ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 187
โรงแรมเทียนถัง โรงแรมระดับไฮเอนท์ชื่อดังของเมืองฉางอัน
ชั้นใต้ดิน ในห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา มีผลงานศิลปะหายากจำนวนมาก เครื่องเคลือบจากยุคโบราณ ภาพวาดโบราณและสมัยใหม่ หยกคุณภาพสูงที่แกะสลักเป็นรูปสัตว์อสูรหลากชนิด และมีอาวุธโบราณที่ยังคงแหลมคมสามารถนำไปใช้งานได้ ห้องๆนี้เหมือนพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม แต่ภายในห้องไม่มีกลิ่นอายโบราณหรือความน่าหลงใหลของผลงานศิลปะในห้อง แต่มีกลิ่นเลือดเจือจาง
“ทำไมยังไม่มาอีก”ถังฉีหลงเอ่ยถามถังหมิงหยุนด้วยความหงุดหงิด เขากำลังนั่งบนเก้าอี้ไม้ ในมือเช็ดมีดแหลมคม ด้วยผ้าขัดมัน ทำให้ใบมีดแวววาวเป็นประกาย สะท้อนกับใบหน้าที่เรียบเฉย แต่แววตาเป็นประกายแปลกๆ ที่ใครเห็นต้องรู้สึกหวาดกลัว
ถังหมิงหลุนยืนอยู่ด้านหน้ารู้สึกอึดอัด แต่เขาก็ฝืนทนกล่าว
“คนที่ผมส่งไปขาดการติดต่อ… ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะพบกับยอดฝีมือ”
ถังฉีหลงแสยะยิ้ม มีดแหลมคมในมือ พุ่งเฉียดแก้มของถังหมิงหยุนไปปักกับผนังด้านหลัง เลือดสีแดงสดค่อยๆไหลออกจากแก้ม
ถังหมิงหยุนตัวสั่นระริกใบหน้าขาวซีด เขาเฉียดประตูนรกไปเพียงแค่นิดเดียว
“ฉันไม่สน ว่าแกจะมีความแค้นอะไรกับเป้าหมาย แต่…ต้องจำเอาไว้ ถ้าทำให้ฉันสนุกไม่ได้ ต้องรับผลที่ตามมา”ถังฉีหลงขยับนัยน์ตาที่ส่องประกายแปลกประหลาดมองถังหมิงหลุน
“ถ้ารับปากแล้ว ทำไม่ได้ ฉันจะเอาแกเป็นของเล่นแทน”
ถังหมิงหยุนรู้สึกหวาดกลัว เผลอถอยหลังไป 1 ก้าว ก่อนที่เขาจะตั้งสติก้มหัวลง
“คุณชาย ผมจะรีบจัดการเรื่องนี้ให้ได้”
“ไป อย่าทำให้ฉันผิดหวัง”ถังฉีหลงโบกมือไล่ถังหมิงหยุน และลุกขึ้นไปกดที่แผ่นหยกรูปมังกร ผนังด้านข้างเคลื่อนไปด้านข้าง กลายเป็นทางทอดยาวลงไปชั้นล่าง กลิ่นเลือดหนาแน่นออกมาจากทางเดิน ถังหมิงหยุนกลืนน้ำลายด้วยความหวาดกลัว ถังฉีหลงเดินลงไปอย่างช้าๆจนสุดทาง เมื่อเปิดเข้าไป เป็นห้องขังหลายสิบห้อง
เขาเปิดเขาไปในห้องหมายเลข 8 มีร่างของหญิงสาวที่ถูกทรมานจนสภาพไม่เหลือเค้าโครงเดิม
“น่าเสียดาย วันนี้ต้องปล่อยแล้วเธอไปแล้ว ฉันยังสนุกไม่พอเลย”แววตาของถังฉีหลงสั่นระริก เต็มไปด้วยความตื่นเต้นอันบ้าคลั่ง
ด้านนอกโรงแรมเทียนถัง
จิวโมไป๋ในชุดคลุมมิดชิดแอบอยู่บนตึกสูงสามชั้น เขาเฝ้าจับตามองอยู่ภายนอก จิตสัมผัสของเขาตรวจพบผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่ง หลายคนกำลังที่ซ่อนอยู่ พวกเขามีเป้าหมายคล้ายกับเขา
ทำให้เขาต้องเปลี่ยนแผนใหม่
จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสหาที่ซ่อนที่มิดชิดขึ้น ไม่ให้ใครสามารถหาเขาพบ เขาตรวจค่อยๆใช้จิตสัมผัสตรวจสอบคนที่ซ่อนอยู่ อย่างใจเย็น และเขาก็พบหม่าคุน ที่นั่งจิบไวท์อยู่ที่ภัตตาคารอาหารฝั่งตรงข้ามโรมแรมเทียนถัง
ชั้นล่าง 1 ชั้นของภัตตาคารเดียวกัน เขาก็พบหยวนหลินหวางกำลังนั่งทานอาหารอยู่เช่นกัน ทั้งสองมีผู้บ่มเพาะขั้นที่ 8 คุ้มกันคนละ 1 คน และขั้นที่ 7 อีก คนละ 2 พวกเขาเหมือนจะไม่พบกันและกัน แต่จิวโมไป๋ลอบจับตาดูก็พบว่า พวกเขาลอบส่งคนเฝ้าตรวจสอบท่าทีของกันและกันอยู่
พวกเขาทั้งสอง ทำเหมือนไม่รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ใกล้กันเพียง 1 ชั้นเท่านั้น
นอกจากทั้ง 2 จิวโมไป๋พบกลุ่มอิทธิพลอื่น
มีผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 8 อีก 2 คน ไม่รู้ว่าเป็นคนของฝ่ายไหน ซุ่มอยู่บนอาคารฝั่งตรงข้ามของโรมแรมเทียนถัง ท่าทางของพวกเขาไม่น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกัน
และรอบๆตามอาคารต่างๆ มีผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 อยู่ 10 คนกำลังเฝ้าดูอยู่
เขาไม่พบคนของตระกูลฉิน ในตอนนี้ตระกูลฉินไม่มีกำลังพอ ที่จะเข้าไปยุ่งกับการต่อสู้อื่น พวกเขาพยายามรักษากำลังของตัวเองเอาไว้่
สำนักหมีหิมะก็ไม่เข้าไปยุ่งตรงๆ เพราะพวกเขามีกฎ ไม่สามารถแย่งชิงสินค้าที่ประมูลจากโรงประมูล
แต่จิวโมไป๋ พบอี้ยงถานซุ่มอยู่บนยอดอาคารห่างออกไป
ดูเหมือนว่าคืนนี้จะสนุกกว่าที่คิด
จิวโมไป๋ใช้จิดสัมผัสตรวจสอบภายในโรมแรมเทียนถัง แต่ก็ไม่พบถังฉีหลง เขาพบผู้บ่มเพาะพลัง ขั้นที่ 8 ต้น 2 คน และขั้นที่ 8 กลาง 1 คน พวกเขากำลังนั่งบ่มเพาะพลังอยู่ที่ชั้น 3 พวกเขาแยกกันบ่มเพาะในห้องของตัวเอง นอกจากพวกเขาชั้น 3 ทั้งชั้นว่างเปล่า ในห้องพักจำนวนมาก ไม่มีคนอื่นอาศัยอยู่
ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ทางฝั่งตระกูลถัง 10 แยกกันเฝ้าระวังทั่วโรงแรม
อาจจะมีลิฟต์ลับ
จิวโมไป๋คิด และค่อยๆส่งจิตสัมผัสออกไปให้บางเบาที่สุด เพื่อไม่ให้ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 8 ทั้ง 3 รู้ตัว เขาก็พบห้องตรงกลางมีห้องลับ มีลิฟต์ลงไปชั้นใต้ดิน
เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ
จิวโมไป๋ใช้จิตสัมผัสลงไปตรวจ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
“สารเลว!”จิวโมไป๋เอ่ยอย่างโกรธแค้น กระบี่เลือนเร้นหมุนวนอย่างรุนแรง มันรบเร้าให้เขารีบไปจัดการ
“ใจเย็นๆ ฉันจะจัดการมันแน่”จิวโมไป๋กล่าวกับกระบี่เลือนเร้นอย่างแผ่วเบา เขารวบรวมสมาธิ เคล็ดบ่มเพาะพลังหัวใจพิสุทธิ์หมุนวนอย่าช้าๆ ทำให้เขาข่มอารมณ์เอาไว้ได้ กระบี่เลือนเร้นค่อยๆสงบลง
