ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 196
หลังจากจิวโมไป๋ปลูกสมุนไพรจนเสร็จ พระอาทิตย์บนท้องฟ้าเริ่มลับขอบฟ้า หิมะสีขาวค่อยๆตกลงมา ความหนาวเย็นคืบคลานปกคลุมทั่วเกาะโดดเดี่ยว
จิวโมไป๋เดินขึ้นภูเขาสำนัก เขาไม่กลัวสมุนไพรและเมล็ดสมุนไพรจะแข็งตาย เพราะพลังธรรมชาติและพลังธาตุไม้บนเกาะโดดเดี่ยวที่หนาแน่นคอยหล่อเลี้ยง แม้หิมะจะตกอากาศจะหนาวเย็น ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อต้นไม้และสมุนไพร
จิวโมไป๋ทำอาหารของตัวเองและเตรียมอาหารเอาไว้ให้เเสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมย เมื่อทานอาหารเสร็จ เขาก็ไปที่ตำนักกลั่นโอสถ หยิบโสมธาตุทองและสมุนไพรอีกหลายชนิดและเตาเมฆาม่วงบูรพาออกมา
เขาเปิดเครื่องจุดไฟ ความร้อนขับไล่อากาศที่หนาวเย็นให้หายไป จิวโมไป๋เริ่มตั้งเตาเมฆาม่วงบูรพาบนเปลวๆไฟที่กำลังลุกไหม้
และนำสมุนไพรทั้งหมด มาหันเป็นชิ้นๆ
เขาจะเอาโสมธาตุทองที่ได้จากถังฉีหลง มากลั่นเป็นโอสถเสริมธาตุทอง เพื่อเอาไปให้เฉินหู ที่สามารถตระหนักกฏแห่งธาตุทองได้
ในอดีตเฉินหูเป็นคนที่มีความเข้าใจกฏแห่งธาตุ อ่อนแอที่สุดในพี่น้องทั้งหมด แม้เฉินหูจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งและมีฝีมือการต่อสู้สูงส่ง แต่เมื่อพบเจอกับยอดฝีมือที่มีความสามารถใกล้เคียงกัน เขาจะเสียเปรียบในกฏแห่งธาตุ ทำให้การต่อสู้เป็นไปด้วยความยากลำบาก
โอสถเสริมธาตุทอง จะช่วยปูพื้นฐานกฏแห่งธาตุของเฉินหูให้แข็งแกร่งขึ้น
จิวโมไป๋เตรียมสมุนไพรเสร็จ เขาก็นั่งสมาธิฟื้นฟูพลัง เพราะเตาเมฆาม่วงบูรพา กินพลังงานมากกว่าเตากลั่นปกติ ถ้าเขาไม่เตรียมพร้อม เขาอาจหมดแรงก่อนที่จะกลั่นโอสถสำเร็จ
ที่เขาต้องใช้เตาเมฆาม่วงบูรพา เพราะโอสถเสริมธาตุทอง ในตอนนี้เขาสามารถกลั่นมันออกมาได้ ด้วยความสำเร็จประมาณ 70% แม้จะมีโอกาสกลั่นสำเร็จมากกว่าล้มเหลว แต่เขามีโสมธาตุทองเพียงแค่ชิ้นเดียว ถ้าเกิดความผิดพลาดขึ้นมาจะเป็นการสูญเปล่า เขาพลาดไม่ได้
เตาเมฆาม่วงเพิ่มโอกาสในการกลั่นโอสถ 10% ความสำเร็จจะเพิ่มเป็น 80%
เมื่อเตาเมฆาม่วงบูรพา ร้อนจนกลายเป็นสีแดงม่วง จิวโมไป๋ก็ลุกขึ้น และใช้พลังวิญญาณยกสมุนไพรหลายชนิดลอยขึ้น ก่อนจะหมุนวนลงไปในเตา เสียงสมุนไพรลุกไหม้ดังออกมา จิวโมไป๋ควบคุมพลังวิญญาณอย่างแม่นยำ หมุนวนสมุนไพรในเตาเมฆาม่วงบูรพาไม่ให้ถูกเผาไหม้จนเสียหาย เขาใช้เปลวไฟกลั่นเนื้อสมุนไพรจนแตกเป็นชิ้นๆหลอมรวมกัน และในเวลานั้นเองจิวโมไป๋หยิบ โสมธาตุทองที่หันเป็นชิ้นๆ ใส่ลงไปในเตาเมฆาม่วงบูรพา
