ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ - ตอนที่ 203
สนามประลองมหาวิทยาลัยเทียนซู
ทันทีที่ประกาศชื่อผู้เข้าประลองรอบที่ 1 ก็เกิดร้องตะโกนเชียร์ดังลั้น พร้อมกับตรงส่วนหนึ่งของที่นั่งคนดู ที่มีนักศึกษาทั้งหญิงและชาย เปิดแผ่นภาพโฮโลแกรมพร้อมกันนับพันคน กลายเป็นภาพโฮโลแกรมของเซียวหนานจิ้นรูปแบบตัวการ์ตูน ในชุดต่อสู้สีขาวสะอาดในมือถือดาบชี้ไปบนฟ้า ทุกๆ 5 วินาทีภาพจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทุกรูปดูหล่อเหล่าราวเทพบุตร แม้จะเป็นรูปการ์ตูนก็ตาม
“คุณชายเซียวหนานจิ้นสู้ๆ คุณชายเซียวหนานจิ้นสู้ๆ”
เสียงร้อนตะโกนดังเป็นจังหวะกระหึ่มดังทั่วสนามประลอง ราวกับซ้อมกันมานาน
ที่ห้องพิเศษ
“ผู้อาวุโสเซียวหมานคง ดูเหมือนว่าคุณชายน้อยเซียว จะได้รับความนิยมมากเลยนะ”ชายวัยกลางคนร่างผอมพูดขึ้น
“ฮ่าๆ นายน้อยเป็นความภาคภูมิใจของพวกเรา รูปร่างหน้าตา ลักษณะนิสัยล้วนไร้ที่ติ”ชายชรากล่าวชื่นชม อนาคตผู้นำตระกูลคนต่อไปของตัวเองโดยไม่กระดากปาก
“น่าเสียดายอายุยังน้อย ไม่รู้ว่าพลังฝีมือจะเป็นยังไง”ชายชราผมขาวอีกคนที่นั่งติดกันพูดขึ้น
“ตอนนี้นายน้อยอยู่ขั้นที่ 4 อวัยวะภายในปลาย อีกไม่ถึงหนึ่งปี นายน้อยจะต้องทะลวงผ่านขั้นที่ 6 โลหิตได้ก่อนอายุ 21 ปี อย่างแน่นอน”ผู้อาวุโสเซียวหมานคงยืดอกเล็กน้อย อัตฉริยะที่สามารถเลื่อนขั้นที่ 6 โลหิต ก่อนอายุ 21 ปี ถือว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ ไม่แปลกที่เขาจะภูมิใจในตัวนายน้อยของตัวเอง
“อืม…”ชายวัยกลางคนผอมแห้งพยักหน้ารับฟัง
ชายชราผมขาวเหยียดยิ้มออกมาก่อนกล่าว
“ถ้าคุณชายเซียวได้อันดับดีๆ การร่วมมือของพวกเรา มันจะง่ายขึ้น”
แววตาของผู้อาวุโสเซียวหมานคงเป็นประกายวูบหนึ่งก่อนจะหายไป
“ฮ่าๆ นายน้อยเซียวไม่มีทางพ่ายแพ้อย่างแน่นอน”
ชายชราผมขาวและชายวัยกลางคนร่างผอมยิ้มและไม่พูดอะไรอีก
ผู้อาวุโสเซียวหมานคงยิ้มเล็กน้อย
สถานการณ์ของเหมืองเหล็กดำยังคงสงบ เพราะตอนนี้มีกลุ่มอิทธิพลหลักๆ 8 กลุ่มที่จ้องแย่งชิงเหมืองเหล็กดำ กลุ่มที่จะรับส่วนแบ่งเยอะเกินไป ทำให้ไม่มีใครกล้าลงมือก่อน เพราะถ้าลงมือก่อนมันจะเปิดโอกาสให้กลุ่มอื่นได้เปรียบ สถานการณ์ตอนนี้จึงกลายเป็นน่าอึดอัด
จึงเริ่มมีการพูดคุยกันอย่างลับๆ เพื่อเจรจาจับมือกันเพื่อแบ่งผลประโยชน์
ชายชราผมขาวและชายวัยกลางคนร่างผอม เป็นผู้นำกลุ่มอิทธิพลของตัวเอง ถ้าได้พวกเขาร่วมมือ กลุ่มตระกูลเซียวจะลดความสูญเสียได้มาก
