ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 202
หิมะสีขาวตกลงมาอย่างหนักจนถนนทางเดินขาวโพลน ปกคลุมไปด้วยหิมะ จิวโมไป่เดินอย่างเหม่อลอย สติไม่อยู่กับตัวเอง มาถึงพื้นที่การเกษตรขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัยเทียนซู ที่ปลูกพืชผักผลไม้ และเลี้ยงสัตว์ เพื่อนำไปเป็นส่วนประกอบทำเป็นอาหาร
จิวโมไป๋เดินมาหยุดอยู่หน้าทะเลสาบ ที่อยู่ตรงใจกลางพื้นที่เกษตรโดยไม่รู้ตัว เขามองลงไปยังผิวทะเลสาบ ที่กำลังถูกอุณหภูมิความเย็นเริ่มทำให้น้ำจับตัวกันอย่างช้าๆ อีกเพียงไม่นานมันก็จะแช่แข็ง ทำให้กลายเป็นแผ่นน้ำแข็งเคลือบผิวด้านบนของทะเลสาบ
เพราะอากาศที่หนาวเย็น ทำให้สัตว์และแมลงต่างก็ซ่อนตัว นักศึกษาและเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยก็ไปดูการประลอง ทำให้ไม่มีใครผ่านมา ทำให้บริเวณนี้เงียบสงบไร้เสียงใดๆรบกวน
จิวโมไป๋นั่งลงหน้าทะเลสาบ เขาไม่สนใจหิมะบนพื้น ที่ถูกความร้อนของร่างกายละลายกลายเป็นน้ำ และซึมเข้าเสื้อผ้ากระทบเข้ากับกับร่างกาย เขาเหม่อมองไปยังหิมะสีขาวที่ตกลงบนทะเลสาบ แล้วค่อยๆเกาะกุมกันเป็นชั้นน้ำแข็งอย่างช้าๆ
ชีวิตที่ยากลำบากของเขา ที่ต้องต่อสู้เอาชีวิตรอดด้วยความสิ้นหวัง ราวกับศพเดินได้เกือบ 100 ปี เกิดจากความคิดงี่เง่าของผู้หญิงเพียงแค่คนเดียว
จิวโมไป๋ยิ้มเย้ยหยัน หัวใจของเขาหนักอึ้ง เหมือนถูกถ่วงน้ำหนัก
ชะตาชีวิตของหนึ่งครอบครัว ต้องจบลงด้วยการกระทำของคนเพียงคนเดียว
นี้คือความต่างชั้นของฐานะ อิทธิพล หรือก็คืออำนาจ คนที่มีอำนาจเหนือกว่า จะสามารถหาวิธีทำอะไรกับคนที่อ่อนแอได้ง่ายกว่า ยิ่งอำนาจต่างกันมากเท่าไหร่ ความเหลื่อมล้ำก็ยิ่งช่วยให้ผู้มีอำนาจมากกว่า รังแกคนที่ไม่มีอำนาจได้ง่ายมากขึ้น
จนถึงสามารถฆ่าคนๆหนึ่ง โดยที่ผู้มีอำนาจไม่ต้องรับความผิดด้วยซ้ำ
นี้คือโลกที่ผู้แข็งแกร่ง เป็นผู้กำหนดกฏ
ยิ่งในมิติที่สูงขึ้น ผู้แข็งแกร่งจะเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพนับถือ ผู้อ่อนแอจะถูกดูถูกเหยียดหยาม
มันเป็นเรื่องน่าเศร้า แต่ก็เป็นเรื่องจริง
ในอดีตจิวโมไป๋เคยช่วยเหลือผู้คนมามากมายนับไม่ถ้วน สุดท้ายแม้จะทำความดีช่วยเหลือผู้คนมากมายเพียงใด แต่เพราะความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ ทำให้เขาและสำนัก ถูกกลุ่มคนที่เรียกตัวเองว่า ฝ่ายธรรมะ สังหารล้างสำนัก โดยที่เขาทำอะไรไม่ได้เลย
เพราะเขาอ่อนแอ เขาไม่มีกำลังที่จะปกป้องครอบครัว จากการถูกเซียวหนานจิ้นทำลายครอบครัว เพราะเขาอ่อนแอทำให้เขาปกป้องสำนักไม่ได้ ทำให้เขาและพี่น้องและคนในสำนักต้องพบจุดจบที่น่าเศร้า
สุดท้ายความแข็งแกร่งคือทุกสิ่ง!