เปรี้ยง! แสงสีทองส่องสว่าง จิวโมไป๋หยิบฝาเตาเมฆาม่วงบูรพาปิด
เตาเมฆาม่วงบูรพา สั่นไหวอย่างรุนแรง จิวโมไป๋ใช้พลังวิญญาณแยกสมุนไพรและหลอมเข้าด้วยกันสลับไปมาเพื่อกลั่นให้บริสุทธิ์
โสมธาตุทองถูกแยกเป็นชิ้นหลอมรวมเขากับสมุนไพรอื่น
10 นาทีต่อมา ใบหน้าของจิวโมไป๋แดงกล่ำ เขาเร่งความร้อนของเครื่องจุดไฟเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในเตาเมฆาม่วงบูรพาพลังวิญญาณก็ควบคุมสมุนไพรหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน
ในช่วงเวลานี้สมาธิของจิวโมไป๋ถูกใช้จนถึงขีดสุด ถ้าพลาดการกลั่นโอสถของเขาจะผิดพลาดทันที
ปัง! เตาเมฆาม่วงบูรพาส่งเสียงเหมือนระเบิดออกมา พร้อมกับฝาเตากระเด็นออกไป แสงสีทองเจิดจ้าพลังธาตุทองอันเข้มข้น ไหลทะลักออกมาจากเตาเมฆาม่วงบูรพา
รอจนแสงสีทองจางลง จิวโมไป๋ใช้พลังวิญญาณหยิบเม็ดฌอสถสีทองเข้มออกมา
จิวโมไป๋นับจำนวนโอสก เขาก็ยิ้มพอใจ เขาได้โอสถเสริมธาตุทอง 8 เม็ด มันสามารถช่วยให้เฉินหูเข้าถึงกฏแห่งธาตุทอง ได้ถึงระดับกลาง
จิวโมไป๋เก็บโอสถเสริมธาตุทองในขวดหยก แล้วก็กลับไปที่อาคารพัก เข้าไปในอาคารเขาเห็นจานอาหารที่เตรียมไว้ให้เสี่ยวไป๋และเสี่ยวเหมย ว่างเปล่าเขาก็รู้ว่าทั้งสองกลับมากินอาหารเสร็จก็กลับไปที่ต้นโพธิ์
จิวโมไป๋ล้างจาน อาบชำระร่างกายจนสะอาดเรียบร้อย เขาก็เริ่มบ่มเพาะพลังนอกอาคาร เขาท่องเคล็ดบ่มเพาะพลังกระบี่เลือนเร้น ภายในตำหนักยุทธ์กระบี่เลือนเร้นฟันกรรมชั่วขากสะบั้น หยดปราณตกลงไปในทะเลปราณ ในเวลาเดียวกัน ตำนักยุทธ์เตาหลอม 9 สุริยันก็ส่องแสงออกมา
ตูม! ทะเลปราณทั้งสองขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีสิ่งกรีดขวาง ร่างของจิวโมไป๋สั่นไหวอย่างรุนแรง กล้ามเนื้อของเขาเหมือนถูกชำระล้าง กล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งเหนือกว่าปกติก็พัฒนาขึ้นอีก 1 ขั้น จิวโมไป๋อดไม่ได้ที่จะกระทืบเท้าลงบนพื้นดินอย่างแรง
ตูม! แค่เพียงกระทืบเท้าครั้งเดียว พื้นดินก็แตกออกเป็นชั้นๆเหมือนใยแมงมุม
จิวโมไป๋เส้นเอ็นทั้วร่างกายเหมือนลุกเปลวไฟเผาไหม้ แต่ไม่รู้สึกเจ็บปวด เมื่อความร้อนหายไป จิวโมไป๋ก็รู้ได้อย่างชัดเจนว่าเส้นเอ็นของเขาเหนียวแน่นทนทานมากขึ้่น
จิวโมไป๋ใช้วิชาหลอมกายามังกรเทวะ กระบวนท่าดูพลิ้วไหวดุดันราวกับมังกรจริง
จิวโมไป๋สูดลมหายใจช้าๆก่อนลืมตาขึ้น
ขั้นที่ 3 เส้นเอ็น ต้น
ตำหนักยุทธทั้งสองของเขาทะลวงผ่านไปขั้นที่ 3 เส้นเอ็นต้นพร้อมกัน…