จิวโมไป๋วางแผนอย่างรวดเร็ว
เพียงครู่หนึ่งเขาจะหยิบแผ่นยันต์พลางตัวออกมาใช้ ร่างกายของเขาดูเลือนราง แต่ยังเห็นได้อยู่ เขาก็ใช้เคล็ดเปลี่ยนใบหน้าเปลี่ยนขนาดร่างกายและส่วนสูงเล็กน้อย เขาไม่ใช้ใบหน้าที่ก่อเรื่องให้กับตระกูลถงและตระกูลเซียว เพราะอาจมีสืบได้ถึงความผิดปกติ
เปลี่ยนใบหน้าไปเลยจะดีกว่า
เขายังใส่เสื้อคลุมอยู่ ก่อนที่เขาจะลอบไปอีกด้านหนึ่งของโรมแรมเทียนถัง เขาหยิบยันต์ระเบิดเพลิง ออกมาติดไว้ที่น้ำพุรูปปั่นเทพธิดาด้านขวาโรมแรม ก่อนจะไปยังจุดอื่นๆรอบโรงแรม เขาลอบวางยันต์ระเบิดเพลิงไว้ทุกจุด รวม 6 จุด
เขาไม่กลัวว่าจะมีคนบันทึกภาพ เพราะผลของยันต์พลางตัวจะทำให้ ภาพในวีดีโอ เป็นเงาสีดำเลือนราง ถ้าคนเฝ้ากล้องวงจรติดไม่สังเกตดีๆ จะไม่พบความผิดปกติ
เมื่อเตรียมพร้อมทุกอย่างแล้ว จิวโมไป๋ก็ไปที่ด้านหลังโรมแรมจุดที่มีการเฝ้าระวังน้อยที่สุด เขาใช้จิตสัมผัสเปิดห้อง บนชั้น 3 แต่มันไม่ขยับ เขาก็พบว่าเป็นหน้าต่างหลอกบานหน้าจากเป็นเนื้อเดียวกับผนัง เขาไม่สามารถเปิดเข้าไปไม่ได้
เขาเปลี่ยนไปเปิดหน้าต่างห้องบนชั้นที่ 4 ที่ไม่มีคนเข้าพัก ก่อนจะกระโดดขึ้นไปอย่างรวดเร็ว เขาปิดหน้าต่างให้เหมือนเดิม เพียงไม่นานยามรักษาความปลอดภัยก็เดินผ่านจากจุดที่เขาเคยอยู่
จิวโมไป๋ค่อยๆ เดินไปที่หน้าประตู จิตสัมผัสตรวจสอบทางลง ไม่มีบันไดทางขึ้นและลงไปชั้น 3 มีทางลงไปได้แค่ลิฟต์ 4 ตัวทางด้านขวาและซ้ายของทางเดินชั้น 4 ท่าเขาใช้ลิฟต์ลงไปชั้น 3 จะต้องมีคนพบแน่
จิวโมไป๋เปลี่ยนแผนกลับไปที่หน้าต่าง เขาใช้จิตสัมผัสตรวจสอบหน้าต่างหลอก มันสร้างจากกระจกกันกระสุนที่พัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยี่ชั้นสูง มันสามารถกันกระสุนปืนใหญ่ได้
เขาหยิบมีดแกะสลักดำออกมา รอจังหวะที่ยามรักษาความปลอดภัยผ่านไป เขาใช้พลังวิญญาณบังคับมีดแกะสลัก ไปแทงขอบหน้าต่างหลอก มีดแกะสลักไม่สามารถสร้างรอยบนกระจกได้เลย แต่เขาก็บังคับมีดแทงต่อไป จนสร้างรอยบางๆบนขอบกะจกกันกระสุนได้สำเร็จ
เขาใช้เวลาสร้างรอยบนกระจกอย่างใจเย็น เมื่อยามรักษาความปลอยภัยเดินผ่าน เขาก็ซ่อนมีด จากนั้นก็ทำเหมือนเดิม 10 นาที ต่อมาเขาสามารถสร้างรอยเป็นวงกลมขนาด 1 เมตรได้สำเร็จ
ใช้พลังจิตวิญญาณดึงมีดแกะสลักกับมา เหงื่อบนหน้าผากไหลลงอย่างช้าๆ เขาหยิบผ้ามาเช็ดเหงื่อ แล้วเก็บผ้าเช็ดหน้าและมีดแกะสลักลงไปในแหวนมิติเก็บของ
จิวโมไป๋นั่งสมาธิฟื้นฟูพลัง ก่อนจะใช้พลังจิตวิญญาณสีทอง เชื่อมต่อกับรอยวงกลมบนหน้ากระจกกันกระสุน ที่เขาสร้าง