จิวโมไป๋สูดลมหายใจช้าๆ แววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ในอดีตเพราะเขาทำลายตระกูลเซียว แก้แค้นให้กับครอบครัวได้สำเร็จ ทำให้เขาไม่สนใจที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งอีก เขาเอาแต่ศึกษาแก้ไขเคล็ดวิชา และศึกษาเส้นทางปรมาจารย์ จนการบ่มเพาะพลังอ่อนแอ
แม้จะมีวิชากระบี่ที่แข็งแกร่ง แต่มันก็เท่านั้น
จิตใจของเขาเหมือนศพ ไม่มีความคิดที่จะมีชีวิตต่อ ที่เขายังขยับได้เพราะอยากช่วยเหลือผู้คนที่มีชะตากรรมเดียวกับตัวเขาเอง
ถ้าในตอนนั้นเขาตั้งใจบ่มเพาะพลัง เขาอาจแข็งแกร่งกว่าตัวเขาในตอนนั้น และสามารถช่วยเหลือสำนัก ไม่ต้องมีใครเสียชีวิตก็ได้
ถ้าเขาแข็งแกร่ง ก็จะไม่มีใครสามารถทำอะไรคนที่เขาต้องการจะปกป้องได้อีก!
ก่อนหน้านี้เขาคิดเพียงแค่ปกป้องครอบครัว และช่วยให้คนธรรมดาสามารถเอาชีวิตรอดในวันที่ประตูมิติเชื่อมต่อ
แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนความคิดใหม่ ถ้าเขาแข็งแกร่งขึ้น และคนที่อยู่รอบข้างของเขาแข็งแกร่งสามารถปกป้องตัวเองได้ เขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครทำอะไรเขาและครอบครัวได้อีกต่อไป
จิวโมไป๋เลื่อนแผนที่จะรอเข้าหน่วยลับก่อน และค่อยสอนการบ่มเพาะพลังให้กับพ่อแม่ของเขา ให้เร็วกว่าเดิม
ในตอนนี้ตระกูลเซียวกำลังยุ่งอยู่กับเหมืองเหล็กดำ เซียวหนานจิ้นไม่น่าจะดึงกำลังคนมาทำอะไรกับครอบครัวเขาในตอนนี้ แต่ถึงจะมาทำอะไรครอบครัวของเขา ก็มีคุณหยินลั่วปิงคอยคุ้มครองอยู่
ในตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด ที่เขาจะสอนการบ่มเพาะพลังให้กับพ่อและแม่
เมื่อเขาเข้าหน่วยลับ ก็จะเป็นหลักประกัน ว่าจะไม่มีใครทำอะไรครอบครัวเขาได้อีก
“หลังจากเข้าหน่วยลับ ต้องรีบสร้างสำนักให้เร็วขึ้น”จิวโมไป๋กล่าวเสียงเบา จิตใจที่หนักอึ้งก็ค่อยๆเบาลง แปรเปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นมากกว่าเดิม
จิวโมไป๋นึกถึงหลานซูเมิง เขาก็ยิ้มออกมา ความรู้สึกของเขาในตอนนี้เปลี่ยนไปต่างจากตอนที่พึ่งรู้ความจริงอย่างมาก ถามว่าในตอนนี้เขาโกรธไหม เขาตอบได้เลยว่า ไม่
เขาได้เปลี่ยนชะตากรรมของครอบครัว ไม่ให้พบกับจุดจบเหมือนเดิมอีกแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องโกรธ เพราะหลานซูเมิงเป็นแค่หนึ่งในตัวแปรที่ทำให้เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้น
ถ้าถามว่า ตัวเขาในอดีตโกรธไหม เขาก็ตอบว่า ไม่ เช่นเดิม เพราะเขาได้แก้แค้นไปเรียบร้อยแล้ว หลานซูเมิงและตระกูลของเธอก็พบกับจุดจบ ที่ไม่ต่างจากครอบครัวของเขามากนัก
นี่อาจเป็นชะตากรรม ที่หลานซูเมิงต้องพบเจอ
เปรี้ยง! อยู่ดีๆสายฟ้าที่ซ่อนอยู่ในทะเลสติ ก็ผ่าลงไปที่ทะเลปราณอย่างรุนแรง
จิวโมไป๋ชะงัก เขาเพ่งสมาธิไปที่ทะเลสติ กลุ่มสายฟ้าแลบไปตามก้อนเมฆสีทองม่วงอย่างน่ากลัว มันเคลื่อนตัวมาที่ใจกลางทะเลปราณและผ่าลงมาอย่างไม่ยั้ง
เปรี้ยง เปรี้ยง! เปรี้ยง!!
