเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยไปนอนที่ห้อง ดูเหมือนว่าการกลายร่างจะกินพลังงานมหาศาล ทำให้พวกมันทั้ง 2 อ่อนแรงถึงขนาดนี้
จิวโมไป๋ลงไปนั่งพูดคุยกับคนอื่นๆจนถึงเย็น พวกเขาก็ออกไปหาร้านอาหาร
พวกเขาวนหาอยู่นาน ก็พบร้านอาหารระดับกลางเปิดอยู่ ลูกค้าในร้านน้อยมาก เพราะยังมีคนกังวลว่าเนื้อจะเป็นเนื้อมนุษย์
พวกเขาเข้าไปสั่งอาหาร ไม่นานพนักงานสาวก็ยกอาหารเข้ามา จิวโมไป๋ตรวจสอบเนื้อทุกจานเป็นเนื้อสัตว์ สามารถทานได้
มู่คังจองจานสเต็กนิ่งเงียบ เขายังสยองกับภาพมนุษย์ ที่ถูกชำแหละในโรงชำแหละอยู่
เฉินหูยกน้ำขึ้นดื่ม เขาอดไม่ได้ที่จะถาม
“เนื้อพวกนี้เอามาจากไหน”
“เนื้อที่ทางเราบริการแก่ลูกค้า เป็นเนื้อสัตว์ของเราเลี้ยงเอง ร้านของเราไม่รับเนื้อจากแหล่งอื่น คุณลูกค้าสามารถมั่นใจได้ว่า เนื้อในร้านของเราสะอาดปลอดภัย”พนักงานเสิร์ฟสาวพูดอย่างนุ่มนวล ท่าทางมั่นใจ
คนที่เหลือยกเว้นจิวโมไป๋มั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังลังเลอยู่
“เนื้อพวกนี้กินได้”จิวโมไป๋พูด ก่อนจะตักเนื้อขึ้นมากินเป็นคนแรก
เห็นว่าจิวโมไป๋ลงมือทาน พวกเขาก็เริ่มกินเช่นกัน
พนักงานสาวถอนหายใจ ก่อนจะค่อยๆจากไปอย่างไร้สุ้มเสียง
เมื่ออาหารตกถึงท้อง พวกเขาก็มั่นใจว่าเป็นเนื้อสัตว์ พวกเขาลงมือกินกันอย่างรวดเร็ว ตอนเช้ากินแค่ผัก ผลไม้ไม่พอให้หายหิว มู่คังสังเกตว่าร้านนี้สามารถสั่งแอลกอฮอล์ได้ เขาก็เป็นเจ้ามือเลี้ยงแอลกอฮอล์ทุกคน
เฉินหูกับอูเหวินเห็นด้วยทันที หวังเสี่ยวเปาลังเล แต่ก็พยักหน้าเข้าร่วม จิวโมไป๋ไม่พูดอะไร เมื่อของเหลวสีอำพันมาวาง เขาก็รินใส่แก้วดื่มร่วมกับคนอื่นๆ
พวกเขากินแอลกอฮอล์พูดคุยกันถึงดึก ดวงจันทร์ลอยกลางท้องฟ้า
จิวโมไป่ที่เมาเล็กน้อย เขาจับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ที่ดักสุ้มอยู่นอดร้านในระยะ 100 เมตร เขานิ่งไม่แสดงท่าทางอะไร
“พวกเราจะกลับกันหรือยัง?”หวังเสี่ยวเปาที่แก้มแดง ด้วยความร้อน พูดกับมู่คัง
มู่คังมองคนอื่นๆ
“พวกเราไปต่อที่ร้านคาราโอเกะไหม?”มู่คังถาม
ทุกคนไม่ปฏิเสธเพราะเป็นโอกาสหายากที่จะมีเวลาพัก ปกติจะต้องบ่มเพาะพลัง พวกเขาไม่ได้ผ่อนคลายนานแล้ว
มู่คังเห็นว่าคนอื่นตกลง เขาเรียกพนักงานสาวคิดเงิน เขาเป็นคนจ่ายเงินเลี้ยงทุกคน
พวกเขาทั้งหมดออกจากร้าน มู่คังพาตรงไปร้าน คาราโอเกะ ในแหล่งท่องเทียวกลางคืน
มู่คังดึงบัตรVIP จ้องห้องพิเศษ พาจิวโมไป๋และคนอื่นๆตรงไปยังห้องพิเศษ ผู้คุ้มกันวัยกลางคนเดินตามไม่ห่าง
เข้าไปในห้องพวกเขาก็ร้องเพลงอย่างสนุก ปล่อยอารมณ์เต็มที่ จิวโมไป๋ยิ้มอย่างแผ่วเบา เขาร่วมร้องเป็นบางเพลง นั่งมองคนอื่นแหกปากร้องอย่างสุดพลัง เขาไม่มีโอกาสแบบนี้มานานแล้ว ในชวงเวลากว่าหลายสิบปี เขาเต็มไปด้วยความแค้น และต้องเผชิญกับอะไรหลายอย่างที่อันตราย ไม่มีโอกาสได้พักผ่อนคลายแบบนี้เลย…