โรมแรมในเขตท่องเที่ยวของเมืองเทียนซู บนดาดฟ้าชั้นบนสุดของโรมแรม แสงไฟจากโคมไฟหินส่องสว่างขับไล่ความมืดมิด
ดาดฟ้าทั้งชั้นถูกสร้างให้เหมือนกับสวนธรรมชาติ ใจกลางสวนมีอาคารไม้ที่จกงามตั้งอยู่
ภายในอาคาร ถังเทียนเหวินจิบชาอย่างเงียบงัน เบื้องหน้าของเขามีชายวัยกลางคนท่าทางเคร่งขรึม พลังกดดันที่แผ่กระจายออกจากร่างทำให้ผู้คนรู้สึกเคารพ
“ผู้อาวุโสไห่ เมื่อไหร่พวกเราจะพาท่านหญิงลั่วและท่านหญิงน้อยกลับสำนัก ตอนนี้สถานะการณ์ของเมืองเทียนซูไม่ค่อยจะดีนัก อีกไม่นานต้องเกิดการต่อสู้ขึ้นแน่”ถังเทียนเหวินกล่าวถาม
ผู้อาวุโสไห่ถอนหายใจ คิ้วของเขาขมวดแน่น
“ตอนนี้ พวกเรายังทำอะไรไมได้ พวกสารเลวสำนักหัวใจทมิฬกำลังจับตามองดูพวกเราอยู่ โชคดีที่พวกมันไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของเรา พวกมันยังไม่รู้ว่าท่านหญิงลั่วและท่านหญิงน้อยยังไม่ตาย ทำให้พวกมันคิดไม่ถึงว่าพวกเรามาที่นี่เพื่อคุ้มกันท่านหญิงลั่วและท่านหญิงน้อย”
“เหลือเวลาอีกไม่มากนัก เราต้องรีบก่อนที่ท่านประมุขจะรู้ ไม่อย่างนั้นท่านประมุขจะต้องทำลายโครงการสร้างค่ายกลล้อมสวรรค์ เพื่อมารับท่านหญิงลั่วและท่านหญิงน้อยแน่”ถังเทียนเหวินหนักใจไม่แพ้กัน เพราะเริ่มแรกเป็นความรับผิดชอบของเขา ที่ต้องพาทั้งสองกลับ แต่เพราะแผนการผิดพลาด ทำให้การรับตัวท่านหญิงและท่านหญิงน้อยล่าช้า และประจวบกับที่ตั้งของเหมืองเหล็กดำปรากฏขึ้น
ทำให้ขุมอำนาจอื่นๆ เข้ามาที่เมืองเทียนซู รวมถึงสำนักหัวใจทมิฬที่เข้ามามีส่วนในการแย่งชิงด้วย ทำให้เขาพาคุณหญิงลั่วและคุณหญิงน้อยไปด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องแจ้งสำนักเชิญผู้อาวุโสมาคุ้มกัน
แต่ผ่านไปหลายวันไม่มีการปะทะกัน กลายเป็นสถานการณ์ตึงเครียด เขาและผู้เหล่าอาวุโสสำนัก ได้แต่คอยดูสถานการณ์ ถ้าพวกเขาขยับขัวทำอะไรผิดผลาดขึ้นมา จะกลายเป็นเรื่องใหญ่
ทั้งสองพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอย่างกังวล
แต่อยู่ๆก็มีเสียงเครื่องยนดังขึ้น ถังเทียนเหวินและผู้อาวุโสไห่เงยหน้าขึ้น ก็พบเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ 1 ลำ กำลังบินตรงมา
“ในตอนนี้ ภายในเมืองเทียนซูเป็นเขตห้ามบิน ใครกล้าขับเฮลิคอปเตอร์มาที่นี่”ถังเทียนเหวินกล่าวอย่างแปลกใจ
ยังไม่ทันทีเขาจะได้ทำอะไร ก็มีเชือกปล่อยออกมาจากเฮลิคอปเตอร์ พร้อมกับร่างที่แข็งแกร่งกระโดดไต่เชือกลงมา
ใบหน้าของถังเทียนเหวินเปลี่ยนไปทันที
ผู้อาวุโสไห่ กดกำไลข้อมือส่งสัญญาณเรียกกำลังเสริม บนหน่้าผากของเขาปรากฏกระดานหมากสีน้ำตาล