ทะเลปราณถูกสายฟ้าผ่าลงมา กลายเป็นคลื่นปั่นป่วนโหมกระหน่ำไปรอบๆ
จิวโมไป๋หลับตาท่องเคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณหัวใจพิสุทธิ์ ดอกบัวตูมสีขาวหมุนวนช้าๆ ก่อนที่ดอกบัวจะค่อยๆผลิบานออก คลื่นพลังงานปกคุลมไปทั่วทะเลสติ
สายฟ้าที่กำลังคลุ้มคลั่งก็ค่อยๆสงบลง ทะเลปราณที่กำลังปั่นป่วนหมุนวนอย่างช้าๆก่อนจะสงบลง ทะเลปราณสีแดงเลือดผสมประกายทอง ที่ดูเหมือนจะถูกสายฟ้าขัดเกาจนสะอาดบริสุทธิ์ขึ้นเล็กน้อย
กลุ่มสายฟ้าแลบ ลอยกลับไปอยู่ที่มุมของทะเลสติ
จิวโมไป๋มองไปที่สายฟ้าที่จากไป เขาก็รู้แล้วว่ามันคืออะไร แต่เขาไม่พูดกระตุ้นมันอีก
จิวโมไป๋จะมองไปยังดอกบัวหัวใจพิสุทธิ์ที่ผลิบาน เป็นดอกบัวสีขาวบริสุทธิ์ไร้สิ่งใดเจือปน แค่มองไปยังดอกบัวสีขาว หัวใจสงบลงอย่างน่าประหลาด
เคล็ดบ่มเพาะจิตวิญญาณหัวใจพิสุทธิ์ ขั้นที่ 2 บัวผลิบาน!
ในเวลาเดียวกันเมฆสีทองที่เหลืออยู่เล็กน้อยก็กลายเป็นเมฆสีม่วงอ่อน จิตสัมผัสของจิวโมไป๋ขยายไป 10 ตารางกิโลเมตร
จิวโมไป๋ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ แววตาของเขาเปล่งประกายสีม่วงวูบหนึ่งก่อนจะดับไป
ปรมาจารณ์ม่วงต้น!
จิวโมไป๋ยืนขึ้นมองทะเลสาบที่ตอนนี้แข็งตัวกลายเป็นแผ่นน้ำแข็ง ท้องฟ้าก็มืดลง
เขาอยู่ที่นี่เกือบ 7 ชั่วโมง การทดสอบคงจบไปนานแล้ว
จิวโมไป๋มองดูกำไลข้อมือเขาก็พบ ข้อความของสามพี่น้อง ที่ส่งมาหลายสิบข้อความ
เขายิ้มเล็กน้อยก่อนจะกดตอบ
ร้านอาหารตระกูลจิว
จิวโมไป๋ หวังเสี่ยวเปา เฉินหู อูเหวิน แลเหยาติงติงที่ตามมาด้วย เธอนั่งข้างหวังเสี่ยวเปา พวกเขาทานอาหารอย่างคึกคัก
เฉินหูดูดูเหมือนจะเหม่อลอย จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“เย่จื่อปิง สละสิทธิ์ไม่เข้าร่วมประลองภายในมหาวิทยลัย”หวังเสี่ยวเปากระซิบบอกกับจิวโมไป๋
จิวโมไป๋พยักหน้ารับรู้ มีเขาและหวังเสี่ยวเปาและอูเหวิน ที่รู้ว่าเย่จื่อปิงท้อง เธอจึงไม่สามารถเข้าประลองได้
เฉินหูรู้สึกผิด เพราะการประลองภายในมหาวิทยาลัย จะช่วยสร้างชื่อเสียง และยังมีโอกาสที่จะถูกเลือกเข้าหน่วยงานของรัฐบาลได้
เหมือนอย่างเฉินหู ที่ต้องการประลองเพื่อเข้ากองทัพ
จิวโมไป๋ที่ต้องการเข้าหน่วยลับ
การสละสิทธิ์เข้าประลองภายใน เป็นการเสียโอกาสที่น่าเสียดาย โดยเฉพาะในการประลองครั้งนี้ มีผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งจำนวนมาก ที่เกิดจากโอสถ 12 ชนิด
การแสดงความแข็งแกร่งในครั้งนี้ จะได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายอย่างแท้จริง ไม่เหมือนในอดีตที่มีแต่คนจากตระกูลชั้นสูง ที่ครองอันดับการแข่งขันทั้งหมด
พวกเขาตบไหล่เฉินหูเบาๆ หลังจากทานอาหารจนเสร็จ พวกเขาก็แยกย้ายไปพักผ่อน