ผู้อาวุโสเซียวหมานคงมองไปยังเซียวหนานจิ้น ที่กำลังเดินเข้าสนามประลอง ด้วยแววตาคาดหวัง
เซียวหนานจิ้นในชุดต่อสู้สีขาวสะอาดในมือถือดาบไม้ เขาค่อยๆเดินขึ้นไปยังสนามประลอง ระหว่างทางเขาก็ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนเหมือนเทพบุตรจากสวรรค์ ทำให้ผู้คนรู้สึกคลั่งไคล้หลงไหล
เสียงร้องเชียร์ดังขึ้นจากทั้งหญิงสาวและชายหนุ่มหลายจุดที่นั่งคนดู
เซียวหนานจิ้นมายืนอยู่ตรงจุดเกือบกึ่งกลางสนามประลอง เขายกมือขึ้น ทุกคนที่กำลังตะโกนเชียร์ก็เงียบลง ราวกับถูกปิดสวิทช์
จิวโมไป๋ในชุดต่อสู้สีดำถือพลองไม้ เดินมายืนฝั่งตรงข้ามเซียวหนานจิ้น เขามองไปยังเสียงร้องตะโกนรอบๆ ก่อนจะหันกับมามองเซียวหนานจิ้น ใบหน้าของเขายังคงเรียบเฉย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไร
ตั้งแต่จิวโมไป๋เดินมาจนถึงกลางสนามประลอง ตัวตนของเขาถูกละเลยอย่างสมบูรณ์ ไม่มีใครคิดว่าเขาจะชนะเลยแม้แต่น้อย
“น้องชาย เราไม่ได้พบกันนานเลยนะ ฉันและซูเมิงไปที่ร้านอาหารของน้องชาย หลายครั้งก็ไม่เจอนายเลย”เซียวหนานจิ้นพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นนุ่มนวล ถ้าใครได้ฟังต้องรู้สึกเคลิบเคลิ้ม
จิวโมไป๋ยืนเฉยไม่สนใจที่จะตอบ
เซียวหนานจิ้นที่เห็นจิวโมไป๋ไม่พูดกับตัวเอง เขาก็ไม่แสดงท่าทางอะไรออกมา เขายังคงสงบนิ่ง ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ราวกับไม่โกรธที่จิวโมไป๋ไม่ตอบตัวเอง
“บัดซบ! ทำไมเจ้านั้นถึงหยิ่งขนาดนี้ ไม่เห็นเหรอว่าคุณชายเซียวหนานจิ้นกำลังพูดกับตัวเองอยู่”
“ยอมแพ้ไปซะ แกไม่มีคุณสมบัติที่จะต่อสู้กับเทพบุตรของพวกเรา”
“ไปตายซะ!”
“…”
ผู้ชมที่ดูการประลอง เห็นท่าทางหยาบคายของจิวโมไป๋ พวกเขารู้สึกรับไม่ได้ พวกเขาโกรธแค้น ราวกับจิวโมไป๋ไปฆ่าครอบครัวของตัวเอง พวกเขาต่อว่าจิวโมไป๋ต่างๆนาๆว่าไร้มารยาท
จิวโมไป๋ทำเป็นไม่ได้ยิน
เซียวหนานจิ้น ทำท่าเหมือนจะห้ามปรามคนที่ร้องต่อว่าจิวโมไป๋ ท่าทางที่แสนดีของเขา ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกโกรธจิวโมไป๋ขึ้นไปอีก
เวลาผ่านไปอีกเล็กน้อย ก็มีเสียงสัญญาณดังขึ้น ให้จิวโมไป๋และเซียวหนานจิ้นเตรียมตัว เหนือสนามประลองภาพโฮโลแกรม ฉายเป็นรูปจิวโมไป๋และเซียวหนานจิ้น ด้านข้างมีตัวเลขพลังชีวิตขึ้น 1,000 มากกว่าพลังชีวิตที่ใช้ต่อสู้ใ นสนามต่อสู้จำลอง 10 เท่า
ผู้คนที่ร้องตะโกนอยู่เงียบเสียงลง ก่อนที่จะประกาศเริ่มการต่อสู้ดังขึ้น
“การประลองรอบที่ 1 เริ่มได้!”