บนมือของเขามีกระดานหมากปรากฏขึ้น เขาตบไปบนกระดานหมาก บนชั้นดาดฟ้าทั้งหมดก็ปรากฏข่ายอาคมอันสลับซับซ้อน
ด้านล่างโรมแรมอยู่ๆก็มีผู้บ่มเพาะพลังในชุดคลุมมิดชิด พุ่งเข้ามาทำร้ายคนของตระกูลถังอย่างเจาะจง พวกเขาไม่ทำลายคนอื่น
ผู้คุ่มกันตระกูลถังไม่น้อยหน้า ต่อสู้ตอบโต้อย่างรวดเร็ว
การต่อสู้เต็มไปด้วยความรุนแรง
สำนักหัวใจทมิฬโดดเด่นในเรื่องความโหดเหี้ยม แม้จะไม่ฆ่าสังหารโดยตรง แต่พวกเขาต้องทำให้ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บสาหัสจนพิการ
สัญญาณเตือนดังขึ้นทั่วโรงแรม
คนของสำนักผีเสื้อดาราที่พักอยู่ ก็ออกจากห้องลงมาช่วยเหลือผู้คุ้มกันตระกูลถัง
“ทำไมคนของสำนักผีเสื้อดารา ถึงอยู่ในเมืองมากขนาดนี้ พวกเขาไม่ได้ไปเฝ้าเหมืองเหล็กดำหรอกหรอ?”ชายในชุดคลุมพูดขึ้นเสียงดัง
ใบหน้าของคนอื่นๆเปลี่ยนไปทันที
“เร็ว! ไปจัดการสองพี่น้องตระกูลถัง”ชายชุดคลุมร้องสั่ง ก่อนที่เขาจะเข้าไปต่อสู้กับผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูกที่อยู่เบื้องหน้า
คนในชุดคลุมต่างก็พุ่งขึ้นไปชั้นบน
จี้หยางเฟยในชุดคลุมสีขาว ยืนมองการต่อสู้อยู่บนอาคารฝั่งตรงข้าม แม้ตระกูลถังจะมีคนของสำนักผีเสื้อดาราเข้าช่วยเหลือ แต่น้ำน้อยย้อมแพ้ไฟ แม้ยอดฝีมือจะเท่าเทียมกัน แต่ระดับศิษย์ลงมาทางด้านสำนักหัวใจทมิฬมีมากกว่า ทำให้ฝั่งตระกูลถังเสียเปรียบอย่างมาก
จี้หยางเฟยแตะกระบี่อ่อนหิมะบิน
จ้าวลู่เฟินในชุดคลุมสีแดงยกมือห้าม
“นายแน่ใจแล้วเหรอว่าจะไปช่วย”
การต่อสู้ไม่ได้ขยายเป็นวงกว้าง เป็นการต่อสู้ระหว่าง 2 ขั่วอำนาจ
คนของหน่วยลับไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง นอกจากจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียชีวิต หรือมีการทำร้ายคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ถ้าพวกเขอยื่นมือเข้าไป ตามกฏของหน่วยลับ พวกเขาจะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง
จี้หยางเฟยเงียบมองการต่อสู้ โดยไม่กล่าวอะไร
การต่อสู้กำลังเต็มไปด้วยความรุนแรง
ตรงบันไดชั้น 4 ถังซื่อเหยาและถังเจิ้นเฟย ได้รับความคุ้มครองจากคนในตระกูลหลบหนีลงมาทางนี้ แต่เหมือนคนของสำนักหัวใจทมิฬมุ่งเป้ามาที่พวกเขาโดยเฉพาะ พวกเขาตามติดไม่ปล่อย
“คุณหนูหนีไปทางด้านหลัง เร็วเข้า!”ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูกปลายร้องบอกทั้ง 2 ก่อนที่จะต้านการจู่โจมของผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูกลาง 2 คนเบื้องหน้า ให้สองพี่น้องฝาแฝดตระกูลถังได้หนีไป