เที่ยงคืน
พวกเขาพากันออกจากร้านคาราโอเกะ ไปเดินเล่นที่ตลาดกลางคืนที่อยู่ถนนข้างๆ ห่างไปไม่ไกล
“ข้างหน้ามีอะไร?”อูเหวินพูดพึมพำอย่างแผ่วเบา เขามองเห็นคนกำลังมุงดูอะไรบางอย่าง
มู่คังพาพวกเขาแทรกตัวไปข้างหน้า คนที่ถูกเบียดออก แสดงความไม่พอใจ แต่เมื่อเห็นผู้คุ้มกันวัยกลางคน พวกเขาก็เงียบ ยอมให้ผ่านไป เมื่อไปถึงข้างหน้า พวกเขาก็พบคนกำลังทะเลาะกันอย่างรุนแรง โดยที่ฝ่ายหนึ่งเป็นกลุ่มชายฉกรรจ์ 8 คน อีกฝั่งเป็น สองหญิงสองชาย
กลุ่มชายฉกรรจ์กำลังลงมือทำลายผู้หญิงอยู่พอดี
มู่คังพุ่งเข้าไปจับมือข้างที่กำลังตบใบหน้าหญิงสาว ก่อนจะชกหมัดเข้าไปที่กลางอกของชายตรงหน้าจนกระเด็นออกไป
“เห้ย! แกเป็นใคร”ชายในกลุ่มชายฉกรรจ์ ร้องตระโกนด้วยความโกรธ คนอื่นๆก็เดินเข้ามา
มู่คังยิ้มเยาะ เขาคันไม้คันมือมานานแล้ว เขาไม่พูดอะไรพุ่งตัวเข้าไปหากลุ่มชายฉกรรโดยตรง
“แก!”ชายในกลุ่มชายฉกรรจ์ร้องเสียงดัง ก่อนจะเข้าไปต่อสู้กับมู่คัง แต่ระดับการบ่มเพาะพลังต่างกัน ทำให้ชายคนนั้นถูกทุบกระเด็น
“พี่มู่ ฉันจะไปช่วยเอง”เฉินหูเห็นมู่คังเล่นบทช่วยสาวงาม เขาอดไม่ได้ที่จะเข้าร่วมด้วย
จิวโมไป๋อูเหวินและหวังเสี่ยวเปา ยืนดูอยู่วงนอก
ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างรวดเร็ว เฉินหูไม่กลัวใครทำลายเขา เข้าไปสู้ตรงๆ ใครที่ถูกหมัดของเขาต้องกระเด็นออกไปไกลหลายเมตร ด้วยระดับการบ่มเพาะพลังที่มากกว่า และความแข็งแกร่งของร่างกายที่เหนือกว่า เขาสามารถเอาชนะกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านี้ไปได้ง่ายๆ
กลุ่มชายสองหญิงสอง ค่อยๆลอบหายไปในหมู่กลุ่มคน
แต่ในตอนนั้นเองก็มีผู้บ่มเพาะขั้นที่ 5 กลาง ลอบอยู่ในฝูงคน ที่กำลังดูการต่อสู้ เมื่อเห็นโอกาส เขาก็พุ่งเข้าไปหามู่คัง
“ระวัง!”หวังเสี่ยวเปาที่ใช้จิตสัมผัสตลอด สัมผัสได้ถึงเจตนาร้าย เขาร้องเตือนมู่คัง
มู่คังตกใจหันมายกแขนป้องกันโดยสัญชาตญาณ หมัดทรงพลังชกเข้าที่แขนอย่างรุนแรง แรงปะทะทำให้แขนของเขาร้าว
ผู้คุ้มกันวัยกลางคนเห็นดังนั้นเข้าไปช่วยมู่คังทันที ผู้บ่มเพาะขั้นที่ 5 กลางหันหลังวิ่งจากไป
ผู้คุ้มกันวัยกลางคนลังเลที่จะตามดีหรือไม่ สุดท้ายเขาไม่ตาม และกดเรียกตำรวจและรถพยาบาล
ก่อนที่จะพามู่คังไปที่โรงพยาบาล
จิวโมไป๋และคนอื่นๆไม่ไปด้วย เพราะแค่แขนร้าว ไม่ได้บาดเจ็บนักอะไร ด้วยเทคโนโลยี่ปัจจุบันแค่ 3-4 วันก็หาย
พวกเขาเดินเล่นกันต่อ จนได้ยินเสียงร้องในซอย เฉินหูและอูเหวินมองหน้ากัน อูเหวินจะห้าม แต่เฉินหูเข้าไปตรวจสอบโดยไม่ฟังอะไร
จิวโมไป๋ถอนหายใจออกมาพร้อมกับคนอื่น ความใจร้อน แก้ยังไงก็แก้ไม่หาย พวกเขารีบตามเฉินหูเข้าไป เพราะห่วงความปลอดภัยของเฉินหู
เมื่อเข้าไปในซอยลึก พวกเขาก็พบกลุ่มแก๊งกำลังรอพวกเขา พวกเขามีทั้งหมด 40 คน พลังกดดันที่ส่งออกมา บ่งบอกว่าพวกเขามีระดับการบ่มเพาะพลัง ประมาณขั้นที่ 3 ปลาย และมีบางคนอยู่ขั้นที่ 4 ต้น