“น้องชายเชิญเข้ามาได้เลย”เซียวหนานจิ้นยิ้มให้จิวโมไป๋ เขาให้จิวโมไป๋เป็นฝ่ายเข้ามาโจมตีก่อน ราวกับรุ่นพี่ที่กำลังชี้แนะรุ่นน้อง
จิวโมไป๋ก็ไม่ปฏิเสธ เขายิ้มเล็กน้อยและเดินอย่างช้าๆเข้าหาเซียวหนานจิ้น พลองไม้หมุนวนไปมา พลังกดดันค่อยๆแผ่ขยายกดดันเข้าใส่เซียวหนานจิ้น
ใบหน้าของเซียวหนานจิ้นยังคงประดับด้วยความอ่อนโยน ราวกับไม่รู้สึกถึงพลังกดดันที่โถมเข้ามาหา
จิวโมไป๋เข้าใกล้เซียวหนานจิ้น เขาก็หมุนพลองไม้ฟาดลงไปกลางหัวของฝ่ายตรงข้ามอย่างเต็มกำลัง
เซียวหนานจิ้นที่แสดงท่าทางนิ่งสงบ ดาบไม้ในมือยกขึ้นจะตั้งรับ แต่ในชั่วขณะที่จะฟันดาบไม้ออกไป เขารีบใช้ท่าทางหลบอย่างรวดเร็ว
พลองไม้ฟาดพลาด ฟาดลงกระแทกพื้นสนามประลองอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดัง ตูม อย่างรุนแรง
ในหน้าของเซียวหนานจิ้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย แววตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ ก่อนจะกลับมาเป็นอบอุ่นอ่อนโยนในพริบตา ไม่มีใครสังเกตเห็น
ยกเว้นจิวโมไป๋ที่อยู่ใกล้
จิวโมไป๋กระตุกยิ้มเล็กน้อย ที่คนไม่สังเกตก็ไม่เห็น แต่เซียวหนานจิ้นอยู่ห่างเพียงสามก้าว เขาสามารถสังเกตได้ชัดเจน
นี่เป็นการยั่วยุอย่างชัดเจน
เซียวหนานจิ้นเก็บซ่อนความโกรธเอาไว้ ดาบไม้ในมือฟันใส่จิวโมไป๋ ดาบฟันออกไป
แต่จิวโมไป๋หมุนพลองไม้ฟาดใส่เซียวหนานจิ้นอีกครั้ง เหมือนกับตีส่งๆ ไม่มีกระบวนท่าอะไรเลย
เซียวหนานจิ้นที่สัมผัสได้ถึงพลังอันรุงแรงที่กำลังโถมเข้ามา เขาไม่สามารถรับตรงๆได้ ดาบที่ฟันออกไปฝืนเปลี่ยนกระบวนท่ากลางคัน พร้อมหมุนตัวหลบออกด้านข้าง พลองไม้ฟาดผ่านใบหน้าไปเล็กน้อย
ตูม! พลองไม้กระแทกพื้นอย่างแรงอีกครั้ง เซียวหนานจิ้นเหลือบมองจิวโมไป๋เล็กน้อย ก่อนใช้ท่าร่างหลบออกมา
ถ้าเขาฝืนรับ เขาต้องได้รับการโจมตี พลังชีวิตลดลงไปอย่างแน่นนอน
การที่ถูกคนที่อายุน้อยกว่า 1 ปี ลดพลังชีวิตได้ก่อนเป็นอะไรที่เสียหน้าอย่างมาก เขาไม่มีทางที่จะยอม
จิวโมไป๋สังเกตใบหน้าที่ยังคงประดับรอยยิ้มอ่อนโยนของเซียวหนานจิ้น เขาก็ลอยยิ้มเย้ยหยัน เขารู้ถึงนิสัยของเซียวหนานจิ้นเป็นอย่างดี
การที่เขาเอาพลองฟาดเซียวหนานจิ้นเหมือนตีสุนัขแบบนี้ เป็นการเหยียดหยามอย่างเห็นได้ชัด
เซียวหนานจิ้นที่อยู่ในสนามประลอง คอยหลบการฟาดของเขาอาจไม่รู้ตัว แต่ผู้ชมภายนอกสามารถมองเห็นความแปลก ผิดปกติได้อย่างชัดเจน