“ตัด”จบคำรอยบนกระจกก็เหมือนถูกตัด เป็นช่องวงกลมขนาด 1 เมตร จิวโมไป๋ใช้พลังวิญญาณจับกระจกที่ถูกตัดไม่ให้ตก ก่อนที่เขาจะกระโดดเข้าไปในห้อง เมื่อเข้าไปเขาก็เอากระจกแผ่นกลมที่ถูกตัดใส่กลับเข้าไป
การกระทำของเขาแผ่วเบาไร้สุ่มเสียง ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 8 ต้น ที่อยู่ห่างออกไป 2 ห้องไม่ได้ยินด้วยซ้ำ
จิวโมไป๋ค่อยๆย่องไปที่ประตูหน้า เขาใช้จิตสัมผัสกำหนดระยะทาง ห้องที่มีลิฟต์ลับห่างออกไป 3 ห้อง ต้องผ่านห้องของผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 8 ต้นไป แม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าสามารถผ่านไปได้ แต่เขาก็ยังไม่อยากเสี่ยง เพราะถ้าพลาดมันก็ยากที่จะหลบหนีไปได้ ถึงหนีไปได้ ด้านนอกก็มีคนเฝ้าอยู่ เขาอาจถูกจับได้
เขาลังเลที่จะใช้ยันต์ที่วางเอาไว้ด้านนอก ยังไม่ถึงเวลาที่จะใช้
แต่ในตอนนั้นเอง ถังหมิงหยุนก็เดินออกจากห้องที่มีลิฟต์ลับ ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 8 ทั้ง 3 คนลืมตาเล็กน้อยก่อนจะหลับตาลงไป
ถังหมิงหยุนกำลังกดกำไลข้อมือเพื่อติดต่ออะไรบางอย่าง เขาเดินไปลงลิฟต์ทางฝั่งเดียวกับห้องที่จิวโมไป๋อยู่
จิวโมไป๋เห็นดังนั้น เขาก็ยิ้มออกมา ก่อนจะหยิบแผ่นยันต์ใบหนึ่งออกมา แผ่นยันต์ถูกเผาไหม้ด้วยไฟสีเขียว ในห้องที่เขาอยู่ก็เหมือนมีพลังงานบางอย่างเคลือบทั้งห้อง ทำให้เสียงภายในห้องไม่สามารถเล็ดลอดออกไปได้
จากนั้นเขาก็หยิบแผ่นยันต์อีกแผ่นขึ้นมา เมื่อแผ่นยันต์ในมือถูกเผา ในเวลาเดียวกันน้ำพุรูปปั่นเทพธิดาด้านขวาโรมแรม
ตูมมม! ลานน้ำพุระเบิดเสียงดังสนั่น โรมแรมเทียนยังคงตั้งตรงไม่ได้รับผลจากแรงระเบิด ตัวอาคารสร้างจากเทคโนโลยี่ชั้นสูง แม้จะถูกนิวเคลียร์ตัวอาคารก็ไม่พังทลาย
ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นแตกตื่นตกใจ ยามรักษาความปลอดภัยรีบเข้าไปตรวจสอบ
ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 8 ลืมตาขึ้น ก่อนที่จะมี 2 คนจะแยกกันไปทางลิฟต์ตัวหน้าและตัวหลังในชั่วพริบตา
เหลือผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 8 ต้น นั่งเฝ้าระวังอยู่ในห้อง
ถังหมิงหยุนที่กำลังเดินผ่านห้องที่จิวโมไป๋ซ่อนพอดี เขายืนตกใจ เมื่อเห็นร่างของผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 8 ผ่านไป เขาไม่รู้สึกถึงแรงระเบิด เพราะตัวอาคารโรมแรมเก็บเสียงทั้งนอกและในได้อย่างดีเยี่ยม คนที่อยู่ในอาคารไม่มีทางได้ยินเสียงระเบิดอย่างแน่นอน นอกจากผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่ง
ในชั่วเวลานี้เอง จิวโมไป๋เปิดประตูออกและยืนมือออกไปจับถังหมิงหยุน ดึงเข้ามาในห้อง
—