ผู้บ่มเพาะพลังฝั่งของตระกูลถังมีผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูกปลายคนเดียว ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูกกลาง 1 คน และผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูกต้น 2 คน
แต่ฝ่ังตรงข้ามมีผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูกกลาง 3 คน ขั้นที่ 7 ไขกระดูกต้นอีก 3 คน
ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูกต้น 3 คนของสำนักหัวใจทมิฬ พยายามอ้อมการต่อสู้ไปหา แต่ก็ถูกข้างเอาไว้
แต่สุดท้ายก็มีผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูกต้น 1 ต้นฝ่าตามไปได้
“คุณหนู!”
ถังซือเหยาและถังเจิ้นเฟย พยายามหลบหนีแต่ก็ไม่สามารถทำได้
“เจิ้นเฟย หนีไปชั้นบน คุณปู่อยู่ที่นั้น!”ถังซื่อเหยาผลักถังเจิ้นเฟยให้หนีไป ส่วนตัวเองเอาตัวเข้าขวางผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูกต้น
“เหยาเหยา!”ถังเจิ้นเฟยตกใจกับการตัดสินใจของถังซื่อเหยา
“ไปเร็ว! เขาไม่ฆ่าฉันหรอก”ถังซื่อเหยาจ้องไปยังผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูกต้น
“หึหึ ฉันไม่ฆ่าเธอจริงๆ แต่ฉันจะทำให้เธอพิการ จะได้หนีไปไหนไม่ได้ จากนั้นก็ไปจับอีกคน”ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูกต้นกล่าวด้วยรอยยิ้มโหดเหี้ยม เขาชกไปที่ร่างของถังซื่อเหยาอย่างไม่ออมแรง
ถังเจิ้นเฟยเห็นดังนั้น เขาไม่หลบหนี แต่พุ่งเข้าไปช่วยน้องสาวฝาแฝด
แต่ก็ช้าไปหมัดที่ทรงพลังพุ่งเข้าไปหาถังซื่อเหยา
ในชั่วพริบตานั้นเอง คมกระบี่สีขาวก็ตัดแขนของผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูกต้นจนขาดสะบั้น ก่อนถึงตัวถังซื่อเหยาเพียง 1 นิ้วเท่านั้น
“อ๊าาากก! แก!”ผู้บ่มเพาะพลังขั้นที่ 7 ไขกระดูกต้นกรีดร้องเสียงดังมองไปยังอีกด้านของทางเดินบันได
จี้หยางเฟยพุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็ว มายืนขวางหน้าถังซื่อเหยา กระบี่หิมะบินชี้ลงพื้น เขาใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวไม่ได้ใส่เสื้อคลุม
ถังเจิ้นเฟยวิ่งมายืนขางถังซื่อเหยา เขาขมวดคิ้วมองจี้หยางเฟย แววตาฉายแววไม่พอใจอย่างล้ำลึก
“พี่หยางเฟย”ถังซื่อเหยาร้องตะโกนด้วยความดีใจ แววตาตื่นเต้นดีใจ แตกต่างจากพี่ชายฝาแฝดอย่างสิ้นเชิง
ห่างออกไปเล็กน้อย จ้าวลู้เฟินที่ซ่อนตัวอยู่ ใบหน้าเคร่งเครียด มือของเธอถือเสื้อคลุมสีขาว
—