จิวโมไป๋ลดท่าร่างที่ความเร็วใกล้เคียงกับเซียวหนานจิ้น เขาเลือกฟาดพลองออกไปในจังหวะที่เซียวหนานจิ้นไม่สามารถตอบโต้ได้ ต้องหลบอย่างเดียว
แต่เซียวหนานจิ้นก็สมกับเป็นอัจฉริยะ แม้จะถูกเขาฟาดให้อยู่ในสภาพที่ทุลักทุเล เขาสามารถหลบหลีกได้อย่างสง่างาม ทำให้ท่าฟาดสุนัขของจิวโมไป๋ ลดความขายหน้าลง
“น่ารังเกียจ! จิวโมไป๋ แน่จริงก็สู้กับคุณชายเซียวหนานจิ้นตรงๆสิ”เสียงร้องตะโกนไม่พอใจจากหญิงสาวคนหนึ่ง
“หยุดเดียวนี้นะ!”เสียงไม่พอใจดังขึ้นเรื่อยๆ
จิวโมไป๋ไม่สนใจเสียงร้องด่าทอ เขาฟาดพลองใส่เซียวหนานจิ้น ทุกครั้งเขาจะใส่พลังเต็มที่ พื้นที่ถูกฟาดบางจุดเกิดรอยร้าว ทั้งๆที่ถูกไม้พลองฟาด บ่งบอกถึงพลังที่จิวโมไป๋ใส่ลงไป
เซียวหนานจิ้นได้ยินเสียงตะโกน ใบหน้าของเปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อรู้ตัวว่ากำลังถูกจิวโมไป๋ปั่นหัว
ดาบไม้ในมือฟันเข้าปะทะพลองไม้ที่ฟาดมาตรงๆ
ปัง! ร่างของเซียวหนานจิ้นกระเด็นไป 3 ก้าว พลังชีวิตลดลงไป 10 ใบหน้าของเซียวหนานจิ้นเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความอับอาย ก่อนที่เขาจะพยายามสงบสติอารมณ์
ผู้ที่กำลังต่อว่าจิวโมไป๋อยู่หยุดชะงัก ด้วยความตกใจ พวกเขาไม่คิดว่าเซียวหนานจิ้นจะเลือกปะทะตรงๆ
จิวโมไป๋พุ่งเข้าหาเซียวหนานจิ้น พลองไม้ฟาดลงมาอีก
เซียวหนานจิ้นกัดฟัน ไม่หลบหนีเข้าใช้ดาบไม้เข้าปะทะ
ปัง ปัง ปัง ทุกครั้งที่ปะทะกันร่างของเซียวหนานจิ้นจะต้องถอยไป 2 ถึง 3 ก้าว
แม้เซียวหนานจิ้นจะอยู่ขั้นที่ 4 อัยวะภายในปลาย แต่ในตอนนี้จิวโมไป๋บ่มเพาะพลังเตาหลอม 9 สุริยัน อยู่ขั้นที่ 3 เส้นเอ็นปลาย และเคล็ดบ่มเพาะพลังกระบี่เลือนเร้นอยู่ขั้นที่ 3 กลาง
แม้จะห่างอยู่ 1 ขั้นใหญ่ แต่ร่างกายของจิวโมไป๋ได้ทะลวงขีดกำจัดถึง 2 ครั้ง ไม่มีทางที่เซียวหนานจิ้นจะเอาชนะกำลังกับเขาได้
พลองไม้ฟาดปะทะกับดาบไม้อักครั้ง เซียวหนานจิ้นเสียหลักกระเด็นออกไป 4 ก้าวใหญ่ ใบหน้าที่ยิ้มอ่อนโยนเริ่มกระตุกจะเปลี่ยนเป็นเป็นความโกรธ
นิสัยของเซียวหนานจิ้นเป็นพวกชอบความสมบูรณ์แบบ ชอบเอาชนะแบบไร้ที่ติ
ทำให้จิวโม๋จับจุดอ่อนได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้พลังชีวิตของเซียวหนานจิ้นลดลงไปเรื่อยๆ มันเหมือนเป็นการถูกตบหน้าแรงๆ