จิวโมไป๋ก็ขึ้นไปพูดคุยกับพ่อของเขาที่อยู่คนเดียว จนถึงเวลาเก็บร้านพวกเขาก็กลับบ้าน เขายังไม่สอนการบ่มเพาะพลังให้กับพ่อและแม่ เพราะมันจะกระทันหันเกินไป เขาพูดคุย บอกพ่อของเขาไว้ก่อน หลังจากการประลอง จะเป็นวันเกิด อายุ 15 ปี ของจิวเสวี่ยเหมย เขาจะสอนการบ่มเพาะพลังให้กับทั้งสามพร้อมกันเลย
เช้าวันต่อมา พ่อ แม่และจิวเสวี่ยเหมยออกจากบ้านพร้อมกับจิวโมไป๋ ไปดูการประลอง
คุณหยินลั่วปิงและเตี่ยเสวี่ยเจียว ไม่ไปเพราะมีธุระ
จิวโมไป๋รู้ว่าพวกเธอไปไม่ได้ เพราะในเมืองมีกลุ่มอิทธิพลหลายกลุ่มกำลังจับตาดูความเคลื่อนไหวอยู่ ถ้าเธอถูกพบจะเกิดเรื่องได้
จิวโมไป๋และครอบครัวไปที่สนามประลอง ในตอนนี้ที่นั่งคนดูเต็มไปด้วยผู้คน จิวโมไป๋จองที่นั่งพิเศษให้กับครอบครัวเอาไว้แล้ว เขาพาไปที่นั่ง ก่อนที่จะขอตัวไปที่ห้องรอการประลอง
ในระหว่างที่เดินไป เขาใช้จิตสัมผัสตรวจสอบ
เขาก็พบผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งจำนวนมาก มาดูการแข่งขัน
เขาไม่แปลกใจ เพราะส่วนมากแล้ว การประลองจะมีไว้เพื่อดูคนที่มีแวว เพื่อเชิญเข้าร่วมกลุ่ม แต่ที่การประลองมหาวิทยาลัยเทียนซู มีผู้บ่มเพาะพลังที่แข็งแกร่งมาดูเยอะขนาดนี้ เพราะสถานะการณ์ของเมืองเทียนซูไม่ค่อยดีนัก
จิวโมไป๋ไปที่ห้องรอของปี 1
จิวโมไป๋พบหลานซูเมิง ที่ยังคงมีท่าทางยิ้มแย้มงดงามเหมือนเดิม เธอกำลังพูดคุยหัวเราะกับหญิงสาวอีกสอง ที่ได้เข้าร่วมประลอง
จิวโมไป๋ไม่สนใจ เขาเดินไปรวมกลุ่มกับสามพี่น้อง ที่มาก่อนหน้านานแล้ว พวกเขามีท่าทางตื่นเต้นพร้อมที่จะต่อสู้
ในระหว่างที่รอประกาศ จับคู่การประลอง ผู้เข้าประลองปี 1 ก็ทยอยเดินเข้ามาเรื่อยๆ
เซี่ยลี่เยว่เดินเข้ามา กวาดตามองไปรอบๆ เธอสังเกตเห็นจิวโมไป๋ แต่เธอไม่ทักทาย เธอเดินไปยืนที่มุมด้านหนึ่งคนเดียว
ไม่นานจูหวังเฉินเดินเข้ามาเป็นคนสุดท้าย ผมย้อมแดงเสยไปด้านหลัง ดวงตาแวววาวดุร้าย ท่าทางอันธพาลของเขา ทำให้ผู้คนที่ยืนอยู่หน้าประตูหลีกทาง
แม้พวกเขาจะเป็นผู้ที่ได้ร่วมประลองของปี 1 เหมือนกัน แต่ท่าทางของจูหวังเฉิน ไม่มีใครอยากเข้าใกล้
จูหวังเฉินมองไปยังหวังเสี่ยวเปา มือของเขาทำท่าปาดคอ มุมปากกระตุกยิ้มท้าทาย
หวังเสี่ยวเปาเมินหน้าหนี สายตามองไปที่โฮโลแกรมตรงกลางห้องโถง
จนกระทั้งถึงเวลาประกาศผลจับคู่
ก็มีรายชื่อ 50 คู่ ปรากฏบนหน้าจอโฮโลแกรม
มองไปยังชื่อแรก หวังเสี่ยวเปา เฉินหู และอูเหวิน ชะงักด้วยความแปลกใจปนตกใจ พวกเขามองไปยังจิวโมไป๋อย่างพร้อมเพียงกัน
จิวโมไป๋มองไปยังชื่อของตัวเองที่ประลองเป็นคู่แรก มุมปากของเขายิ้มออกมาอย่างแผ่วเบา
คู่แรก จิวโมไป๋ ปีที่1 ต่อสู่กับ เซียวหนานจิ้น ปีที่ 2
—