จิวโมไป๋หรี่ตาลงเล็กน้อย เขาได้อ่านข่าวความเคลื่อนไหวของเมืองฉางอันมาก่อนหน้า เขาจำได้ทันที ว่าคนพวกนี้เป็นคนของกลุ่มเขี้ยวอสรพิษ กลุ่มใต้ดินอันดับ 2 แห่งเมืองฉางอัน เป็นคนของตระกูลถังราชวงศ์
“รีบจับพวกมันเร็วเข้า เสียเวลาไปมากแล้ว”ผู้บ่มเพาะขั้นที่ 4 ต้น พูดสั่งคนอื่นๆ
คนของกลุ่มเขี้ยวอสรพิษ ก็วิ่งเข้าหาพวกจิวโมไป๋
จิวโมไป๋ยิ้มเยาะ เขารู้ตั้งนานแล้วว่าคนพวกนี้ตามพวกเขามา ที่ยอมเข้าแผนของคนพวกนี้ เพราะเขาอยากจะให้คนหวังเสี่ยวเปา เฉินหู และอูเหวิน ได้ต่อสู้กับผู้บ่มเพาะ ที่เป็นคนจริงๆ ไม่ใช้การซ้อม
และเหตุผลหลักคือ เขาต้องการตรวจสอบดูว่า ใครจ้องที่จะเล่นงานพวกเขา แม้เขาจะมีความคิดอยู่ในใจแล้วก็ตาม เขาก็ไม่ด่วนสรุปไปก่อนที่จะได้หลักฐาน
“เยี่ยม! มาได้ดี ฉันกำลังอยากต่อสู้อยู่เลย”เฉินหูบุกเข้าไปต่อสู้เป็นคนแรก แม้ระดับการบ่มเพาะพลังของเขาจะอยู่ขั้นที่ 3 ต้น แต่ร่างกายของเขาเหนือล่ำไปกว่านั้นหลายเท่า ในอดีตเขาสามารถต่อสู้เอาชนะอัจฉริยะ ขั้นที่ 4 ได้อย่างยากลำบาก แต่ในตอนนี้ ถ้าเขากลับไปสู้อีก เขาสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย
ปัง! หมัดหนักชกไปที่ชายที่วิ่งเข้ามาอย่างรุนแรง จนกระเด็นกลับไปชนคนด้านหลัง พากันล้มลงไปกองกับพื้น
เฉินหูจัดต่อสู้กับกลุ่มเขี้ยวอสรพิษอย่างไม่มีความเกรงกลัว เขาจัดการคนที่เข้าใกล้ได้ทั้งหมด แม้พวกเขาจะเป็นยอดฝีมือที่ตระกูลถังชุบเลี้ยง แต่ในตอนนี้ไม่มีใครต่อกรเฉินหูได้
อูเหวินบีบหมัด ก่อนจะพุ่งเข้าไปช่วย ตามมาด้วยหวังเสี่ยวเปา
จิวโมไป๋ยืนอยู่นอกการต่อสู้ไม่เข้าไปช่วย เขาสัมผัสได้ว่ามีผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 กลาง เฝ้าดูอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ถ้าผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 ลงมือ พวกเขาจะได้รับอันตราย
เมื่อผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 กลางขยับ จิวโมไป๋ก็หายไปจากที่เดิม โผล่ออกมาอีกที เขาขวางหน้าผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 ไม่ให้เข้าไปยุ่งกับคนอื่น
ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 กลางชะงักเท้าหยุดลง เขาขมวดคิ้วไม่พอใจ สายตาจับจ้องไปที่จิวโมไป่อย่าดุดันรุนแรง
“เด็กน้อย นายแน่มากที่กล้าขวางฉันด้วยตัวคนเดียว”ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 ยิ้มดูแคลน
จิวโมไป๋ไม่สนใจ เขาพุ่งเข้าไปต่อสู้ ความเร็วอันรวดเร็ว ทิ้งเงาลวงตาเอาไว้ด้านหลัง จิวโมไป๋โผล่ที่ด้านหลังและฟาดฝ่ามือเข้าใส่ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 6
ในตอนนี้เขาได้รับร่างกายที่สมบูรณ์แบบ ระดับความแข็งแกร่งและการออกกระบวนท่ารุนแรงรวดเร็ว
ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 ผ่านการต่อสู้มามาก เขาจับความรู้สึกได้ถึงเสียงแหวกอากาศจากด้านหลัง เขาหมุนตัวชกเข้าปะทะฝ่ามือ เขาดูแคลนฝ่านตรงข้ามอย่างเห็นได้ชัด
เปรี้ยง! เสียงปะทะกันดังสนั่น ก่อนที่จิวโมไป๋จะเปลี่ยนเป็นชก ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 ไม่อ่อนแอ เขาตอบโต้อย่างรวดเร็ว
ทั้งสองปะทะกันหลายสิบกระบวนท่า
ทางฝั่งหวังเสี่ยวเปาและคนอื่นๆ การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็ว โดยที่เฉินหูจัดการคนเดียวกว่า 7 ใน 10
ความแข็งแกร่งของเฉินหูก้าวหน้ากว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด
จิวโมไป่เห็นแบบนั้นเขาก็ต้อรีบจบการต่อสู้ทันที
“ยังจะสู้กันอีกเหรอ? ตอนนี้เหลือแค่แกคนเดียวแล้ว”จิวโมไป๋พูดทำให้อีกฝ่ายเสียสมาธิ
และก็เป็นอย่างที่จิวโมไป๋พูด
“เจ้าพวกอ่อนแอ!”ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 ร้องคำรามรวมพลังชกหมัดออกมา จิวโมไป๋ชกหมัดตอบโต้ตรงๆไม่หลบ ในชวงเวลาก่อนที่หมัดจะปะทะกัน จิวโมไป๋ก็ใช้ พลังมังกร ทันที
ขดลวดลายในกล้ามเนื้อเปร่งแสงสีทอง พลังในการชกของเขาเพิ่มขึ้น 3 เท่า
เปรี้ยงงง! หมัดของจิวโมไป๋ทำลายหมัดของผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 จนแตกหักอย่างรุนแรง ก่อนที่ เขาจะหมุนตัวเตะไปที่อกของผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 จนกระเด็นออกไป และสลบทันที
“น้องเล็กเป็นยังไงบ้าง?”หวังเสี่ยวเบาเข้ามายืนถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร”จิวโมไป๋ส่ายหัว ก่อนที่จะเก็บพลังมังกร และเดินไปยังร่างที่สลบของผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 6 เขาแฮ๊คกำไลข้อมมือของอีกฝ่ายทันที
เขาค้นหาอยู่นาน เขาก็พบตัวการ ไม่ผิดจากที่คาดเดา เป็นถังฉีหลงจริงๆ เขาเห็นถังหมิงหลุนอยู่ใกล้ชิดถังฉีหลง มีโอกาสมากที่ถังหมิงหยุนจะพูดอะไรออกไป ทำให้เขาเดือดร้อน จิวโมไป๋สูดหายใจ ก่อนจะทำลายสัญลักษณ์ตัวตนของกลุ่มอสรพิษออกไป และใส่ยาสลบชนิดรุนแรงให้กับกลุ่มเขี้ยวอสรพิษทั้งหมด
จิวโมไป๋ใช้กำไลข้อมือผู้บ่มเพาะขั้นที่ 6 กดแจ้งตำรวจ และส่งวีดีโอการข่มขู่ก่อนหน้าไปพร้อมกัน
ในวีดีโอไม่มีภาพของพวกเขาเลย เขารู้ว่าตำรวจไม่สามารถขังคนพวกนี้เอาไว้ได้ แต่อย่างน้อย คนพวกนี้จะถูกบันทึกในหมายเลขอาชญากรรม ถ้าก่อเรื่องแล้วถูกจับอีกเป็นครั้งที่สอง ความยากในการช่วยเหลือหนีคดีจะเพิ่มขึ้น
“พวกเขารีบไปกันเถอะ”จิวโมไป๋บอกคนอื่น ก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปซอยด้านข้าง ออกมาที่ถนนอีกเส้น พวกเขาโบกรถโดยสาร กลับไปที่คฤหาสน์ของมู่คัง
พวกเขาก็แยกย้ายเข้าห้องตัวเอง
จิวโมไป๋หยิบอาหารเนื้อจำนวนมาก ออกมาใส่จาน วางไว้ให้เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมยที่นอนอยู่ ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเสื้อ และลอบออกไป
—