ไม่แปลกที่ตอนนี้เซียวหนานจิ้นคงกำลังโกรธสุดๆ
เซียวหนานจิ้นพยายามใช้ท่าร่างและวิชาดาบ ก็ไม่สามารถตอบโต้ได้ เขาถูกจิวโมไป๋ไล่ตอนไปเรื่อยๆ
กลายเป็นการโจมตีฝ่ายเดียว
ผู้ชมเริ่มไม่พอใจ คนที่ไม่รู้จักเซียวหนานจิ้นเริ่มพูดไม่ดีเกี่ยวกับเขา
เซียวหนานจิ้นข่มความโกรธ เขาไม่คิดเลยว่าจิวโมไป๋จะมีพละกำลีงมหาศาลขนาดนี้ มือที่ถือดาบไม้ของเขาเริ่มชา พลังชีวิจของเขาเหลือ 750
ถ้าเขาไม่รีบเปลี่ยนสถานการณ์ เขาจะต้องพ่ายแพ้อย่างน่าอับอายอย่างแน่นอน
เซียวหนานจิ้นสูดลมหายใจ ใบหน้ากลับมาอบอุ่นอ่อนโยนเหมือนเดิม ดาบไม้ในมือฟันเข้าปะทะกับพลองไม้
ปัง ร่างของเขากระเด็นถอยออกมา 2 ก้าว
ในตอนนั้นเอง เซียวหนานจินเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เขาพุ่งเข้าหาจิวโมไป๋แล้วก็ฟันดาบออกไปอย่างรวดเร็ว มีคลื่นพลังบางอย่างปกคุลมดาบไม้อย่างแผวเบา
จิวโมไป๋สัมผัสได้ถึงอันตราย แต่เขาเลือกที่จะปะทะ เขาฟาดพลองไม้เข้าใส่โดยตรง
ปัง!
เสียงปะทะกันอย่างรุนแรง เซียวหนานจิ้นถอยกลับไป 1 ก้าว จิวโมไป๋เหลือบมองมือที่ถือพลองไม้สั่นเล็กน้อย
วิชาดาบคลื่นวารี จิวโมไป๋จำวิชาดาบประจำตระกูลเซียวได้ทันที เขาไม่คิดเลยว่าเซียวหนานจิ้นจะฝึกฝนวิชาดาบคลื่นวารีถึงระดับเข้าใจ จนสามารถสร้างคลื่นสั่นสะเทือน โดนที่ยังไม่ตระหนักกฏแห่งธาตุ
อัจฉริยะจริงๆ
จิวโมไป๋ยิ้มเล็กน้อย เขาที่ทำลายตระกูลเซียวรู้ดีถึงเคล็ดวิชาต่างๆของตระกูลเซียว โดยเฉพาะเคล็ดบ่มเพาะพลังสระอำพัน ยอดวิชาบ่มเพาะพลังประจำตระกูลเซียวที่มีคุณสมบัติธาตุของน้ำและไม้ และมันมีความสามารถในการฟื้นฟูพลังและความเหนื่อยล้าให้กับตัวเอง และคนอื่น
ในอดีตจิวโมไป๋ ก็ฝึกฝนเคล็ดบ่มเพาะพลังสระอำพันเพราะความสามารถที่แข็งแกร่งนี้
แม้เคล็ดบ่มเพาะพลังสระอำพัน จะไม่มีความสามารถในการโจมตีหรือป้องกันที่แข็งแกร่ง แต่เมื่อใช้คู่กับวิชาดาบคลื่นวารี มันจะส่งเสริมซึ่งกันและกัน จนกลายเป็นวิชาที่น่ากลัว
ไม่น่าแปลกเลยที่ตระกูลเซียว จะสามารถขยายอิทธิพลอย่างรวดเร็ว เมื่อประตูมิติเปิด ถ้าจิวโมไป๋ไม่ทำลายตระกูลเซียวซะก่อน ไม่แน่ตระกูลเซียวจะกลายเป็นหนึ่งในขุมอำนาจใหม่ก็เป็นได้
แต่โชคร้าย ที่ระดับการบ่มเพาะพลังของเซียวหนานจิ้นยังน้อย ไม่สามารถดึงความสามารถของเคล็ดบ่มเพาะพลังสระอำพันทั้งหมดออกมาได้อย่างเต็มที่
แม้จะใช้ร่วมกับวิชาดาบคลื่นวารี ก็ไร้ประโยชน์
จิวโมไป๋ใช่ท่าเท้าหลบวิชาดาบคลื่นวารี เขาเลือกที่จะไม่ปะทะโดยตรงอีก ตอนนี้เปลี่ยนจากจิวโมไป๋ที่ไล่ต้อนเซี่ยวหนานจิ้น สลับเป็นเซียวหนานจิ้นไล่ต้อนจิวโมไป๋
แต่ท่าทางของทั้งสองแต่ต่างกันอย่างมาก
ในระหว่างหลบวิชาดาบคลื่นวารี จิวโมไป๋หลบอย่างผ่อนคลาย ไม่ใช่ท่าทางกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกเหมือนเซียวหนานจิ้น
ใบหน้าของเซียวหนานจิ้นที่พยายามทำให้ดูอบอุ่นอ่อนโยนเริ่มสั่นระริก ความโกรธแทบจะระเบิดออกมา
ถ้าไม่ได้เปรียบเทียบก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อเปรียบเทียบแล้ว เขารู้ได้ทันทีว่า เมื่อครู่ท่าทางการหลบของเขา จะต้องน่าเกียจอย่างแน่นอน
เซียวหนานจิ้นแน่ใจแล้วว่าจิวโมไป๋ต้องการจะทำให้เขาขายหน้า
มันเป็นการหยามศักดิ์ศรีอย่างรุนแรง
เซียวหนานจิ้นฟันดาบออกไปด้วยวิชาดาบคลื่นวารี แต่จิวโมไป๋สามารถหลบได้ เหมือนมีตารอบตัว
แม้ว่าเขาจะพยายามมากขนาดไหน ดาบของเขาก็ไม่สามารถเข้าถึงระยะ 10 เซนติเมตรจากร่างของจิวโมไป๋ได้
“วิชาดาบคลื่นวารี วารีโหมกระหน่ำ!”เซียวหนานจิ้นหายตัวไปโผล่ด้านข้างจิวโมไป๋ และใช้ดาบไม้ฟาดออกไปหกดาบ
คมดาบทั้งหกเหมือนกระแสน้ำที่โหมเข้าใส่จิวโมไป๋
จิวโมไป๋เอียงตัวเล็กน้อย พร้อมใช้พลองไม้กระแทกพื้น ลอยตัวหลบหลบคมดาบทั้งหกไปได้อย่างง่ายดาย
การประลองครั้งนี้พูดได้ว่าจิวโมไป๋ชนะทุกทาง
เซียวหนานจิ้นยืนตกใจเล็กน้อย ก่อนจะพุ่งเข้าหาจิวโมไป๋ด้วยวิชาดาบคลื่นวารีอีกครั้ง ทุกๆครั้งจิวโมไป๋จะหลบได้อย่าง่ายดาย จิวโมไป๋เพิ่มความเร็วก็สามารถหลบการโจมตีของเซียวหนานจิ้นได้ง่ายขึ้น
เวลาผ่านไปเกือบ 10 นาที
เซียวหนานจิ้นหอบเหนื่อย มือที่ถือดาบไม้สั่นเล็กน้อย
แต่ทางด้านจิวโมไป๋ยังคงปกติสมบูรณ์ มีเหงื่อเล็กน้อยบนหน้าผาก
เซียวหนานจิ้นไม่สามารถสัมผัสร่างกายของจิวโมไป๋ซักครั้งเดียว
เสียงบอกใกล้หมดเวลาต่อสู้ดังขึ้น
“จบการต่อสู้ได้แล้ว”จิวโมไป๋กล่าวจบ ก็พุ่งเข้าไปประชิดตัวเซียวหนานจิ้นในพริบตาเดียว โดยที่เซียวหนานจิ้นยังไม่ทันได้ตอบสนอง พลองไม้กระแทกท้องอย่างรุนแรงจนกระเด็นออกจากสนามประลอง
เซียวหนานจิ้นออกนอกสนามประลอง ถูกปรับแพ้ทันที
เซี้ยวหนานจิ้นพ่ายแพ้ในการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว
ผู้ที่ดูการประลองเงียบ ด้วยความตกใจ
—